สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 8 ธันวาคม 2560

พลัสฯขยาย”ช็อป”ช่องทางซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาฯ

พลัส พร็อพเพอร์ตี้  ขยายศูนย์ “พลัสช็อป” ให้บริการซื้อ-ขายโครงการใหม่ พร้อมบริการฝากขาย-เช่าโครงการรีเซล  ล่าสุดเปิดสาขาเดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต ตอบโจทย์วิถีคนกรุงเดินทางด้วยรถไฟฟ้า

นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้เปิดศูนย์ให้บริการด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร “PLUS Shop” เพื่อเพิ่มช่องทางให้กับผู้บริโภคได้เข้าถึงบริการได้สะดวก

 โดยในศูนย์ดังกล่าวมีสต๊อกที่อยู่อาศัย เพื่อขาย และเพื่อเช่า ของห้องชุดในโครงการ อาทิ ออนิกซ์ พหลโยธิน, เดอะ เวอร์ติเคิล อารี, เดอะ ไลน์ ราชเทวี, ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี, ริทึ่ม รางน้ำ, โนเบิล รีฟอร์ม รวมถึงยังมีบริการรับฝากขาย-เช่า สำหรับลูกค้าและนักลงทุนที่ใช้บริการผ่านพลัสฯ จึงเป็นเสมือนศูนย์กลางในการขายอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของ One Stop Contact

ปัจจุบันได้เปิดให้บริการแล้ว 4 แห่ง บนทำเลศักยภาพ โดย 3 แห่งแรกเปิดให้บริการที่หัวหิน ภูเก็ต และในโครงการ T77 และล่าสุดเปิดที่ โครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร –หมอชิต เมื่อต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ที่สัญจรไปมาดีเกินคาด เนื่องจากทำเลของช็อปใหม่นี้ ตั้งอยู่ในจุดที่ติดกับรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารหนาแน่น อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที

นอกจากนี้ยังตั้งอยู่บนทำเล ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานของบริษัทชั้นนำ รวมถึงอยู่ใกล้ศูนย์การค้า สวนสาธารณะ และตลาดนัดจตุจักรซึ่งเป็นแหล่งชอปปิงที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ

สำหรับการให้บริการรับฝาก-เช่า อสังหาริมทรัพย์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งบริการได้รับความสนใจค่อนข้างสูงจากลูกค้าและนักลงทุนในส่วนที่ต้องการนำที่อยู่อาศัยกลับมาขายใหม่ (รีเซล) ซึ่งจากผลการวิจัยของพลัสฯพบว่า ในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียมรีเซลเป็นตลาดได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาขายของตลาดรีเซลโดยส่วนใหญ่เฉลี่ยที่ต่ำกว่าโครงการเปิดตัวใหม่ในทำเลเดียวกันค่อนข้างมาก คิดเป็นราคาต่ำกว่าราคาขายคอนโดมือหนึ่งเปิดใหม่  26-44%

อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบโครงการที่เปิดขายในช่วงไม่เกิน 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าโดยภาพรวมราคารีเซลต่ำกว่าโครงการที่เปิดใหม่อยู่ที่ 33% โดยโซนที่ราคามีความแตกต่างมากสุดคือโซนริมแม่น้ำ (ต่างกันถึง 44%) สำหรับย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ได้แก่ โซนเพลินจิต-ชิดลม-อโศก แตกต่างจากโครงการเปิดตัวใหม่ 26% โซนพร้อมพงษ์-ทองหล่อ ราคาแตกต่างประมาณ 28% โซนสีลม-สาธร ราคาแตกต่างกันอยู่ที่ 26% สำหรับโซนพระรามเก้า-ศูนย์วัฒนธรรม ราคาแตกต่างกันอยู่ที่ 32% โซนราชเทวี –พญาไท ราคาแตกต่างกันประมาณ 38% ส่วนโซนสนามเป้า-หมอชิต ราคาแตกต่างประมาณ 32% ส่วนโซนพระโขนง – อ่อนนุช ราคาแตกต่างกันประมาณ 30%

