สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 6 สิงหาคม 2561

คอนโดย่านจรัญฯบูมรับสายสีน้ำเงิน

 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมทำเลถนนจรัญสนิทวงศ์ตลอดเส้นทางตั้งอยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ล่าสุด ความคืบหน้าการก่อสร้างงานโยธาเสร็จไปแล้วประมาณ 98.09% ภายในปี 2562 คาดว่าจะเปิดให้บริการช่วงหัวลำโพง-บางแคได้ก่อน จากนั้นในปี 2563 ก็จะเริ่มเปิดให้บริการช่วงบางซื่อ-ท่าพระ

นายภัทรชัยกล่าวว่า โดยในช่วงระยะของการก่อสร้างของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่ผ่านมา ส่งผลให้นักพัฒนาที่ดินหลายรายเห็นโอกาสในการเพิ่มการลงทุนและพัฒนาโครงการบนทำเลย่านนี่ โดยพบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลอดเส้นทางของถนนจรัญสนิทวงศ์มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่กว่า 20,000 ยูนิต และเป็นอีกทำเลที่ราคาที่ดินมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 100%

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังมีความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างน้อย 2 ราย ได้แก่ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) คว้าที่ดินแปลงงาม ใกล้สถานี MRT จรัญฯ 13 ไม่ถึง 100 เมตร พัฒนาเป็นโครงการ โฮมโปร จรัญสนิทวงศ์ เตรียมเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2562 รวมทั้งกลุ่ม MBK Real Estate มีตุนที่ดินบริเวณปากซอยจรัญฯ 7 ไว้เตรียมพัฒนาโครงการเช่นเดียวกัน

นายภัทรชัยกล่าวว่า โครงการคอนโดมิเนียมตามแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตั่งแต่ปี 2557-ครึ่งแรกของปี 2561 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในแต่ละปีบนถนนจรัญสนิทวงศ์มากกว่า 2,000 ยูนิตต่อปี และในปี 2558 มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่สูงถึงเกือบ 3,500 ยูนิต ซึ่งส่งผลให้ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมามีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่บนถนนจรัญสนิทวงศ์มากถึง 26,700 ยูนิต

ในด้านผู้ลงทุนพัฒนาโครงการพบว่า บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท ถือว่าเป็นผู้ประกอบการหลักของย่านจรัญสนิทวงศ์ที่พัฒนาคอนโดมิเนียมแล้วประมาณ 4 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 6,400 บาท และเตรียมพัฒนาอีก 1 โครงการมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ย่านบางพลัดในช่วงปลายปีนี้

สำหรับผลสำรวจซัพพลายในทำเล ข้อมูล ณ เดือน กรกฎาคม 2561 พบว่า ตลอดเส้นทางถนนจรัญสนิวงศ์และบริเวณโดยรอบมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด17 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 26,150 ล้านบาท โดยมียูนิตที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 9,148 ยูนิต ขายไปแล้วทั้งหมดประมาณ 6,467 หน่วยหรือคิดเป็น 71% ของยูนิตที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด มีหน่วยเหลือขายทั้งหมดประมาณ 2,681 ยูนิตหรือคิดเป็น 29%

สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของย่านจรัญสนิทวงศ์ เนื่องจากเป็นชุมชนดั้งเดิมที่แวดล้อมไปด้วยโรงพยาบาลชั้นนำเช่น โรงพยาบาลยันฮี หรือแม้กระทั้งโรงพยาบาลศิริราชที่สามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็ว หรือแม้กระทั้งห้างสรรพสินค้า อีกทั้งยังเป็นทำเลที่สามารถเดินทางเข้าสูงใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกรวดเร็ว กลุ่มลูกค้าหลักของย่านจรัญสนิทวงศ์จึงมีทั้งกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อเพื่อการปล่อยเช่านักศึกษาทั้งนักศึกษาของ ม.ศิลปากร ธรรมศาสตร์ และราชภัฎสวนดุสิต และสวนสุนันทา นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบุลคลาการทางการแพทย์ที่ซื้อไว้เก็งกำไรทั้งระยะสั้นและระยะยาว และกลุ่มคนที่เคยอาศัยในพื้นที่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบาย ซึ่ง Yield ย่านนี่จะอยู่ที่ประมาณ 5-7% ซึ่งถือว่าน่าสนใจลงทุนเป็นอย่างมาก

นายภัทรชัยกล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 ยังมีผู้ประกอบการอีกหลายรายยังคงให้ความสนใจและเตรียมที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบนทำเลย่านถนนจรัญสนิทวงศ์อย่างต่อเนื่อง

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์


 

