เอสซีฯ รับโล่ประกาศเกียรติคุณ 2 รางวัล อสังหาฯ ดีเด่น จากศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
นางสาวอุษณี กังวารจิตต์ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธี “โครงการประกาศเกียรติคุณอสังหาริมทรัพย์ดีเด่น 2018” มอบโล่รางวัล โครงการดีเด่นประเภทบ้านเดี่ยวระดับราคาแพง จากโครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด (ซิกเนเจอร์) สาทร-ราชพฤกษ์ แด่ นายเอราวัณ รักษากุล หัวหน้าสายงานพัฒนาโครงการแนวราบ 4 พร้อมด้วย นายศรีอรุณ รัตนสุวรรณวุฒิ หัวหน้าสายงานพัฒนาโครงการแนวราบ 8 และ โครงการดีเด่นประเภทบ้านเดี่ยว ราคาปานกลาง จากโครงการ เพฟ รามอินทรา-วงแหวน จากบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นการยกย่องและส่งเสริมการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ดีแก่ผู้บริโภคและสังคม จัดโดยศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เมื่อเร็วๆ นี้
ที่มา : https://www.ryt9.com
ดีเวลอปเปอร์สิงคโปร์และจีน รอผังเมืองอีอีซีชัดเจน จ่อลงทุนอสังหาฯ มูลค่ารวมเกือบ 1 หมื่นล้าน
จากการผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาลที่เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น ทำให้ นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติสนใจ เข้ามาพัฒนาโครงการซึ่งไม่ใช่แค่การลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงภาคที่อยู่อาศัยด้วย
ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 มี ผลบังคับใช้ ได้สร้างความเชื่อมั่นให้ กับนักลงทุนมากขึ้น ล่าสุดมีดีเวลลอปเปอร์จากสิงคโปร์และจีน มีแผนจะลงทุนในพื้นที่อีอีซี มูลค่ารวมเกือบ 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนจากสิงคโปร์มีแผนลงทุนในพื้นที่ศรีราชา มูลค่าโครงการราว 4,000-5,000 ล้านบาท พัฒนา คอนโดบนพื้นที่ 20 กว่าไร่ กว่า 500 ยูนิตส่วนนักลงทุนจีนมีแผนพัฒนาในพื้นที่สัตหีบ บนที่ดินกว่า 50 ไร่ฝั่งเขา มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมค่าที่ดิน อย่างไรก็ดีแม้จะมีมาตรการ ส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลแต่ยัง คงรอความชัดเจนเรื่องของผังเมือง อีอีซีก่อนว่าจะกำหนดการใช้ประโยชน์อย่างไรบ้างจะครอบคลุมทั้งจังหวัดหรือกำหนดเป็นโซน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 9-12 เดือน
อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาดที่อยู่ อาศัยในพื้นที่อีอีซีมีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขาย ณ ครึ่งแรกปี 2561 พบว่า ชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีบ้านจัดสรรและคอนโดที่อยู่ระหว่างการขายมากที่สุด โดยมี บ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างการขาย ทั้งหมด 437 โครงการกว่า 7 หมื่นยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 1.36 แสนล้านบาท มีหน่วยเหลือขายประมาณ 2.4 หมื่นยูนิต
ขณะที่มีคอนโดในชลบุรีที่อยู่ระหว่างการขาย 227 โครงการ มูลค่าการลงทุน 3 แสนล้านบาท โดยมีหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายกว่า 9.1 หมื่นยูนิต ปัจจุบันเหลือขายประมาณ 1.5 หมื่นยูนิต
สำหรับ จ.ฉะเชิงเทรา มีอุปทานบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างการขายที่กว่า 1.2 หมื่นยูนิต 41 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท มีหน่วยเหลือขายประมาณ 4,443 ยูนิต ด้านคอนโดที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 2 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 1,060 ล้านบาท โดยมีหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 1,054 ยูนิต ปัจจุบันเหลือขายประมาณ 367 ยูนิต
ในส่วน จ.ระยอง ปัจจุบันมีบ้านจัดสรรที่อยู่ระว่างการขาย 41 โครงการ กว่า 1.2 หมื่นยูนิต มูลค่าการลงทุนประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท มีหน่วยเหลือขายราว 4,443 ยูนิต ด้าน คอนโดที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่าการลงทุนราว 4,958 ล้านบาท โดยมีหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายประมาณ 3,336 ยูนิต ปัจจุบันเหลือขายประมาณ 727 ยูนิต
