คอนโดเมืองท่องเที่ยวบูมดันราคาขายต่อพุ่ง
เทรนด์คนรุ่นใหม่นิยมซื้อ “คอนโดมิเนียม” ในเมืองท่องเที่ยวไว้ “พักผ่อน” และ “ปล่อยเช่า” ช่วงไฮซีซันเป็นปัจจัยสำคัญกระตุ้นการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยวหลัก
อนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้สำรวจที่อยู่อาศัยในทำเลเมืองท่องเที่ยวหลัก 5 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน-ชะอำ และเขาใหญ่ พบว่าที่อยู่อาศัยในรูปแบบ “คอนโดมิเนียม” มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด 76% (9.81 หมื่นยูนิต) ตามด้วย บ้านเดี่ยว 19% (2.49 หมื่นยูนิต) และ ทาวน์เฮ้าส์ 5% (5,998 ยูนิต)
ช่วงปี 2558-2560 คอนโดมิเนียมเมืองท่องเที่ยวเติบโตได้ดี มียอดขายเฉลี่ยทั้ง 5 พื้นที่ ประมาณ 80% จากอุปทานเกือบ 1 แสนยูนิต อยู่ในเกณฑ์ดี จากการท่องเที่ยวที่เติบโตโดดเด่น และนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนระยะยาวนิยมเช่าคอนโดมิเนียมเป็นที่พักอาศัย ส่งผลให้การปล่อยเช่าได้รับอัตราผลตอบแทนสูง แม้บางพื้นที่ปล่อยเช่าได้เฉพาะฤดูกาลท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ด้วยราคาปล่อยเช่าที่สูงกว่าทำเลทั่วไปทำให้มีคนสนใจซื้อ เพื่อรองรับความต้องการพักผ่อนเองและปล่อยเช่าในบางช่วง อีกทั้งคนในพื้นที่นิยมซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ และสามารถเก็บไว้เก็งกำไรได้ เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต
“พฤติกรรมการซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยวเป็นลักษณะ time sharing ที่ไปพักเองเมื่อไหร่ก็ได้ และสร้างรายได้จากการปล่อยเช่า มาช่วยค่าผ่อนหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะ เขาใหญ่ และ หัวหิน–ชะอำ การปล่อยเช่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเกือบ 100% เข้าพักสูงช่วง ต.ค.-ก.พ. เฉลี่ยเดือนครึ่ง”
สำหรับตลาดปล่อยเช่าและนำกลับมาขายใหม่ (รีเซล) “เชียงใหม่” คอนโดมิเนียมที่นำมาปล่อยเช่าขนาด 30 -60 ตร.ม. ค่าเช่า 1-2.5 หมื่นบาทต่อเดือน ราคารีเซลในบางโครงการคอนโดมิเนียมขนาด 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. ขาย 7.5-8 หมื่นบาทต่อตร.ม. หรือยูนิตละ 2-2.5 ล้านบาท โดยราคารีเซลเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4-5% อนาคตคาดว่าราคามีโอกาสปรับขึ้นไปได้อีก เนื่องจากมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่สนับสนุนการเติบโตของเชียงใหม่ ได้แก่ รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ มอเตอร์เวย์เชื่อมเชียงใหม่-เชียงราย และโครงการขนาดใหญ่อีกจำนวนมาก
ส่วน “ภูเก็ต” คอนโดมิเนียมนิยมปล่อยเช่าห้องพักในรูปแบบสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน ขนาด 30-32 ตร.ม. อัตราค่าเช่า City Condo 1-1.8 หมื่นบาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการเช่า คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 6-8% สำหรับค่าเช่า Resort Condo ่ติดหาด จะได้รับความนิยมโดยเฉพาะช่วงไฮซีซัน ค่าเช่า 5-7 หมื่นบาทต่อเดือน ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 4-5% ราคาของคอนโดมิเนียมเฉลี่ยทั้งตลาดอยู่ที่ 9.97 หมื่นบาทต่อตร.ม. ขยับขึ้น 7% ปัจจุบันพบว่าคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ มีราคาเปิดขายเฉลี่ย 1.3 แสนบาทต่อตร.ม. ส่วนใหญ่เป็น Resort Property ที่อยู่ริมหาด
