มั่นคงเคหะการชี้อสังหาฯปีนี้โต 6-8%

มั่นคงเคหะการ คาดตลาดอสังหาฯ ไทยส่งสัญญาณเติบโตต่อเนื่อง อานิสงค์การลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นทางการเมือง ดันตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้โต 6-8%
นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยว่า ตลอดปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ ไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แม้ว่าในช่วงต้นปีจะมีบางช่วงที่ชะลอตัวบ้าง เนื่องจากผู้ประกอบการมุ่งเน้นระบายสต็อกที่มีอยู่เดิมมากกว่าการเปิดโครงการใหม่ ตลาดโดยรวมจึงอาจจะยังไม่คึกคักมากนัก
อย่างไรก็ตามช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ทั้งจากการลงทุนด้านคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่มีมติให้เริ่มการดำเนินงานอย่างชัดเจน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วง แคราย-มีนบุรี, สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีม่วงช่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ทางรัฐบาลได้ประกาศว่าจะจัดการเลือกตั้งขึ้นภายในปี 2561 ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและกล้าตัดสินใจที่จะลงทุนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คาดการณ์ว่า ในปี 2560 จะมีการเปิดขายที่อยู่อาศัยใหม่อยู่ระหว่าง 97,200 – 113,000 หน่วย ซึ่งได้แบ่งการประเมิน 3 ระดับ คือ ระดับสภาพตลาดน้อยที่สุด จะมีจำนวนเปิดใหม่ 97,200 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ที่ 0.7%, ระดับกลาง จะมีจำนวนเปิดใหม่ 103,000 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ที่ 6.7% และระดับตลาดดีที่สุด จะมีจำนวนเปิดใหม่ 113,000 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ถึง 17.1% ซึ่งระบุได้ว่า ตลาดอสังหาฯ ยังมีอัตราการเติบโตอยู่
“การเดินทางที่สะดวกสบายมีผลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่ของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดใช้บริการของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ในระยะแรกอาจจะไม่คึกคักอย่างที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการเดินทางไม่เชื่อมต่อกันตลอดทั้งเส้นทาง แต่หลังจากมีการเชื่อมต่อสถานี เตาปูน-บางซื่อ น่าจะกลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด โดยมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 50% ซึ่งจะส่งผลให้การตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคกลับมาคึกคักด้วยเช่นกัน”
ปัจจุบัน มั่นคงเคหะการก็มีโครงการรองรับผู้บริโภคในทำเลดังกล่าวถึง 3 โครงการ ได้แก่ โครงการชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่ , ชวนชื่น พาร์ค กาญจนา-บางใหญ่ และ โครงการชวนชื่น ทาวน์ แก้วอินทร์-บางใหญ่ ซึ่งการพัฒนาโครงการของมั่นคงฯ จะเน้นที่ผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก ให้ความคุ้มค่ากับผู้บริโภคสูงสุด โดยใช้แนวทางการก่อสร้างเสร็จพร้อมขาย เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจในการซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น และถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงความคืบหน้าที่ชัดเจนของรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สำหรับรองรับการลงทุนในด้านอุตสาหกรรม ส่งผลให้เศรษฐกิจมีการเติบโตขึ้นและส่งผลดีต่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ซึ่งมั่นคงเคหะการมีการพัฒนาโครงการรองรับในการขยายตัวของเศรษฐกิจบริเวณโซนบางนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และล่าสุดได้เปิดตัวโครงการชวนชื่นไพร์ม บางนา เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก สามารถสร้างยอดขายไปแล้วกว่า 80% ในเฟสแรก และโครงการก่อสร้างของภาครัฐอื่นๆ อาทิ โครงการก่อสร้างถนนเส้นใหม่ ทางหลวงหมายเลข 346 (ปทุมธานี) ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของการพัฒนาโครงการของมั่นคงเคหะการ รวมทั้งยังเป็นทำเลที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งโครงการชวนชื่นไพร์ม กรุงเทพ-ปทุมธานี และโครงการสนามกอล์ฟ ซึ่งได้มีการรีโนเวทให้ครบครันยิ่งขึ้น คาดว่าจะเผยโฉมให้ได้ชมในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไทยในปี 2561 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2560 ทั้งจากการลงทุนด้านคมนาคมของภาครัฐ การผลิตและการใช้จ่ายของภาครัฐที่ขยายตัวมากขึ้น รวมถึงการส่งออกของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจในการจับจ่ายมากยิ่งขึ้นด้วย สอดคล้องกับการประมาณสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ไทยในปี 2561 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ประเมินว่าตลาดอสังหาฯ จะเติบโตประมาณ 6-8% เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่เติบโตประมาณ 2-3% โดยปัจจัยต่างๆ นั้น ยังจะทำให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเติบเพิ่มขึ้นด้วย โดยคาดการณ์ว่าในปี 2561 จะสามารถปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 600,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 3-4%
http://www.bangkokbiznews.com
‘ต่างชาติ’แห่ซื้ออสังหาฯตลาดจีนมาแรง

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่โดดเด่นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากมีอุปทานใหม่ที่มีการออกแบบของนวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย รวมทั้งการเติบโตด้านการลงทุน
แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัทไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าปี 2560 ดีเวลลอปเปอร์หลายแห่งได้ประโยชน์จากส่วนแบ่งทางการตลาด จากกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
ตลาดอสังหาฯที่อยู่อาศัยไทยได้รับกระแสการลงทุนเพิ่มมากขึ้นจากนักลงทุนชาวจีน แม้จะมีข้อจำกัดการลงทุนในต่างประเทศที่เข้มงวดมากขึ้นก็ตาม กรุงเทพฯเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายการลงทุนหลัก โดยคอนโดมิเนียม ราคาระดับกลางหลายแห่งในเมืองได้รับความสนใจจากชาวจีนมากถึง 40% แต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ยังค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากมีกฎบังคับควบคุมการโอนเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารแห่งประเทศจีน
“การจัดโรดโชว์ ที่อยู่อาศัยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศจีนถือเป็นกิจกรรมทางการตลาดที่สำคัญและมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นในปี 2561 และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น”
กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ จะคำนึงถึงเกณฑ์พื้นฐานหลัก 3 ข้อต่อไปนี้ ก่อนการตัดสินใจซื้อ คือ 1.ทำเลที่ตั้ง เป็นปัจจัยหลักสำหรับผู้ซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ที่มีสถานที่สำคัญหรือการเข้าถึงจุดบริการขนส่งมวลชน 2.ราคา มีความสัมพันธ์โดยตรงกับทำเลที่ตั้ง โดยระดับของโครงการเป็นปัจจัยที่สองในการกำหนดราคา และ 3.สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการตกแต่งโดยรวมที่เหมาะสมกับโครงการ
มาร์ซีอาโน เบิร์จโมฮัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการตลาดและการขายต่างประเทศ บริษัทไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า แม้ระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทยมีการขยายเพิ่มขึ้นมาก แต่รถไฟฟ้าบีทีเอส ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาเมืองและเป็นขนส่งมวลชนสำคัญที่สุดต่อโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะ สถานี interchange อย่าง สถานีกลางบางซื่อ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในขณะนี้ได้กลายเป็นจุดสนใจหลักของนักลงทุนต่างชาติ