สภาพอาคารของโครงการรีเซลเหล่านี้มักได้รับการดูแลอย่างดี ไม่แตกต่างจากโครงการใหม่มากนัก แม้ว่าวัสดุหรือรูปแบบอาจจะแตกต่างจากโครงการใหม่บ้าง แต่จากราคาที่ต่ำกว่าในทำเลที่ดีไม่ต่างจากโครงการใหม่ จึงทำให้ตลาดรีเซลได้รับการตอบรับที่ดี ปัจจัยหลักมาจากราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายกว่า และทำเลบางแห่งที่ไม่มีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นแล้ว

สำหรับการเปิดช็อปดังกล่าวนับเป็นการเปิดประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคได้เข้ามาทดลองใช้บริการแนะนำที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับความต้องการ การชมห้องตัวอย่างและโครงการ และโปรโมชั่นที่อยู่อาศัยโครงการอื่น ในย่านต่างๆ ที่น่าสนใจ

“การเปิดให้บริการพลัสช็อปเป็นหนึ่งในนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี และสร้างบริการที่เพิ่มมูลค่าให้กับที่อยู่อาศัยในอนาคต” นายอนุกูล กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


คาดปี 61 กรุงเทพฯ-ปริมณฑล เปิดใหม่ 1-1.08 แสนหน่วย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองเศรษฐกิจปี 2561 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชื่อมั่น และเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ แต่ทิศทางการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยยังคงเป็นไปอย่างรุนแรง เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2561 ยังมีจำกัด ทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ที่แม้กำลังซื้อค่อยๆ ฟื้นตัว แต่ก็เผชิญข้อจำกัดด้านราคาที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่อยู่ในระดับสูง รวมถึงกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุน ที่น่าจะชะลอการลงทุนในที่อยู่อาศัยลง เนื่องจากการแข่งขันในตลาดให้เช่าที่อยู่อาศัยเป็นไปอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดคอนโดมิเนียมให้เช่า
นอกจากนี้ การขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยคงค้าง ณ สิ้นปี 2560 ยังเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตั้งเป้าหมายการขยายตัวของการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในปี 2561 อย่างระมัดระวัง และอาจปรับแผนการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ระหว่างปีอย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ในตลาดที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2561 น่าจะยังคงมีไม่ตํ่ากว่า 100,000 หน่วย โดยคาดว่าอยู่ที่ 100,000-108,000 หน่วย ขยายตัว 0-2% จากปี 2560 ทั้งนี้จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในปี 2561 น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 2 ปีที่ผ่านมา โดยการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขยายตัวของจำนวนที่อยู่อาศัยกลุ่มคอนโดมิเนียม ซึ่งข้อจำกัดด้านพื้นที่สำหรับการลงทุนพัฒนาโครงการแนวราบ ประกอบกับความคืบหน้าของโครงการส่วนต่อขยายสถานีรถไฟฟ้า น่าจะดึงดูดให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2561

http://www.bkkcitismart.com


ราคาอาหารขึ้น กินที่ไหนก็แพง ก.พาณิชย์ แจงขึ้นไม่เกิน 1 บาท

ราคาอาหารขึ้น กินที่ไหนก็แพง ก.พาณิชย์ แจงขึ้นไม่เกิน 1 บาท

เมื่อเร็วๆ นี้ กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ได้สำรวจราคาสินค้าอาหารบริโภคในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาของปี 2560 (เดือนมกราคม-พฤศจิกายน) พบว่า การบริโภคอาหารในบ้านและนอกบ้านของคนไทยมีราคาสูงขึ้น 11 เดือนติดต่อกัน และมีแนวโน้มต่อเนื่องไปถึงเดือนธันวาคม

ราคาอาหารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 11 เดือน
จากการสำรวจพบว่า ราคาสินค้าอาหารบริโภคในช่วง 11 เดือนของปี 2560 พบว่า ตลอด 11 เดือนที่ผ่านมาประชาชนต้องบริโภคอาหารแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออาหารมาทำกินเองที่บ้าน เพราะวัตถุดิบในการปรุงอาหารราคาปรับตัวสูงขึ้น หรือการออกไปบริโภคอาหารนอกบ้านตามร้านอาหาร ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า หรือตามร้านค้าทั่วไป เพราะผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า อ้างว่าต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น โดยจากการสำรวจในแต่ละเดือนพบว่า

