‘พหลฯ-ลาดพร้าว’ฮับเดินทาง ปักหมุดจ่อผุดคอนโดใหม่
ย่าน“พหลโยธิน-ลาดพร้าว” ถือเป็นหนึ่งในทำเลฮิต ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในตลาดคอนโดมิเนียม ให้ความสนใจพัฒนาโครงการออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
อนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีโครงการคอนโด อาคารสูงโซนพหลโยธิน-ลาดพร้าว ในระยะรถไฟฟ้าเปิดตัวที่ระดับราคา 1.2-1.8 แสนบาทต่อตร.ม. ช่วงครึ่งปีแรก 2560 พบการตอบรับสูงเฉลี่ย 84% จากอุปทานเสนอขายสะสมทุกโครงการ 4,616 ยูนิต อัตราดูดซับเฉลี่ย 153 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ
จากการขยายตัวของอุปสงค์ในพื้นที่นี้ ส่งผลให้ราคาขายคอนโดขยับตัวสูงขึ้น โดยพบว่าราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2559 มาอยู่ที่ 1.5 แสนบาทต่อตร.ม. ปัจจุบันโครงการเหล่านี้ได้มีการนำห้องชุดกลับมาขายใหม่ (รีเซล) และปรับราคาให้สูงขึ้นกว่าราคาเสนอขายปัจจุบันแล้ว 10% มาอยู่ที่ 1.65 แสนบาทต่อตร.ม.
สาเหตุที่โซนพหลโยธิน-ลาดพร้าว ได้รับความสนใจ เนื่องจากเป็นทำเลที่มีจุดเด่นด้านศูนย์กลางคมนาคมขนส่ง เป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีเขียว และรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที ที่เชื่อมการเดินทางให้ผู้คนสามารถเข้าถึงใจกลางเมืองได้ในระยะเวลาไม่นาน มีรถโดยสารสาธารณะให้บริการหลากหลาย และยังมีทางด่วน 2 สาย ได้แก่ ทางพิเศษศรีรัช และ ทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์)
พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก อย่าง ตลาดนัดจตุจักร ตลาด อ.ต.ก. หรือสวนจตุจักร รวมถึงศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียง โรงพยาบาล และสถานศึกษาที่มีชื่อเสียง
“ย่านพหลโยธิน–ลาดพร้าว เป็นอีกทำเลที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย ทำให้โครงการคอนโดในย่านนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากเหล่าอุปสงค์ที่แท้จริง ปัจจุบันราคาขายเฉลี่ยของคอนโดในย่านนี้ปรับตัวสูงขึ้นรวดเร็วมาก“
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อหรือศูนย์คมนาคมพหลโยธิน เชื่อมต่อการเดินทางรถไฟฟ้าเส้นทางต่างๆ รวมถึงเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงจากภาคเหนือลงสู่ภาคใต้ เพื่อยกระดับให้ทำเลนี้ให้เป็นฮับหรือศูนย์กลางด้านการเปลี่ยนถ่ายระบบคมนาคมทางรางที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ขณะนี้มีความคืบหน้าการก่อสร้างแล้วกว่า 52% และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2563
จากศักยภาพของทำเลพหลโยธิน-ลาดพร้าว ที่กำลังจะกลายเป็นฮับด้านการคมนาคมขนส่งในไม่ช้า จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ในบริเวณโดยรอบสถานีกลางบางซื่อเพิ่มมากขึ้น อาทิ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ในพื้นที่ เตรียมเปิดใช้อาคารแล้ว ทำให้ย่านนี้ขยายตัวเป็นแหล่งงานแห่งใหม่ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้น จึงมีการพัฒนาคอนโดที่พักอาศัย เพื่อรองรับ ดีมานด์การอยู่อาศัยหนาแน่นขึ้น
โดยกระจายการพัฒนาออกไปทั่วทำเลพหลโยธิน-ลาดพร้าว ทำให้ในอนาคตราคาที่ดินในย่านนี้จะปรับราคาสูงขึ้นได้อีก ถือเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้แก่พื้นที่และกระตุ้นให้เกิดการซื้อขาย หรือเช่าคอนโดเพิ่มขึ้น โดยมีเส้นทางรถไฟฟ้าหลักๆ ที่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกันผ่านสถานีกลางบางซื่อจำนวนมาก