“นักลงทุนต่างชาติจำนวนมากยังให้ความสนใจพื้นที่รอบนอกเขตกรุงเทพฯ ที่มีระดับการลงทุนต่ำแต่ได้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อระหว่างย่านธุรกิจและพื้นที่ท่องเที่ยวโดยตรง”
นอกจากนี้สถานีเชื่อมต่อ “เตาปูน” ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และสถานีเชื่อมต่อ “สำโรง” ที่เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว พื้นที่ทั้งสองนี้จะกลายเป็นพื้นที่สำคัญในอนาคต หากสังเกตจากการจราจรในบริเวณที่มีสถานี interchange อย่างสถานีอโศกและสถานีสยาม จึงมั่นใจว่าสถานีเตาปูนและสถานีสำโรง จะกลายเป็นสถานีขนส่งหลักภายในปี 2563
นอกจากนี้คุณภาพของระบบโครงสร้างพื้นฐานในกรุงเทพฯ อย่างระบบขนส่งมวลชนและระบบโทรคมนาคม ถือเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจทางการลงทุนอสังหาฯและโครงการพัฒนา ซึ่งคล้ายกับเมืองใหญ่หลายๆ แห่งในโลก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าทรัพย์สิน โดยเฉพาะการจัดวางตำแหน่งโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนจะมีผลต่อผู้คน ชุมชน และมูลค่าทรัพย์สินเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดเจนจากแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทและสายสีลม
“อสังหาฯ ที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่ใกล้กับระบบขนส่ง ถือเป็นพื้นที่“พรีเมียม” และเป็นเรื่องปกติที่ราคาอสังหาฯในบริเวณนั้นๆ จะปรับขึ้นตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน”
http://www.bangkokbiznews.com
ปชช.38%มองเศรษฐกิจไทยปี61ดีขึ้น แต่อีก29%คาดจะแย่ลง

ผลสำรวจมุมมองการเมือง-เศรษฐกิจและสังคม ปี2561 เผยปชช.38%มองเศรษฐกิจไทยดีขึ้น แต่อีก29%คาดจะแย่ลง
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง การคาดการณ์ของประชาชนต่อการเมือง โดยเมื่อสอบถามว่าประชาชนคาดการณ์ว่าการเมืองไทย ในปี 2561 จะเป็นอย่างไรนั้น พบว่า อันดับ 1 ประชาชนส่วนใหญ่ 48.05% ตอบว่าน่าจะเหมือนเดิม เพราะสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่นิ่ง นักการเมืองยังคงขัดแย้ง แตกแยก แตกความสามัคคี อันดับ 2 ประชาชน 29.51% ตอบว่าน่าจะดีขึ้น เพราะรัฐบาลทำงานตามโรดแมป มีประสบการณ์มากขึ้น รู้ปัญหาของบ้านเมือง มีทิศทางในการทำงานชัดเจน กระตุ้นให้ทุกกระทรวงเร่งทำผลงาน อันดับ 3 ประชาชน 22.44% ตอบว่าน่าจะแย่ลง เพราะการเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน ยังคงมีการทุจริตคอรัปชั่น รัฐบาลยังถูกโจมตี มีข่าวเชิงลบ
เมื่อถามว่าประชาชนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทย ในปี 2561 จะเป็นอย่างไร อันดับ 1 ประชาชน 38.53% ตอบว่าน่าจะดีขึ้น เพราะรัฐบาลและภาคเอกชนร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ตัวเลขการค้าการลงทุนส่งสัญญาณที่ดี ธุรกิจต่าง ๆ มีโอกาสมากขึ้น เป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลเร่งแก้ไขอยู่ในขณะนี้ อันดับ 2 ประชาชน 31.71% ตอบว่าน่าจะเหมือนเดิม เพราะข้าวของแพง ค่าครองชีพสูง ต้องประคับประคอง การเมืองมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ อันดับ 3 ประชาชน 29.76% ตอบว่าน่าจะแย่ลง เพราะปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ แก้ไขได้ยาก ทั่วโลกเศรษฐกิจไม่ดี ประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้า
เมื่อถามประชาชนคาดการณ์ว่าสังคมไทย ในปี 2561 จะเป็นอย่างไร อันดับ 1 ประชาชน 44.39% ตอบว่าน่าจะเหมือนเดิม เพราะสังคมไทยยังมีปัญหาหลายเรื่องที่รอการแก้ไข เช่น ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด สังคมมีความเหลื่อมล้ำ ไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลง อันดับ 2 ประชาชน 28.05% ตอบว่าน่าจะดีขึ้น เพราะคนไทยมีน้ำใจ ช่วยเหลือแบ่งปัน ทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองสงบ ภาครัฐมีการรณรงค์ กระตุ้นให้คนไทยรักและสามัคคี ทำให้สังคมน่าอยู่ อันดับ 3 ประชาชน 27.56% ตอบว่าน่าจะแย่ลง เพราะจากข่าวสังคมมีความรุนแรงมากขึ้น เศรษฐกิจไม่ดี ต่างคนต้องเอาตัวรอด คนขาดศีลธรรม แตกแยก หลงวัตถุ