– เดือนมกราคม ในบ้านเพิ่ม 1.00% นอกบ้านเพิ่ม 1.30%
– เดือนกุมภาพันธ์ ในบ้านเพิ่ม 1.11% นอกบ้านเพิ่ม 1.38%
– เดือนมีนาคม ในบ้านเพิ่ม 1.67% นอกบ้านเพิ่ม 1.41%
– เดือนเมษายน ในบ้านเพิ่ม 1.03% นอกบ้านเพิ่ม 1.14%
– เดือนพฤษภาคม ในบ้านเพิ่ม 1.04% นอกบ้าน เพิ่ม 1.14%
– เดือนมิถุนายน ในบ้านเพิ่ม 0.81% นอกบ้านเพิ่ม 1.11%
– เดือนกรกฎาคม ในบ้านเพิ่ม 0.81% นอกบ้านเพิ่ม 1.27%
– เดือนสิงหาคม ในบ้านเพิ่ม 1.13% นอกบ้านเพิ่ม 1.08%
– เดือนกันยายน ในบ้านเพิ่ม 1.24% นอกบ้านเพิ่ม 1.03%
– เดือนตุลาคม ในบ้านเพิ่ม 1.28% นอกบ้านเพิ่ม 1.00%
– เดือนพฤศจิกายน ในบ้านเพิ่ม 1.22% นอกบ้านเพิ่ม 1.03%

ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาอาหารส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ

ในแต่ละเดือน หรือแม้แต่บางเดือนอย่างเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่เงินเฟ้อติดลบ แต่การขยายตัวของราคาอาหารก็ยังเพิ่มขึ้น และคาดว่าในเดือนธันวาคม 2560 ราคาอาหารทั้งบริโภคในบ้านและนอกบ้านจะยังปรับตัวสูงขึ้น และทำสถิติราคาสูงขึ้นต่อเนื่องทั้ง 12 เดือน แน่นอน

ราคาอาหารเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดปี

ราคาอาหารเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดปี

ก.พาณิชย์ แจงราคาอาหารเพิ่มไม่ถึง 1 บาท
ด้านกระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ตัวเลขข้างต้นเป็นตัวเลขที่เทียบระหว่างราคาของเดือนเดียวกันในปีปัจจุบันและปีก่อนหน้า ซึ่งจะไม่สะท้อนถึงราคาที่เพิ่มขึ้นแท้จริง หากจะดูว่าราคาอาหารเพิ่มเท่าไหร่ในแต่ละปี ต้องดูที่ตัวเลขรวมเฉลี่ยของปีเป็นช่วงๆ เช่น หากดูราคาอาหารบริโภคนอกบ้านเฉลี่ยทั่วประเทศของปี 2560 จนถึงขณะนี้ (เดือนมกราคม-พฤศจิกายน) จะพบว่า ราคาเพิ่มขึ้น 1.17% เมื่อเทียบกับ 11 เดือนในปี 2559 ส่วนราคาอาหารบริโภคในบ้านเพิ่มขึ้น 1.13% โดยเมื่อแปลงจากเปอร์เซ็นต์มาเป็นราคาที่แท้จริงแล้ว จะพบว่า ราคาอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้านทั้งปี 2560 สูงขึ้นไม่ถึง 1 บาท ยกเว้นอาหารโทรสั่ง

นอกจากนี้ยังมีราคาอาหารบางอย่างที่ติดลบด้วย เช่น ข้าวราดแกง เพิ่มขึ้น 0.47 บาท (ราคาเฉลี่ยปี 2559 คือ 34.16 บาท ปี 2560 คือ 34.63 บาท) ก๋วยเตี๋ยว เพิ่มขึ้น 0.16 บาท (34.02/34.18 บาท) ข้าวราดกระเพราหมู เพิ่มขึ้น 0.33 บาท (35.02/35.35 บาท) ไก่ทอด-พิซซ่า ลดลง 0.44 บาท (52.10/51.66 บาท) โจ๊กหมูหรือไก่ใส่ไข่ เพิ่มขึ้น 0.26 บาท (30.20/30.46 บาท) กับข้าวถุง เพิ่มขึ้น 0.41 บาท (31.17/31.58 บาท)