สำหรับพื้นที่ “หัวหิน–ชะอำ” คอนโดมิเนียมที่นำกลับมาขายใหม่ (รีเซล) ที่ติดชายทะเล เฉลี่ย 1.35 แสนบาทต่อตร.ม. เพิ่มขึ้นจากตอนเปิดโครงการ 10% ส่วนโครงการที่ไม่ติดชายทะเลราคารีเซล 7.9 หมื่นบาทต่อตร.ม. เพิ่มขึ้นจากตอนเปิดโครงการ 19% ด้านการปล่อยเช่า หากเป็นโครงการใจกลางเมืองที่ติดชายทะเล 1 ห้องนอน ปล่อยเช่าได้ 3.5-4.5 หมื่นบาทต่อเดือน 2 ห้องนอน 5.5-7 หมื่นบาทต่อเดือน ส่วนโครงการที่ไม่ติดทะเล 1 ห้องนอน ปล่อยเช่า 1.5-2 หมื่นบาทต่อเดือน 2 ห้องนอน 3-5 หมื่นบาทต่อเดือน
คอนโดมิเนียมใน “พัทยา” ราคารีเซลบางโครงการในพื้นที่พัทยากลางอยู่ที่ 1.1 แสนบาทต่อตร.ม. หากนำมาปล่อยเช่า โดย 1 ห้องนอน 30-35 ตร.ม. ค่าเช่า 1.8-2 หมื่นบาทต่อเดือน ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า 6-7%ต่อปี นอกจากนี้ยังพบว่าราคาขายเฉลี่ยยังเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5%
พื้นที่ “เขาใหญ่” ราคาขายรีเซลบางโครงการ 1 ห้องนอน 50-55 ตร.ม. เสนอขายประมาณ 9.2 หมื่นบาทต่อตร.ม. หรือยูนิตละ 4.6-5.2 ล้านบาท โดยราคาขายรีเซลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-6% อย่างไรก็ตาม คอนโดมิเนียมในพื้นที่เขาใหญ่นิยมปล่อยเช่าห้องพักแบบระยะสั้น หรือในช่วงไฮซีซัน เดือน พ.ย.-ม.ค.
ช่วงปี 2559-2560 คอนโดมิเนียมในพื้นที่เชียงใหม่ หัวหิน-ชะอำและภูเก็ต ตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่นิยมซื้อเป็นบ้านพักตากอากาศ ส่วนในพื้นที่พัทยา และเขาใหญ่ ตลาดค่อนข้างทรงตัวจากการระบายอุปทานที่คงค้าง ในทางกลับกันยังมีการขยายตัวในบางทำเล บางช่วงราคาที่ยังมีกำลังซื้อ อย่างไรก็ตาม ยังมองเห็นทิศทางการขยายตัวในอนาคตที่คาดว่าตลาดจะเติบโตได้จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น อีกทั้งเริ่มพบเห็นอุปทานใหม่เริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดบ้างแล้ว
http://www.bangkokbiznews.com
เผยผลสำรวจ 10 ทำเลต้องรู้ ก่อนลงทุนซื้อคอนโดฯ
จากผลการสำรวจโครงการอาคารชุดตามแนวรถไฟฟ้าที่สร้างเสร็จในช่วง 6-36 เดือนที่ผ่านมา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย หรือ AREA พบว่า มีข้อมูลที่น่าสนใจที่นักลงทุนควรทราบก่อนตัดสินใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องชุด ดังนี้
1. ทำเลที่มีห้องชุดมากที่สุดคือ บางซื่อ-บางใหญ่ ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีห้องชุดทั้งหมดถึง 27,540 หน่วย หรือประมาณ 23% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีภาวะล้นตลาดในทำเลดังกล่าว
2. ทำเลที่มีห้องชุดที่ยังเหลืออยู่ในมือผู้ประกอบการสูงสุดคือ บางซื่อ-บางใหญ่ ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงอีกเช่นกัน โดยยังอยู่ในมือของผู้ประกอบการถึง 23% จากจำนวนยูนิตทั้งหมด ซึ่งแสดงว่าให้เห็นว่าหลายโครงการ “ยังไม่พ้นขีดอันตราย” เนื่องจากยอดขายยังไม่กระเตื้องมากนัก และทำให้โครงการใหม่ชะลอการก่อสร้างด้วยเช่นกัน
