MQDCลงทุนระบบต้านCO2 ย้ำแบรนด์ผู้นำอสังหารักสุขภาพ
MQDC ย้ำแบรนด์ผู้นำบ้านรักสุขภาพ เปิดตัว Home Intelligence System for Well-Being นำร่องคอนโดฯวิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ ต่อยอดแผนลงทุนวิจัยและพัฒนานวัตกรรม 6,000 ล้าน
นายทรงพล พลรัฐ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า DTGO ให้ความสำคัญกับการลงทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย โดยจัดสรรงบฯลงทุนด้านนี้รวม 6,000 ล้านบาท ล่าสุด ได้เปิดตัวระบบบ้านอัจฉริยะ (Home Intelligent System)
“เรามั่นใจว่าเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ติดตั้งระบบพัฒนาคุณภาพอากาศภายในอาคาร IAQ-Indoor Air Quality เทคโนโลยีนวัตกรรมที่จะนำมาติดตั้งในคอนโดมิเนียมแบรนด์วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา-ท่าพระ ตามแผนคาดว่าก่อสร้างเสร็จและส่งมอบภายในไตรมาส 3/61”
ดร.จิตพัต ฉอเรืองวิวัฒน์ ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนทางนวัตกรรม (RISC) บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC บริษัทลูกในกลุ่ม DTGO กล่าวว่า ไฮไลต์นวัตกรรมอยู่ที่ตัว ERV (Energy Recoverty Ventilation) ตรวจวัดคุณภาพอากาศ โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์หรือ CO2 ในห้องนอนกับห้องนั่งเล่น หากตรวจพบค่า CO2 เกินมาตรฐานจะมีการเติมอากาศจากด้านนอกเข้ามาหมุนเวียน เพื่อทำให้ปริมาณ CO 2 ลดลงจนเหมาะกับการพักผ่อนที่มีคุณภาพ
“ค่า CO2 มาตรฐานไม่เกิน 1,000 ppm หรือ 1,000 ในล้านส่วน งานวิจัยชิ้นนี้มาจากพฤติกรรมการพักอาศัยคนเมืองเฉลี่ย 90% ใช้ชีวิตอยู่ในอาคาร โดยเฉพาะการอยู่ในห้องแอร์แทบจะตลอดเวลาทั้งที่ทำงาน ที่บ้าน ในห้องนอน ห้องที่ใช้แอร์ส่วนใหญ่ไม่มีระบบอากาศหมุนเวียน ทำให้เรารับก๊าซ CO 2 สะสมทุกวัน ซึ่งมีผลในระยะยาว เช่น เกิดโรคสมองเสื่อมในผู้สูงวัย หรือสมองพัฒนาการล่าช้าในวัยเด็ก นวัตกรรม ERV จึงพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ในการแก้ปัญหานี้โดยตรง”
นายพลณัฏฐ์ เฉลิมวรรณ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอโบตรอนส์ คอร์ปอเรชัน จำกัด กล่าวว่า บทบาทบริษัทนำผลงานนวัตกรรมมาผลิตให้เป็นรูปธรรม เริ่มต้นเปิดตัวกันด้วยระบบบ้านอัจฉริยะ โฟกัสปัญหาคาร์บอนไดออกไซด์ ภัยร้ายในห้อง ในอนาคตมีการร่วมวิจัยค้นคว้าออกแบบระบบและนวัตกรรม เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
นางศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการบริหาร ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น กล่าวตอนท้ายว่า การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในยุคนี้ ต้องคำนึงถึงพฤติกรรมการเลือกซื้ออสังหาฯของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญการเลือกซื้อโครงการจัดสรรที่มีเหตุผล ไม่ใช่แค่ซื้อคุณภาพชีวิต แต่เป็นการเลือกซื้อคุณภาพสุขภาพที่ดีในการพักอาศัย มั่นใจว่าระบบบ้านอัจฉริยะตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด และเป็นรายแรกของประเทศไทยที่นำเสนอโครงการอสังหาฯแนวรักสุขภาพ
ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
จับตาอสังหาฯ สายสีม่วง หลังเชื่อมต่อ1กม.ที่หายไป
การมาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ บวกกับการเอื้อเรื่องผังเมืองในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ที่ไม่ได้กำหนดโซนและจำกัดการสร้างอาคารสูง เหมือนในกรุงเทพฯ ทำให้ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ผู้พัฒนาอสังหาฯได้เข้าไปเปิดโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายดังกล่าวอย่างคึกคัก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม
ข้อมูลของบริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ระบุว่า ในปี 2555 มีการเปิดคอนโดตลอดเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง 5,056 ยูนิต ในปี 2556 เพิ่มเป็น 6,599 ยูนิต และปี 2557 มีการเปิดไปถึง 9,117 ยูนิต ก่อนจะเริ่มลดลงตั้งแต่ปี 2558-2559 ด้วยจำนวนการเปิด 5,285 ยูนิต และ 4,000 ยูนิตตามลำดับ ส่วนปี 2560 คาดการณ์ว่า ทั้งปีจะมีการเปิดเพียง 2,000 ยูนิต
ขณะที่อัตราการขายกลับช้ากว่าที่คาดหวัง สาเหตุนอกจากจำนวนโครงการคอนโดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว ปัญหาสำคัญยังมาจากการไม่เชื่อมต่อระหว่างสถานีบางซื่อ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน กับสถานีเตาปูน รถไฟฟ้าสายสีม่วง หรือ 1 กิโลเมตร(กม.) ที่หายไป ทำให้มีผู้ใช้พลาดเป้าไปมาก ส่งผลให้การขายโครงการในทำเลดังกล่าวที่คาดว่าจะร้อนแรง กลายเป็น แผ่ว จนผู้พัฒนาอสังหาฯหลายรายสั่งเบรกเปิดโครงการใหม่ เพื่อให้ซัพพลายด์ที่มีถูกดูดซับไปก่อน รวมถึงพยายามอัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม อย่างต่อเนื่องเพื่อระบายสต็อกเดิมในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ในเดือนสิงหาคมนี้ ทางการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเดินรถเชื่อมต่อ 1 กม.ที่หายไป เพื่อหวังเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการให้มากขึ้น จากที่มีผู้ใช้เฉลี่ยวันละ 23,000-24,000 เที่ยวคน/วัน เป็น 50,000 เที่ยวคน/วัน
การดำเนินการดังกล่าว คนในแวดวงอสังหาฯ คาดว่า จะเป็นผลดีต่อการขายโครงการอสังหาฯตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง
สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเชื่อมต่อดังกล่าว อาจส่งผลให้การขายอสังหาฯตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงดีขึ้น แต่ต้องรอดูราคาบัตรการเดินทางว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงเชื่อมไปยังเอ็มอาร์ที และสามารถใช้บัตรเดินทางใบเดียวกันหรือไม่ หากราคาบัตรยังสูง ต้องใช้บัตรเดินทางหลายใบ การเพิ่มจำนวนผู้ใช้ก็ยังคงเป็นไปได้ยาก
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีโครงการใหม่เปิดรวมกว่า 29,000 ยูนิต เหลือขาย 5,000 ยูนิต โดย 4,000 ยูนิต อยู่นอกเขตกรุงเทพฯ เลยย่านวงศ์สว่างมาจนถึงสถานีคลองไผ่ ซึ่งจำนวนเหลือขายดังกล่าวถือว่าเป็นอัตราการเหลือที่ค่อนข้างสูง ทำให้ที่ผ่านมาทางผู้ประกอบการพยายามอัดโปรโมชั่น เพื่อระบายสต็อกมาตลอด
“การเชื่อมต่อทำให้ผู้ใช้บริการสะดวกสบายขึ้น แต่ต้องรอดูราคา เช่น จากบางใหญ่มาเตาปูนราคาอยู่ประมาณ 60 บาท ก็ยังแพงกว่ารถตู้ที่คนย่านนั้นนิยมใช้อยู่คนก็ไม่มาใช้บริการ”
สอดคล้องกับความเห็นของ ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) ที่มองว่า การเชื่อมต่อระหว่างสถานีบางซื่อ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน กับสถานีเตาปูน รถไฟฟ้าสายสีม่วง อย่างน้อยเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้บริการ และอาจจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาฯบ้าง
แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาหลัก นั่นคือ ทำอย่างไรให้ราคาค่าเดินทางเหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในอัตราที่สูงไม่สอดรับกับค่าครองชีพของผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้บริโภคในย่านนั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มกลาง-ล่าง
“คำนวณค่าโดยสารคร่าว ๆ เฉพาะค่ารถไฟฟ้าอย่างเดียว จากสุดสายรถไฟฟ้าสายสีม่วง มาต่อเอ็มอาร์ทีสุขุมวิท ที่เชื่อมต่อบีทีเอสสายสีเขียวที่สถานีอโศก ใช้ประมาณ 230บาท/คน/วัน ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชม. ซึ่งเกินไป จริง ๆ ค่าเดินทางควรไม่เกิน 100 บาท/คน/วัน เวลาบวกลบไม่เกิน 1 ชม.