จากการคำนวณสัดส่วนค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ย 12,000-62,000 บาท ในซื้ออาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน พบว่า ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2560 ครัวเรือนใช้เงินเพิ่มขึ้นรวม 18.23 บาท หรือประมาณ 6.07 บาท/คน ในการซื้ออาหารบริโภคในบ้าน และใช้เงินเพิ่มขึ้นรวม 20.23 บาทต่อครัวเรือน หรือประมาณ 6.74 บาท/คน ในการซื้ออาหารบริโภคนอกบ้าน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้านจะคิดเป็นเงินที่ไม่มากนัก แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้หามาตรการช่วยลดภาระผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเพิ่มความเข้มข้นในการใช้กฎหมายมาดูแลราคาสินค้า การเพิ่มจำนวนร้านหนูณิชย์พาชิม ซึ่งช่วยแนะนำร้านที่ราคาถูก คุณภาพดี ให้มากขึ้นจากปัจจุบันมีจำนวนร้านค้ากว่า 1.2 หมื่นแห่งทั่วประเทศ การนำวัตถุดิบในการปรุงอาหาร ทั้งน้ำมัน น้ำตาล ซอสปรุงรส ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ เข้าไปจำหน่ายในร้านธงฟ้าประชารัฐ โดยมีราคาถูกกว่าท้องตลาด 10-20% ทำให้ต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จต่ำลง

https://www.ddproperty.com


ASUS/HP เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ แบตฯ อึด พร้อมใช้งานตลอดเวลา

โน้ตบุ๊ก Windows 10 รุ่นใหม่

ASUS และ HP เปิดตัวโน้ตบุ๊ก Windows 10 รุ่นใหม่ ชูจุดเด่นด้านความเป็น Always Connected PCs

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2560 ASUS และ HP ได้เปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ชูจุดเด่นด้านความเป็น Always Connected PCs คือพร้อมใช้งานตลอดเวลา เปิดเครื่องแล้วใช้งานได้ทันที รองรับ LTE ที่สามารถเชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา พร้อมแบตเตอรี่ที่อึดสุด ๆ ใช้งานได้นานหายห่วงไม่ต้องกลัวแบตเตอรี่หมดไว โดยโน้ตบุ๊กทั้ง 2 รุ่นจะใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีรายละเอียดดังนี้

ASUS Nova Go โน้ตบุ๊กรุ่นแรกของโลกที่รองรับ Gigabit LTE เร็วแรง สามารถดาวน์โหลดหนังความยาว 2 ชั่วโมงได้ภายในเวลาแค่ 10 วินาที มาพร้อมซีพียู Qualcomm Snapdragon 835 พร้อมชิป X16 LTE แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 22 ชั่วโมง และสแตนด์บานได้นานถึง 30 วัน มีราคาเริ่มต้นที่ $599 หรือประมาณ 20,000 บาท

โน้ตบุ๊ก Windows 10 รุ่นใหม่

HP ENVY x2 โน้ตบุ๊กที่ผสมผสานข้อดีจากสมาร์ทโฟนและ Windows PC ตัวเครื่องบางเฉียบและแข็งแรงทนทาน รองรับทั้ง 4G LTE2 และ Wi-Fi แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 20 ชั่วโมง หน้าจอสามารถถอดแยกกับคีย์บอร์ดเพื่อใช้งานแบบแท็บเล็ตได้ แต่ยังไม่เปิดเผยราคาในขณะนี้

โน้ตบุ๊ก Windows 10 รุ่นใหม่

https://men.kapook.com


สายตาสั้น เมื่ออายุมากขึ้น สายตาจะกลับมาปกติจริงไหม?

ถือเป็นคำถามยอดฮิตของหลายๆ คนทีเดียว กับคำถามที่ว่า เมื่ออายุน้อย หากเรามีสายตาสั้นอยู่ แล้วเมื่ออายุย่างเข้าเลข 4 มีสายตายาวขึ้น จนกลับมาเป็นสายตาปกติได้จริงรึเปล่า?