“ย่านพหลโยธิน–ลาดพร้าว ไม่ได้มีเฉพาะผู้ที่ซื้ออยู่อาศัยจริงเท่านั้น แต่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้เช่า สะท้อนได้จากผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าห้องชุดที่อยู่ในระดับดี เฉลี่ยอยู่ที่ 5% ต่อปี”
พบว่ารูปแบบห้องที่ได้รับความนิยมคือ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 30-40 ตร.ม.ราคาเช่าเฉลี่ย 520 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน ราว 1.5-2.3 หมื่นบาทต่อยูนิต รองลงมาคือ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 60-70 ตร.ม. ปัจจุบันมีราคาเช่าเฉลี่ย 542 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน ราว 3.2-3.8 หมื่นบาทต่อยูนิต โดยในย่านนี้มีอัตราอยู่อาศัยสูงถึง 90-95% เป็นผู้อยู่อาศัยเอง 65% และผู้เช่า 25%
http://www.bangkokbiznews.com
ผู้บริโภคควรรู้ “ดอกเบี้ยแท้จริง”
เกร็ดความรู้คู่มือผู้บริโภคในการเตรียมตัวขอสินเชื่อสำหรับซื้อบ้านและคอนโดมิเนียม ตามปกติ การกู้เงินซื้ออสังหาริมทรัพย์นับเป็นของชิ้นใหญ่ จึงมักจะมีอายุการกู้ระยะยาวตั้งแต่ 15-20-25-30 ปี (ถ้ากู้ 5-10 ปี มักถือว่าเป็นการกู้ระยะสั้นจนถึงระยะปานกลาง) สำหรับสถาบันการเงิน เนื่องจากมีภาวะการแข่งขันสูงเพื่อดึงดูดผู้กู้ จึงมีการจัดแคมเปญในช่วง 3 ปีแรก นำเสนอแพ็กเกจสินเชื่อที่คิดว่าเร้าใจ อาทิ ดอกเบี้ยต่ำ ยกเว้นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ แคมเปญสินเชื่อในช่วง 3 ปีแรก ในวงการสถาบันการเงินเรียกอีกชื่อว่าเป็น “ดอกเบี้ยโปรโมชั่น” โดยหลังจากนั้นในปีที่ 4 เป็นต้นไปจนจบอายุสัญญากู้ ดอกเบี้ยจะกลับไปอยู่ที่อัตรา MRR (ผู้กู้รายย่อยชั้นดี) มีตั้งแต่ 6.75-7.125% และ MLR (ผู้กู้รายใหญ่ชั้นดี) 7.15%
ในขณะที่ดอกเบี้ยโปรโมชั่น 3 ปีแรกจะเห็นได้ว่าแต่ละธนาคารนำเสนอไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 0-4%
แม้จะนำมาเปรียบเทียบกันแล้วก็ยังยากที่จะตัดสินใจว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารไหนถูกที่สุด หรือดีที่สุดสำหรับลูกค้า
ต่อมา “ธปท.-ธนาคารแห่งประเทศไทย” หรือแบงก์ชาติจึงได้ออกมาตรการกำชับให้สถาบันการเงินต้องแจ้ง “ดอกเบี้ยแท้จริง” หรือดอกเบี้ยเฉลี่ยแท้จริงของแพ็กเกจ 3 ปีแรก เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้บริโภคประกอบการตัดสินใจขอสินเชื่อ
จากตัวอย่างดอกเบี้ยโปรโมชั่น (ดูตารางประกอบ) พบว่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. จัด 4 แพ็กเกจสินเชื่อ มีดอกเบี้ยโปรโมชั่นไม่เท่ากัน แต่มีดอกเบี้ยแท้จริงอยู่ระหว่าง 2.90-4.25% ต่อปี
แบงก์กรุงเทพ จัด 2 แพ็กเกจสินเชื่อ มีดอกเบี้ยแท้จริงอยู่ที่ 4.67-4.71% ต่อปี หรือแบงก์รวงข้าว ดอกเบี้ยโปรโมชั่นปีแรก 0% ปีที่ 2 อยู่ที่ 3.5% ปีที่ 3 อยู่ที่ 5.32% ทำให้มีดอกเบี้ยแท้จริงคือ 4.42% ต่อปี เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ผู้บริโภคที่กำลังจะขอสินเชื่อ อย่าลืมสิ่งที่ต้องสอบถามจากแบงก์ก็คือแพ็กเกจสินเชื่อมี “ดอกเบี้ยแท้จริง” หรือ “ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก” เท่าไหร่ จากนั้นให้นำมาเปรียบเทียบแต่ละธนาคาร เพื่อตัดสินใจเลือกช็อปสินเชื่อที่โดนใจมากที่สุด
