ส่องอสังหาฯ ปีหน้า ส่อแววอืด ปัจจัยลบมากกว่าบวก
ส่องอสังหาฯ ปีหน้า ส่อแววโตอืด ปัจจัยลบมากกว่าบวก ความเสี่ยงของตลาดอสังหาฯ เป็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้น และผลกระทบมาตรการ LTV
อสังหาฯ ปีหน้า ส่อแววอืด – น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสวนาในงานสัมมนาพิเศษ “ส่องอสังหาฯ 2019” ในหัวข้อ Real Estate Outlook 2019 ที่จัดโดยบริษัท แกรนด์โฮมมาร์ท จำกัด ร่วมกับหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจในเครือมติชน ว่า ทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 จะยังเติบโตอยู่ในส่วนของอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัย แต่อาจจะลดน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2561 นี้ที่เติบโตได้แบบหวือหวา
โดยมีผลบวกคือทำเลใหม่ที่เกิดขึ้น มาจากโครงการรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างรวมทั้งหมด 10 สาย ทำให้เกิดหน้าดินใหม่ หรือทำเลใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาโครงการ ตลอดเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เป็นความเสี่ยงต่อตลาดอสังหาฯ เป็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้น และผลกระทบมาตรการควบคุมสินเชื่อ หรือกู้เพื่อซื้ออสังหาฯ (LTV) ในเกณฑ์ใหม่ อาจจะทำให้การเติบโตลดลง
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ดีของตลาดอสังหาริมทรัพย์ การเติบโตอยู่ประมาณ 5%บวกลบ ซึ่งลูกค้าตลาดคนไทยไปได้ดี และตลาดลูกค้าต่างชาติ เป็นคนจีนถึง 90% ในช่วงต้นปีดีมาก แต่ขณะนี้เริ่มแผ่วลงที่อาจจะส่งผลต่อปี 2562 ทำให้มองแนวโน้มภาพรวมอสังหาฯ ในปี 2562 หาปัจจัยบวกค่อนข้างยาก และมีเพียงเรื่องเดียว คือ ความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้า
ในขณะที่ปัจจัยลบมีหลายอย่างที่จะส่งผลทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย และจะมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ซึ่งในปี 2561 การขยายตัวที่ดีของจีดีพีเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจอสังหาฯ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ มากหรือน้อยต้องรอดู นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบในเรื่องผลกระทบมาตรการ LTV ที่จะส่งผลกระทบกับลูกค้าคนไทยมากกว่าลูกค้าต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยทางการเมือง และภาษีที่ดินใหม่ที่จะมีผลในปี 2562 ที่ต้องจับตาว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมอสังหาฯ หรือไม่
ด้านนายธนา โพธิกำจร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสาย Digital Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวในหัวข้อธุรกิจบริบทใหม่โลกไร้พรมแดน ว่า ในยุคดิจิทัลที่ทุกคนใช้โทรศัพท์มือถือในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกิดขึ้นจำนวนมากได้ ซึ่งทุกธุรกิจควรจะเอาข้อมูลเหล่านั้นมาทำความเข้าใจลูกค้าเพื่อสร้างสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด
และธนาคารได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจ ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการหรือวิธีการทำงานในองค์กร เพื่อสามารถเท่าทันกับเทรนด์ที่เปลี่ยนไป เพราะนอกจากความต้องการลูกค้าที่เปลี่ยนไปแล้ว การแข่งขันในปัจจุบันก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะธนาคารไม่ได้แข่งกันเองแล้ว แต่ต้องแข่งกับสตาร์ตอัพด้านนวัตกรรมทางการเงิน (Fintech) ซึ่งมีจำนวนมากขึ้น และคู่แข่งมีการปรับตัวที่รวดเร็ว
โดยยุทธศาสตร์ของไทยพาณิชย์ คือ เปลี่ยนที่ตัวธนาคารเอง และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาถือว่าเปลี่ยนได้มาก และตามลูกค้าทันอยู่พอสมควร เห็นได้จากการสร้างSCB Easy แม่มณี เพื่อไปสู่สังคมไร้เงินสดที่ให้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินผ่าน QR code ที่ร้านค้าได้ ซึ่งลูกค้าก็ตอบรับได้ดี และมีการติดตั้งในร้านค้ามากขึ้น ดังนั้นแม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไป และมีเทคโนโลยีเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่โจทย์ของธุรกิจธนาคารคือจะเอาเครื่องมือนั้นมาแก้โจทย์ลูกค้าได้อย่างไร
ขอบคณข้อมูลจาก khaosod.co.th
ตลาดคอนโดฯ รีเซล ซื้อ-ขาย-เช่า ราคาพุ่ง ก่อนมาตรการ ธปท.
ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงต้นปี 2562 ตลาดคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วกลับมาขายใหม่ หรือคอนโดมิเนียมรีเซลเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอานิสงส์ของการขยายตัวของเมืองและรถไฟฟ้า โดยเฉพาะ 3 โซนกรุงเทพฯ ชั้นใน ประกอบกับมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะบังคับใช้ 1 เมษายน 2562 เป็นตัวเร่งให้คอนโดมิเนียมรีเซล ทั้งซื้อ-ขาย-เช่า เติบโตอย่างคึกคัก
3 โซนกรุงเทพฯ ชั้นใน อุปสงค์แซงหน้าอุปทาน
จากข้อมูลของพลัสพร็อพเพอร์ตี้ พบว่า 4 ปีย้อนหลัง (พ.ศ. 2558-2561) มี 3 โซนที่มีการเติบโตสูง ได้แก่
- สุขุมวิท อุปสงค์เติบโต 50% ขณะที่อุปทานเติบโต 30%
- เพลินจิต–ชิดลม อุปสงค์เติบโต 80% อุปทานเติบโต 20%
- พญาไท-ราชเทวี อุปสงค์เติบโต 570% อุปทานเติบโต 240%
จากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าอุปสงค์เติบโตแซงหน้าอุปทานค่อนข้างมาก เนื่องจากพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน และโซนศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ หรือ CBD ในปัจจุบันเริ่มมีพื้นที่สำหรับพัฒนาโครงการใหม่อย่างจำกัด ดังนั้นคอนโดมิเนียมรีเซล จึงน่าจับตามอง เพราะสามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลกลางเมืองได้ โดยโครงการในเขตพญาไท อโศก และสุขุมวิท พบว่า ราคาโครงการใหม่สูงกว่าราคาโครงการรีเซลเกือบ 10%
กรุงเทพฯ ชั้นใน คอนโดฯ ให้ผลตอบแทน 10% ต่อปี
ปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้เกิดการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน มาจากผลตอบแทนรวมจากการลงทุน ทั้งผลตอบแทนการขายต่อ (Capital Gain) และผลตอบแทนจากค่าเช่า (Rental Yield) ที่อยู่ในระดับสูง โดยโครงการที่ได้รับผลตอบแทนในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนรวม ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการในพื้นที่สุขุมวิทและสุขุมวิทรอบนอกที่มีผลตอบแทนรวมอยู่ที่ 10% ต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าโครงการที่เพิ่งเปิดใหม่ในช่วง 2-3 ปี มี Capital Gain ลดลง จึงอาจคาดการณ์ได้ว่าระดับราคาของโครงการใหม่ ๆ มีการปรับเพิ่มขึ้นทุกปี หากนักลงทุนต้องการได้ผลกำไรจากส่วนต่างของราคาอาจต้องใช้เวลาในการถือครองอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป โดยผลตอบแทนจากค่าเช่าที่ 4-6% แต่จากราคาที่คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจะทำให้ผลตอบแทนโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นอีก
คอนโดฯ เมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต-หัวหิน โตต่อเนื่อง
การขยายตัวของเมืองและระบบการคมนาคมไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในโซนกรุงเทพฯ ชั้นในเท่านั้น แต่ยังกระจายไปยังเมืองท่องเที่ยวหลัก ผลักดันให้ตลาดคอนโดมิเนียมเมืองท่องเที่ยวโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนภูเก็ตที่มีโครงการพัฒนาสนามบินภูเก็ต เฟส 3 โครงการภูเก็ต สมาร์ทซิตี้ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม รองรับการขยายตัวของเมืองภูเก็ตในอนาคต ส่งผลให้ราคาขายคอนโดมิเนียมในภูเก็ตปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการปรับเพิ่มขึ้นถึง 12%
ขณะที่โซนหัวหิน มีการพัฒนาโครงการเชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพฯ อาทิ รถไฟความเร็วสูง และโครงการทางพิเศษ รวมทั้งศักยภาพความพร้อมของพื้นที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย ทำให้ราคาที่ดินรอบปี 2559-2562 เทียบกับ 2555–2558 เพิ่มขึ้นเกือบ 30% โดยตลาดคอนโดมิเนียมในหัวหินช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ราคาเติบโตต่อเนื่อง และมีผลตอบแทนจากการขายต่อปีสูงถึง 60% ส่วนผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าต่อปีอยู่ที่ 4-5%