3. ทำเลที่มีสัดส่วนของผู้ย้ายเข้าอยู่มากที่สุดคือ รามคำแหง โดยพบว่า 79% ของหน่วยขายที่มีผู้ซื้อไปมีการย้ายเข้าอยู่แล้ว มีจำนวนหน่วยขายที่ว่างอยู่เพียง 21% เท่านั้น เช่นเดียวกับ รัชดา-ลาดพร้าว ที่มีหน่วยขายที่ว่างเพียง 23% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าทั้ง 2 ทำเล มียอดขายที่ดีและเป็นที่ต้องการของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก
4. ทำเลที่มีผู้ย้ายเข้าอยู่น้อยที่สุดคือ บางซื่อ-บางใหญ่ ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงอีกเช่นกัน โดยพบว่า มีผู้ย้ายเข้าอยู่เพียง 47% เท่านั้น เช่นเดียวกับ เพชรเกษม-บางหว้า ที่มีผู้ย้ายเข้าอยู่ไม่มากนักเพียง 51% เท่านั้น สาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องมาจากหน่วยขายส่วนใหญ่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน
ทำเลแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย โดยเฉพาะสายสีม่วง ซัพพลายเยอะ ดีมานด์น้อย
5. ทำเลที่มีผู้ซื้อย้ายเข้าอยู่มากที่สุดคือ รามคำแหง สูงถึง 86% ของหน่วยที่ขายได้ ที่เหลืออีก 14% เป็นผู้เช่า รองลงมา ได้แก่ บางนา-สมุทรปราการ อยู่ที่ 85% หมอชิต-สะพานใหม่ อยู่ที่ 84% ยานนาวา-พระราม 3 อยู่ที่ 82% และเพชรเกษม-บางหว้า อยู่ที่ 82% แสดงให้เห็นว่าที่ห้องชุดเหล่านี้ตอบโจทย์ผู้ที่เป็น End User จริง ๆ
6. ทำเลที่มีผู้เช่าในสัดส่วนที่มากที่สุดคือ สุขุมวิท ซ.1-71 มีผู้เช่าอยู่สูงถึง 48% เนื่องจากเป็นทำเลที่มีชาวต่างชาตินิยมเข้ามาเช่าพักอาศัย
7. ทำเลที่มีชาวต่างชาติเช่าพักอาศัยมากที่สุดคือ สุขุมวิท ซ.1-71 มากถึง 42% รองลงมาเป็นรัชดา-ลาดพร้าว อยู่ที่ 25% สุขุมวิท ซ.77-บางนา อยู่ที่ 24% และพญาไท-พหลโยธิน อยู่ที่ 20%
8. ทำเลที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาต่อปีในสัดส่วนสูงที่สุดคือ รามคำแหง เพิ่มขึ้นสูงถึงปีละ 6% รองลงมาเป็นสุขุมวิท ซ.1-71 และพญาไท-พหลโยธิน ที่เพิ่มขึ้นปีละ 5.3% ส่วนทำเลที่ราคาเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดคือ ธนบุรี-ตากสิน เพิ่มขึ้นเพียงปีละ 3.2% และแจ้งวัฒนะ เพิ่มขึ้นเพียงปีละ 3.3%
9. อัตราผลตอบแทนสุทธิจากการให้เช่าสูงที่สุดคือ แจ้งวัฒนะ สูงถึง 5.5% ต่อปี รองลงมาคือ รามคำแหง อยู่ที่ 5.3% ต่อปี ส่วนทำเลที่ได้ผลตอบแทนจากการให้เช่าต่ำที่สุดคือ พญาไท-พหลโยธิน ได้ผลตอบแทนเพียง 4% ต่อปีเท่านั้น เนื่องจากโครงการในทำเลนี้มีราคาสูงมาก
10. ค่าเช่าตลาดต่อตารางเมตรต่อเดือนสูงที่สุดคือ สุขุมวิท ซ.1-71 อยู่ที่ 758 บาท ส่วนต่ำที่สุดคือ แจ้งวัฒนะ อยู่ที่ 265 บาทเท่านั้น เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลห่างไกล และยังไม่มีรถไฟฟ้า
ถือเป็น 10 ข้อที่ผู้ลงทุนในห้องชุดพักอาศัยจำเป็นจะต้องรู้ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน เพื่อให้เงินที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบผลิดอกออกผลมากที่สุด และจะได้ไม่ต้องมานั่งน้ำตาตกในภายหลัง
https://www.ddproperty.com
เปิดแล้ว ! ตลาดประชารัฐทั่วประเทศ ยอดลงทะเบียนพุ่งกว่า 1 แสนราย
