สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2562

เปิดเพนต์เฮาส์ แพงสุด 530 ล้าน ริมเจ้าพระยา

ตลาดคอนโดฯหรูซูเปอร์ลักชัวรี ยืนเหนือมาตรการ LTV โครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ โกยยอดขายสูงถึง 80% ทำสถิติห้องชุดพักอาศัยแพงที่สุดบนริมแม่นํ้าเจ้าพระยา กว่า 530 ล้านบาท

ปี 2562 ถือเป็นปีที่ตลาดคอนโดมิเนียมถูกยาแรงมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย ดับพิษเก็งกำไร ที่ผลักดันให้ตลาดขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะกลุ่มราคา 2-3 ล้านบาทซึ่งเป็นตลาดใหญ่ในปีนี้ค่อนข้างลดความร้อนแรงอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับกลุ่มซูเปอร์ลักชัวรียังมีโครงการเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง สวนทางเศรษฐกิจไม่ดี หนี้ครัวเรือนสูง

ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รายงานมีคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ (ราคาขายเฉลี่ยของโครงการมากกว่า 250,000 บาท/ตร.ม.) เปิดขายใหม่ประมาณ 2,150 ยูนิต หรือคิดเป็น 11.9% ของตลาดที่เปิดใหม่รวม 13,650 ยูนิต เป็นฐานลูกค้าที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบที่เข้ามากระทบตลาดในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับโครงการระดับไฮเอนด์ที่เปิดขายมี สโคป หลังสวน ราคาขายเฉลี่ย 4.57 แสนบาทต่อตร.ม. สูงที่สุดในตลาด รองลงมา ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ ราคาขายเฉลี่ย 3.8 แสนบาทต่อตร.ม. และดิ แอดเดรส สยาม-ราชเทวี ราคาขายเฉลี่ย 2.7 แสนบาทต่อตร.ม.

ในส่วนโครงการคอนโด มิเนียมหรู ระดับราคาขายสูงกว่า 3 แสนบาทต่อตร.ม.ที่สร้างเสร็จพร้อมโอน จากการสำรวจของ “ฐานเศรษฐกิจ” พบว่ามี โครงการ 98 ไวร์เลส, เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ, เดอะริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนซ์ และโฟร์ ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ ในกลุ่มนี้นอกจาก 98 ไวร์เลส แล้ว เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เป็นอีกโครงการที่ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อสูง มียอดขายสูงถึง 85%

นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจงานอสังหาริมทรัพย์และบริการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า จุดเด่นและจุดแข็งของโครงการเดอะเรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ คือ ทำเลศักยภาพ อยู่ติดแม่นํ้าเจ้าพระยา และตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองไอคอนสยาม กับการจับมือเป็นพันธมิตรกับแมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป พร้อมกับใช้แบรนด์ แมนดาริน โอเรียนเต็ล บนชื่อโครงการ ยกระดับโครงการเป็นเรสิเดนซ์หรูมาตรฐานระดับสากล ภายใต้การบริหารงานของแมนดาริน โอเรียนเต็ลฯ ลำดับที่ 7 ของโลก

ปัจจุบันราคาขายเฉลี่ย 5.5 แสนบาทต่อตร.ม. ห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ และราคาสูงสุด 7.5 แสนบาทต่อตร.ม. กลุ่มลูกค้าเป็นเจ้าของกิจการที่กำลังมองหาห้องชุดที่มีความโดดเด่น เอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่สำคัญเป็นทำเลหาได้ค่อนข้างยากในตลาด อาทิ ริมแม่นํ้าเจ้าพระยา คอนเซ็ปต์ เป็นเมืองในเมือง ซึ่งไอคอนสยามถือว่าเป็นเมือง มีทั้งศูนย์ค้าปลีก นอกจากนั้นโครงการนี้กรรมสิทธิ์แบบฟรีโฮลด์ อีกส่วนเป็นลูกค้าต่างชาติที่อยากได้บ้านหลังที่สองในต่างประเทศ นอกเหนือจากลงทุน สำหรับลูกค้าจีนและฮ่องกงมีสัดส่วนประมาณ 20% จากสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 40%

“ตั้งแต่เปิดพรีเซล จนถึงเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 15-20% ราคาปัจจุบัน 5.5-7.5 แสนบาทต่อตร.ม.”