กระตุ้นยอดขาย-โอน ก่อนมาตรการ ธปท. บังคับใช้
จากมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของทาง ธปท. ซึ่งจะมีการลดลดวงเงินสินเชื่อต่อมูลค่าที่อยู่อาศัยหรือ LTV (Loan to Value) เพื่อคุมเข้มสินเชื่อ ปรับเพิ่มวงเงินดาวน์คอนโดมิเนียมขึ้นเป็น 15% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562 ยังช่วยกระตุ้นตลาดคอนโดมิเนียมรีเซลมีความคึกคักยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อได้เห็นรูปแบบโครงการ สภาพห้อง และพร้อมเข้าอยู่ หรือหากจะลงทุนปล่อยเช่า ก็สามารถรับผลตอบแทนได้เลยไม่ต้องรอให้โครงการแล้วเสร็จ รวมทั้งแคมเปญและโปรโมชั่นต่าง ๆ จากผู้ประกอบการที่ต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือนในช่วงนี้เพื่อเร่งยอดขาย ยอดโอน ให้ทันก่อนมาตรการบังคับใช้ >>แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2562
อย่างไรก็ตาม ก่อนมาตรการควบคุมสินเชื่อของทาง ธปท. จะบังคับใช้ เชื่อว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะยิ่งเร่งอัดแคมเปญ ส่งโปรโมชั่นพิเศษออกมากระตุ้นการขายอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสของผู้ขายและผู้ซื้อคอนโดมิเนียมรีเซล ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่เอง ขายหรือปล่อยเช่า ก็จะได้รับประโยชน์จากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต
ขอบคุณข้อมูล ddproperty.com
วิธีแก้คอมค้าง เครื่องคอมพิวเตอร์ค้างบ่อยต้องแก้อย่างไร
คอมค้าง หรือ คอมพิวเตอร์แฮงค์ ปัญหาน่าเบื่อที่หลายคนต้องประสบอยู่เป็นประจำ นอกจากจะทำให้งานไม่เดินแล้ว ยังต้องมานั่งงง และหาสาเหตุ รวมทั้งหาสารพัดวิธีมาแก้ปัญหาอยู่บ่อยๆอีกด้วย วันนี้เรามีวิธีแก้คอมค้างอย่างได้ผลมาฝากกัน
คอมค้างเกิดจากอะไร?
ปัญหาคอมค้างส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การไม่เข้ากันของอุปกรณ์ต่างๆ สายไฟหรือสายอุปกรณ์หลวม การลงโปรแกรมไม่สมบูรณ์ โปรแกรมในเครื่องมากเกินไป และฮาร์ดดิสก์มีปัญหา รวมทั้งปัญหาการติดไวรัสคอมพิวเตอร์ด้วย
วิธีแก้คอมค้างอย่างเห็นผล
วิธีแก้คอมค้างนั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธีโดยส่วนหนึ่งนั้นก็อาจจะขึ้นอยู่กับสาเหตุด้วย แต่วิธีแก้ปัญหาคอมค้างหลักๆ ที่นิยมใช้กันมีดังต่อไปนี้
1. ลบโปรแกรมที่ไม่จำเป็นในเครื่องออกบ้าง
เพราะโปรแกรมที่มากเกินไปส่งผลให้การทำงานของคอมล่าช้าได้ และบางครั้งอาจทำให้เกิดคอมค้างได้ ดังนั้นโปรแกรมไหนที่ไม่จำเป็นก็กำจัดไปบ้าง เพื่อการทำงานของคอมที่มีประสิทธิภาพสูง
2. หมั่นสแกนไวรัสเป็นประจำ
ไวรัสเป็นอีกหนึ่งสาเหตี่ทำให้คอมค้าง ซึ่งถ้าเป็นหนักมากอาจจะทำให้คอมพังได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังทำให้ข้อมูลสำคัญต่างๆ ในเครื่องหายไปได้อีกด้วย จึงควรหมั่นตรวจหาไวรัสอย่างสม่ำเสมอ
3. ควรตรวจเช็คอุปกรณ์เป็นประจำ
เพื่อดูความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงสภาพสายไฟ จะได้ช่วยให้การทำงานของเครื่องไหลลื่นไปได้ด้วยดี ไม่มีสะดุด
4. ตรวจเช็คฮาร์ดดิสก์อย่าสม่ำเสมอ
เพราะฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ถ้าฮาร์ดดิสมีปัญหาก็จะทำให้ส่วนอื่นมีแญหาไปด้วย ดังนั้นจึงควรตรวจเช็คสภาพฮาร์ดดิสก์อย่างสม่ำเสมอ ถ้าพบว่ามีการชำรุดจะได้ทำการแก้ไขปรับปรุง
