สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 7 ธันวาคม 2560

ศูนย์วิจัยกสิกร มองอสังหาฯ ปี 61 เปิดตัว 1 แสนกว่าหน่วย ขยายตัวไม่เกิน 2%

ศูนย์วิจัยกสิกร มองอสังหาฯ ปี 61 เปิดตัว 1 แสนกว่าหน่วย ขยายตัวไม่เกิน 2%

แม้เศรษฐกิจในปี 2561 น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชื่อมั่น และเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ แต่ทิศทางการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยยังคงเป็นไปอย่างรุนแรง รวมทั้งการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยคงค้างยังเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้ประกอบการตั้งเป้าหมายการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อย่างระมัดระวัง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2561 น่าจะอยู่ที่ 100,000-108,000 หน่วย ขยายตัวจากปี 2560 อยู่ที่ 0-2%

เร่งขายที่อยู่อาศัยคงค้างกว่า 1.7 แสนหน่วย
ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2560 ยังไม่มีปัจจัยหนุนให้เกิดความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์น่าจะชะลอการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ เมื่อเทียบกับในช่วง 9 เดือนแรกของปี และหันมามุ่งให้ความสำคัญกับการขายที่อยู่อาศัยคงค้างด้วยการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย เช่น การมอบส่วนลดเงินสด ของแถม หรือบัตรกำนัล การขายที่อยู่อาศัยทุกยูนิตในราคาเดียว เป็นต้น แต่การจัดโปรโมชั่นยังไม่สามารถกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้อย่างเต็มที่ จึงส่งผลให้ที่อยู่อาศัยคงค้าง ณ สิ้นปี 2560 ขยายตัว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จำนวนที่อยู่อาศัยคงค้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ณ สิ้นปี 2560 น่าจะอยู่ที่ 170,000-177,000 หน่วย ขยายตัว 4-8% จาก ณ สิ้นปี 2559

ปี 61 คาดเปิดตัวกว่า 1 แสนหน่วย
สำหรับในปี 2561 แม้ว่าเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดที่อยู่อาศัย แต่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2561 ยังมีจำกัด ทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ที่แม้กำลังซื้อค่อย ๆ ฟื้นตัว แต่ก็เผชิญข้อจำกัดด้านราคาที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่อยู่ในระดับสูง รวมถึงกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุน ที่น่าจะชะลอการลงทุนในที่อยู่อาศัยลง เนื่องจากการแข่งขันในตลาดให้เช่าที่อยู่อาศัยเป็นไปอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดคอนโดมิเนียมให้เช่า รวมทั้งการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยคงค้าง ณ สิ้นปี 2560 ยังเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตั้งเป้าหมายการขยายตัวของการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในปี 2561 อย่างระมัดระวัง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2561 น่าจะยังคงไม่ต่ำกว่า 100,000 หน่วย โดยคาดว่าอยู่ที่ 100,000-108,000 หน่วย ขยายตัว 0-2% จากปี 2560 ใกล้เคียงกับ 2 ปีที่ผ่านมา โดยการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยกลุ่มคอนโดมิเนียม จากข้อจำกัดด้านพื้นที่สำหรับการลงทุนพัฒนาโครงการแนวราบ ประกอบกับความคืบหน้าของโครงการส่วนต่อขยายสถานีรถไฟฟ้า น่าจะดึงดูดให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2561

การขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยกลุ่มคอนโดมิเนียม

การขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยกลุ่มคอนโดมิเนียม

ส่องกลยุทธ์รุกตลาดกลาง ลดตลาดล่าง
สำหรับกลยุทธ์ของผู้ประกอบการในปี 2561 น่าจะยังเป็นการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามพื้นที่เส้นทางขนส่งมวลชนอย่างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า โดยผู้ประกอบการที่มีที่ดินในทำเลศักยภาพ อย่างใจกลางเมือง และศูนย์กลางธุรกิจ สามารถเลือกลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับบนในรูปแบบ Mixed-use Project เพื่อสร้างรายได้ในรูปแบบค่าเช่าพื้นที่เพิ่มเติม ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนจะเป็นตลาดที่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยมีกำลังซื้อ แต่ขนาดตลาดยังจำกัด ประกอบกับความต้องการคอนโดมิเนียมระดับบนได้ถูกดูดซับไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่งผลให้การลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับบนในปี 2561 จึงเป็นไปอย่างระมัดระวัง

ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางน่าจะยังคงเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญ เนื่องจากมีฐานผู้ซื้อที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ โดยผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับกลางให้ความสำคัญกับทำเล และความคุ้มค่าเป็นหลัก แม้ไม่ได้อยู่ติดกับพื้นที่เส้นทางขนส่งมวลชน แต่ต้องเดินทางได้หลายวิธี หรือเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้ไม่ยากนัก รวมถึงมีการออกแบบฟังก์ชันการอยู่อาศัยที่ครบถ้วน เพื่อตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่า

ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยระดับล่างในปี 2561 น่าจะชะลอตัวต่อเนื่องจากในปี 2560 เนื่องจากเป็นตลาดที่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยมีโอกาสถูกปฏิเสธสินเชื่อ และมีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจในระดับสูง ส่งผลให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์น่าจะชะลอการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับล่าง ในขณะเดียวกัน ก็น่าจะยังคงต้องเร่งทำการตลาดเพื่อระบายที่อยู่อาศัยคงค้างควบคู่กันไป โดยราคาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชานเมืองที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความคืบหน้าของการขยายเส้นทางโครงการขนส่งมวลชน น่าจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัยระดับล่าง ที่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยยังให้ความสำคัญกับราคาเป็นหลัก

https://www.ddproperty.com


“KK”เชื่อปี61อสังหาฯขยายตัวดีตลาดบนฉิว-ตลาดล่างยังนิ่งรอระบายสต๊อกเก่า

สุวรรณี วัธนเวคิน

สุวรรณี วัธนเวคิน

คาดแนวโน้มอสังหาฯปี61ขยายตัวดี จับตารายใหญ่โหมตลาดบน ปรับกลยุทธ์เจาะลูกค้าเฉพาะมากขึ้น เชื่อรายเล็ก-กลาง เน้นจับลูกค้าตลาดล่างยังนิ่ง เหตุต้องระบายสต๊อกเก่าติดมือในช่วง1-2ปีก่อนหน้า ด้าน“เกียรตินาคิน” ระบุ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดันต้นทุนเพิ่ม1-2% ลูกค้าชะลอซื้อทรัพย์ เอ็นพีเอ รอความชัดเจนรัฐ 

นางสุวรรณี วัธนเวคิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหนาฝ่ายบริหารทรัพย์สินรอขาย ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK กล่าวว่า ถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2561ว่า แนวโน้มตลาดอสังหาฯในปีหน้ามีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน เนื่องจากเป็นกลุ่มตลาดที่ลูกค้ามีกำลังซื้อสูง และได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจน้อย ในขณะที่กลุ่มตลาดระดับกลาง-ล่างมีแนวโน้มว่าจะยังทรงตัวหรือขยายตัวได้ไม่มาก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าในตลาดดังกล่าวยังมีปัญหาความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และกำลังซื้อ รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือน นอกจากนี้ยังกังวลกับปัญหาความชัดเจนเกี่ยวกับข้อกำหนด และเกณฑ์การจัดเก็บภาษีที่ดินใน พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ…. ซึ่งคาดว่าจะเริ่มประกาศใช้ในปี2562 

ทั้งนี้ การลงทุนพัฒนาโครงการในภาคอสังหาฯนั้นในกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลาง ที่เน้นพัฒนาสินค้าจับกลุ่มลูกค้าในตลาดระดับกลาง- ล่าง จะยังชะลอการพัฒนาโครงการใหม่ออกสู่ตลาด แต่จะเน้นการระบายสต๊อกสินค้าเหลือขายในโครงการเดิมที่พัฒนาออกมาในช่วง1-2 ปีก่อนหน้า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าในตลาดนี้ มีการชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ขณะที่บางส่วนติดปัญหาการขอสินเชื่อ รวมถึงบางกลุ่มที่ชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ เพราะต้องการรอความชัดเจนเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก่อนตัดสินใจซื้อ 

ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนนั้น ยังมีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้กลุ่มที่อยู่อาศัยตลาดบน ถือว่ามีอัตราการขยายตัวมากที่สุด สำหรับกลุ่มผู้พัฒนาโครงการในตลาดบนระดับราคา10-30ล้านบาท นั้นส่วนมากจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด ซึ่งมีข้อได้เปรียบรายเล็กค่อนข้างมาก ทั้งในด้านการเงิน การหาจัดที่ดิน และฐานลูกค้า อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ที่รายใหญ่จะนำมาใช้ในปีหน้านั้น จะมีความเฉพาะมากขึ้น ทั้งในเรื่องการเลือกทำเลพัฒนาโครงการ การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย และการวางตำแหน่งสินค้าที่รองรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

นางสุวรรณี กล่าวถึง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า ภายหลังมีข่าวการประกาศใช้ กฎหมายดังกล่าวในช่วง1-2ปีที่ผ่านมา สร้างให้เกิดการตื่นตัวในกลุ่มนักลงทุน ผู้ประกอบการอสังหาฯ และสถาบันการเงิน รวมไปถึงผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อที่ดินและที่อยู่อาศัยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนซื้อที่ดิน และทรัพย์ เอ็นพีเอ จากสถาบันการเงินเพื่อลงทุนนั้น เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจากการถือครองที่ดิน ขณะที่ในกลุ่มผู้บริโภคบางส่วนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ก็มีการชะลอดูความชัดเจนในการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว ส่งผลให้กระทบต่อการระบายเอ็นพีเอของแบงก์ตามไปด้วย 

“ขณะทีในส่วนของกลุ่มแบงก์นั้น มีความจำเป็นต้องระบายทรัพย์เอ็นพีเอออกไปให้ได้มากที่สุดเพื่อลดพอร์ตทรัพย์เอ็นพีเอ เนื่องจากหากมีการถือครองไว้จำนวนมากเมื่อมีการประกาศใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกมาแน่นอนว่าจะมีต้นทุนจากภาษีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1-2% ซึ่งแม้ว่าจะต่ำกว่ากลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการระบายออก ไม่เหมื่อนกับผู้ประกอบการอสังหาฯที่สามารถใช้ประโยชน์จากการพัฒนาได้ตลาดเวลา”

https://mgronline.com


ซีไอเอ็มบี ไทย ชี้ ปี 62 เป็นปีทองของ เศรษฐกิจ

ซีไอเอ็มบี ไทย คาด เศรษฐกิจไทยปี 61 โต 4% จากปีนี้ที่ 3.9% ชี้ เลือกตั้งมีผลต่อความมั่นใจนักลงทุน เผย ปี 62 เป็นปีทองของ เศรษฐกิจ

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเร่งตัวขึ้นจากปีนี้ จากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากอ่อนแอมาหลายปี จากความเชื่อมั่นของนักลงทุน จากเสถียรภาพทางการเมือง โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 61 จะเติบโต 4% จากปี 60 ที่คาดว่าจะโต 3.9%

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยปีหน้ามีปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ ความมั่นใจทางการเมือง ความมั่นใจในการเลือกตั้ง ซึ่งมีผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนและผู้บริโภค หากไม่มีความมั่นใจ อาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้

สำหรับมุมมองสถานการณ์เลือกตั้งที่มีผลต่อจีดีพีไทยปี 2561 แบ่งเป็น 3 สถานการณ์ คือ 1.หากแผนการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. ปี 61 ต้องเลื่อนออกไป อาจส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน คนชะลอการบริโภค ประมาณการจีดีพีปี 61 จะอยู่ที่ 3.5-3.8% สถานการณ์ที่ 2 คือ มีการเลือกตั้ง ภายใต้บริบทที่มีการคาดการณ์กันว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองให้สานต่อการบริหาร

เพื่อรักษาความต่อเนื่องของนโยบายประมาณการจีดีพีปี 61 จะอยู่ที่ 3.7-4.0% และสถานการณ์ที่ 3 มีการเลือกตั้ง ภายใต้บริบทที่ คสช.เปลี่ยนผ่านรูปแบบมาใช้อำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาในการกำกับดูแลการดำเนินงานของรัฐบาล ส่วนการเลือกตั้งเป็นไปอย่างเสรี คาดว่าจีดีพีจะเติบโตได้ถึง 3.9-4.5%