นายคีรินทร์ กล่าวว่า ห้องชุดที่เหลือ 15% ถือว่าไม่มาก เชื่อว่าน่าจะปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยมีลูกค้าที่รอเข้าชมจำนวนมาก ขณะนี้มีห้องตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ขึ้นกับความต้องการของลูกค้า สามารถปรับเปลี่ยนให้ได้ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งทุกห้องจะเห็นวิวแม่นํ้าเจ้าพระยา

นอกจากทำเล พันธมิตรระดับโลกแล้ว โครงการ เดอะเรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ยังดึง จอยซ์ แวง ดีไซเนอร์ชาวฮ่องกงเจ้าของรางวัลระดับโลก ออกแบบตกแต่งภายใน สร้างนิยามการพักอาศัยที่หรูหรา ผ่านการตีความการออกแบบแนวใหม่ ร่วมกับการใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ออกแบบมาเฉพาะ สำหรับโครงการแบบลิมิเต็ดอิดิชัน และผลิตโดยช่างฝีมือชั้นสูงอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้โครงการมีภาพลักษณ์ที่สวยงาม และพิเศษไม่ซํ้ากับโครงการใด

“ผมมั่นใจว่าถ้าใครที่สนใจซูเปอร์ลักชัวรี คอนโดฯ เราก็จะเป็นตัวเลือกลำดับแรกๆ เพราะเดอะเรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ พร้อมทุกอย่าง” นายคีรินทร์กล่าว

ทั้งนี้ ทำเลริมแม่นํ้าเจ้าพระยา เป็นอีกทำเลที่มีโครงการห้องชุดพักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี และที่ตั้งของ
โรงแรมระดับ 5 ดาว อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองไทย อาทิ พระราชวัง วัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ ทำเลนี้เป็นที่ตั้งของคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีและไฮเอนด์ โดยมีโครงการเดอะเรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล ที่พัฒนาโดย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ราคาขายสูงถึงตารางเมตรละ 750,000 บาท หรือราคาขายต่อยูนิตที่สูงสุดที่ 450 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


รับเหมาชิงเค้กแสนล. อานิสงส์ บิ๊กโปรเจ็กต์รัฐ

ยักษ์รับเหมาชิงเค้กเมกะโปรเจ็กต์แสนล้าน นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ ดึงนวัตกรรมเสริมแก้เหล็ก-วัสดุ-แรงงานขาดแคลน ด้าน รมช.คมนาคม “ถาวร เสนเนียม” ยันเอกชนได้อานิสงส์โครมใหญ่ ทั้ง 10 สนามบิน -ไฮสปีด-ทางด่วน

นายอังสุรัสมิ์ อารีกุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ เผยว่า มูลค่าของอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี ในฐานะสมาคมเราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาวงการดังกล่าวด้วยการกระจายงานและสร้างการจ้างงานที่มีคุณภาพ พร้อมกับส่งเสริมการนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการก่อสร้าง อาทิ การนำเอาเทคโนโลยี BIM มาปรับใช้ ด้านทิศทางในปีนี้คาดว่าจะเติบโตโดยมีปัจจัยบวกมาจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของภาครัฐและคอนโดมิเนียมตามแนวระนาบรถไฟฟ้า

ทั้งนี้ในส่วนของสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯยังเล็งเห็นถึงปัญหาต่างๆ ที่พร้อมจะเร่งดำเนินการ อาทิ การขาดแคลนแรงงาน จึงมีความจำเป็นที่จะเร่งหาเข้ามาเสริมพร้อมกับเพิ่มทักษะเพื่อสร้างศักยภาพให้กับแรงงาน ด้านวัสดุก่อสร้างส่วนที่สำคัญและน่าจับตามอง คือ เหล็กไทยที่กำลังมีปัญหาในขณะนี้ ขณะเดียวกันทางสมาคมได้ส่งเสริมให้ตัวแทนผู้ผลิตคิดค้นวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย

“ดูเหมือนว่าภาพรวมของการก่อสร้างในไทยยังมีสัญญาณที่ดี โดยเฉพาะการลงทุนภายในประเทศ คาดว่าจะเพิ่มโอกาสให้กับผู้รับเหมา ขณะเดียวกันด้านวัสดุก่อสร้างหลากหลายองค์กรมองหาโซลูชันและคิดค้นสินค้าใหม่ๆออกมาโดยเฉพาะเทรนด์รักษ์โลก อาทิ การวางเป้าจัดการของเสียในกระบวนการก่อสร้างจากทางเอสซีจี เป็นต้น และอีกมิติที่สำคัญและคาดว่าจะเข้มข้นโดยส่งผลให้อุตสาหกรรมก่อสร้างนี้เติบโตต่อไปอย่างแน่นอน คือ การลงทุนในพื้นที่ต่างๆของ EEC”

สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในปี 2562 แนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 6.5% จากปี 2561 แบ่งเป็นแรงส่งจากภาครัฐ 9% และเอกชน 3.5% การก่อสร้างจากภาครัฐ
ที่คาดว่าเติบโตราว 9% นั้นคิดเป็นมูลค่า 8.15 แสนล้านบาท โครงการที่มาจากทางภาครัฐ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-คูคต) ทางด่วนพระราม 3 ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก และรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ -หนองคาย ขณะการก่อสร้างจากภาคเอกชนที่คาดว่าเติบโต 3.5% หรือคิดเป็น 5.6 แสนล้านบาท มีผลมาจากคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า โครงการที่น่าสนใจจากภาคเอกชน โครงการ วันแบงค็อก, เดอะฟอเรสเทียร์ และ แบงค็อก มอลล์ เป็นต้น

นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า เอกชนจะได้รับอานิสงส์ จากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ เนื่องจากขณะนี้ ภาครัฐให้ความสำคัญกับโครง
สร้างพื้นฐานเพราะจำเป็นอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศทั้งการเดินทางและการขนส่งสินค้า ฉะนั้นทางกระทรวงคมนาคมเราจึงมุ่งเน้น ในเรื่องการจัดงบประมาณ การก่อสร้างทางราง ทางนํ้า และทางอากาศ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รถไฟฟ้าสายสีส้ม ค.ร.ม.ได้ลงมติเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ในอนาคตยังมีอีกหลากหลายโครงการ ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC, มอเตอร์เวย์สายต่างๆ รถไฟรางคู่

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น การขนส่งทางอากาศ จะก่อสร้างเฟส 2 สนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งการก่อสร้างเพื่อรองรับการขยายตัวทางอากาศที่มีความแออัด ทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ โดยอาจจะเป็นสนามบินแห่งที่ 3 ของกรุงเทพฯ นอกจากนั้น สนามบินเชียงใหม่มีความแออัดอาจจะสร้าง สนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือแม้แต่ภูเก็ตขณะนี้ค่อนข้างแออัดเช่นกัน ส่วนการก่อสร้างในภูมิภาคที่จะเชื่อมโลกเชื่อมไทยสู่เมืองรอง บริการด้วยใจ และหรือได้มาตรฐานครอบคลุมทุกพื้นที่ จากนี้ปี 2561-2567 รัฐบาลได้มีโครงการที่จะขยายสนามบินในภูมิภาค โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ 10 สนามบิน ด้านทางนํ้ามีการก่อสร้างท่าเรือแห่งที่ 2 โดยจะเน้นรการขนส่งทางนํ้าเพื่อลดค่าใช้จ่าย ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นคาดว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างยังเติบโตอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ความคืบหน้าสงครามการค้าจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้

ความคืบหน้าสงครามการค้าจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้

คอลัมน์ มันนี่วีก (Money week) โดย…วรันธร ภู่ทอง, มนัสวิน ฐิติสมบูรณ์ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย

สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยมองว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 30.40-30.70 ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จากการพบปะระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงระหว่างวันที่ 10-11 ตุลาคมจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเคลื่อนไหวค่าเงินสัปดาห์นี้ ซึ่งหากการเจรจาไม่บรรลุผลอย่างที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ จะส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยสูงขึ้น รวมถึงค่าเงินบาท ด้านสัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาจากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ-จีน เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดเริ่มเพิ่มการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งหากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์ที่ออกมาย่ำแย่กว่าคาด จะยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทผันผวนสูง โดยในช่วงต้นสัปดาห์ เงินบาทอ่อนค่าอย่าวรวดเร็วและแตะระดับสูงสุดที่เกือบ 30.69 ในช่วงท้ายของวันจันทร์ก่อน ตามทิศทางของเงินเยนที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม หลังจากธนาคาแห่งประเทศไทยรายงานตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงขึ้นกว่าที่ตลาดคาดในเดือนสิงหาคมที่ 3,990 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็ทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าลงบ้าง แม้ว่าในรายละเอียดแล้ว ดุลการค้าที่เกินดุลสูงมาจากการนำเข้าจะอ่อนแอลงมากขณะที่การส่งออกหดตัวต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งหลังของสัปดาห์ประเด็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาในสัปดาห์นี้อ่อนแอลงมากทั้งหมด ประกอบด้วย

(2) การจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ยังเพิ่มขึ้นเพียง 135,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์และการจ้างงานในเดือนก่อนหน้า

(3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อนอกภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ โดย ISM อยู่ที่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2016 ทำให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ทำให้เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 30.438 ณ วันที่ 4 ตุลาคม เวลา 17.30 น.

ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯเป็นหลัก เริ่มตั้งแต่ตัวเลขดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ โดย ISM เดือนกันยายนที่ประกาศออกมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2009 ที่ระดับ 47.8 จากระดับ 49.1 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งตัวเลขที่ระดับต่ำกว่า 50 สะท้อนการผลิตโดยรวมที่หดตัว อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้า

ถัดมาเป็นการประกาศตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐจาก ADP ที่ปรับเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 140,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าในเดือนสิงหาคมที่เพิ่มขึ้น 157,000 ตำแหน่ง

ตามมาด้วยการประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการโดย ISM เดือนกันยายนอยู่ที่ 52.6 ลดลงจากระดับ 56.4 ในเดือนสิงหาคม และต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 55.0 ตัวเลขที่ประกาศออกมาทำให้นักลงทุนเริ่มแสดงความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ สะท้อนผ่านความน่าจะเป็นที่ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps ในการประชุมเดือนตุลาคมได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 85% ในช่วงท้ายของสัปดาห์ จากความน่าจะเป็นที่ระดับ 39% ในช่วงต้นสัปดาห์

ขณะที่ถ้ามองไปในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯในเดือนธันวาคม ตลาดฟิวเจอร์ได้ให้ความน่าจะเป็นที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงเหลือ 1.25-1.50% มีโอกาสอยู่ที่ 45% ขณะเดียวกันประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างออสเตรเลียก็ได้เดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยลง 25 bps มาอยู่ที่ 0.75% ซึ่งถือว่าเป็นการลดดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป

ส่วนเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Government Yield Curve) ปรับตัวโดยมีความชันลดลง กล่าวคืออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของอุปทานในพันธบัตรระยะสั้น รวมไปถึงมติการคงดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ในขณะที่อัตราผลตอบแทนระยะยาวปรับตัวลดลงสอดคล้องกับตลาดโลก อันเป็นผลจากความกังวลต่อการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ ทำให้ปิดสัปดาห์วันที่ 4 ตุลาคม 2562 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 1.39% 1.36% 1.36% 1.38% 1.44% และ 1.50% ตามลำดับ

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


รู้จักมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี

รู้จักมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี thaihealth

เชื่อว่าโรคมะเร็งเป็นโรคร้ายที่ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ แต่ในขณะเดียวกันหลายคนกลับมองข้ามปัจจัยเสี่ยงและละเลยที่จะป้องกันตนเองจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง

เพราะความเคยชินในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การที่คนไทยเคยชินกับแสงแดดอันรุนแรง จนอาจไม่ทันฉุกคิดว่าแสงแดดจะนำอันตรายอะไรมาสู่ผิวหนังเราได้บ้าง โดยเฉพาะการก่อโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี

ผศ. พญ. สุธินี รัตนิน จากสาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายว่า “ถึงแม้มะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี หรือเมลาโนมา (Melanoma) จะเป็นมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อย แต่ก็เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงที่สุด ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นที่มีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีที่สามารถพัฒนากลายเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีได้ และพบการเกิดของมะเร็งชนิดนี้ในประเทศไทยมากถึง 500 รายต่อปี”

ไฝและมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีนั้นบางครั้งแยกออกจากกันได้ยากโดยเฉพาะมะเร็งเม็ดสีระยะเริ่มต้น ทำให้ผู้ป่วยหลายคนเผลอมองข้ามไม่ทันระวัง และปล่อยให้ลุกลามจนเป็นอันตรายต่อชีวิต ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจึงควรหมั่นตรวจเช็กร่างกายอยู่เสมอ ซึ่งการตรวจสอบด้วยตนเองว่าไฝที่มีอยู่เป็นไฝปกติหรือเป็นอาการของโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี หรือมะเร็งผิวหนังชนิดอื่นๆ สามารถทำได้โดยการสังเกตการเปลี่ยนแปลงง่ายๆ เช่น ไฝโตเร็วกว่าปกติ สีเปลี่ยนแปลง มีเลือดออก หรือเป็นแผลเรื้อรังรักษาไม่หาย พิจารณาประกอบกับประวัติโรคมะเร็งผิวหนังของคนในครอบครัว การมีไฝเป็นจำนวนมาก หรือเคยถูกแสงแดดไหม้บ่อยครั้งในวัยเด็ก ทั้งนี้การตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อดูลักษณะของไฝว่าผิดปกติหรือไม่ สามารถทำได้โดยสังเกตว่าไฝมีรูปร่างสมมาตรหรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง ขอบเขต สี และขนาดของไฝ ซึ่งเป็นหลักง่ายๆ ที่เรียกว่า ABCDE ดังนี้:

– A – Asymmetry คือลักษณะที่ไฝมีรูปร่างไม่สมมาตร
– B – Border Irregularity คือลักษณะที่ไฝมีเส้นขอบไม่เรียบ
– C – Color Variation คือการที่ไฝมีสีไม่สม่ำเสมอตั้งแต่ 2 สีขึ้นไป
– D – Diameter ไฝที่มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี มักมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่า 6 มม.
– E- Evolution มีการเปลี่ยนแปลงของไฝอย่างรวดเร็ว เช่น โตขึ้น แตกเป็นแผล เป็นต้น
ตัวอย่างภาพที่แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างไฝและมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี
ไฝ  มะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี

หากตรวจสอบด้วยตนเองแล้วสงสัยว่าอาจเข้าข่ายอาการของโรคมะเร็ง ผิวหนังชนิดเม็ดสี แนะนำให้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยด้วยการตัดชิ้นเนื้อทางผิวหนังส่งตรวจทางพยาธิวิทยา (Skin Biopsy) เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็ง ซึ่งเป็นวิธีการตรวจวินิจฉัยที่ยืนยันได้ดีที่สุด

“อาการเริ่มแรกของมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีจะมีลักษณะคล้ายไฝ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงขนาด สี รูปร่าง และขอบเขตอย่างรวดเร็ว มีการแตกเป็นแผล และสามารถลุกลามแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง และอวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ ปอด กระดูก และสมอง”นพ. ธัช อธิวิทวัส จากหน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสี ได้แก่ การสัมผัสกับแสง UV บ่อยๆ หรือการทำงานกลางแสงแดด เชื้อชาติ โดยคนผิวขาวและผมสีบลอนด์จะมีโอกาสเสี่ยงสูง

เพราะมีเม็ดสีที่ผิวหนังน้อยทำให้ความสามารถในการป้องกันเซลล์ผิวหนังจากแสง UV น้อยกว่าคนผิวคล้ำ การเข้ารับการรักษาด้วยรังสีบำบัดและการมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน

สำหรับการรักษานั้นในระยะเริ่มต้นแพทย์จะใช้วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดผิวหนังบริเวณที่มีก้อนร่วมกับการตัดต่อมน้ำเหลืองในบริเวณข้างเคียง ซึ่งจะดำเนินการโดยศัลยแพทย์ตกแต่ง แต่เนื่องจากมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายและมีโอกาสแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ แพทย์จึงอาจใช้การฉายรังสีหรือให้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy)

หรือยารักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
สำหรับการรักษาในผู้ป่วยระยะลุกลาม แพทย์ยังสามารถเลือกใช้ยาทั้งสองชนิดดังกล่าว คือ ยารักษาที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน หรือยารักษาแบบมุ่งเป้าในการรักษาได้เช่นกัน โดยยาทั้งสองกลุ่มนี้มีข้อมูลการศึกษาทางการแพทย์ว่ามีประสิทธิภาพที่ ดีกว่ายาเคมีบำบัดและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า แต่การรักษาด้วยยาทั้งสองกลุ่มนี้อาจมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ทางที่ดีจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับรังสี UV และไปพบแพทย์ทันทีเมื่อพบความผิดปกติของผิวหนัง

โรคมะเร็งผิวหนังชนิดเม็ดสีเป็นโรคที่มีความรุนแรง แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางรักษาและป้องกันที่สำคัญอย่ามองข้ามความเคยชินหรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หมั่นตรวจเช็กและดูแลตนเองอยู่เสมอ เพื่อรักษาสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ อาการป่วย

sick คำศัพท์ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ติวเข้มภาษาอังกฤษ ป่วย ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ วัณโรค เกร็ดความรู้ เทคนิคการเรียน ไม่สบาย ภาษาอังกฤษ