ดังนั้นแม้จะเชื่อมต่อ ปัญหาก็ยังแก้ไม่หมด”
‘สีม่วง’ บทเรียนอสังหาฯ รถไฟฟ้า 10 สายใหม่
รถไฟฟ้าสายสีม่วง นับเป็นบทเรียนสำหรับผู้พัฒนาอสังหาฯในการเข้าไปลงทุนเปิดโครงการตามแนวรถไฟฟ้า 10 สายใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ และมองปัจจัยอื่นให้รอบด้านกว่าเดิม
สุรเชษฐ มองว่า ผู้พัฒนาอสังหาฯได้รับบทเรียนหลายอย่างจากการเปิดโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ทำให้ระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น เห็นได้การเปิดตัวโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ ค่อนข้างเงียบเหงา เช่น สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เพราะโมโนเรล เป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย อีกทั้งเส้นทางที่ผ่านมามีจุดดึงความสนใจค่อนข้างน้อย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า หรือแหล่งชุมชน
มีเพียงสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ที่คึกคักตลอดทั้งสาย เนื่องจากก่อสร้างแล้ว และมีความคืบหน้ารวดเร็ว อีกทั้งเป็นเส้นรอบเมือง (Ring Line) มีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายหลัก อย่างสีเขียว หมอชิต-สำโรง นอกจากนี้ราคาที่อยู่อาศัยก็ไม่สูงนัก เฉลี่ย 80,000-100,000 บาทต่อตร.ม. และเมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จราคาก็พุ่งไปอีก จึงมีความน่าสนใจทั้งซื้อเป็นที่อยู่อาศัยและเพื่อลงทุน
ด้าน ประเสริฐ มองว่า บทเรียนจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง คือ อย่าโหมลงทุนจนเกินไป ซึ่งความจริงรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้เปรียบในเรื่องของผังเมืองและข้อกฏหมายที่เอื้อต่อการลงทุน รวมถึงราคาที่อยู่อาศัยไม่สูงนัก เฉลี่ยอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท แต่ยังมีปัญหาในการขาย จนผู้พัฒนาอสังหาฯหลายรายต้องชะลอลงทุนเปิดโครงการใหม่
ดังนั้นการลงทุนอสังหาฯแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ทั้ง 10 สาย ที่ส่วนใหญ่จะเป็นรถไฟฟ้าสายส่งผู้ใช้บริการเข้าระบบ หรือ Feeder line เหมือนกับสายสีม่วงที่จะคึกคักเป็นบางช่วงเวลา เช่น ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเท่านั้น จึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง
“สายอื่นมีปัญหาเรื่องผังเมือง ไม่ว่า สายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีส้ม สายน้ำเงินส่วนต่อขยาย เพราะเส้นทางส่วนใหญ่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ทำให้สร้างโครงการใหญ่ไม่ได้ และความหนาแน่นของประชากรมีบางจุด แต่สายสีน้ำเงินน่าสนใจ เพราะเป็นสายที่เชื่อมต่อรอบเมืองเป็นวงกลม และผ่านศูนย์กลางเศรษฐกิจ เชื่อมต่อกับสายหลักอย่างสีเขียวทำให้เส้นนี้คึกคัก”
ประเสริฐกล่าวอีกว่า เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับปัญหารถไฟฟ้าสายสีม่วง ภาครัฐควรกำหนดไทม์ไลน์ของแผนงานโครงการก่อสร้างเมกะโปรเจคต่างๆ ที่เป็นพันธสัญญา(Commitment) เพื่อช่วยสร้างความชัดเจนในการลงทุนให้แก่ภาคเอกชนมากขึ้น
รวมถึงจัดตั้ง Monitoring Center ที่จะเข้ามาช่วยสื่อสารกับภาคเอกชนให้รับทราบถึงขั้นตอน หรือความคืบหน้าโครงการว่าช้า หรือเร็วอย่างไร เพื่อให้ภาคเอกชนวางแผนให้สอดรับและปรับตัวได้ถูกตามสถานการณ์ หลังจากที่ผ่านมา บางโครงการมีกระแสข่าวการดำเนินการ ทางภาคเอกชนเองก็เข้าไปลงทุนรอรับโครงการไว้ล่วงหน้า
แต่โครงการยังไม่เกิดขึ้น หรือ ลงมือล่าช้ากว่ากำหนด ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคเอกชนทั้งสิ้น ที่น่ากลัวไปกว่านั้น คือ กระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลงทุนซื้อบ้านไปแล้ว แต่เข้าอยู่ไม่ได้ เพราะความไม่พร้อมของสาธารณูปโภค
“การโอเวอร์ซัพพลายด์ของอสังหาฯในต่างจังหวัด ผลพวงก็มาจากเมกะโปรเจคภาครัฐเป็นหลัก บทเรียนจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงก็เหมือนกัน คือ เอกชนลงทุนเสร็จแล้ว แต่โครงการสาธารณูปโภคไม่เสร็จ เหมือนมีบ้าน แต่ไม่มีถนน ถามว่าอยู่ได้หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ได้ แต่เมื่อซื้อบ้านแล้ว มีการผ่อน ทุกอย่างก็เป็นภาระของผู้บริโภคที่ส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ”
