สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 8 พฤศจิกายน 2560

สิงห์เอสเตทส่ง“ดิ เอส สุขุมวิท36”ชิงตลาดคอนโดหรู

“สิงห์ เอสเตท” เปิดตัว ดิ เอส สุขุมวิท 36 มูลค่า 6,500 ล้านบาท  ชิงดีมานด์ “คอนโดลักชัวรี” ติดรถไฟฟ้าบีทีเอส ทองหล่อ ตั้งเป้ายอดขาย 2 เดือนสุดท้าย 3,000 ล้านบาท

นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในระดับลักชัวรีมาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ ดิ เอส อโศก (The ESSE Asoke) และ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (THE ESSE at SINGHA COMPLEX) ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้รับการตอบรับที่ดี โดยมียอดขายรวมกว่า 85%

ล่าสุดเปิดตัวโครงการที่ 3 คือ ดิ เอส สุขุมวิท 36 คอนโดมิเนียมความสูง 43 ชั้น จำนวน 338 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท ทำเลสุขุมวิท ติดกับรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ แหล่งรวมไลฟ์สไตล์และที่พักอาศัยในระดับบนของกรุงเทพฯ รวมทั้งยังเป็นทำเลยอดนิยมของชาวต่างชาติ จึงทำให้ทำเลนี้เป็นที่ต้องการและมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของลูกค้าในระดับบนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ต้องการซื้อเพื่อพักอาศัยเองและซื้อเพื่อลงทุน

โดยโครงการนี้ สิงห์ เอสเตท ร่วมทุนกับ “ฮ่องกง แลนด์” บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายในเอเชีย รวมถึงได้ว่าจ้างที่ปรึกษาระดับโลก อย่าง SOM ดูแลด้านการออกแบบร่วมกับบริษัทออกแบบชั้นนำของไทย โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้กว่า 3,000 ล้านบาท หรือสัดส่วน 50% ของมูลค่าโครงการ

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่าในส่วนของห้องพักอาศัยทั้ง 338 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 38.50-43.25 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 73.50-77.00 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 116.75-124.25 ตารางเมตร และเพนท์เฮ้าส์ ขนาด 252 ตารางเมตร ทุกห้องมีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว มีการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูงจากแบรนด์ชั้นนำ รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงการเพื่อให้การใช้ชีวิตในโครงการสะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากนั้นพื้นที่ส่วนกลางยังครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ทุกวัฒนธรรมการอยู่อาศัย อาทิ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ออนเซ็น สกายเลาจน์ เธียเตอร์รูม กอล์ฟ ซิมูเลเตอร์ ฯลฯ

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันทองหล่อเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่นเพราะเป็นแหล่งที่รวมไลฟ์สไตล์และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวต่างชาติมากกว่าทำเลอื่นในกรุงเทพฯทั้งยังเป็นย่านที่มีตลาดเช่าที่พักอาศัยเพื่อการลงทุนที่โดดเด่น มีตลาดชัดเจน

คอนโดระดับราคา 250,000-350,000 บาทต่อตารางเมตร แม้จะดูราคาสูงแต่เป็นระดับราคาที่ลูกค้ายอมรับได้เมื่อเทียบกับทำเลแต่

โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ราคาเริ่มต้นต่อยูนิตอยู่ที่ 12 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 1 ปี2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. 2563 ทั้งนี้ โครงการจะเปิดขายให้ชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขาย ติดรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2560 เป็นต้นไป  งานพรีเซลวันที่ 18-19 พ.ย. 2560  สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อในช่วงวันดังกล่าว จะได้รับส่วนลดตั้งแต่ 2-8 แสนบาท

http://www.bangkokbiznews.com


สำรวจคนไทยมีบ้าน ซื้ออยู่ 66% สร้างเอง 34%

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนทั้งประเทศ ผ่านแอพพลิเคชัน “คนไทยมีบ้าน” (Home for All) ซึ่งทำการสำรวจตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2560 จำนวน 78,586 ราย พบว่า ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มอายุ 21-40 ปี (Gen Y) มากที่สุด สัดส่วนรวมกัน 71.5% กลุ่มอายุ 41-60 ปี (Gen X) 25.5% กลุ่มอายุน้อยกว่า 21 ปี (Gen Z) 2.0% และกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี (Baby Boomer) 1%
ผู้ตอบแบบสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยผ่านแอพพลิเคชันคนไทยมีบ้าน ส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้ปานกลาง-รายได้น้อย โดย 85% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีรายได้ไม่ถึง 35,000 บาท/เดือน

สำหรับผลการสำรวจแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ ดังนี้ 1. กลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัย มี 70,068 ราย ในจำนวนนี้แยกย่อยออกเป็นกลุ่มที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย หรือกลุ่มผู้มีความต้องการบ้านหลังแรก จำนวน 61,642 ราย (88%) และที่เหลือเป็นกลุ่มผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยอยู่แล้วในปัจจุบัน 8,426 ราย (12%) แต่ถ้าแบ่งกลุ่มตามความต้องการซื้อพบว่า มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย 46,095 ราย (65.8%) และมีความต้องการปลูกสร้างบ้าน 23,973 ราย (34.2%)
2. กลุ่มที่ไม่มีความต้องการที่อยู่อาศัยแต่ต้องการสินเชื่อด้านอื่นๆ 8,518 ราย (10.8%) มีสินเชื่อเพื่อปรับปรุง/ต่อเติม 7,156 ราย (9%) และต้องการสินเชื่อเพื่อซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกในบ้าน 1,362 ราย (1.7%)
ในส่วนของความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ผู้ตอบแบบสำรวจที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจำนวน 46,095 ราย คิดเป็น 58.7% ของผู้ตอบแบบสำรวจ โดยกลุ่มที่ต้องการซื้อในช่วง 1-3 ปี (ปี 2560-2562) มีจำนวน 40,338 ราย หรือ 87.5% ส่วนอีก 5,757 ราย หรือ 12.5% ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป ถือเป็นกลุ่มที่มีความต้องการในอนาคต ซึ่งยังไม่มีความแน่นอนในการตัดสินใจ
http://www.bkkcitismart.com

เวิลด์แบงก์ ยกระดับเศรษฐกิจไทยน่าจับตา ติดอันดับ 26

เวิลด์แบงก์ ยกระดับเศรษฐกิจไทยน่าจับตา ติดอันดับ 26

ถือเป็นช่วงขาขึ้นของเศรษฐกิจไทยที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลาย ๆ สำนักทั้งไทยและต่างประเทศต่างก็มองว่าประเทศไทยมีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในปีนี้และปีหน้า ล่าสุด ธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ได้เผยแพร่รายงาน “Doing Business 2018: Reforming to Create Jobs” หรือรายงานความยากง่ายในการทำธุรกิจประจำปี 2561 โดยประเทศไทยขยับขึ้นถึง 20 อันดับ มาอยู่ที่อันดับ 26 จาก 190 ประเทศทั่วโลก

ไทยติดอันดับ 26 ตัวชี้วัดปรับขึ้น 8 ด้าน
ประเทศไทยได้รับการปรับอันดับขึ้นถึง 20 อันดับ จากอันดับ 46 มาอยู่ที่ 26 โดยที่ 5 อันดับแรก ได้แก่ ประเทศนิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ ซึ่งยังคงรักษาอันดับ 1 และ 2 ไว้ได้ รองลงมาคือเดนมาร์ก และเกาหลีใต้ ขณะที่ฮ่องกงตกจากอันดับ 4 มาอยู่อันดับ 5 แต่หากเปรียบเทียบเฉพาะในอาเซียน ไทยถือว่าอยู่อันดับ 3 ตามหลังเพียงประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซียเท่านั้น

ทั้งนี้ สิ่งที่เวิลด์แบงก์นำมาพิจารณา ประกอบด้วย 10 ตัวชี้วัด ซึ่งประเทศไทยอันดับเพิ่มขึ้นถึง 8 ตัวชี้วัด โดยตัวชี้วัดที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ การขอใช้ไฟฟ้า ได้อันดับ 13 ของโลก รองลงมาคือการคุ้มครองผู้ลงทุน ได้อันดับ 16, การแก้ปัญหาการล้มละลาย ได้อันดับ 26, การบังคับให้เป็นไปตามสัญญา ได้อันดับ 34, การเริ่มต้นธุรกิจ ได้อันดับ 36, การได้รับสินเชื่อ ได้อันดับ 42, การขออนุญาตก่อสร้าง ได้อันดับ 43, การค้าระหว่างประเทศ ได้อันดับ 57, การชำระภาษี ได้อันดับ 67 และการจดทะเบียนทรัพย์สิน ได้อันดับ 68