วันนี้เรามี คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่เกี่ยวกับอาการป่วยต่างๆ มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ ซึ่งตั้งแต่เด็กๆ ที่เราเรียนมาก็จะคุ้นเคยกับ อาการป่วยแบบเบื้องต้น เช่น ปวดหัว (headache), ปวดท้อง (stomachache), allergy (โรคภูมิแพ้), ไข้หวัด (flu) เป็นต้น แต่วันนี้เราจะมาเจาะลึกอาการป่วยลงไปอีกระดับ ไปติดตามกันเลยดีกว่า ^^ 

รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ อาการป่วย (Symptoms Vocabularies)

รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ อาการป่วย

1. ache (เอค) แปลว่า อาการปวด เป็นการปวดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่รุนแรงมากนัก สามารถใช้ร่วมกับส่วนอื่นๆของร่างกาย เพื่อแสดงว่าเราปวดตรงส่วนไหน เช่น ปวดหัว (headache), ปวดท้อง (stomachache) หรือถ้าใครเจ็บหัวใจก็ใช้ heartache ก็ได้นะคะ

2. acute (อะ-คิ้วท์) แปลว่า อาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยทั่วไปแล้วจะใช้คู่กับ illness เป็น acute illness แต่สำหรับอาการป่วยเรื้อรังต้องเป็น chronic illness

3. allergy (แอล-เล่อ-จี) แปลว่า โรคภูมิแพ้ อาการที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ คือการมีผื่นคัน (rash) ขึ้นตามตัวนั่นเอง

4. bloody nose (บลัดดี้-โนส) แปลว่า เลือดกำเดาไหล เรียกสั้นๆว่า nosebleed ได้ค่ะ

5. diarrhea (ไดอา-เรีย) แปลว่า ท้องเสีย สาเหตุมักเกิดจากอาหารเป็นพิษ (food poisoning) หรือไม่ก็เกิดจากภูมิแพ้อาหาร (food allergy)

6. dizzy (ดิซ-ซี่) แปลว่า เวียนหัว อาการเวียนศีรษะ สามารถใช้คำว่า headache หรือ light-headed ก็ได้

7. faint (เฟ้นท์) แปลว่า เป็นลม นอกจาก faint แล้วยังใช้คำว่า pass out, blackout หรือ lose consciousness (หมดสติ) ได้ เพราะคำเหล่านี้มีความหมายเดียวกันนะ

8. fatigue (ฟะ-ทิ้ก) แปลว่า ความเหนื่อยล้า สาเหตุหลักเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ (lack of sleep) และการออกกำลังกายหักโหมเกินไป (excessive physical activity)

9. rash (แร๊ช) แปลว่า ผื่นคัน เมื่อมีผื่นขึ้นจะทำให้เกิดอาการคัน (itch) จนเราต้องเกา (scratch) แต่อาจทำให้อาการแย่ลงได้

10. vomit (วอ-มิท) แปลว่า อาเจียน อาการป่วยจำพวกท้องเสีย หรือวิงเวียนศีรษะอาจทำให้เกิดการอาเจียนออกมาได้

11. phlegm (เฟล็ม) แปลว่า เสมหะ ไม่ถึงขั้นเป็นอาการป่วย แต่มักจะเกิดขึ้นเมื่อเราเป็นไข้หวัด (flu)