ด้าน วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี(ไทยแลนด์จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในการดำเนินการเมกะโปรเจค ทางรัฐบาลควรมีกำหนดชัดเจนในเรื่องแผนงานและระยะเวลา เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถวางแผนลงทุนให้สอดรับกับสถานการณ์
ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
อยู่ตึกสูงปลอดภัยจริงหรือ? เตรียมเอาตัวรอดก่อนเกิดอัคคีภัย
แม้กลุ่มควันเพลิงไหม้อาคารเกรนเฟลล์ ทาวเวอร์ สูง 27 ชั้น ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จะเริ่มเจือจางลงไปแล้ว แต่การตื่นตัวต่อเหตุเพลิงไหม้ครั้งนั้นยังคงคุกรุ่นอยู่ทั้งในประเทศอังกฤษและนานาประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย จากสถิติที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับอัคคีภัยที่มีความรุนแรงบ่อยครั้ง ตั้งแต่ปี 2532-2558 พบว่า มีอัคคีภัยเกิดขึ้นกว่า 52,000 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 4,532 คน เสียชีวิต 1,740 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 31,000 ล้านบาท และปัจจุบันการเกิดอัคคีภัยมีแนวโน้มเพิ่มความถี่และรุนแรงมากขึ้น แม้ว่าจะมีกฎหมายออกมาควบคุมอาคาร โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารปี 2535 ทำให้อาคารใหม่ที่กำลังก่อสร้างจะต้องมีระบบความปลอดภัย แต่สำหรับอาคารเก่าที่ก่อสร้างก่อนกฎหมายประกาศใช้นั้นยังคงน่าเป็นห่วง
ตึกเก่าใน กทม. กว่า 1 พันแห่ง ยังไม่ปลอดภัย
ปัจจุบันกรุงเทพฯ มีอาคารสูง ที่มีความสูงเกิน 23 เมตร หรือมากกว่า 8 ชั้นขึ้นไป จำนวน 2,810 อาคาร แบ่งเป็นอาคารที่สร้างขึ้นก่อนการประกาศใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 33 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2535 จำนวน 1,033 อาคาร และอาคารที่สร้างภายหลังการประกาศใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 33 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2535 จำนวน 1,777 อาคาร ซึ่งเป็นอาคารเก่าเหล่านี้หลายอาคารยังไม่มีระบบความปลอดภัยอาคารบางประเภท จึงต้องมีการเพิ่มเติมระบบความปลอดภัย ทั้งเส้นทางหนีไฟ ถังดับเพลิง วัสดุกันไฟต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้อาคารมากที่สุด
กำชับอาคารเก่าเพิ่มเติมระบบความปลอดภัย
ทางกรุงเทพมหานครได้กำชับให้อาคารเก่าที่ก่อสร้างก่อนการประกาศใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 33 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2535 ต้องเพิ่มเติมระบบความปลอดภัย ดังนี้
1. ติดตั้งบันไดหนีไฟ โดยกำหนดให้อาคารสูงตั้งแต่ 4 ชั้นขึ้นไป ติดตั้งบันไดหนีไฟ โดยทำด้วยวัสดุที่ไม่ติดไฟ เพิ่มจากบันไดหลักภายในอาคาร เพื่อให้สามารถลำเลียงคนทั้งหมดออกมานอกอาคารได้ภายใน 1 ชั่วโมง
2. ติดตั้งแบบแปลนแผนผังอาคารแต่ละชั้นหน้าลิฟท์ทุกแห่ง และบริเวณห้องโถงทุกชั้นของอาคารให้เห็นชัดเจน รวมถึงตำแหน่งที่ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง ประตูหรือทางหนีไฟของชั้นนั้นๆ
3. ติดตั้งเครื่องมือดับเพลิงแบบมือถือตามชนิดและขนาดที่กำหนด โดยให้มี 1 เครื่องต่อพื้นที่ไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร ทุกระยะไม่เกิน 45 เมตร แต่ไม่น้อยกว่าชั้นละ 1 เครื่อง
4. ติดตั้งระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ทุกชั้น ให้คนอยู่ในอาคารได้ยินชัดเจน และอุปกรณ์แจ้งเตือนทั้งระบบแจ้งเหตุอัตโนมัติและระบบแจ้งเหตุด้วยมือ
5. ติดตั้งระบบไฟส่องสว่างสำรอง และป้ายบอกทางหนีไฟ เพื่อให้มีแสงสว่าง สามารถมองเห็นช่องทางเดินได้ขณะเกิดไฟ
6. ติดตั้งระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ตามมาตรฐานความปลอดภัย
กรุงเทพมหานครจะดำเนินการอย่างเข้มงวดกับกลุ่มอาคารเก่าที่ก่อสร้างก่อนปี 2535 โดยจะมีการสุ่มตรวจระบบความปลอดภัยดังกล่าวให้ครอบคลุมมากที่สุด หากพบมีข้อปฏิบัติใด ๆ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จะสั่งให้เร่งทำการปรับปรุงแก้ไข ภายใน 30 วัน จากนั้นจะเข้าทำการตรวจซ้ำ โดยหากพบยังไม่มีการแก้ไขตามกำหนด จะต้องเข้าสู่กระบวนการเอาผิดตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร โดยมีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 60,000 บาท และปรับต่อเนื่องอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะมีการแก้ไขเสร็จ และหากการแก้ไขไม่ถูกต้อง กรุงเทพมหานครจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดโดยการสั่งระงับใช้อาคารนั้นต่อไป