ค่าบาท ‘ทรงตัว’ ตลาดคาดดอลลาร์อ่อนต่อเนื่อง
บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัว “33.15 บาทต่อดอลลาร์” แม้ดอลลาร์อ่อนแต่แรงซื้อบาทในไทยยังหนาแน่น
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.15บาทต่อดอลลาร์
ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นวันก่อน
ตลาดเงินในคืนที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวน เนื่องจากนายสแตนลีย์ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนวาระ ส่งผลให้ความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปถูกตลาดเลื่อนออกไปอีก
ปัจจัยทั้งสองส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวขึ้นและบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10ปีขยับกลับมาที่ระดับ 2.1% (+3bps)
อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดเงินในไทยเชื่อว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่ดอลลาร์ที่จะอ่อนค่าลง เนื่องจากยังคงมีแรงซื้อจากทั้งภาครัฐและเอกชนในฝั่งไทยค่อนข้างหนาแน่นในเดือนนี้ และธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังดูแลอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ระดับ 33.15 บาทต่อดอลลาร์
มองกรอบเงินดอลลาร์ที่ระดับ 33.12-33.18 บาท/ดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
เทคโนโลยีเส้นใยผ้าระดับนาโน สร้างพลังงานไฟฟ้า ให้กับอุปกรณ์แบบใหม่ที่ไร้แบตเตอรี่
ลองจินตนาการดูสิว่า มันจะดีขนาดไหน ถ้ามีอุปกรณ์บางอย่าง ที่สามารถเปลี่ยนพลังงานกล ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เรากำลังวิ่งจ๊อกกิ้ง มาสร้างเป็นพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องเล่นเพลง หรืออุปกรณ์ Fitness tracker แบบไร้แบตเตอรี่ หรือใช้แรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการที่มีรถไฟ หรือรถยนต์วิ่งผ่าน เพื่อวัดระดับความเครียดทางด้านกลศาสตร์ของพื้นผิวถนน และส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์นี้ไปให้หน่วยงาน หรือใครก็ตามที่ต้องการข้อมูล นี้คือความเป็นไปได้ 2 รูปแบบ ในการนำเทคโนโลยีเก็บเกี่ยวพลังงานรูปแบบใหม่นี้ไปใช้งาน ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมือของทีมงานวิจัยนานาชาติ พวกเขาสามารถสร้างเส้นใยผ้าด้วยนาโนเทคโนโลยีที่มีความบางเป็นพิเศษ และมันสามารถเปลี่ยนแปลงพลังงานเชิงกลให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า สำหรับหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ต่างๆ ได้เลย
คุณ Ray Baughman หนึ่งในทีมงานวิจัยจาก University of Texas ให้สัมภาษณ์ว่า “ความพยายามครั้งแรกของผม ต้องย้อนกลับไปในปี 1980 โดยการใช้เส้นใยพอลิเมอร์สังเคราะห์ เพื่อสร้างกล้ามเนื้อประดิษฐ์ (Artificial muscle) ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้จากปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมี เราเรียนรู้ว่า สามารถใช้พลังงานไฟฟ้า ไปขับเคลื่อนกล้ามเนื้อประดิษฐ์ เพื่อสร้างพลังงานกลขึ้นมาได้ และมันจะเป็นไปได้ไหม ถ้าเราทำสิ่งนี้แบบย้อนกลับ ในรูปแบบการใช้พลังงานกลเพื่อสร้าง และเก็บกักพลังงานไฟฟ้า และอีกหลายปีหลังจากนั้น ผมก็ล้มเหลวในการพยายามทำสิ่งนี้ แต่ในเวลาปัจจุบัน สิ่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว”