http://www.bangkokbiznews.com
เรื่องต้องรู้ ‘ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น’

ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ไม่ใช่แค่เรื่องของยุคสมัยหรือคำพูดฮิตติดปาก ผู้บริหารธุรกิจต่างตื่นตัวให้ความสนใจในนวัตกรรมเทคโนโลยีว่าเป็นส่วนสำคัญเชิงกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ
การ์ทเนอร์ชี้ว่า ผู้บริหารระดับประธานเจ้าหน้าที่บริหารจำนวนมากเริ่มมองเห็นความสำคัญของระบบไอที จากเดิมที่มีความสำคัญอยู่เพียง 19% ในระหว่างปี 2559 เมื่อถึงปี 2560 เพิ่มขึ้นมาที่ 31% เนื่องมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์และแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อเข้าหากัน ทำให้หลายบริษัทต้องปรับตัวเองทั้งด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการทำงานโดยเฉพาะการก้าวสู่โลกดิจิทัล
แซบบี้ กิลล์ รองประธานกรรมการบริหารระหว่างประเทศ เอพิคอร์ ซอฟต์แวร์ มีมุมมองว่า การเปลี่ยนแปลงในผู้ผลิตแต่ละรายย่อมมีความแตกต่างกันไป บางรายอาจจะมีการนำเอาเทคโนโลยีล่าสุดในเวลานั้นมาใช้ อาทิ เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ระบบ 3 มิติ, หุ่นยนต์, ระบบเซนเซอร์ หรือปัญญาประดิษฐ์ แต่บางรายก็จะเป็นรูปแบบผู้ผลิตหัวโบราณ ดังนั้นการที่จะเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ย่อมเชื่องช้า สำหรับหลายรายนั้น การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกดิจิทัลนั้น คือ การประยุกต์เปิดรับแนวทางอินดัสตรี 4.0 ที่เครื่องมือเครื่องจักรในสายการผลิตถูกจัดการให้อยู่ในระบบการทำงานควบคุมแบบออนไลน์, เชื่อมต่อ และมีความสามารถในการตัดสินใจในหลายๆ เรื่องที่กำหนดไว้ได้ด้วยตัวเอง
ในความเป็นจริงของกระบวนการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกดิจิทัลนั้น ยังต้องเผชิญกับทางเลือกมากมาย ที่เมื่อตัดสินใจเลือกไปแล้วนั้น ผลที่ตามมาอาจจะทำให้ธุรกิจก้าวหน้า หรือล้มหายตายจากไป แต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่เคยง่าย ต้องคิดอยูเสมอว่าจะเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และมีต้นทุนในการดำเนินการเท่าใด หรือต้องรู้ตัวว่ามีประสบการณ์ หรือความอดทนต่อระยะทางในการเปลี่ยนแปลงได้เพียงใด อีกทั้งยังต้องประสบปัญหาใดบ้าง หากเลือกที่จะทนทำในแบบ “เดิม”
สำหรับ เรื่องที่ควรคำนึงถึงซึ่งจะสามารถช่วยหลายองค์กรสามารถเผชิญกับกระแสการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัล กุญแจสำคัญอยู่ที่ การมุ่งเน้นไปในจุดที่ถูกต้องเป็นสำคัญ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลยุคใหม่นั้นเน้นไปที่การช่วยให้การดำเนินธุรกิจดีขึ้นและสอดประสานกับของเดิมอย่างไร้รอยต่อและกลายเป็นกระบวนการทำงานปกติได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดนั้นจะช่วยให้ธุรกิจดำรงขีดความสามารถในการแข่งขันและผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลสามารถก่อให้เกิดประโยชน์และมูลค่าสูงสุดในการเติบโต
ตัวอย่างเช่น ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตการสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขั้นจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการผลิต และบางครั้งถึงขนาดต้องเปลี่ยนไปถึงรูปแบบการทำธุรกิจกันเลยทีเดียวหรืออาจจะเรียกว่าได้ว่าเป็น บริการภิวัตน์ เป็นต้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นจะนำมาซึ่งความสามารถในการพัฒนาตัวองค์กรให้สามารถสร้างบริการหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่