“การผลักดันโครงการอีอีซีเริ่มมีความชัดเจนตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยสิ่งที่เห็นความชัดเจนคือราคาที่ดินได้มีการปรับขึ้นอย่างมาก เช่น ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมีการปรับราคาขึ้นกว่า 10% จากก่อนหน้านี้ปรับเฉลี่ยที่ 5% ขณะที่ราคาที่ดินติดถนนสายหลัก มีการปรับขึ้นเฉลี่ย 15% ราคาขายอยู่ที่ 8-15 ล้านบาท/ไร่ แต่ยังมีดีเวลอปเปอร์หาซื้อที่ดินเพิ่มรายละไม่ต่ำกว่า พันไร่” ภัทรชัย กล่าว
ภัทรชัย กล่าวเพิ่มเติมถึงตลาดคอนโดพัทยาว่า นอกจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในท้องถิ่นและผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางที่สนใจพัฒนาโครงการแล้ว ยังมีกลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติอีกจำนวนมากที่เข้ามาลงทุนในพัทยา เช่น กลุ่ม นิว นอร์ดิก กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯจากประเทศนอร์เวย์ ที่เข้ามาพัฒนาโครงการตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงการคอนโดและโรงแรมบนพื้นที่เขาพระตำหนักแล้วกว่า 50 โครงการ โดยเน้นเทคนิคการขายที่มีการการันตีผลตอบแทนจากการเช่า 10% ถึง 10 ปี ส่งผลให้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากของกลุ่มนักลงทุน และผู้ซื้อชาวต่างชาติ การการันตีผลตอบแทนจากค่าเช่าผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารมาก เป็นต้น
นอกจากกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศแล้ว ยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่จาก กทม. ที่สนใจเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดในพื้นที่แล้วหลายราย เช่น บริษัท แอลพีเอ็น ดีเวลลอป เมนท์ บริษัท แสนสิริ บริษัท ศุภาลัย ฯลฯ
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันในพื้นที่พัทยายังคงมีคอนโดคงค้างเหลือขายปัจจุบันอยู่ราว 1.4 หมื่นยูนิต ใน 180 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนทำเลตั้งแต่นาเกลือไปถึงบางเสร่ โดยเฉพาะบริเวณเขาพระตำหนักมีอยู่ราว 40-50 โครงการ ราคาคอนโดมีตั้งแต่ 5 หมื่น-1.3 แสนบาท/ตารางเมตร
ที่ผ่านมาตลาดมีการดูดซับไปบ้างแล้วจาก 1.6 หมื่นยูนิต แต่ในครึ่งปีแรกปีนี้มีการเปิดโครงการใหม่ทำให้มีหน่วยเข้าสู่ตลาดราว 3,400 ยูนิต แม้จะมีการดูดซับไปกว่าครึ่งแต่ก็ทำให้อุปทานในตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้การที่รัฐได้เปิดให้ต่างด้าวสามารถซื้อคอนโดที่พักได้ในสัดส่วน 100% จะช่วยระบายสินค้าได้เร็วขึ้น โดยตลาดจีนมีความต้องการซื้อมากขึ้นจากเดิมเป็นกลุ่มรัสเซีย
พร้อมกันนี้ยังมองว่าความชัดเจนของกฎหมายและผังเมืองอีอีซี จะทำให้เกิดการกระจายการพัฒนาไปยังพื้นที่อื่นๆ ไม่ใช่กระจุกตัวเหมือนที่ผ่านมา
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
นักวิทย์เตือน โลกใกล้เข้าสู่ภาวะเรือนร้อน แม้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ตามเป้า
เว็บไซต์บีบีซี และสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผลการวิจัยของทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ ที่ตีพิมพ์ในวารสารโพรซีดิงส์ ออฟ เนชั่นแนล อคาเดมี ออฟ ไซนซ์ส (พีเอ็นเอเอส) และเผยแพร่เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม แสดงให้เห็นว่า แม้ว่านานาประเทศจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ตามเป้าหมายของข้อตกลงปารีส แต่โลกก็ยังคงเสี่ยงที่จะตกอยู่ในภาวะซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “ฮอตเฮาส์ เอิร์ธ” หรือ “ภาวะเรือนร้อน”
รายงานระบุว่า หากน้ำแข็งขั้วโลกยังคงละลายต่อไป ป่ายังถูกทำลาย และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังสูงขึ้นจนทำลายสถิติอย่างต่อเนื่องเช่นปัจจุบัน โลกจะเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่เรียกว่า ภาวะ ฮอตเฮาส์ เอิร์ธ ซึ่งหมายถึงการที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นกว่าอุณหภูมิช่วงก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมราว 4-5 องศาเซลเซียส และระดับน้ำทะเลสูงกว่าปัจจุบัน 10-60 เมตร ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าและจะเป็นภาวะที่ไม่สามารถควบคุมได้และเป็นอันตรายต่อผู้คน