10 วิธีเอาตัวรอดจากเหตุไฟไหม้บนตึกสูง
สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ได้ให้คำแนะนำการเอาตัวรอดจากเหตุไฟไหม้บนอาคารสูง 10 วิธี ดังนี้
1. โดยปกติอาคารสูง คอนโดมิเนียม โรงแรม จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยจากเพลิงไหม้ ดังนั้นก่อนเข้าไปพักอาศัยหรือจองห้องพักโรงแรมให้สอบถามว่ามีเครื่องป้องกันควันไฟและอุปกรณ์น้ำฉีดอัตโนมัติบนเพดานหรือไม่ และเมื่อเข้าอยู่อาศัยให้อ่านคำแนะนำเกี่ยวกับความปลอดภัยจากเพลิงไหม้ และการหนีเพลิงไหม้ทุกครั้ง
2. หาทางออกฉุกเฉิน 2 ทางที่ใกล้ห้องพัก ตรวจสอบดูว่าทางหนีฉุกเฉินปิดล็อกตายหรือมีสิ่งกีดขวางหรือไม่ ให้นับจำนวนประตูห้องโดยเริ่มจากห้องที่ตนเองพักอาศัยสู่ทางหนีฉุกเฉินทั้ง 2 ทาง เพื่อให้สามารถไปถึงทางหนีฉุกเฉินได้ แม้ว่าไฟจะดับ หรือปกคลุมไปด้วยควัน
3. เรียนรู้และฝึกการเดินภายในห้องพักเข้าหาประตู และเปิดประตูได้ภายในความมืด วางกุญแจห้องพักและไฟฉายไว้ใกล้กับเตียงนอนในกรณีเกิดเพลิงไหม้ จะได้นำกุญแจห้องและไฟฉายไปด้วย และอย่าเสียเวลากับการเก็บสิ่งของ
4. หาตำแหน่งสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ เปิดสัญญาณเตือนเพลิงไหม้หากหาพบ จากนั้นหนีลงจากอาคาร แล้วโทรศัพท์เรียกหน่วยดับเพลิง
5. หากได้ยินสัญญาณเพลิงไหม้ให้หนีลงจากอาคารทันที อย่าเสียเวลาตรวจสอบว่าเพลิงไหม้ที่ใด
6. ถ้าเพลิงไหม้ในห้องพักให้หนีออกมาแล้วปิดประตูห้องทันที เมื่อหนีออกมาแล้วให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ดูแลอาคาร และโทรศัพท์แจ้งเพลิงไหม้
7. ถ้าไฟไม่ได้เกิดขึ้นในห้องพักของตนเอง ก่อนหนีออกจากห้องให้วางมือบนประตู หากประตูมีความเย็นอยู่ ค่อย ๆ เปิดประตู แล้วหนีไปยังทางหนีไฟฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด
8. หากประตูมีความร้อนอย่าเปิดประตู ในห้องอาจจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุด โทรศัพท์เรียกหน่วยดับเพลิงแจ้งให้ทราบว่าท่านอยู่ที่ใด และกำลังตกอยู่ในวงล้อมของเพลิงไหม้ หาผ้าเช็ดตัวเปียก ๆ ปิดทางเข้าของควัน ปิดพัดลม และเครื่องปรับอากาศ ส่งสัญญาณของความช่วยเหลือที่หน้าต่าง หรือชานอาคาร แล้วคอยความช่วยเหลือ
9. คลานให้ต่ำเมื่อควันปกคลุม อากาศบริสุทธิ์จะอยู่ด้านล่างของพื้นห้อง หากต้องเผชิญหน้ากับควันไฟให้ใช้วิธีคลานหนีไปทางหนีฉุกเฉิน ให้นำกุญแจห้องไปด้วย หากหมดหนทางหนีจะได้สามารถกลับเข้าห้องพักได้
10. อย่าใช้ลิฟท์ขณะเกิดเพลิงไหม้ ลิฟท์อาจหยุดทำงานที่ชั้นเพลิงไหม้ ให้ใช้บันไดภายในอาคาร
นอกจากนี้ประชาชนยังสามารถช่วยเป็นหูเป็นตาทั้งการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนหากเกิดเพลิงไหม้ โดยสามารถแจ้งเหตุได้ที่โทร. 199 เพื่อให้เจ้าหน้าที่นั้นเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้เร็วที่สุด
ที่มา ddproperty.com
6 ประโยชน์ของสมุดบัญชีและการอัพเดทที่คุณอาจยังไม่รู้
อย่าเพิ่งมองข้าม สมุดบัญชี หรือ Book Bank ถึงแม้ว่าในปัจจุบันเวลาทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะฝาก-ถอน-โอน เราสามารถรู้ยอดเงินเข้าออกรวมถึงยอดเงินคงเหลือได้ผ่านทาง ข้อความในมือถือ ใบสลิปจาก ATM หรือเช็กในแอปพลิเคชั่นของธนาคารที่ใช้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดสมุดบัญชีดูแม้แต่น้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วการเก็บรักษาสมุดบัญชีไว้ให้อยู่ในสภาพดี ไม่สูญหายและอัพเดทอย่างประจำสม่ำเสมอนั้นเป็นเรื่องที่ดีและช่วยรักษาผลประโยชน์ของเราในการทำธุรกรรมต่างๆ แต่ในรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น ต้องมาดู
ธุรกรรมอะไรบ้างที่จำเป็นต้องใช้สมุดบัญชี
มีธุรกรรมหลายประเภทมากที่จำเป็นต้องพึ่งพาสมุดบัญชีหรือใช้สำเนาของสมุดบัญชีมาประกอบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราทั้งสิ้น โดยมี 6 ข้อหลักๆ ดังนี้
1. ใช้ประกอบการขอสินเชื่อต่างๆ เช่น ขอสินเชื่อบ้าน