ดังนั้นใครที่ต้องประสบกับปัญหาคอมค้างเป็นประจำ ลองนำวิธีแก้คอมค้างเหล่านี้ปฏิบัติดู จะช่วยให้เครื่องคอมทำงานได้อย่างไหลลื่น รวดเร็ว มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งควรหมั่นตรวจเช็คสภาพคอมเป็นประจำ เพื่อรักษาให้คอมอยู่คู่กับการทำงานของเราไปได้นานๆ…
ขอบคุณข้อมูลจาก เกร็ดความรู้.net
5 วิธีดูแลสุขภาพในการทำงานหน้าจอคอมฯ
5 วิธีดูแลสุขภาพ ในการทำงานหน้าจอคอมฯ ที่คุณสามารถทำตามได้ง่ายๆ เพื่อช่วยให้คุณทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น
1. อย่าลืมกระพริบตา
เวลานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ อย่าลืมกระพริบตา เพราะการพริบตาจะช่วยให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้ดวงตาแห้ง หลายปัญหาเกี่ยวกับดวงตาก็เกิดจากการ นั่งหน้าจอคอมฯ นานๆ โดยไม่มีการกระพริบตา ดังนั้นอย่าลืมกระพริบตา หรือเพ่งเล็งหน้าจอคอมฯ นานเกินไป
2. อย่าลืมดื่มน้ำ
เป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้วว่าน้ำนั้นมีความสำคัญกับร่างกายของคนเรา ยิ่งมีการทำงานที่ต้องใช้สมองและร่างกายด้วยแล้ว น้ำจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะมันจะทำหน้าที่ในการหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย อย่างเช่น สมอง ดังนั้นเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นอย่าลืมดื่มน้ำกันนะจ๊ะ
3. อย่าลืมว่าคุณนั่งทำงานในท่าที่ถูกต้อง
หลายครั้งหลังจากการทำงานแล้ว หลายคนรู้สึกปวดเมื่อยร่างกายโดยเฉพาะส่วนหลังหรือต้นคอ เหตุผลส่วนหนึ่งคงหนีไม่พ้นจากการนั่งทำงานในท่าที่ผิด ตัวอย่างเช่น การนั่งเอนหลังมากเกินไป ซึ่งเป็นการนั่งไม่ถูกต้อง การนั่งในลักษณะนี้นอกจากจะทำให้ปวดเมื่อยตามร่างกายแล้ว ยังลดประสิทธิภาพในการทำงานของเราด้วย ท่านั่งที่ถูกต้องคือการนั่งตัวตรง หากนั่งอยู่หน้าจอคอมฯ เพื่อพิมพ์งานต่างๆ ควรให้คีย์บอร์ดและเม้าส์อยู่ในระดับที่พอเหมาะกับแขนและมือที่ยื่นออกไป ไม่สูง ต่ำ หรือ ไกลจากตัวเรามากนัก แค่นี้ก็ช่วยไม่ให้ปวดเมื่อยได้พอสมควร
4. อย่าลืมทำความสะอาด
ความสะอาดก็มีส่วนสำคัญที่ไม่ควรปล่อยปละละเลย หากคุณเห็นฝุ่นตามอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือในห้อง ควรทำความสะอาดให้หมดจดเพื่อสุขภาพที่ดีในการทำงาน เพราะฝุ่นละอองเหล่านั้นอาจนำมาซึ่งเชื้อโรคหรือแบคทีเรียต่างๆ ที่จะส่งผลให้คุณมีโรคภัยไข้เจ็บได้ และที่สำคัญมันยังลดบรรยากาศการทำงานในห้องของคุณด้วย
5. อย่าลืมลุกขึ้นจากเก้าอี้บ้าง
ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลที่ต้องทำงานหนักและต้องนั่งนานแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะลืมลุกขึ้นจากเก้าอี้บ้าง เดินผ่อนคลายยืดเส้นยืดสาย หรือสามารถนั่งบนเก้าอี้ไปพร้อมกับยืดเส้นยืดสายไปด้วยก็ได้ เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียน ส่งผลให้คุณมีความสามารถหรือประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากยิ่งขึ้น มันช่วยได้จริงๆ นะ แถมยังผ่อนคลายไม่ให้ตึงเครียดมากเกินไปได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก baanstyle.com
ปัจจัยที่มักทำให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
พฤติกรรมที่เคยชินและทำจนติดเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว บางพฤติกรรมส่งผลเสียต่อสุขภาพ บุคลิกภาพ จิตใจ และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม ลองมาดูกันว่ามีปัจจัยใดบ้างที่มักทำให้เกิดพฤติกรรมผิด ๆ
1. สังคม เพื่อนฝูง บางครั้งหลายคนนิยมทำพฤติกรรมต่าง ๆ ตามเพื่อนฝูง เช่น สูบบุหรี่ตามเพื่อน เสพติด การไปงานปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนบ่อย ๆ หรือแชทคุยกันจนดึกทำให้นอนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