ผลที่เกิดขึ้นคือ น้ำจากแม่น้ำจะล้นทะลัก พายุจะสร้างความหายนะให้แก่ชุมชนริมชายฝั่งทะเล ปะการังจะหายไป ทั้งหมดจะเกิดขึ้นภายในช่วงสิ้นศตวรรษนี้หรือเร็วกว่านั้น ขณะที่อุณหภูมิของโลกโดยเฉลี่ยจะสูงที่สุดในรอบ 1.2 ล้านปี
ขณะที่อุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นส่งผลให้น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมากจนส่งผลกระทบต่อชีวิตคนหลายล้านคนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่ง หลายพื้นที่บนโลกจะไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไปดังนั้น นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้ จึงเรียกร้องให้ทุกชาติช่วยกันเร่งมือทำให้เกิดเศรษฐกิจสีเขียวซึ่งต้องปลอดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
รายงานการวิจัยระบุว่า โอกาสหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะเรือนร้อนนั้นไม่เพียงแค่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ แต่ยังต้องเพิ่มหรือสร้างแหล่งกักเก็บคาร์บอนทางชีวภาพ เช่น การสร้างป่าไม้ให้มากขึ้น การบริหารจัดการการเกษตรและดินให้ดีขึ้น การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และนำเทคโนโลยีที่สามารถดึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศมากกักเก็บไว้ในใต้ดินมาใช้
ที่มา : https://www.matichon.co.th
ผู้โดยสารจะได้อะไรชดเชย ในกรณีเครื่องบินในประเทศเกิดล่าช้า
1. กรณีล่าช้าเกิน 2 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 3 ชั่วโมง สายการบินต้องปฏิบัติต่อผู้โดยสาร ดังนี้
– จัดอาหารและเครื่องดื่มให้แก่ผู้โดยสารตามความเหมาะสมกับระยะเวลาที่รอขึ้นเครื่องบินโดนไม่คิดค่าใช้จ่าย
– จัดอุปกรณ์ให้แก่ผู้โดยสารเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรสาร จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Email) เป็นต้น ตามความจำเป็นและเหมาะสมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
– เมื่อผู้โดยสารไม่ประสงค์เดินทางต่อไปให้สายการบินคืนเงินค่าโดยสาร และค่าธรรมเนียมอื่นใดที่เรียกเก็บเต็มตามจำนวน ซึ่งผู้โดยสารได้ชำระไปสำหรับการเดินทางหรือเฉพาะส่วนที่ยังไม่ได้เดินทางตามวิธีการและภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ แต่หากสายการบินประสงค์จะคืนเป็น Travel Vouchers หรือสิ่งอื่นแทนเงินค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้โดยสารก่อนแล้วเท่านั้น
2. กรณีล่าช้าเกินกว่า 3 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 5 ชั่วโมง สายการบินต้องปฏิบัติต่อผู้โดยสาร ดังนี้
– จัดอาหารและเครื่องดื่มให้แก่ผู้โดยสารตามความเหมาะสมกับระยะเวลาที่รอขึ้นเครื่องบินโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
– จัดอุปกรณ์ให้แก่ผู้โดยสารเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารด้วยวิธีการใดๆ เช่น โทรศัพท์ โทรสาร จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Email) เป็นต้น ตามความจำเป็นและเหมาะสมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
– เสนอให้ผู้โดยสารเลือกระหว่าง รับค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมอื่นใดที่ถูกเรียกเก็บคืนเต็มตามจำนวนที่ชำระไปสำหรับการเดินทาง หรือเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน หรือจุดหมายปลายทางอื่นที่ใกล้เคียงกับจุดหมายปลายทางเดิมโดยเร็วที่สุด และเดินทางดโดยการขนส่งทางอื่นที่เหมาะสมเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ระบุไว้ในบัตรโดยสาร
3. กรณีล่าช้าเกินกว่า 5 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 6 ชั่วโมง สายการบินต้องปฏิบัติต่อผู้โดยสาร ดังนี้
– ปฏิบัติต่อผู้โดยสารเช่นเดียวกับกรณีล่าช้าเกินกว่า 3 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 5 ชั่วโมง ตามข้อ 2 และชำระค่าชดเชยเป็นจำนวนเงิน 600 บาท ให้แก่ผู้โดยสารทันทีก่อนที่ผู้โดยสารจะออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง เว้นแต่สายการบินพิสูจน์ได้ว่าการล่าช้าของเที่ยวบินนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัยซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของสายการบิน
4. กรณีล่าช้าเกินกว่า 6 ชั่วโมง สายการบินต้องปฏิบัติต่อผู้โดยสาร เช่นเดียวกับมาตรการในเรื่องการยกเลิกเที่ยวบินตามที่กำหนดในข้อ 5
5. การยกเลิกเที่ยวบิน หรือการปฏิเสธการขนส่ง สายการบินต้องปฏิบัติต่อผู้โดยสาร ดังนี้
– เสนอให้ผู้โดยสารเลือกระหว่างรับเงินค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมอื่นใดที่ถูกเรียกเก็บคืนเต็มตามจำนวนที่จ่ายไป หรือเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ระบุไว้ในบัตรโดยสาร หรือปลายทางอื่นที่ใกล้เคียงกับจุดหมายปลายทางเดิม และเดินทางโดนการขนส่งทางอื่นที่เหมาะสมเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ระบุไว้ในบัตรโดยสาร
– จัดอาหารและเครื่องดื่มให้แก่ผู้โดยสารตามความเหมาะสมกับระยะเวลาที่รอขึ้นเครื่องบินโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย, จัดอุปกรณ์ในการติดต่อสื่อสารตามความเหมาะสมฟรี และจัดที่พักแรมให้ผู้โดยสารตั้งแต่ 1 คืนขึ้นไป ตามความจำเป็นและเหมาะสมในการจัดการขนส่งระหว่างสนามบินและที่พักแรมฟรี
– ชำระค่าชดเชยเป็นเงินสดจำนวน 1,200 บาท ให้ผู้โดยสารทันทีก่อนที่ผู้โดยสารจะออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง
ที่มา : https://www.sanook.com
‘ปวดเอว’ อาจไม่ใช่แค่ ‘ออฟฟิศซินโดรม’
คุณหมอพิทวัส ลีละพัฒนะ แพทย์ด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลพระรามเก้า บอกว่า ปัญหาที่พบได้บ่อยคือ “ภาวะหมอนรองกระดูกปลิ้นกดทับเส้นประสาทส่วนเอว” ผู้ป่วยจะมีอาการปวดร้าวลงขาต่ำกว่าระดับเข่า อาการจะเกิดขึ้นทันทีหลังจากการยกของหนัก หรือเอี้ยวตัวผิดท่า
อาการดังกล่าวจะเกิดซ้ำเมื่อความดันในหมอนรองกระดูกเพิ่มมากขึ้น เช่น การนั่ง การก้มงอตัว การเบ่งต่างๆ ได้แก่ เบ่งปัสสาวะ อุจจาระ ไอ จาม เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นมากถึงขั้นเกิดการอ่อนแรงของขาได้
ถ้าในผู้สูงอายุมักสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการเสื่อมการหลวมของข้อต่อกระดูกสันหลังโดยเฉพาะส่วนเอว เนื่องจากเป็นส่วนที่มีการเคลื่อนไหวและรับน้ำหนักมากที่สุด
สังเกตว่าจะเกิดอาการปวดร้าวลงขา หรือขาอ่อนแรงเวลายืน หรือเดินไประยะเวลาหนึ่ง ต้องรีบหาที่นั่งพัก ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อาการจะค่อยๆ แย่ลง จนท้ายที่สุดอาจมีอาการขาอ่อนแรงตลอดเวลา รวมถึงอาจมีปัญหากลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่ได้
ทางที่ดีอย่านอนใจ ปรึกษาแพทย์ก่อนเป็นดีที่สุด
ที่มา : https://www.matichon.co.th
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 19,150.00 | 19,050.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,650.00 | 18,707.44 | 1,234.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 19,389.64 | 1,279.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,836.70 | 1,110.60 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 14,965.95 | 987.20 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,413.80 | 555.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,549.12 | 432.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 8 สิงหาคม 2561
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.65 | 29.65 | 30.25 | 29.65 | 29.65 | 29.65 | 29.65 | 29.65 | 29.65 | 29.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.38 | 29.38 | 29.98 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 26.74 | 26.74 | 27.14 | 26.74 | 26.74 | – | 26.74 | 26.74 | 26.74 | 26.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.14 | 21.14 | – | – | – | – | – | 21.14 | 21.14 | – |
เบนซิน 95 | 36.76 | – | – | – | 37.21 | – | 37.26 | 36.96 | 36.86 | 36.96 |
ดีเซล | 29.09 | 29.09 | 29.49 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 | 29.09 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.09 | 32.96 | 33.36 | 32.96 | 32.96 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 14.29 | 14.29 | – | – | – | – | – | – | – | – |