สำหรับการกู้ยืมเพื่อขอสินเชื่อบ้านเพื่อจะซื้อบ้าน สมุดบัญชีถือเป็นหนึ่งในเอกสารเบื้องต้นที่ต้องเตรียมไว้เพื่อยื่น โดยจะใช้สำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชีที่เรารับเงินเดือนหรือบัญชีที่มีรายรับเข้าเป็นประจำในกรณีฟรีแลนซ์และทำธุรกิจส่วนตัว เพื่อเป็นหลักฐานแสดงรายได้ว่าเรามีความสามารถเพียงพอในการชำระค่าผ่อนหรือชำระหนี้สินเงินที่กู้ยืมในอนาคตหรือไม่
ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากสำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชีก็อย่าลืมเตรียมเอกสารอื่นๆ ทั้งเอกสารเพื่อแสดงรายได้และเอกสารเพื่อแสดงตัวตนด้วย ลองทบทวนดูว่าเอกสารนั้นมีอะไรบ้านและขั้นตอนในการกู้เงินเป็นอย่างไรรวมถึงติดตามอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน กู้ซื้อบ้านด้วยอีกทาง เตรียมให้พร้อม
2. ฝาก – ถอน หน้าเคาน์เตอร์
แม้ว่าจะมีตู้ ATM หรือสิ่งอำนวยความสะดวกทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับการฝาก ถอน โอนมากมาย แต่บางกรณีเราอาจจำเป็นต้องเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อทำธุรกรรมการเงินเหล่านั้น ด้วยสาเหตุ เช่น ทำบัตร ATM หาย หรือตู้ ATM พัง ฯลฯ เพียงแค่หยิบสมุดบัญชีติดตัวไปด้วยก็ไม่เดือดร้อนแล้ว แต่ขอแนะอีกนิดว่า ในกรณีที่นำสมุดบัญชีไปทำธุรกรรมที่ไม่ใช่สาขาที่เปิดบัญชี จะต้องนำบัตรประชาชนไปด้วย
3. ทำ VISA
ถือว่าเป็นข้อดีข้อสำคัญสำหรับคนที่ต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือตั้งใจไปพำนักอาศัย หรือทำธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่าบางประเทศจำเป็นต้องขอ Visa เพื่อเข้าประเทศนั้นๆ นอกจากเอกสารที่ต้องใช้ยื่น อาทิ เอกสารแสดงตัวตน หนังสือเดินทาง (Passport) ฯลฯ ก็ยังต้องใช้เอกสารด้านการเงินและเอกสารอื่นๆ ที่จะช่วยสนับสนุนใบคำร้อง เช่น Statement หรือ รายการเดินบัญชีย้อนหลัง นั่นเอง เพื่อที่จะได้เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าเรามีความสามารถในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาที่อยู่ประเทศนั้น
หมายเหตุ : เอกสารดังกล่าวใช้ยื่นในวันนัดสัมภาษณ์ ควรนำเอกสารตัวจริงพร้อมสำเนามาด้วย อีกทั้งเอกสารด้านการเงินนอกจาก Statement ยังมีเอกสารอื่นๆ ควรศึกษาเพิ่มเติม
4. ประกอบการยื่นขอบัตรเครดิต
ในการสมัครบัตรเครดิต จะใช้ Statement เป็นหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราสามารถพร้อมที่จะจ่ายค่าบัตรในกำหนดเวลาได้สม่ำเสมอ เพราะเป็นเอกสารที่แสดงพฤติกรรมและวินัยการใช้เงินได้อย่างดี หรือแม้แต่การสมัครงานในบางที่ที่เราขอเรียกเงินเดือนมากกว่าหรือเท่ากับที่เก่า เขาก็จะเรียกดูบัญชีย้อนหลังในการรับเงินของเราเพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน
5. เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
หรือเรียกกันให้เข้าใจง่ายว่าบัญชีหุ้น ซึ่งจะมีด้วยกัน 3 ประเภทหลัก คือ บัญชีเงินสด บัญชีวางเงินล่วงหน้า และบัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะเหมาะกับนักลงทุนในแต่ละเภท แต่ไม่ว่าจะรูปแบบไหน ก็จะต้องใช้ สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หน้าที่มีชื่อ-สกุล และเลขที่บัญชี สำหรับใช้ตัดบัญชี ATS มาประกอบในการขอเปิดด้วยกันทั้งนั้น
6. ฟรีแลนซ์รับงาน
ต้องบอกเลยว่าในการรับงานครั้งแรกของฟรีแลนซ์กับลูกค้าที่มาจ้าง นอกจากใบแจ้งหนี้ สำเนาบัตรประชาชนที่เซ็นรับรองแล้ว งานที่ต้องส่ง สำเนาของสมุดบัญชีที่จะใช้รับเงินก็ห้ามลืม เพราะลูกค้าจะไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายเงินให้เราทางช่องทางไหน ครั้งแรกที่รับงานกับลูกค้ารายนี้อาจจะต้องส่งเอกสารจำนวนมากหน่อย แต่ถ้าหากในอนาคตมีการร่วมงานกันอย่างต่อเนื่องครั้งต่อไปก็สบาย
แล้วทำไมถึงต้องอัพเดทสมุดบัญชีอย่างต่อเนื่อง
กรณีที่ไม่ได้อัพเดทสมุดบัญชีเงินฝากมาเป็นระยะเวลานาน (เคลื่อนไหวบัญชีมากกว่า 20 รายการ) เมื่อมาอัพเดทรายการในสมุดบัญชีนั้นจะกลายเป็นยอดรวม (ACM) ซึ่งอาจสร้างความตกใจให้เจ้าของสมุดบัญชีได้ ฉะนั้นถ้าหากต้องการทราบจำนวนเงินเข้า-ออกที่แท้จริง แนะนำให้ทำการขอรายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) ได้ที่ธนาคารนั้นๆ โดยจะใช้ระยะเวลาในการทำอยู่ที่ 3 วันทำการเป็นต้นไป และค่าธรรมเนียมในการขอเดินบัญชีย้อนหลังจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาย้อนหลังที่ต้องการทราบ ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคาร
นอกจากนี้คงไม่มีอะไรดีเท่ากับการได้ไปอัพเดทสมุดบัญชีเงินฝากโดยตรงที่ธนาคาร เพื่อจะได้มั่นใจว่าธุรกรรมการเงินนั้นถูกต้อง และเหมือนเป็นการอัพเดทรายรับรายจ่ายรวมถึงยอดเงินคงเหลือ ยิ่งอัพเดทบ่อยในระยะเวลาที่เหมาะสม ก็จะทำให้คุณทราบว่าในแต่ละครั้งที่กดตู้ ATM รายการสมุดบัญชีของคุณเป็นอย่างไรบ้าง บ่งบอกถึงพฤติกรรมการใช้เงินได้อีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้คนไม่ค่อยอัพเดทสมุดบัญชี
ปัญหาหลักๆ ที่ทำให้ใครหลายคนไม่อัพเดทสมุดบัญชีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่เห็นความสำคัญของการอัพเดทสมุดบัญชีจึงรู้สึกว่าไม่จำเป็นและเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก อีกทั้งอาจไม่มีเวลาเข้าไปรอคิวเพื่ออัพเดทหน้าเคาน์เตอร์ หรือในบางกรณีก็มักจะเจอปัญหาจุกจิก เช่น อัพเดทไม่ได้เนื่องจากแถบแม่เหล็กสมุดบัญชีเสีย, ตู้ ATM เสีย หรือ ต้องต่อคิวนาน เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ธุรกรรมบางส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสมุดบัญชีและเหตุผลว่าทำไมควรจะอัพเดทสมุดบัญชีอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่สมุดบัญชีที่ควรรักษา เอกสารสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันก็ควรรักษาให้ดีและเก็บให้เป็นที่เป็นทางเช่นกัน
ที่มา ddproperty.com
กิจกรรมวันอาสาฬหบูชา และ วันเข้าพรรษานี้ จะทำอะไรให้ตัวเองดีน้า ??
ในวันอาสาฬหบูชานี้ ชาวพุทธควรถือเป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่งที่จะพึงประกอบการบูชาทั้งส่วนอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา กิจกรรมที่กระทำในวันนี้ โดยทั่วไป คือ ทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล เวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนา (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร) และสวดมนต์
ประวัติวันอาสาฬหบูชา
วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพระพุทธศาสนา ตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ในสมัยพุทธกาลมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น 4 ประการ ดังต่อไปนี้
1. เป็นวันที่พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนา เป็นครั้งแรก แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 รูป ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี
2. เป็นวันที่พระบรมศาสดาทรงได้พระสาวกองค์แรก คือ ท่านโกญฑัญญะได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันองค์แรก
3. เป็นวันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นรูปแรก คือ พระอัญญาโกญฑัญญะ ภายหลังจากที่ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็ได้ทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ทรงประทานการอุปสมบท ยกขึ้นเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา
4. เป็นวันเกิดขึ้นของพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครบเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นพยานในการตรัสรู้ธรรม ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพระพุทธองค์ก็ครบถ้วนบริบูรณ์ คือ มิใช่เพียงแค่ตรัสรู้ธรรมเพียงพระองค์เดียวอย่างพระปัจเจกพุทธเจ้า
กิจกรรมวันอาสาฬหบูชา
พิธีกรรมที่กระทำในวันนี้ โดยทั่วไป คือ ทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล เวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนา (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร) และสวดมนต์ ดังนั้นในวันนี้จึงถือว่า พุทธศาสนิกชนควรได้รับประโยชน์ที่เป็นสาระสำคัญจากอาสาฬหบูชา กล่าวคือ ควรทบทวนระลึกเตือนใจสำรวจตนว่า ชีวิตเราได้เจริญงอกงามขึ้นด้วยความเป็นอยู่อย่างผู้รู้เท่าทันโลกและชีวิตนี้บ้างแล้วเพียงใด เรายังดำเนินชีวิตอยู่อย่างลุ่มหลงมัวเมา หรือมีจิตใจอิสระปลอดโปร่งผ่องใสบ้างแล้วเพียงใดในวันอาสาฬหบูชานี้ ชาวพุทธควรถือเป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่งที่จะพึงประกอบการบูชาทั้งส่วนอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา โดยเฉพาะการปฏิบัติบูชานั้น ควรปฏิบัติตนตามหลักธรรมในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อันได้แก่ มัชฌิมาปฏิปทา ข้อปฏิบัติสายกลาง คือ อริยมรรค 8 กล่าว โดยสรุปก็คือ ควรปฏิบัติตนให้มีศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อปฏิบัติได้ดังนี้ ชื่อว่าได้บูชาพระพุทธองค์ ด้วยการบูชาอย่างยิ่ง