12. gout (เกาทฺ) แปลว่า โรคเกาต์

13. hemorrhoids (เฮมะรอยดสฺ) แปลว่าริดสีดวงทวาร

14. piles (ไพลสฺ) แปลว่า ริดสีดวงทวาร

15. pneumonia (นิวโมเนีย) แปลว่า โรคปอดบวม

16. gastritis (แกซไทรซิส) แปลว่า โรคกระเพาะอาหารอักเสบ

17. appendicitis (แอพเพนดิไซทิส) แปลว่า โรคไส้ติ่งอักเสบ

18. enteritis (เอนเทอไรทิซ) แปลว่า โรคลำไส้อักเสบ

19. food poisoning (ฟูด พอยเซินนิง) แปลว่า อาหารเป็นพิษ

20. diarrhea (ไดเออะเรีย) แปลว่า ท้องร่วง

21. jaundice (จอนดิซ) แปลว่า ดีซ่าน

22. cirrhosis (สิโรซิส) แปลว่า โรคตับแข็ง

23. gallstones (กอลสโตนสฺ) แปลว่า โรคนิ่วในถุงน้ำดี

24. diabetes (ไดอะบีทสฺ) แปลว่า โรคเบาหวาน

25. tonsillitis (ทอนซิลลิซิส) แปลว่า ต่อมทอนซิลอักเสบ

26. fever (ฟีเวอรฺ) แปลว่า ไข้

27. measles (มีเซิล) แปลว่า โรคหัด

28. German measles (เจอมัน มีเซิล) แปลว่า โรคหัดเยอรมัน

29. rubella (รูเบลลา) แปลว่า โรคหัดเยอรมัน

30. cancer (แคนเซอร์) แปลว่า โรคมะเร็ง

31. chicken pox (ชิคเคน พ็อกสฺ) แปลว่า อีสุกอีใส

32. dengue fever (เดงกี ฟีเวอรฺ) แปลว่า ไข้เลือดออก

33. heart disease (ฮารฺทฺ ดิซีสฺ) แปลว่า โรคหัวใจ

34. whooping cough (วูปปิง คอฟ) แปลว่า โรคไอกรน

35. pertussis (เพอทัสซิส) แปลว่า โรคไอกรน

36. diphtheria (ดิพเธอเรีย) แปลว่า โรคคอตีบ

37. tetanus (เททานัส) แปลว่า โรคบาดทะยัก

38. asthmatic (แอสแมทิคฺ) แปลว่า โรคหอบหืด

39. sinusitis (ไซนัสไซทิซ) แปลว่า โรคไซนัสอักเสบ

40. laryngitis (ลาริงไจทิซ) แปลว่า โรคกล่องเสียงอักเสบ

41. stye (สตาย) แปลว่า โรคตากุ้งยิง

42. allergy (อัลเลอรฺจี) แปลว่า ภูมิแพ้

43. shoulder stiffness (โชลเดอ สติฟเนส) แปลว่า ไหล่เกร็ง

44. depression (ดีเพรสเชิน) แปลว่า โรคซึมเศร้า

45. athlete’s foot (แอธลีทสฺ ฟูท) แปลว่า โรคน้ำกัดเท้า /ฮ่องกงฟุต/กลากที่เท้า

46. impacted tooth (อิมแพคเท็ด ทูธ) แปลว่า ฟันคุด

47. mumps (มัมพสฺ) แปลว่า คางทูม

48. cold (โคลดฺ) แปลว่า โรคหวัด,หนาว

49. constipation (คอนสทิเพเชิน) แปลว่า อาการท้องผูก

50. dyspepsia (ดิสเพพเซีย) แปลว่า อาการอาหารไม่ย่อย

51. dehydration (ดีไฮเดรเชิน) แปลว่า อาการที่ร่างกายขาดน้ำ

52. sprain (สเปรน) แปลว่า อาการเคล็ด หรือแพลง

53. heartburn (ฮารฺทเบิรฺน) แปลว่า อาการจุกเสียดแน่นท้อง

54. perspire (เพอรฺสไพรฺ) แปลว่า เหงื่อออก

55. hiccup (ฮิคคัพ) แปลว่า สะอึก

56. eyestrain (อายสเตรน) แปลว่า อาการเพลียตา

57. insomnia (อินซอมเนีย) แปลว่า อาการนอนไม่หลับ

58. crick (คริคฺ) แปลว่า อาการเจ็บตึงกล้ามเนื้อ

59. sore throat (ซอรฺ โธรท) แปลว่า อาการเจ็บคอ

60. stuffy nose (สตัฟฟี โนส) แปลว่า อาการคัดจมูก

รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ อาการป่วย (Symptoms Vocabularies)

61. nose bleed (โนส บลีด) แปลว่า อาการเลือดกำเดาไหล

62. convulsion (คอนวัลเชิน) แปลว่า การชักกระตุก

63. fracture (แฟรคเจอ) แปลว่า กระดูกร้าว/หัก

64. broken bone (โบรกเคน โบน) แปลว่า กระดูกหัก

65. burn (เบิรฺน) แปลว่า แผลที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