ตัวอย่างการปฏิรูป 8 ใน 10 ตัวชี้วัด ได้แก่ การลดระยะเวลาการจัดตั้งธุรกิจ/ยกเลิกการประทับตราบริษัทในหุ้น, ลดขั้นตอนการขอใช้ไฟฟ้า, การออกกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจใหม่, การเพิ่มสิทธิผู้ลงทุนรายย่อยทำให้ฟ้องร้องได้ง่ายขึ้น/สร้างความชัดเจนของโครงสร้างการบริหารระหว่างความเป็นเจ้าของกับการควบคุม/กำกับบริษัท รวมถึงระบบการตรวจสอบภาษีโดยใช้โปรแกรมบริหารความเสี่ยงมาคัดเลือกบริษัทที่มีความเสี่ยงสูง/ลดอัตราภาษีการโอนทรัพย์สิน, การใช้ระบบยื่นฟ้องทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการปรับแก้กฎหมายล้มละลายเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูง่ายขึ้น

เวิลด์แบงก์ จัดให้ประเทศไทยอันดับเพิ่มขึ้นถึง 8 ตัวชี้วัด โดยตัวชี้วัดที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ การขอใช้ไฟฟ้า

เวิลด์แบงก์ จัดให้ประเทศไทยอันดับเพิ่มขึ้นถึง 8 ตัวชี้วัด โดยตัวชี้วัดที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ การขอใช้ไฟฟ้า

ส่องประเทศเพื่อนบ้านมีทั้งเพิ่ม-ลดอันดับ
หากพิจารณาจากคะแนนเฉลี่ยหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคอาเซียนอันดับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาทิ บรูไน ขยับขึ้น 16 อันดับ จาก 72 เป็น 56 อินโดนีเซีย ขยับขึ้น 19 อันดับ จาก 91 เป็น 72 เวียดนาม ขยับขึ้น 14 อันดับ จาก 82 เป็น 68 รวมทั้งยังมีบางประเทศที่ลดอันดับลง อาทิ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมา ลาว และมาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม จากรายงานฉบับดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงบทบาทของนโยบายภาครัฐที่มีความสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนของภาคธุรกิจ ซึ่งจากรายงานดังกล่าวก็คงเป็นนิมิตรหมายอันดีที่ได้ประกาศให้ทั่วโลกปรับมุมมองเกี่ยวกับประเทศไทยในแง่การลงทุนดีขึ้น ถือเป็นช่วง ‘น้ำขึ้น ต้องรีบตัก’ โดยภาครัฐเตรียมมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจมากขึ้น โดยคาดว่าปีนี้และปีหน้าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะขยายตัวที่ 3.8% ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนภาคเอกชน 3.4% และการส่งออก 5.7%

http://www.ddproperty.com


คนกรุงเสียเวลากับรถติดวันละ 72 นาที

ผลสำรวจโดย “อูเบอร์” เผยว่าแนวโน้มปัญหาการจราจรติดขัดในหลายๆ เมืองของภูมิภาคอาเซียนเลวร้ายลงทุกปี โดยกรุงเทพมหานคร มีปัญหาการจราจรติดขัดที่มากที่สุดในภูมิภาค ตามมาด้วยจาการ์ตา มะนิลา ฮานอย และกัวลาลัมเปอร์

ผู้คนที่ขับรถบนถนนในกรุงเทพฯ เสียเวลาไปกับรถติดโดยเฉลี่ย 72 นาทีในแต่ละวัน และอีก 24 นาทีเพื่อวนหาที่จอดรถ โดยทุกวันนี้กรุงเทพฯ มีรถมากกว่า 5.8 ล้านคัน และต้องใช้พื้นที่เท่ากับ 8 สนามบินสุวรรณภูมิในการจอดรถทั้งหมด ช่วงชั่วโมงเร่งด่วน รถจะติดมากกว่าช่วงเวลาปกติ 2 เท่า มีรถอยู่บนถนน 160% ของปริมาณรถยนต์ที่ควรจะมี

อีกหนึ่งปัญหาคือ ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถูกปล่อยออกสู่อากาศเติมพื้นที่ขนาดตึกมหานครมากถึง 23,000 ตึก

ชูเทคโนฯปลดล็อค

“ศิริภา จึงสวัสดิ์” ผู้จัดการประจำประเทศไทย อูเบอร์ เสนอว่า หนึ่งในแนวทางช่วยแก้ปัญหาคือ บริการรถร่วมเดินทาง(ridesharing) ซึ่งทำให้ผู้คนเดินทางด้วยกันได้โดยใช้รถยนต์น้อยลง คาดว่าวิธีการดังกล่าวจะสามารถแก้ปัญหาความแออัดของการจราจรทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ของไทยได้