ค้นหาจุดยืน
กิลล์บอกว่า การลงทุนในเทคโนโลยีถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น แต่แม้จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับธุรกิจ บางครั้งเรื่องที่ว่า ทำน้อยได้มาก ก็ยังใช้ได้เสมอ การนำเอาเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้จะช่วยให้สามารถพัฒนาธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว แต่การเลือกเอาเทคโนโลยีมาใช้กับอีเทคโนโลยีก็สามารถจะฆ่ากันเองได้ การเปิดกว้างสู่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ถือเป็นข้อที่บริษัทต่างๆ ทั่วโลกควรรับไว้พิจารณา
จากผลสำรวจบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงนั้นมีการลงทุนกับเทคโนโลยีในอัตราสูงเช่นกันในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ผลักดันให้เกิดผลิตผลที่สูงขึ้นและสร้างความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจ
พร้อมกันนี้ ต้องพิจารณาว่าบนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกดิจิทัลนี้ จุดยืนของบริษัทอยู่ที่ตรงไหน การขยายการใช้งานเทคโนโลยีภายในองค์กรไม่ได้หมายความว่าธุรกิจจะต้องโตตามไปด้วย บางครั้งจะดีเสียกว่าหากว่ามีโซลูชั่นเท่าที่จำเป็นไม่กี่ตัวสำหรับใช้งาน แต่ได้ประโยชน์กว่าการมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่สิ่งนี้จะท้าทายระดับผู้บริหารธุรกิจในการเลือกเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่ดีและโซลูชั่นที่ใหม่ที่สุด มาใช้ในการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด
พึงตระหนักว่า ไม่ใช่ทุกคนในองค์กรจะรู้สึกดีไปกับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกดิจิทัล สังคมและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงได้ไวกว่าสิ่งที่ องค์กรธุรกิจ จะปรับได้ทัน จริงอยู่ที่ไอทีเข้ามาสร้างโอกาสที่จะเชื่อมโยงกับลูกค้าและปรับให้กระบวนการดำเนินธุรกิจภายในนั้นดีขึ้น แต่ก็มีเพียงธุรกิจที่ยืดหยุ่นพอที่จะสามารถเปลี่ยนและปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลยุคใหม่เหล่านี้ได้
โดยแต่ละบริษัทหรืออุตสาหกรรมก็จะมีวิถีการที่แตกต่างกันไป แต่อย่างน้อยก็ต้องการการอธิบายและสร้างความเข้าใจกับพนักงานและมีความเห็นชอบด้วยที่จะเริ่มสิ่งนี้ไปด้วยกัน นั่นหมายถึงว่าสิ่งนี้ต้องได้รับฉันทามติระหว่างเทคโนโลยีดิจิทัลกับที่ประชุมของคนทุกระดับในองค์กร ต้องมีผู้นำหรือหัวหน้าที่มีแนวความคิดที่ดีและถูกต้อง และมีความกระตือรือร้นที่จะนำทุกคนในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
อย่าหวังกำไรข้ามคืน
เขากล่าวว่า ไม่มีข้อมูลที่ดีถ้าไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร มีหลายบริษัทที่เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลได้ทำการนำข้อมูลและสาระสำคัญต่างๆ เข้ามาใช้ในฐานะหัวใจของธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการ และหลายองค์กรก็ต้องตกใจเพียงแค่ได้เห็นว่ามีปริมาณข้อมูลข่าวสารมากเพียงที่ทิ้งสะเปะสะปะไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง ดังนั้น ในกระบวนการใช้งานข้อมูลยุคใหม่ จะทำให้องค์กรพบช่องทางในการเปลี่ยนข้อมูลธรรมดาเหล่าน้นไปเป็นข้อมูลเชิงลึก ที่เหมือนเป็นเชื้อเพลิงบนถนนของการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล อาทิ การปรับปรุงข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่ช่วยให้สามารถตัดสินใจในการทำธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
ฟอร์เรสเตอร์ รีเสิร์ชพบว่ามากกว่า 70% ของผู้มีอำนาจตัดสินใจวางแผนหรือกำลังศึกษากับการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจมากขึ้น เพื่อปลดล๊อคมูลค่าที่แฝงอยู่ในข้อมูลเชิงธุรกิจที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจกระจายสินค้าในปัจจุบัน
“การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลนั้นไม่ได้สร้างกำไรได้ภายในเวลาชั่วข้ามคืน การเปลี่ยนแปลงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างความเติบโตเพื่อเป้าหมายที่ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้ทุกวันนี้จะเป็นในด้านการตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งสำคัญก็คือการทำให้เห็นได้ว่าคุณสามารถรับมือบริหารจัดการกับสิ่งนั้นได้ในเวลาอันสั้น”
จากการสำรวจ 76% ของกลุ่มบริษัทที่เติบโตในระดับสูงมักจะนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อความมั่นคงของธุรกิจ โดยที่มี 49% ของกลุ่มบริษัทที่เติบโตในอัตราต่ำกว่านั้นที่ทำเช่นเดียวกัน และในยุคที่นวัตกรรมถูกผลักดันจากความคาดหวังจากลูกค้า ธุรกิจที่กำลังโตต่างตั้งเป้าหมายระยะสั้นจากนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจไว้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเพื่อสร้างความเติบโตของธุรกิจ
ลงทุนรับตลาดเปลี่ยน
เอพิคอร์ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลเป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยน แต่จะไม่เป็นภูมิคุ้มกันในการแข่งขัน แม้ว่าผู้บริหารธุรกิจจะไม่เคยที่จะให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกดิจิทัลมาก่อน แต่สภาวการณ์ปัจจุบันนั้น พบว่าปัจจัยสำคัญที่นำสู่การเปลี่ยนแปลงคือ การมีศักยภาพในมือที่จะเปลี่ยนโอกาสที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นความได้เปรียบเชิงการแข่งขันด้วยการเปลี่ยนเข้าสู่โลกดิจิทัลนั่นเอง ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่ต้องมาจากผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้ชี้นำให้นำเอาระบบที่ยืดหยุ่นอย่างเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีที่พวกเขามีส่วนร่วมกับลูกค้าของตน
การ์ทเนอร์ยังได้ชี้ให้เห็นอีกว่า เทคโนโลยีจะเข้ามาปรับรูปแบบกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เปลี่ยนไป แต่ปัจจัยที่จะเปลี่ยนตลาดได้นั้นยังคงเป็นปัจจัยทางการเมืองและการเงิน การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมทำให้ผู้คนมีส่วนร่วม ช่วยให้ธุรกิจสามารถลงสู่พื้นที่และขยายตลาดไปสู่พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ใหม่ๆ ด้วยทรัพยากรเพียงเล็กน้อย และทำให้วงจรการพัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้นกว่าที่เคย
สำคัญต้องมีมากกว่าเทคโนโลยีดิจิทัล สำหรับการสื่อสารและทำงานร่วมกันระหว่างแผนกและฝ่ายงานต่างๆ ในการเริ่มเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัล ต้องมองธุรกิจจากภายในออกมาสู่ภายนอก นั่นคือต้องคำนึงถึงเครื่องมือและระบบที่ใช้งานอยู่แต่เดิมว่าเป็นระบบใด หรือมีเครื่องมือใดจากระบบนั้นที่ยังคงทำงานได้ดีอยู่ และมีสิ่งใดที่ไม่ได้เป็นอย่างที่ควรจะเป็น และมีวิธีการใดบ้างที่สามารถปรับเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นได้ แต่เมื่อถึงเวลาที่เทคโนโลยีถูกเลือกเหนือทุกสิ่งแล้ว ก็อาจจะกลายเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการตัดขาดการสื่อสารกับพนักงานในองค์กรครั้งใหญ่ สุดท้ายก็จะกลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่องค์กรนั้นต้องพยายามแก้ไขให้จบลงได้
อาจจะมีบางครั้งที่การลงทุนลงแรงแยกทำสิ่งนี้จะเกิดผลออกมาดีมาก แต่สุดท้ายแล้วก็ยังต้องแยกออกจากกันอยู่ดี แนวทางแก้ไขใหม่ในเรื่องนี้ต้องสามารถที่จะจัดการกับเรื่องใหญ่ที่สุด คือ การจัดการภายในองค์กร ได้แก่ ขั้นตอนการทำงาน, โครงสร้างและวัฒนธรรม หรือต้องสามารถปรับตัวให้เข้าไปกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องคำนึงถึงเรื่องว่าจะสื่อสารอย่างไรทั้งจากภายในองค์กรและออกไปสู่ลูกค้า จุดแข็งและจุดอ่อนของทีมงานและทักษะที่เหมาะในแต่ละหน้าที่และต้องรู้ว่าองร์กรนั้นต้องการพรักงานที่มีทักษะทางด้านดิจิทัลมากกว่านี้หรือไม่ และยังต้องการรับคนเข้ามาเพิ่มสำหรับกระบวนการนี้หรือไม่