2. ค่านิยม ค่านิยม คือ ทัศนะของคนหรือสังคมที่มีต่อสิ่งของ ความคิด และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความสุข ความต้องการต่าง ๆ ค่านิยมบางอย่างของบางสังคมก็อาจจะขัดแย้งกับค่านิยมของอีกสังคมหนึ่ง เช่น อาจจะมีกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่นิยมกินชานมไข่มุกตาม ๆ กันจากรสชาติและกระแสนิยม แต่บางกลุ่มอาจไม่นิยมเพราะรู้สึกว่าไม่ดีต่อสุขภาพ
3. ความเชื่อ บางคนสร้างความเชื่อผิด ๆ ขึ้นมาเพื่อเอาใจร่างกาย เช่น เมื่อรู้สึกเครียดหรือเหนื่อยล้ามักดื่มน้ำหวานหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก และเชื่อว่าช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่ง หรือเลือกสูบบุหรี่เพราะคิดว่าช่วยให้คลายเครียดได้ทันใจ
4. สิ่งเร้ารอบตัว บางคนตื่นเต้นกับโปรโมชั่นทางการตลาดต่าง ๆ เช่น โปรโมชั่นลดราคาอาหารบุฟเฟต์ ทำให้อดใจไม่ไหวต้องกินบ่อย ๆ หรือติดการดูซีรีย์เรื่องโปรดจนดึกดื่น อยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือ การอยู่ในเทศกาลเฉลิมฉลองต่าง ๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ที่ทำร้ายสุขภาพได้ง่าย เช่น ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย นอนน้อย ชอบกินแต่อาหารปิ้งย่าง ทอด ฯลฯ
5. การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ด้วยความรีบเร่งในชีวิตประจำวัน อาจทำให้คุ้นชินกับการทำอะไรง่าย ๆ สะดวกรวดเร็วอย่าง การกินอาหารฟาสต์ฟูดส์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่าอาหารปกติทั่วไป หรือลืมแบ่งเวลาสำหรับการออกกำลังกาย
6. อารมณ์ อารมณ์ทางลบต่าง ๆ เช่น ความกลัว ความอาย ความเศร้า ความโกรธ ความรังเกียจ ความรู้สึกผิด เป็นต้น มักส่งผลต่อพฤติกรรมที่ทำขึ้นเพื่อหลีกหนี เก็บกดหรือขัดขวางอารมณ์นั้น ๆ ไม่ให้มีมากขึ้นหรือแสดงออกมา ส่วนอารมณ์ทางบวกนั้นมักเกี่ยวข้องกับการหลั่งของสารสื่อประสาทโดปามีนในสมองที่ ทำให้เกิดพลังงานและส่งผลให้มีความสุขมากขึ้น เหมือนการได้รับรางวัล ดังนั้นบางครั้งการทำพฤติกรรมบางอย่างแล้วเกิดความพึงพอใจและมีความสุข จึงทำให้ร่างกายทำาามพึงพอใจและมีความสุข จึงทำาำา ๆ2/2019พฤติกรรมเหล่านั้นซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง จน บางครั้งกลายเป็นการเสพติดการกระทำไปเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 08/02/
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 19,400.00 | 19,300.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,900.00 | 18,950.00 | 1,250.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 19,632.20 | 1,295.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 17,055.00 | 1,125.00 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 15,160.00 | 1000.00 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,535.08 | 563.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,640.08 | 438.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 08/02/
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 23.74 | 23.74 | 24.14 | 23.74 | 23.74 | – | 23.74 | 23.74 | 23.74 | 23.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.54 | 19.54 | – | – | – | – | – | 19.54 | – | – |
เบนซิน 95 | 34.16 | – | – | – | 34.61 | – | 34.66 | 34.46 | – | 34.46 |
ดีเซล | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 28.69 | 28.96 | 30.15 | 30.15 | 29.15 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.07 | 16.07 | – | – | – | – | – | – | – | – |