“ไรด์แชริ่งสามารถลดจำนวนรถบนถนนในเมืองได้ถึง 60% หรือเท่ากับ 3.5 ล้านคัน ได้พื้นที่คืนจากที่จอดรถคิดเป็นพื้นที่มากถึง 275 เท่าของสวนลุมพินี นับเป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยปลดล็อคพร้อมเพิ่มศักยภาพให้กับเมือง”

ผลสำรวจระบุว่า คนกรุงใช้รถเฉลี่ย 2 คนต่อ 1 คัน แปลว่ายังมีที่นั่งว่างอยู่ การแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย

ข้อมูลจากบีซีจี (Boston Consulting Group) ชี้ว่า ในภูมิภาคอาเซียนมีการนำแนวคิดนำบริการร่วมเดินทางมาใช้อย่างกว้างขวางขึ้น สำคัญต้องใช้ 2 มาตรการร่วมแก้ไขปัญหากคือการลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันกับการใช้บริการร่วมเดินทาง

อย่างไรก็ดี ในเมืองอื่นๆ พบว่า ที่โฮจิมินห์คน 3 ใน 4 เคยผิดนัดเพราะรถติด ในกัวลาลัมเปอร์ภายในปี 2565 จะมีรถติดมากกว่าเดิม 4.5 เท่า แต่ละปีคนสิงคโปร์เสียเวลากับการหาที่จอดรถคิดเป็นเงิน 120,000 บาท และหากจาการ์ตาและโฮจิมินห์ยังมีรถเพิ่มต่อไปการจราจรของสองเมืองนี้จะเป็นอัมพาตภายใน 5 ปี

หวังรัฐเปิดรับ

ด้าน “ศุภกร สิทธิไชย” ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า ปัญหาการจราจรและการเดินทาง ถือเป็นปัญหาร่วมของชุมชนเมืองในหลายประเทศ เช่นเดียวกับประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ไขและพัฒนาเมืองให้ผู้อยู่อาศัยได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุกมิติ โดยมีบางส่วนได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ และขอนแก่น

เบื้องต้นที่รัฐบาลจัดทำโครงการนำร่องไปแล้วเช่น สมาร์ทซิตี้ที่ผลักดันให้เกิดเครือข่าย สร้างเป็นแพลตฟอร์มเพื่อรวบรวมผู้ให้บริการเทคโนโลยี ผู้บริหารเมือง และที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือกันเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม

“ภูรี สิรสุนทร” คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ไรด์แชริ่งสามารถช่วยลดปัญหาการจราจรได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทางหนึ่งสนองความต้องการการเดินทางของผู้โดยสารพร้อมลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการใช้เวลาเดินทางของผู้โดยสารโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยให้ผู้โดยสารเดินทางสู่ที่หมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นภาครัฐควรเปิดรับและหาแนวทางในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพในการเดินทางและเพื่อลดปัญหาการจราจรได้อย่างมีประสิทธิผล

http://www.bangkokbiznews.com


9 ประโยชน์จากการฟังเพลง ที่ไม่ใช่แค่ครื้นเครงอย่างที่คิด

ฟังเพลง

ประโยชน์ของการฟังเพลงที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ไม่ได้แค่ช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้นเท่านั้นนะคะ แต่ประโยชน์ด้านสุขภาพจากการฟังเพลง ยังมีอีกเยอะจนน่าทึ่ง !

เคยฟังเพลงจังหวะสนุกแล้วรู้สึกครึกครื้นขึ้นมาทันทีบ้างไหมคะ หรือใครที่กำลังเศร้าอยู่พอฟังเพลงเศร้าก็กลับรู้สึกดีขึ้นมาซะอย่างนั้น ซึ่งก็เท่ากับว่าแม้เราจะตกอยู่ในห้วงอารมณ์ไหน เสียงเพลงก็ช่วยขับกล่อมให้จิตใจรู้สึกดีขึ้นได้ตลอด แต่คนรักเสียงเพลงน่าจะมีความสุขกับการฟังเพลงกันมากยิ่งขึ้น หลังจากได้อ่านข้อมูลด้านล่างนี้ เพราะเว็บไซต์ Reader’s digest เขาได้นำ 9 ประโยชน์ด้านสุขภาพจากการฟังเพลงมาบอกต่อ ซึ่งก็จะทำให้คุณ ๆ ได้รู้ว่า การฟังเพลงไม่ได้แค่ช่วยให้รู้สึกครื้นเครงเท่านั้นจริง ๆ