1.ทำบุญ ตักบาตร
2. เข้าวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม
ประวัติวันเข้าพรรษา
วันเข้าพรรษา เป็นวันเริ่มต้นที่พระภิกษุสงฆ์จะต้องอธิษฐานจำพรรษาอยู่กับที่ ไม่เที่ยวจาริกไปยังที่ต่าง ๆ เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำเดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี ซึ่งการให้จำพรรษาในสมัยพุทธกาล ก็เพื่อป้องกันมิให้พระสงฆ์ไปเหยียบย่ำข้าว และพืชผลของชาวบ้านเสียหาย ต่อมาถือเป็นโอกาสดีที่พระภิกษุจะได้มาอยู่ร่วมกันเพื่อศึกษาธรรมะ ส่วนชาวบ้านก็ได้เข้าวัดถวายทาน รักษาศีล ฟังธรรม และเจริญภาวนาเพื่อเพิ่มพูนบุญกุศลโดยมีพระภิกษุเป็นแบบอย่าง ครั้นต่อมาจึงเกิดประเพณีนิยมบวช 3 เดือน ขณะเดียวกัน ก็มีพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งนิยมถือเอาวันเข้าพรรษาเป็นวันเริ่ม ต้นที่จะอธิฐานจิตลด ละ ความชั่วทั้งหลาย และทำความดีเพิ่มขึ้น สำหรับประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับวันนี้คือ การถวายผ้าอาบน้ำฝนและการแห่งถวายเทียนพรรษา เป็นวันที่พระภิกษุพ้นข้อกำหนดทางวินัยที่จะอยู่จำพรรษา นับตั้งแต่วันเข้าพรรษาเป็นต้นมา และสามารถจาริกไปค้างแรมที่อื่นได้ ซึ่งจะมีประเพณีที่เกี่ยวข้อง คือ การตักบาตรเทโวโรหนะ คือวันถัดจากวันออกพรรษา 1 วัน ซึ่งพุทธศาสนิกชนมักจะตักบาตรในวันนี้ ด้วยนิยมว่าเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้า เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเสด็จไปโปรดพุทธมารดาอยู่ 3 เดือน และถัดจากออกพรรษา 1 เดือน ถือเป็น เทศกาลกฐิน ที่จะทำบุญถวายผ้ากฐินตามวัดต่าง ๆ
1. วันมหาปวารณา
2. หล่อเทียน
3.ถวายสังฆทาน และ ผ้าอาบน้ำฝน
ในวันอาสาฬหบูชานี้ ชาวพุทธควรถือเป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่งที่จะพึงประกอบการบูชาทั้งส่วนอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา โดยเฉพาะการปฏิบัติบูชานั้น ควรปฏิบัติตนตามหลักธรรมในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อันได้แก่ มัชฌิมาปฏิปทา ข้อปฏิบัติสายกลาง คือ อริยมรรค 8 กล่าว โดยสรุปก็คือ ควรปฏิบัติตนให้มีศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อปฏิบัติได้ดังนี้ ชื่อว่าได้บูชาพระพุทธองค์ ด้วยการบูชาอย่างยิ่ง
ที่มา www.winnews.tv
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 7/07/2560
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,650.00 |
19,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,273.00 |
19,298.68 |
20,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,145.70 |
17,368.81 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
573.00 |
8,686.68 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
446.00 |
6,761.36 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,319.00 |
19,996.04 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 7/07/2560
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
25.55 |
25.55 |
– |
25.55 |
25.55 |
25.55 |
25.55 |
25.55 |
25.55 |
25.55 |
แก๊สโซฮอล E-20 |
23.04 |
23.04 |
23.04 |
23.04 |
23.04 |
– |
23.04 |
23.04 |
23.04 |
23.04 |
แก๊สโซฮอล E-85 |
19.24 |
19.24 |
– |
– |
– |
– |
– |
19.24 |
19.24 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
25.28 |
25.28 |
25.28 |
25.28 |
25.28 |
25.28 |
25.28 |
25.28 |
25.28 |
25.28 |
เบนซิน 95 |
32.66 |
– |
– |
33.11 |
33.11 |
– |
33.16 |
32.66 |
32.66 |
32.66 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
24.49 |
24.49 |
24.49 |
23.99 |
23.99 |
23.99 |
23.99 |
23.99 |
23.99 |
23.99 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
27.49 |
28.17 |
28.17 |
28.17 |
28.17 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
05 Jul 05:00 |
05 Jul 05:00 |
05 Jul 05:00 |
05 Jul 05:00 |
05 Jul 05:00 |
05 Jul 05:00 |
05 Jul 05:00 |
05 Jul 05:00 |
05 Jul 05:00 |
05 Jul 05:00 |