ถือเป็นคำถามยอดฮิตของหลายๆ คนทีเดียว กับคำถามที่ว่า เมื่ออายุน้อย หากเรามีสายตาสั้นอยู่ แล้วเมื่ออายุย่างเข้าเลข 4 มีสายตายาวขึ้น และแบบนี้ค่าสายตาจะสามารถหักลบกลบหนี้กับค่าสายตาสั้นเมื่ออดีต จนกลับมาเป็นสายตาปกติได้จริงรึเปล่า??  วันนี้เรามีคำตอบจาก ผศ.พญ.วรินทร จักรไพวงศ์  จักษุแพทย์จาก TRSC ศูนย์เลสิคนานาชาติ ที่จะมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้ให้ถูกต้องค่ะ

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ปัญหาของสายตาที่ผิดปกติแต่ละประเภทเกิดจากอะไรบ้าง

1. สายตาสั้น เกิดจากกำลังการรวมแสงของตามากเกินไป  อาจเกิดจากกระจกตาโค้งมากเกินไป หรือขนาดลูกตายาวเกินไป เมื่อมองวัตถุที่อยู่ไกล แสงรวมก่อนถึงจอประสาทตาทำให้มองเห็นวัตถุที่อยู่ไกลไม่ชัดเจน แต่สามารถมองใกล้ได้ดี  การแก้ไข –  ใช้เลนส์เว้าช่วยลดกำลังการรวมแสงที่มีมากเกินไปเพื่อให้สามารถมองไกลได้ดี

2. สายตายาวโดยกำเนิด (เกิดตั้งแต่กำเนิด) เกิดจากกำลังการรวมแสงของตาน้อยเกินไป อาจเกิดจากกระจกตาแบนเกินไป หรือขนาดลูกตาสั้นไป แสงตกหลังจอประสาทตา  ทำให้มองไม่ชัดทั้งใกล้ และไกล การแก้ไข –  ใช้เลนส์นูนเพิ่มกำลังการรวมแสงเพื่อให้สามารถมองเห็นได้ดี

3. สายตาเอียง เกิดจากกำลังการรวมแสงของตาในแนวต่างๆ ไม่เท่ากัน มักเกิดจากกระจกตาไม่กลม มักเกิดร่วมกับภาวะสายตาสั้น หรือยาวโดยกำเนิด ทำให้เห็นภาพซ้อน ผู้ที่มีสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียง จะยังคงมองใกล้ได้ดีกว่ามองไกล แต่ภาพที่เห็นจะไม่ชัดเจนแม้ว่าจะใกล้ก็ตาม การแก้ไข – ใช้เลนส์ชนิดพิเศษเรียกว่า cylindrical lens เพื่อใช้ปรับกำลังการรวมแสงที่แตกต่างกันในแต่ละแนว ทั้งระยะใกล้ และไกล

4. สายตายาวตามอายุ (เกิดตามวัยที่มากขึ้น) เริ่มพบได้ในอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป  เกิดจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการมองใกล้ ซึ่งต่างจากสายตายาวโดยกำเนิดตรงที่ สายตายาวตามอายุจะมีปัญหาในการมองใกล้เท่านั้น ส่วนสายตายาวโดยกำเนิดจะมีปัญหาทั้งการมองทั้งใกล้ และไกล  ฉะนั้นผู้ที่มีสายตายาวโดยกำเนิด จำเป็นต้องใช้แว่นเพื่อใช้มองทั้งใกล้ และไกล  ส่วนผู้ที่มีสายตายาวตามอายุ ใส่แว่นเฉพาะเมื่อต้องใช้สายตาในการมองใกล้เท่านั้น

เห็นได้ว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะสายตาผิดปกติ จะแตกต่างกันตามลักษณะทางกายภาพของแต่ละบุคคล  ดังนั้น สรุปได้ว่า สายตาสั้น สายตายาวโดยกำเนิด สายตาเอียง เกิดจากความผิดปกติทางกายภาพของกระจกตา  และความยาวของลูกตา  แต่สายตายาวตามอายุเกิดจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อตาที่เกิดขึ้นตามวัยที่มากขึ้น ฉะนั้นความเข้าใจว่า หากมีค่าสายตาสั้น เมื่ออายุมากขึ้นสายตาจะกลับมาปกติ หรือสามารถมาทดแทนกันได้นั้น ไม่จริงค่ะ