ตลาดรับเหมาฯปี61แข่งดัมพ์ราคาเดือด “แสงฟ้า”คาดครึ่งปีหลังรับงานเพิ่ม10โครงการ

 

แสงฟ้าก่อสร้างฯเผยตลาดรับเหมาก่อสร้างปี61ยังแข่งเดือด รายกลางแห่ดัมพ์ราคาลงหวังได้งานมาก ขณะที่บริษัทยืนราคาเดิม เน้นสร้างอาคารสูงเป็นหลัก ระบุมีBacklog ในมือมูลค่า 6,000 ล้านบาท จากประมาณ  21 โครงการ คาดครึ่งปีหลังได้งานก่อสร้างใหม่เพิ่มอีก10 โครงการ มูลค่า  3,000 ล้านบาท

 

 

นพ.เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการแข่งขันตลาดรับเหมาก่อสร้างในปี2561ว่า ยังมีแนวโน้มการเติบโตตามตลาดอสังหาฯ ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างแข่งขันอย่างดุเดือด โดยผู้รับเหมาก่อสร้างบางกลุ่มมีการปรับราคาค่าก่อสร้างลงเพื่อรับงานก่อสร้างให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะคอนโดฯระดับกลางราคาก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท/ตารางเมตร ในขณะที่ในส่วนของบริษัทฯเองในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีการปรับราคาค่าก่อสร้างขึ้นมาแต่อย่างใด เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะปูนซีเมนต์ที่เป็นวัตถุดิบหลักไม่ได้ปรับสูงขึ้น ขณะที่เหล็กเส้นมีความผันผวนบ้างแต่เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ  ส่วนแรงงานก็ยังไม่ประสบปัญหาการขาดแคลน

 

 

“ที่ผ่านมาภาพรวมธุรกิจอสังหาฯยังไปได้ดี จึงทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง  จึงทำให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้นเติบโตตามไปด้วย ทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อรับงานก่อสร้าง ใครที่ราคาก่อสร้างต่ำจะสามารถรับงานได้ดี จะเห็นได้ว่าอัตราค่าก่อสร้างราคา 10,000 บาทปลายๆ /ตารางเมตร ยังลงมาตัดราคาเพื่อรับงานก็มีให้เห็น ”นพ.เชิดศักดิ์ กล่าว

ส่วนนโยบายการดำเนินงานของบริษัทฯว่ายังคงมุ่งเน้นการรับงานโครงการอาคารสูงจากภาคเอกชนเป็นหลัก ทั้งคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทฯมีงานก่อสร้างอยู่ในมือหรือBacklog มูลค่า 6,000 ล้านบาท จำนวนประมาณ  21 โครงการ ที่จะทยอยรับรู้ภายใน 2 ปี แบ่งเป็นงานในกรุงเทพฯ 18โครงการอีก 3 โครงการอยู่ในภูเก็ต หัวหินและศรีราชา ซึ่งจะมีงานก่อสร้างใหม่เติมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

 

 

ทั้งนี้บริษัทวางเป้าในการเติบโตไว้ 20% ซึ่งถือว่าเติบโตค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาที่มีการเติบโตกว่าเท่าตัว  โดยในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีงานก่อสร้างใหม่ในมืออีก 10 โครงการมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท จากในช่วงครึ่งปีแรกที่ได้งานแล้ว 6-7 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างคอนโดฯของบริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)โดยตั้งเป้าว่าจะมีBacklogทั้งปีอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งแรกทำได้แล้ว 5,000 ล้านบาท

 

ที่มา : http://prop2morrow.com


 

กระทรวงแรงงานเทรนบัณฑิตว่างงานฟรี! ทุกสาขา

 

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2561 ณ ห้องประชุมตรีเทพ 1 ชั้น 7 อาคาร 25 ปี กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน เยี่ยมชม ให้กำลังใจ และพูดคุยกับผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารจัดการอาคารและหมู่บ้านจัดสรร รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 3-5 ส.ค. 2561 เพื่อให้ผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ว่างงาน มีความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่ดีต่อการประกอบอาชีพการบริหารจัดการอาคารและหมู่บ้านจัดสรร ณ ห้องประชุมตรีเทพ 1 ชั้น 7 อาคาร 25 ปี กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน
นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน มีนโยบายช่วยเหลือกลุ่มผู้สำเร็จการศึกษา ในระดับปริญญาตรี ที่ยังว่างงานกว่า 1.7 แสนคน เพื่อให้มีงานทำ โดยมอบหมายให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงแรงงานบูรณาการร่วมกันจัดตั้งศูนย์ที่นี่มีงานทำ (Job Ready Center) ขึ้นภายใต้แนวคิด “ประชารัฐ ร่วมใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ” โดยเน้นผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่ว่างงาน เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมให้มีงานทำ มีรายได้ ตรงกับความต้องการ และความสามารถของตนเอง ด้วยการสร้างโอกาสในการเข้าถึงตำแหน่งงานว่าง มีโอกาสในการพัฒนาทักษะอย่างเท่าเทียม อีกทั้งยังช่วยให้มีหลักประกันเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี มีประกันสังคม และสวัสดิการตามกฎหมาย ซึ่งทรัพยากรบุคคลเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นรากฐานสำคัญในการนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าต่อไป

นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของ กพร. ได้จัดหลักสูตรการฝึกเพื่อรองรับบัณฑิตกลุ่มนี้กว่า 20 หลักสูตร ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทักษะด้าน IT กลุ่มทักษะด้านภาษา และกลุ่มทักษะเฉพาะเพื่อการประกอบอาชีพ เป็นทางเลือกในการพัฒนาทักษะให้สูงขึ้น
ล่าสุดได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารจัดการอาคารและหมู่บ้านจัดสรร โดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร มีเป้าหมายดำเนินการ 500 คน แบ่งการฝึกเป็น 10 รุ่น รุ่นละ 50 คน รุ่นที่ 1 ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 3-5 ส.ค. 2561 ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับหัวข้อการจัดการงานอาคาร หมู่บ้านจัดสรร หน้าที่ของผู้จัดการอาคาร งานวิศกรรม นิติกรรม การบัญชีการเงิน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การควบคุมคุณภาพ ระบบฐานข้อมูล หลังจากจบการฝึกอบรมแล้วมีงานรองรับ อัตราค่าจ้างเริ่มต้น 15,000-20,000 บาทต่อเดือน โดยมีสถานประกอบกิจการในเครือของสถาบันพัฒนาการบริหารทรัพย์สิน และอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการบริหารอาคารชุดและหมู่บ้านจัดสรร มีตำแหน่งงานต่างๆ รองรับ อาทิ ผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการด้านฝ่ายอาคารชุด เจ้าหน้าที่บัญชีและการเงิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย เจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าสัมพันธ์ เป็นต้น

“ผู้ผ่านการฝึกอบรม จะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพในอนาคตได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ กพร.จะเปิดฝึกในรุ่นต่อๆ ไปอีก ย้ำ ! ฟรีทุกรุ่น และจะขยายพื้นที่การฝึกอบรมให้ครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและลงทะเบียนเข้ารับการฝึกอบรมได้ที่ http://eit.dsd.go.th/~skill/index.php หรือ สอบถามได้ที่วิทยาลัยการแรงงาน 0-2245-4317 หรือ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร 0-2390-0261-5 หรือ โทรสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4” อธิบดี กพร. กล่าว

 

ที่มา : https://www.khaosod.co.th


 

วงล้อเศรษฐกิจ : จับตาส่งออกครึ่งหลัง

 

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์

มูลค่าการส่งออกไทยเดือนมิ.ย.ขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ 8.2%YOY นำโดยการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป และเคมีภัณฑ์และพลาสติก ที่เติบโต 23.5%YOY และ 13.6%YOY ตามลำดับ ทั้งนี้ การส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2018 เติบโตที่ 11.0%YOY

มูลค่าการนำเข้าเติบโตต่อเนื่องที่ 10.8%YOY จากการนำเข้าสินค้าในกลุ่มสินค้าเชื้อเพลิงที่เติบโตกว่า 49.9%YOY ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ด้านการนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยังขยายตัวที่ 23.1%YOY ตามแนวโน้มการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในสินค้ากลุ่มดังกล่าว ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน (ไม่รวมเครื่องบินและเรือ) ขยายตัว 15.2%YOY ทั้งนี้ การนำเข้าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2018 เติบโตที่ 15.6%YOY

คาดมูลค่าการส่งออกทั้งปี 2018 จะขยายตัวที่ 8.5% โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากทั้งเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าของไทยในระยะต่อไปมีแนวโน้มเติบโตชะลอลง หลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลกเติบโตช้าลงสะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Global Manufacturing PMI) ที่ชะลอลงตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาและลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนที่ 53.0 ในเดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงสงครามการค้าที่ต้องจับตาในกรณีที่มีมาตรการและการตอบโต้ออกมามากขึ้น แม้ในปัจจุบันผลต่อการส่งออกไทยในปี 2018 ยังมีค่อนข้างจำกัด

คาดว่ามูลค่าการนำเข้าทั้งปี 2018 จะขยายตัวที่ 13.5% โดยเติบโตตามความต้องการสินค้าวัตถุดิบและสินค้าทุน ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวตามการส่งออก การลงทุนในประเทศทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงหลังจากนี้