นอกจากนี้ นายอมรเทพ ยังเปิดเผยว่า ปีทองของเศรษฐกิจไทยคือปี 2562 เพราะหลังเกิดการเลือกตั้ง ประชาชนจะกลับมาใช้จ่าย ลงทุน และบริโภค รัฐบาลชุดถัดไปของคสช.นับว่าเป็นรัฐบาลที่โชคดี เพราะสิ่งที่คสช.ได้ทำและเดินหน้ามาแล้วนั้นเริ่มจะเห็นผล และจะขับเคลื่อนได้ในปีถัดไป

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังคงมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ควรได้รับการแก้ไขต่อไป เช่น การขาดแคลนแรงงานมีทักษะ, การเข้าสู่สังคมสูงอายุก่อนที่เป็นประเทศรายได้สูง และการมีกฎระเบียบและข้อจำกัดในการลงทุนอันบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของเอกชน เป็นต้น ดังนั้นการปฏิรูปทางเศรษฐกิจยังไม่จบแม้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้วก็ตาม

สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปี 61 น่าจะคงที่ 1.5% ตลอดทั้งปี เพื่อรักษาสมดุลการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ระดับต่ำ อีกทั้งเฟดมีความพร้อมในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 3 ครั้ง กนง.จึงน่าจะคงดอกเบี้ยได้ตลอดทั้งปี ในเมื่อดอกเบี้ยสหรัฐสูงกว่าดอกเบี้ยไทย จึงเป็นแรงสนับสนุนให้ไทยเกิดเงินไหลออก ส่งผลให้ความน่าสนใจในการเข้ามาซื้อตราสารหนี้ของไทยลดลง ซึ่งเป็นทิศทางทำให้ค่าเงินบาทปี 61 อ่อนค่าที่ระดับ 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

https://new.mthai.com


กรุงเทพฯเจ๋ง! ครองแชมป์เมืองนทท.ต้องมา 2 ปีซ้อน

รัฐบาลดีใจกรุงเทพฯ ครองแชมป์เมืองนักท่องเที่ยวต้องมา 2 ปีซ้อน ชี้ต้องรักษาความนิยมให้ต่อเนื่อง พ่วงติด 1 ใน 6 เข้าชิงเงินรางวัลจากสโมสรฟุตบอลแมนซิตี้

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับกรุงเทพมหานครและคนไทยทั้งประเทศ หลังจากที่มาสเตอร์การ์ดได้มอบโล่ให้กับกรุงเทพมหานคร ในฐานะเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในโลก ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 จากผลสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลก ประจำปี 2560

“นายกฯ สนับสนุนให้ กทม. รักษาระดับความนิยมทุกรูปแบบของนักเดินทาง โดยเฉพาะให้กวดขันเรื่องความปลอดภัยและการเอารัดเอาเปรียบที่อาจทำให้นักท่องเที่ยวเบื่อหน่าย เช่น การคิดราคาค่าโดยสารรถสาธารณะ แท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก หรือค่าบริการอื่น ๆ ที่สูงกว่าคนไทย รวมทั้งให้ติดราคาอาหารให้ชัดเจน สร้างความอบอุ่นและรอยยิ้ม เพื่อต้อนรับผู้มาเยือนทุกคน” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

 ทั้งนี้กทม. ครองอันดับ 1 เมืองจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเยือนมากที่สุดถึง 19.41 ล้านคน ตามมาด้วยลอนดอน 19.06 ล้านคน และ กทม. ยังติด 1 ใน 5 ของเมืองที่นักท่องเที่ยวพักค้างคืนและมีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดถึง14.08 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมุ่งเน้นมาท่องเที่ยวพักผ่อนและติดต่อธุรกิจเป็นหลัก พร้อมทั้งใช้จ่ายเงินไปกับการช้อปปิ้ง ค่าที่พัก และการบริการต่าง ๆ มากที่สุดตามลำดับ