แล้วถ้าหากคนสายตาสั้น เมื่ออายุมากขึ้นสายตาจะเป็นยังไง ? มีโอกาสที่คนๆ นี้จะมีทั้งค่าสายตาสั้น และยาวตามอายุร่วมด้วยค่ะ  ผู้ที่มีสองภาวะสายตา คือ สายตาสั้น ร่วมกับสายตายาวตามอายุนั้น  หากเป็นผู้ที่ใส่แว่น แก้ไขปัญหาสายตาสั้น เมื่อจะมองใกล้ ก็มักจะต้องถอดแว่นเพื่อมองใกล้ชัด  หรืออาจจะใส่แว่นเลนส์ 2 ชั้น  หรือแว่น Progressive  เพื่อช่วยในการมองทั้งระยะไกล และมองใกล้  ส่วนผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ ก็มักจะต้องใส่แว่นอ่านหนังสือซ้อนกับคอนแทคเลนส์ เพื่อช่วยในการอ่านหนังสือ หรือมองใกล้ชัดขึ้น

คำถามที่ตามมาคือ หากไม่อยากใส่แว่น หรือคอนแทคเลนส์ จะมีวิธีรักษาผู้ที่มีทั้งค่าสายตาสั้น และยาวตามอายุร่วมด้วย เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ ? ในปัจจุบัน มีการรักษาที่เรียกว่า Refractive Surgery ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับผู้ที่มีสองภาวะสายตาได้ โดยหนึ่งในทางเลือกของการรักษาคือ ทำให้เกิดภาวะ Monovision  ซึ่งสามารถทำด้วยวิธี ReLEx , FemtoLASIK หรือ LASIK ก็ได้  หลักการคือ วิธีนี้จะแก้ไขสายตาในตาข้างเด่นเต็มที่ เพื่อทำให้มองไกลได้ดี ส่วนในตาข้างไม่เด่น จะมีการแก้ไขโดยตั้งใจให้เหลือภาวะสายตาสั้นไว้เล็กน้อย เพื่อใช้ประโยชน์ในการมองใกล้

สรุปง่ายๆ คือ ผู้ที่รักษาแล้วจะสามารถมองเห็นได้ทั้งใกล้ และไกล โดยลดการใช้แว่น หรือคอนแทคเลนส์ในชีวิตประจำวัน  โดยวิธีนี้ผู้ที่จะเข้ารับการรักษาจะได้รับการตรวจประเมินสภาพตา  โดยการจำลองการมองเห็นแบบ Monovision ด้วยการใส่แว่นแบบพิเศษ (Trial Frames) ซึ่งเป็นการจำลองการมองเห็นเสมือนกับการได้รับการรักษาแล้ว  ว่าการมองเห็นดีหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจทำการรักษาจริง

ปัญหาเรื่องสายตาเกิดขึ้นได้กับทุกคน  จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด หมั่นดูแล และสังเกตตัวเอง หากพบว่าสายตามีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม ให้รีบปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ  เพื่อได้รับการรักษาทันที และควรตรวจสุขภาพตาประจำปี  โดยผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจ 1 ปี/ครั้ง และผู้ที่อายุต่ำกว่า 40 ปี ควรตรวจ 2 ปี / ครั้ง  เพื่อท่านจะได้ใช้ชีวิตสนุกกับทุกไลฟ์สไตล์อย่างเต็มที่ไร้กังวลเรื่องสายตาค่ะ

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 8/12/2560​

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,250.00 19,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,247.00 18,904.52 19,850.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,122.30 117,014.07 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 561.00 8,504.76 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 436.00 6,609.76 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,292.00 19,586.72 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  8/12/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.85 27.85 27.85 27.85 27.85
27.85
27.85
27.85
27.85
แก๊สโซฮอล E-20
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
แก๊สโซฮอล E-85 20.64 20.64 20.64 20.64
แก๊สโซฮอล 91 27.58 27.58 27.58 27.58 27.58 27.98 27.58 27.58 27.58 27.58
เบนซิน 95 34.96 35.41 35.46 34.96 34.96 34.96
ดีเซลหมุนเร็ว 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.39 30.07 30.26 30.26 30.07
มีผลตั้งแต่ 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00

 

 

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า