 1. คลายความเครียด

ใคร ๆ ก็รู้ว่าดนตรีช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้น ยิ่งได้ฟังเพลงโปรดก็ยิ่งแฮปปี้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แต่นอกจากความฟินที่ได้ฟังเพลงเพราะแล้ว งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ยังเน้นย้ำให้แน่ใจอีกด้วยว่า การฟังเพลงโปรดช่วยคลายความเครียด ลดความกดดัน และคลายความกังวลในจิตใจได้เป็นอย่างดี อ้างอิงโดยการทดลองกับกลุ่มผู้ป่วย ICU นั่นเอง

 2. ลดความอ้วนด้วยดนตรีจังหวะนุ่มนวล

สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอต และอยากจำกัดปริมาณการรับประทานอาหารของตัวเอง อย่างนี้ต้องจัดฉากโรแมนติก กินข้าวเคล้าเสียงเพลงคลาสสิค เพลงแจ๊ส หรือเพลงจังหวะเบา ๆ สักหน่อยแล้วล่ะค่ะ เพราะวารสารด้านจิตวิทยาได้รายงานผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยคอร์เนลเอาไว้ว่า เหล่าคนที่กินข้าวเคล้าเสียงเพลงจังหวะนิ่ม ๆ จะกินอาหารได้น้อยลงกว่า 18% จากปกติเชียวล่ะ

 3. กระตุ้นแรงบันดาลใจด้วยเพลงมีจังหวะ

ในขณะที่เพลงจังหวะเนิบช้าช่วยลดความอยากอาหาร มหาวิทยาลัยนอร์ธัมเบรียก็แสดงผลวิจัยตีคู่กันมาว่า เสียงเพลงในจังหวะเร็วขึ้นมาอีกนิดจะช่วยกระตุ้นความตื่นตัว เสริมแรงบันดาลใจที่ทำท่าว่าจะมอดดับของคุณให้กลับมามีพลังอีกครั้งได้ด้วย โดยผลลัพธ์ที่ได้ก็เกิดจากการทดสอบของกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มทำงาน ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจแห่งความเครียดชิ้นหนึ่งและพบว่า เขาเหล่านี้จะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าตอนที่ยังไม่ได้ฟังเพลง

 4. ช่วยให้การสูบฉีดเลือดคล่องตัวขึ้น

นักวิจัยชาวดัตช์ได้เผยผลวิจัยในการประชุมของสมาคมโรคหัวใจแห่งยุโรป เมื่อปี 2003 ว่า ผู้ป่วยที่ฟังเพลงโปรดวันละ 30 นาทีเป็นประจำในขณะที่ออกกำลังกาย จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพิ่มกรดไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ตัวช่วยขยายหลอดเลือดให้เลือดเดินสะดวกยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจในเวลาต่อมา

 5. ยิ่งร้องประสานเสียงยิ่งมีความสุขได้อีก

ในจำนวนผู้ทดลอง 375 คน แบ่งเป็นกลุ่มนักร้องประสานเสียง นักร้องเดี่ยว และกลุ่มนักกีฬาเป็นทีม ผลวิจัยของประเทศอังกฤษก็พบว่า กิจกรรมที่ทำร่วมกันเป็นทีมจะมอบความสุขให้กลุ่มผู้ทดลองได้มากกว่า โดยเฉพาะกลุ่มนักร้องประสานเสียง ซึ่งสามารถวัดระดับความสุขได้สูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ ทั้งนี้นักวิจัยก็อธิบายเพิ่มเติมว่า การได้ทำอะไรร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความสามัคคี ความรู้สึกว่าเราเป็นทีมเดียวกัน จะส่งเสริมให้ทุกคนมีกำลังใจและมีความสุขมากขึ้น และยิ่งมีเสียงเพลงคอยขับกล่อมด้วยแล้ว ความสุขใจก็ทบทวีคูณเป็นสองเท่าเลยจ้า

 6. ลับสมองด้วยทักษะดนตรี

วารสารประสาทวิทยาแสดงผลวิจัยที่เกี่ยวข้องกับดนตรีกับประสิทธิภาพการทำงานของสมองให้ได้รู้ทั่วกันว่า คนที่มีทักษะการเล่นดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่งตั้งแต่ยังเด็ก หรือแม้จะเพิ่งเริ่มเล่นดนตรีในช่วงวัยรุ่นก็ตาม มีแนวโน้มคงประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้ยาวนานกว่าคนที่ชีวิตนี้ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับดนตรีเลย อีกทั้งนักดนตรีทั้งหลายยังมีทักษะการแยกแยะและตอบสนองต่อเสียงได้ยอดเยี่ยมอีกต่างหาก