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีข่าวดีที่ กทม.ได้รับคัดเลือกจากสโมสรฟุตบอล “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ ให้เข้าร่วมโครงการ Citizens Giving ชิงเงินรางวัลการกุศล 400,000 ปอนด์ เพื่อสนับสนุนโครงการสร้างสนามฟุตบอลในเมืองใหญ่และคัดเลือกเยาวชนเล่นฟุตบอลช่วยลดปัญหาสังคม ร่วมกับอีก 5 เมือง คือ แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ นิวยอร์กซิตี้และลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และกว่างโจว ประเทศจีน

สำหรับการได้รับคัดเลือกครั้งนี้ เกิดจากการที่ กทม. และ Right To Play Thailand องค์กรพัฒนาเอกชนนานาชาติในประเทศไทย ริเริ่มโครงการ Not Just For Kicks เพื่อใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อช่วยสร้างการเรียนรู้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีฝากขอบคุณและชื่นชมที่ช่วยกันดูแลและพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนไทยอีกแรงหนึ่ง โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมโหวตให้กับโครงการของไทยได้ตามช่องทางของสโมสรฟุตบอลดังกล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


ชวนชม “พระเมรุมาศ” VR ที่คุณสามารถขึ้นชมได้ถึงชั้นบนผ่านจอคุณ

ชวนชม “พระเมรุมาศ” VR ที่คุณสามารถขึ้นชมได้ถึงชั้นบนผ่านจอคุณ

ขึ้นชมพระเมรุมาศได้ถึงชั้นบน!”พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ”โปรดให้จัดทำพระเมรุมาศเสมือน ผ่านเทคโนโลยี Virtual Reality ในการถ่ายทำ เพื่อให้ประชาชนห่างไกล สามารถชมพระเมรุมาศ”ในหลวง ร.9” ได้ใกล้ๆผ่านสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ ไม่ต้องเดินทางมาด้วยตัวเอง สามารถเข้ารับชมได้ที่นี่ www.songcharoen.com/phrameru

โดยด้านในจะเป็นภาพถ่ายความละเอียดสูงในรูปแบบ Panorama ที่สามารถมองได้รอบทิศทาง สามารถรับชมได้รอบทิศทาง และมีความสวยงามเป็นอย่างมาก โดยจะมีภาพจากหลากหลายมุมให้เราสามารถมองผ่านจอคอมพิวเตอร์ หรือผ่านหน้าจอมือถือ หรือแม้แต่แว่น VR ของมือถืออย่าง Google Cardboard ก็สามารถรับชมได้เช่นกัน บอกเลยว่าน่าสนใจทีเดียวครับ

 

 

การควบคุมก็ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้เมาส์ลากเพื่อมองในมุมที่ต้องการ ใช้ลูกกลิ้งสำหรับซูมเข้า – ออก หรือกดเลือกมุมที่อยากรับชมโดยจะบอกรายละเอียดของสถานที่นั้น ๆ ส่วนการใช้มือถือก็เพียงแค่จิ้มจอ เสร็จแล้วก็ทำการเลื่อนไปมา ซูมเข้าออกได้ตามใจเรา

ถือได้ว่าโครงการนี้เป็นอีก 1 โครงการที่สามารถนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้กับขณบธรรมเนียมประเพณีไทยได้อย่างสมพระเกียรติจริง ๆ ครับ

http://hitech.sanook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 7/12/2560​

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,500.00 19,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,263.00 19,147.08 20,100.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,136.70 117,232.37 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 568.00 8,610.88 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 442.00 6,700.72 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,309.00 19,844.44 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  7/12/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 28.25 28.25 27.65 28.25 27.65
28.25
28.25
28.25
28.25
แก๊สโซฮอล E-20
25.74
25.74
25.74
25.14
25.74
25.74
25.74
25.74
25.74
แก๊สโซฮอล E-85 20.84 20.84 20.84 20.84
แก๊สโซฮอล 91 27.98 27.98 27.98 27.38 27.98 27.38 27.98 27.98 27.98 27.98
เบนซิน 95 35.36 35.81 35.86 35.36 35.36 35.36
ดีเซลหมุนเร็ว 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.79 30.47 30.47 30.47 30.47
มีผลตั้งแต่ 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00

 

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า