นอกจากนี้ ลูกค้าไม่สนใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของคุณ แต่พวกเขาต่างคาดหวังว่าจะต้องบังเกิดขึ้น แนวโน้มในการเปลี่ยนสู่โลกดิจิทัลนั้นส่งผลกระทบในทุกๆ ส่วนธุรกิจและไม่เคยลดน้อยลง และคู่แข่งของคุณก็เผชิญสภาพเดียวกันกับคุณอยู่เหมือนกัน แถมการเริ่มต้นนั้นก็เป็นเหมือนกับจ่อปืนมาที่โลกของธุรกิจคุณ ส่วนลูกค้าเองก็คาดหวังว่าธุรกิจของคุณก็กำลังเข้าสู่เส้นทางของการเปลี่ยนแปลงสู่โลกดิจิทัลเพราะพวกเขาก็กำลังทำเช่นเดียวกัน และพวกเขาก็อยากให้ธุรกิจของคุณนั้นเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางสู่ดิจิทัลไปด้วยกัน
เพื่อทำให้กระบวนการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลนั้นเกิดขึ้นได้ บริษัทที่มีอัตราเติบโตสูงจะไม่ได้แค่พูดถึงเรื่องแนวคิดของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เท่านั้นแต่พวกเขาจะลงทุนไปกับมันด้วย จากการสำรวจบริษัทที่เติบโตในอัตราสูงถึง 88% วางแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างชัดเจนในปีนี้ แถมกลุ่มที่เติบโตช้าถึง 49% ก็มีการลงทุนด้วยเช่นเดียวกัน
http://www.bangkokbiznews.com
8 เคล็ดไม่ลับ วิธีเลือกกระเป๋าสตางค์ เสริมดวงเรียกทรัพย์
คุณคะเมะดะ จุนอิชิโร ผู้เขียนหนังสือ เรื่องชีวิตมั่นคงด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว ซึ่งเขาได้เรียบเรียงเรื่องเล่าจากประสบการณ์ทุกๆครั้ง ที่มีโอกาสได้เจอนักธุรกิจนักบริหารระดับเศรษฐีหลายคน เขาได้พยายามสังเกต ลักษณะรูปทรงกระเป๋าสตางค์ของคนรวยที่นิยมใช้กัน
8 เคล็ดไม่ลับ วิธีเลือกกระเป๋าสตางค์ เสริมดวงเรียกทรัพย์ มีดังนี้

1 เศรษฐีมักใช้กระเป๋าสตางค์ทรงยาวเรียกทรัพย์ ซึ่งเศรษฐีโดยส่วนใหญ่จะเลือกใช้กระเป๋าสตางค์ที่ดูดี มีราคาและสวยงาม ซึ่งหากสังเกตดูลักษณะรูปทรงกระเป๋าสตางค์แล้ว พบว่าคนรวยมักจะพกกระเป๋าสตางค์มีลักษณะทรงยาว ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่ากระเป๋าสตางค์ทรงยาวสามารถเรียกทรัพย์ได้ เพราะมันสามารถใส่ธนบัตรให้ดูเรียบร้อยและไม่ยับนั่นเอง จึงเป็นวิธีเลือกใช้กระเป๋าสตางค์ให้ตรงตามบทบาทและหน้าที่ของมันได้ดีที่สุดนั้นเอง
2 กระเป๋าสตางค์ที่ดีควรใช้แบบมีซิป เพราะกระเป๋าแบบมีซิปจะประหยัดเนื้อผ้าหรือวัสดุที่ใช้ทำกระเป๋าได้ดี มากกว่ารูปแบบอื่นๆ จึงทำให้เชื่อได้ว่ากระเป๋าแบบมีซิป จะช่วยทำให้เราคำนึงถึงคุณค่าของเงินที่กำลังจะใช้จ่าย หรือการใช้เงินกับการลงทุน แล้วคาดหวังให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุด นอกจากนี้กระเป๋าสตางค์รูปแบบอื่นๆ ก็สามารถใช้ได้ แต่ต้องหากระเป๋าสตางค์ให้มีลักษณะที่เหมาะสมและเข้ากับสไตล์ของตนเอง
3 เลือกวัสดุใช้ทำกระเป๋าสตางค์ให้ตรงกับโฉลก ลัคนา ราศีของตนเอง เช่นคนที่เกิดในวันอังคารควร ใช้วัสดุจำพวกที่ทำจากผ้าแทนวัสดุที่ทำจากหนังสัตว์ เพราะเชื่อกันว่าคนที่เกิดวันอังคาร มีจิตใจที่เมตตาและไม่เปิดเบียดเบียนผู้อื่น

4 ใครเกิดวันไหนต้องใช้กระเป๋าสตางค์ ให้ตรงกับโฉลกดวงวันเกิดของตนเอง เราควรมาตรวจเช็คว่าสีของกระเป๋าสตางค์ ของคุณมีลักษณะตรงกับโฉลกวันเกิดของคุณหรือไม่
4.1 คนเกิดวันจันทร์ ควรใช้สีดำหรือไม่ก็สีน้ำตาล แต่ควรหลีกเลี่ยงกระเป๋าสตางค์สีขาว สีครีม สีส้มและสีแดง
4.2 สำหรับคนเกิดวันอังคาร แนะนำให้ใช้สีที่ตรงกับสีวันเกิด นั่นคือสีชมพู แต่หากเป็นผู้ชายที่ไม่กล้าใช้สีชมพู จึงแนะนำให้ใช้คือสีเหลือง ส่วนสีกระเป๋าสตางค์ที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือสีขาว
4.3 สำหรับคนที่เกิดวันพุธ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือคนเกิดวันพุธกลางคืน โทนสีที่ถูกโฉลกคือสีเขียวกับสีม่วง แต่ควรเลี้ยงสีชมพู ส่วนคนที่เกิดวันพุธตอนกลางคืนแนะนำให้ใช้สีม่วงหรือไม่ก็สีขาว แต่สีกระเป๋าสตางค์ที่ไม่ถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันพุธกลางคืนก็คือสีเหลือง