เส้นใยผ้าแบบพิเศษ ที่ทีมนักวิจัยได้สร้างขึ้น สามารถบิดเกลี่ยวได้ในรูปแบบเดียวกับขดลวด ทำให้เส้นด้ายสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เมื่อเส้นใยถูกยืดออก โดยที่เส้นด้ายแต่ละเส้น สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าให้ดวงไฟ LED ขนาดเล็กส่องสว่างได้ และชิ้นผ้าที่มีน้ำหนักเพียง 1 กก. สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 250 วัตต์ หากชิ้นผ้านี้ถูกยืดที่ความถี่ 30 ครั้งต่อวินาที
แต่สิ่งที่ยังคงเป็นปัญหาคือ ท่อนาโนคาร์บอน (Carbon nanotubes) ที่เป็นวัตถุดิบหลักของเทคโนโลยีนี้ยังมีราคาแพง แถมยังไม่สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก เป็นข้อจำกัดให้ยังไม่สามารถนำเทคโนโลยีนี้ ไปใช้กับงานที่ต้องการเส้นใยผ้าแบบพิเศษนี้ในปริมาณมาก ตัวอย่างเช่น ในเวลานี้เราสามารถนำเส้นด้ายแบบพิเศษ ไปสอดแทรกในเนื้อผ้าปกติ เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหว แบบไม่ต้องใช้แบตฯ
และการใช้เส้นใยผ้าพิเศษนี้ในปริมาณมาก จะทำให้ผู้คนสามารถเก็บกักพลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากการขยับเคลื่อนไหวร่างกาย และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นน่าตื่นเต้นกว่า มันคือความฝันที่เราจะสร้างอุปกรณ์ราคาถูก ที่สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าจากความเคลื่อนไหวของกระแสคลื่นในทะเล
และมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่เทคโนโลยีเส้นใยผ้าแบบพิเศษนี้ จะเป็นแหล่งพลังงานให้กับอุปกรณ์อัจฉริยะที่สามารถสวมใส่ได้ (Wearables devices) และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากๆ และผลงานการวิจัยครั้งนี้ ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Science
https://news.thaiware.com
ใส่แว่นกันแดดเลนส์สีไม่ได้มีดีแค่เท่
แว่นกันแดดหลากสีสัน แฟชั่นยอดฮิตของทุกเพศทุกวัย ใส่ได้ทุกวันทุกเทศกาล แต่จะมีใครรู้บ้างว่า สีเลนส์ของแว่นกันแดดเหล่านั้น นอกจากจะใส่เพื่อความสวยงามแล้ว ยังมีประโยชน์ในการช่วยถนอมดวงตาที่แตกต่างกันตามสีอีกด้วย
ทุกวันนี้ เวลาจะไปไหน หรือทำกิจกรรมอะไร Accessories อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ แว่นกันแดดหลากสีสัน ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแฟชั่นยอดฮิตของทุกเพศทุกวัย ใส่ได้ทุกวันทุกเทศกาล แต่จะมีใครรู้บ้างว่า สีเลนส์ของแว่นกันแดดเหล่านั้น นอกจากจะใส่เพื่อความสวยงามแล้ว ยังมีประโยชน์ในการช่วยถนอมดวงตาที่แตกต่างกันตามสีอีกด้วย
วันนี้เรามีคำแนะนำจาก พญ.ปัจฉิมา จันทเรนทร์ จักษุแพทย์จาก TRSC ศูนย์เลสิคนานาชาติ จะมาแนะวิธีการเลือกใช้แว่นกันแดดเลนส์แต่ละสี ให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำ
แว่นกันแดดมีหลายประเภท ส่วนใหญ่มักจะเลือกซื้อเพื่อใส่ป้องกันแสงแดด ในขณะขับรถ สีเลนส์ที่เหมาะสม คือ สีเทา สีเขียว และสีแดง เนื่องจากเป็นสีที่แสงผ่านเข้าเลนส์ในปริมาณน้อย ใส่แล้วสบายตา ส่วนแว่นตากันแดดที่ใส่ขับรถขณะที่ท้องฟ้ามืดๆครึ้มๆ ใส่ตอนกลางคืน หรือภาวะที่มีแสงน้อย สีเลนส์ที่เหมาะสม คือ สีใส สีฟ้าใส สีเหลือง เนื่องจากเป็นสีที่ช่วยป้องกันแสงสะท้อนจากดวงไฟส่องถนน ส่วนอีกหลายๆ กิจกรรมก็สามารถใส่แว่นกันแดดที่มีเลนส์สีได้เช่นกัน อาทิ
เลนส์สีน้ำตาล – จะช่วยให้เรามองธรรมชาติชัดมากขึ้น เห็นสีสันตามความเป็นจริง และสบายตา เหมาะกับการใส่ไปขับรถสบายๆ