66. blister (บลิสเตอ) แปลว่า แผลพุพอง

67. conjunctivitis (คอนจังทิไวซิส) แปลว่า เยื่อบุตาอักเสบ/ตาแดง

68. nauseous (นอเซียส) แปลว่า คลื่นไส้

69. vomit (วอมิทฺ) แปลว่า อาเจียน

70. bleeding (บลีดดิง) แปลว่า ที่มีเลือดไหล

71. misshapen (มิสเชพเพน) แปลว่า ที่ผิดรูปผิดร่าง

72. bruise (บรูซฺ) แปลว่า แผลฟกช้ำ

73. cough (คอฟ) แปลว่า ไอ

74. inflamed (อินเฟลมดฺ) แปลว่า อักเสบ

75. runny nose (รันนี โนส) แปลว่า น้ำมูกไหล

76. phlegm (เฟลม) แปลว่า เสมหะ

77. swollen (สวอลเลิน) แปลว่า บวม

78. pus พัสฺ (แปลว่า) หนอง

79. purulent (พูรูเลนทฺ) แปลว่า เป็นหนอง

80. chronic (ครอนิค) แปลว่า เรื้อรัง

81. Tuberculosis (ทู-เบอ-ร-คิว-โล-ซิส-ส) แปลว่า วัณโรค

ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com


รพ.จุฬาภรณ์ เปิดช่องทางไลน์-สติ๊กเกอร์“พึ่งxพิง”

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดตัว โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ LINE Official Account เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางดิจิทัลในการสื่อสารส่งข้อมูลข่าวสารโครงการบริการทางการแพทย์ด้านต่างๆของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ตลอดจนกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงโครงการดีๆจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ที่จะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชน พร้อมแจกสติ๊กเกอร์ไลน์ “พึ่งxพิง” ในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ที่ให้ดาวน์โหลดไปใช้กันได้ฟรีเพื่อเป็นการขอบคุณผู้รับบริการและเพื่อนๆที่ได้ติดตามโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ LINE Official Account

ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กล่าวว่า “โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ได้ก้าวสู่การเป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยภายใต้วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สถาบันในกำกับของรัฐที่ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีพระประสงค์ให้จัดตั้งขึ้น ตามพระปณิธานที่ทรงมุ่งหวังให้ประชาชนคนไทยมีสุขภาพที่ดี และคุณภาพชีวิตที่ได้มาตรฐาน โดยมีภารกิจสำคัญในด้านของการให้บริการทางการแพทย์แบบครบวงจรครอบคลุมการรักษาโรคที่เป็นปัญหาหลักสำคัญของประเทศด้วยศูนย์แห่งความเป็นเลิศเฉพาะทางที่ทันสมัย ยกระดับการรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล เพื่อส่งมอบบริการทางการแพทย์ด้านต่างๆสู่สังคม ช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ยั่งยืนให้กับประชาชนคนไทย

ประกอบกับประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว และสื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสาร และอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งาน Smart Phone รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาเสพข้อมูลข่าวสารจากโลกออนไลน์มากขึ้นในทุกช่วงวัย ทำให้การสื่อสารและการเสพข้อมูลข่าวสารสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

ในโอกาสครบรอบ 10 ปี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เราจึงได้เล็งเห็นการเติบโตของเทคโนโลยีและการพัฒนาบริการประชาชนเพื่อให้สอดคล้องกับพระปณิธาน โดยได้ต่อยอดพัฒนาช่องทางการสื่อสารของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ให้สามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพการสื่อสารมากยิ่งขึ้น จึงเปิดตัวโรงพยาบาลจุฬาภรณ์บนแพลตฟอร์มของ LINE Official Account เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสื่อสารที่จะเข้าถึงไลฟ์สไตล์กลุ่มผู้รับบริการในยุคดิจิทัลมากขึ้น เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการรับข่าวสารด้านต่างๆ ตลอดจนข้อมูลทางสุขภาพที่หวังเป็นที่พึ่งพิงยามเจ็บไข้ได้ป่วยแก่ประชาชน หรือสามารถนำมาปรับใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ พร้อมเมนูที่ง่ายต่อการใช้งาน อาทิ การเข้าถึงศูนย์การรักษาต่างๆ โครงการสุขภาพเพื่อประชาชน รวมถึงเมนู “บริจาค” สมทบทุนเพื่อโครงการศูนย์การแพทย์ภัทรมหาราชานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ขนาด 400 เตียง โครงการเฉลิมพระเกียรติ 90 ปี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ภายในศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 5 อยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างซึ่งจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี พ.ศ.2565 นี้”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 21,650.00 21,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,402.00 21,254.32 22,250.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,261.80 19,128.89 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,121.60 17,003.46 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 631.00 9,565.96 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 491.00 7,443.56 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,453.00 22,027.48 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 07/10/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85
แก๊สโซฮอล์ 91 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58
แก๊สโซฮอล์ E20 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84
แก๊สโซฮอล์ E85 19.64 19.64 19.64
เบนซิน 95 34.26 34.71 34.76 34.56 34.56
ดีเซล 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69
ดีเซลพรีเมี่ยม 23.69 23.69
แก๊ส NGV 15.49 15.49
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า