4.4 คนที่เกิดวันพฤหัสบดีสีที่เหมาะสมที่สุดก็คือ สีส้มกับโทนสีเหลือง แต่สีที่ไม่ถูกโฉลกเลยนั่นคือสีดำ
4.5 กระเป๋าสตางค์สำหรับคนเกิดวันศุกร์ จัดไปเลยนั่นคือกระเป๋าสตางค์สีฟ้าและสีชมพู แต่ให้บอกลาสีม่วงทันที
4.6 คนที่เกิดวันเสาร์ กระเป๋าสตางค์สีที่แซบที่สุด นั้นก็คือสีม่วง และแนะนำให้หากระเป๋าสตางค์โทนสีทึบ
4.7 สำหรับคนเกิดวันอาทิตย์คู่กับตะวัน เป็นไปได้ควรใช้กระเป๋าสตางค์ที่มีสีแดงหรือไม่ก็สีเขียวแต่ควรหลีกเลี่ยงสีฟ้า
5 กระเป๋าสตางค์เรียกทรัพย์เสริมดวงเฮง คือกระเป๋าสตางค์ที่มีเรื่องราวเรื่องเล่า การถือกระเป๋าสตางค์ที่ได้รับจากการได้รางวัล อันเกิดจากความสำเร็จอะไรบางอย่าง จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้แก่คนที่ครอบครองมัน ไม่ว่ารางวัลนั้นจะได้มาจากคนรักมอบให้หรือไม่ก็ซื้อให้ตนเองในวาระสำคัญๆต่างๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเพิ่มพลังใจ เรียกทรัพย์เสริมดวงเฮง
6 กระเป๋าสตางค์ต้องสร้างแรงศรัทธาให้แก่มัน เมื่อได้กระเป๋าที่ถูกใจเหมาะกับโฉลกของตนแล้วต้องเพิ่มพลังวัดให้กับมัน นั่นคือการเติมพลังใจให้กับเรานั่นเอง ด้วยการใช้เทคนิคการให้พ่อแม่หรือพระเกจิอาจารย์ดังช่วยเจิม สร้างพลังดึงดูดทรัพย์และพลังแห่งโชคลาภ

7 กระเป๋าสตางค์ ควรแบ่งประเภทให้ชัดเจน เพื่อไม่ทำให้พลังวัตของกระเป๋าไม่ถูกกลืน จากสิ่งอื่น ดังนั้นควรเลิกการใช้กระเป๋าสตางค์ที่คลังเก็บเหรียญหรือไม่ก็เป็นคลังเก็บบัตรต่างๆ ให้ตระหนักว่ากระเป๋าสตางค์เรียกทรัพย์นั้น ควรมีเฉพาะธนบัตรเพียงอย่างเดียว ไม่ควรเก็บธนบัตรปนกับสิ่งอื่น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเก็บธนบัตรได้อย่างเรียบร้อยและไม่ทำให้ธนบัตรยับยู่ยี่
8 ควรหมั่นดูแลทำความสะอาดกระเป๋าสตางค์อยู่เสมอ เพื่อให้กระเป๋าสตางค์อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่ขาดหลุดลุ่ย เพราะเชื่อกันว่า หากปล่อยให้เป็นอย่างนั้น อาจเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียทรัพย์หรือเงินทอง แล้วหากเป็นได้ควรเลือกซื้อกระเป๋าสตางค์ที่ดูแข็งแรงทนทานและสามารถดูแลรักษาได้ง่าย
http://besterlife.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 8/1/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
20,050.00 |
20,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,299.00 |
19,692.84 |
20,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,169.10 |
17,723.56 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
585.00 |
8,868.60 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
455.00 |
6,897.80 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,346.00 |
20,405.36 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 8/1/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
27.95 |
27.95 |
– |
27.95 |
27.95 |
27.95 |
27.95
|
27.95
|
27.95
|
27.95
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
25.44
|
25.44
|
25.44
|
25.44
|
25.44
|
– |
25.44
|
25.44
|
25.44
|
25.44
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.64 |
20.64 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.64 |
20.64 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
27.68 |
เบนซิน 95 |
35.06 |
– |
– |
– |
35.51 |
– |
35.56 |
35.06 |
35.06 |
35.06 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
27.19 |
27.19 |
27.19 |
27.19 |
27.19 |
27.19 |
27.19 |
27.19 |
27.19 |
27.19 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
30.19 |
30.19 |
30.19 |
30.19 |
30.19 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
30 Dec 05:00 |
30 Dec 05:00 |
30 Dec 05:00 |
30 Dec 05:00 |
30 Dec 05:00 |
30 Dec 05:00 |
30 Dec 05:00 |
30 Dec 05:00 |
30 Dec 05:00 |
30 Dec 05:00 |