เลนส์สีเทา – จะช่วยกรองแสง ตัดแสงเวลาอยู่กลางแจ้ง และไม่ทำให้สีของวัถตุเปลี่ยน เลนส์สีเขียว – จะมีคุณสมบัติคล้ายๆ กับเลนส์สีเทา ให้การรับรู้สีได้อย่างดี ให้สีสันสบายตา และป้องกันแสงจ้าได้ดี
เลนส์สีเหลือง – จะช่วยเพิ่มแสงให้มีในปริมาณมากขึ้น เหมาะในการใส่ขับรถตอนกลางคืน หมอกลง หรือที่มีแสงน้อยหรือเพื่อเพิ่ม contrast ให้ภาพมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น จึงเหมาะสำหรับนักกีฬาสกี พายเรือ ล่าสัตว์ ยิงธนู และนักบิน
ส่วนเลนส์สีเหลืองบางชนิดมีความสามารถในการกันแสงสีฟ้า (Blue blockers) ที่มาจากจอคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดจอประสาทตาเสื่อมได้ด้วย เลนส์สีชมพู / แดง มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชัดลึก และความคมชัดของภาพ ทำให้มองถนนง่าย เหมาะสำหรับใส่เล่นสกี ขับรถ ปั่นจักรยานใส่ฝนวันที่มีเมฆเป็นบางส่วนถึงแดดจัดได้
ในเรื่องของความเข้มอ่อนของสีเลนส์ ถ้าเป็นแว่นกันแดดที่เลนส์มีสีเข้มก็จะเหมาะแก่การใส่ไปกลางแจ้ง หรือที่มีแดดแรง ส่วนเลนส์ที่มีสีอ่อนลงมาก็เหมาะในการใส่ไปเที่ยวในวันหยุดสบายๆ สำหรับแว่นกันแดดที่มีการไล่สีจากเข้มไปอ่อน แบบนี้จะเหมาะกับการใส่ในวันที่ไม่มีแสงมากนัก หรือในวันที่เมฆครึ้มๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ความเข้มอ่อนของสีเลนส์ หรือสีของเลนส์ ไม่ได้บ่งบอกถึงความสามารถในการป้องกันแสงยูวีนะคะ ดังนั้นเวลาเลือกซื้อแว่นกันแดด อย่าลืมเลือกซื้อแว่นที่สามารถป้องกันยูวีได้ 99 ถึง 100% ของทั้งรังสี UVA และ UVB ซึ่งจะมีฉลากติดว่า UV400 ไม่ว่าจะเป็นเลนส์สีอะไร จะเข้มหรือจะอ่อน ก็มั่นใจได้ว่าดวงตาของเราปลอดภัยจากรังสียูวีแน่นอนค่ะนอกจากจะเลือกใส่แว่นกันแดดเลนส์สี เพื่อถนอมดวงตาให้เหมาะกับกิจกรรมที่ทำหรือ ไลฟ์สไตล์ต่างๆ แล้ว เพื่อสุขภาพดวงตาที่ดี ท่านก็ควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปีด้วยนะคะ
http://www.bangkokbiznews.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 7/09/2560
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 20,850.00 | 20,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,351.00 | 20,481.16 | 20,481.16 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,215.90 | 18,433.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 608.00 | 9,217.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 9,217.2 | 7,170.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,400.00 | 21,224.00 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 7/09/2560
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 | 27.45 | 27.45 | – | 27.45 | 27.45 | 27.45 |
27.45
|
27.45
|
27.45
|
27.45
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
– |
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
แก๊สโซฮอล E-85 | 20.24 | 20.24 | – | – | – | – | – | 20.24 | 19.94 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 | 27.18 |
เบนซิน 95 | 34.56 | – | – | – | 34.56 | – | 34.56 | 34.56 | 34.56 | 34.56 |
ดีเซลหมุนเร็ว | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 28.49 | 29.17 | 29.17 | 29.17 | 29.17 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 | 07 Sep 05:00 |