 7. เสียงเพลงเรียกร้องความร่วมมือจากเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี

คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่อยากหล่อหลอมให้ลูกรักมีจิตใจอ่อนโยน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ และว่านอนสอนง่าย นักวิจัยจากประเทศอังกฤษก็แนะนำให้ส่งลูก ๆ เข้าเรียนดนตรีตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ไปเลยค่ะ เพราะเสียงเพลงจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้เด็ก ๆ เกิดความอ่อนโยน มีสมาธิมากขึ้น และมีแนวโน้มเป็นเด็กเก่งที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อให้เพื่อน ๆ ด้วย
ขับรถ
 8. ชะลออารมณ์หงุดหงิดของคนขับรถ

ทุกคนที่ใช้รถใช้ถนนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การขับรถเป็นวิธีสร้างอารมณ์ฉุนเฉียวให้เราได้มากมายขนาดไหน ก็แหม เดี๋ยวรถคันนั้นก็ปราดหน้า เดี๋ยวก็มอเตอร์ไซค์แซงซ้ายแซงขวาฉวัดเฉวียน แค่คิดก็พาอารมณ์ขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารการยศาสตร์ เมื่อปี 2013 ก็ชี้แนะวิธีลดความโกรธของผู้ขับขี่โดยให้ผู้ขับขี่เปิดเพลงโปรดฟังคลอการขับขี่ไปเรื่อย ๆ แค่นี้ก็จะสามารถควบคุมอารมณ์และการขับขี่ของตัวเองได้อย่างชิล ๆ มากกว่าเดิมแล้ว

 9.  ควบคุมโรคมะเร็งในเด็กได้อยู่หมัด

โรงพยาบาลเพื่อการวิจัยเด็กเซนต์จูด (St. Jude Children’s Research Hospital) ได้เผยผลการทดลองว่า กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นที่ทำการรักษาด้วยดนตรี มีแนวโน้มควบคุมการขยายตัวของโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่กำลังอยู่ในช่วงปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ที่ได้เรียนรู้การเขียนเพลงและการทำมิวสิควิดีโอ เนื่องจากโลกแห่งเสียงดนตรีจะช่วยเยียวยาความรู้สึก และป้องกันปัจจัยภายนอกที่จะเข้ามาบั่นทอนผู้ป่วยให้หมดกำลังใจในการรักษาได้ และเมื่อผู้ป่วยมีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นก็มีโอกาสต่อสู่โรคมะเร็งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพขึ้นนั่นเอง

จากข้อดีของการฟังเพลงที่เราได้กล่าวมาทั้งหมดก็น่าจะพอยืนยันได้แล้วนะคะว่า เสียงดนตรีไม่ได้มีดีแค่ทำให้ชีวิตเราสนุกสนานครื้นเครงเท่านั้น แต่ยังพกประโยชน์ด้านสุขภาพมาให้เราเก็บเกี่ยวได้อีกเพียบเลยทีเดียว

https://health.kapook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 8/11/2560​

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,950.00 20,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,292.00 19,586.72 20,550.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,162.80 17,628.05 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 581.00 8,807.96 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 452.00 6,852.32 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,339.00 20,299.24 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  8/11/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 28.25 28.25 27.65 28.25 27.65
28.25
28.25
28.25
28.25
แก๊สโซฮอล E-20
25.74
25.74
25.74
25.14
25.74
25.74
25.74
25.74
25.74
แก๊สโซฮอล E-85 20.84 20.84 20.84 20.84
แก๊สโซฮอล 91 27.98 27.98 27.98 27.38 27.98 27.38 27.98 27.98 27.98 27.98
เบนซิน 95 35.36 35.81 35.86 35.36 35.36 35.36
ดีเซลหมุนเร็ว 26.39 26.39 26.99 26.39 26.99 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.39 29.39 29.39 29.39 29.39
มีผลตั้งแต่ 08 Nov 05:00 08 Nov 05:00 08 Nov 05:00 08 Nov 05:00 08 Nov 05:00 08 Nov 05:00 08 Nov 05:00 08 Nov 05:00 08 Nov 05:00 08 Nov 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า