ประกอบกับมูลค่าการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งประเมินว่าการเพิ่มสูงขึ้นของมูลค่าการนำเข้าน้ำมันในปีนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในปี 2018 ยังอยู่ในระดับสูงที่ราว 8% ต่อ GDP ซึ่งสะท้อนถึงเสถียรภาพระหว่างประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ดี

 

ที่มา : https://www.khaosod.co.th


 

”สารสกัดจากลำไย ” ช่วยชะลอวัย

 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปลําไยสารสกัดจากลำไยมีดีกว่าที่คิด รวมคุณประโยชน์ ‘สารสกัดจากลำไย’ แพทย์แนะช่วยฟื้นฟูร่างกาย ลดการปวดเมื่อย

แพทย์หญิงธิศรา วีรสมัย หัวหน้าศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 1 บอกว่า คนในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับความเครียดผ่านเหตุการณ์ต่างๆมากมาย ซึ่งเราจะไม่สามารถมองเห็นอาการแบบนี้ได้ด้วยตาเปล่าและไม่มีอาการอะไร แต่จะสะสมไปเรื่อยๆหากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดความเสื่อมของเซลล์หรืออวัยวะสำคัญของร่างกาย ทางการแพทย์เรียกว่า “ขบวนการอักเสบ” หรือก็คือ “ความแก่” ส่งผลให้ประสิทธิภาพร่างกายทุกด้านลดลง เช่น นอนไม่หลับ ขี้ลืม ปวดเมื่อย ผิวพรรณเหี่ยวหย่อน เพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจตีบ เป้นต้น

แพทย์แผนโบราณของชาวจีน ถือเป็นอีกศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับ ด้วยการนำสมุนไพรและผลไม้นานาชนิดมาทำเป็นยารักษาโรคให้ผู้คน และมีการนำ ลำไย มาสกัดและเป็นส่วนผสมในตัวยา เนื่องจาก ลำไย ที่ผ่านการสกัดมาแล้วจะมีรสหวาน มีสรรพคุณทางหยาง บำรุงม้าม หัวใจ เลือด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนโลหิต แก้อาการนอนไม่หลับ ทั้งยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และบำรุงประสาทตาได้อีกด้วย

ลี ฉี่ เจิน (Li Shi Zhen) หมอผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรจีน ได้คิดตำรับยาสมุนไพรจีน เบน ฉาว กัง มู ซึ่งยังคงใช้อยู่ในวงการแพทย์ยุคปัจจุบัน และมีการระบุว่า ลำไย เป็นสมุนไพรที่ช่วยทำให้มีความเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น สามารถปรับสมดุลในร่างกาย ช่วยให้ผ่อนคลายและทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้น แต่ชาวจีนเชื่อว่า หากรับประทานลำไยสดในปริมาณมาก จะไม่ช่วยรักษาโรคโดยตรงแต่จะทำให้เกิดอาการร้อนใน

อย่างไรก็ตามได้มีการใช้เทคโนโลยีด้านอาหารมาพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพผ่านงานวิจัยทางการแพทย์ที่เรียกว่า โภชนเภสัช หรืออาหารที่ให้คุณประโยชน์ทางโภชนาการใกล้เคียงยา และ สารสกัดเข้มข้นจากลำไย กำลังกลายเป็นที่น่าสนใจ พีแปดสิบ (P80) จึงได้คิดค้นเครื่องดื่มลำไยสกัดเข้มข้นจากธรรมชาติ เพื่อตอบโจทย์อาหารที่มีคุณภาพ และเป็นประโยชน์กับทุกเพศทุกวัยให้ได้ดื่มกันเพื่อสุขภาพ

 

ที่มา : https://www.dailynews.co.th


 

ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 6 สิงหาคม 2561

 

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,200.00 19,100.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,700.00 18,752.92 1,237.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,435.12 1,282.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,877.63 1,113.30
ทองรูปพรรณ 80% n/a 15,002.34 989.60
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,444.12 557.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,564.28 433.00

 

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 6 สิงหาคม 2561

 

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.65 29.65 29.85 29.65 29.65 29.65 29.65 29.65 29.65 29.65
แก๊สโซฮอล์ 91 29.38 29.38 29.58 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38
แก๊สโซฮอล์ E20 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74
แก๊สโซฮอล์ E85 21.14 21.14 21.14 21.14
เบนซิน 95 36.76 37.21 37.26 36.96 36.86 36.96
ดีเซล 29.09 29.09 29.09 29.09 29.09 29.09 29.09 29.09 29.09 29.09
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.09 32.96 32.96 32.96 32.96
แก๊ส NGV 14.29 14.29
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า