เปิดแล้วตลาดประชารัฐ 6,500 แห่งทั่วประเทศ เปิดโอกาสให้พ่อค้า-แม่ค้า เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย กว่า 120,000 ราย ได้มีพื้นที่จำหน่ายสินค้า
วันที่ 5 ธันวาคม 2560 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน “ตลาดประชารัฐ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้ประชาชน” ที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นตลาดต้นแบบของตลาดประชารัฐกว่า 6,520 แห่งทั่วประเทศ ที่เปิดดำเนินการพร้อมกันแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา
โดยตลาดประชารัฐเป็นการสร้างโอกาสแก่ผู้ประกอบการที่มีสินค้าดี มีคุณภาพ แต่ไม่มีสถานที่จำหน่าย ได้มีอาชีพและรายได้ ซึ่งแบ่งตลาดประชารัฐ เป็นทั้งหมด 9 ประเภท ได้แก่ ตลาดประชารัฐ Green Market, ตลาดประชารัฐคนไทยยิ้มได้, ตลาดประชารัฐท้องถิ่นสุขใจ, ตลาดประชารัฐ กทม. คืนความสุข, ตลาดประชารัฐของดีจังหวัด, ตลาดประชารัฐ Modern Trade, ตลาดประชารัฐของดีวิถีชุมชน ธ.ก.ส., ตลาดประชารัฐต้องชม และตลาดประชารัฐตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม
ขณะที่นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทะเบียนตลาดประชารัฐ ล่าสุดมียอดผู้ลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 120,276 ราย แบ่งเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 47,175 ราย ภาคกลาง 24,639 ราย ภาคเหนือ 21,997 ราย ภาคใต้ 18,533 ราย และภาคตะวันออก 7,932 ซึ่งกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่มีผู้มาลงทะเบียนมากที่สุดถึง 8,361 ราย รองลงมาเป็นศรีสะเกษ 5,828 ราย
สำหรับตลาดประชารัฐที่ได้รับความนิยมมีผู้มาลงทะเบียนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1. ตลาดประชารัฐคนไทยยิ้มได้ 73,664 ราย 2. ตลาดประชารัฐท้องถิ่นสุขใจ 64,728 ราย และ 3. ตลาดประชารัฐของดีจังหวัด 27,940 ราย
สินค้าที่นำมาจำหน่ายในตลาดประชารัฐ 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1.สินค้าเกษตรทั่วไป เกษตรอินทรีย์ และผักผลไม้ปลอดภัย 63,139 ราย 2. เสื้อผ้า ของใช้ต่าง ๆ 31,718 ราย และ 3. อาหารพร้อมรับประทานและข้าวแกง 28,415 ราย
ส่วนประเภทของผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทะเบียนตลาดประชารัฐสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1.พ่อค้า-แม่ค้า 59,887 ราย 2.เกษตรกร 31,071 ราย และ 3.ผู้มีรายได้น้อย 12,862 ราย
https://money.kapook.com
ภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ ก้าวสู่สังคมไร้เงินสด
“ภูเก็ตพัฒนาเมือง” วิสาหกิจเพื่อสังคมมีเป้าหมายใหญ่ในระยะ 10 ปีคือ การพัฒนาภูเก็ตให้เทียบเท่าเมืองท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก ผ่านยุทธศาสตร์ความเป็นเมืองสมาร์ทซิตี้ที่เติบโตอย่างชาญฉลาด
“ภูเก็ตพัฒนาเมือง” วิสาหกิจเพื่อสังคมมีเป้าหมายใหญ่ในระยะ 10 ปีคือ การพัฒนาภูเก็ตให้เทียบเท่าเมืองท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก ผ่านยุทธศาสตร์ความเป็นเมืองสมาร์ทซิตี้ที่เติบโตอย่างชาญฉลาด นำร่องจากการพัฒนาระบบขนส่งทั้งทางบกและทางทะเล การพัฒนาแอพพลิเคชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยว Choop.Me และจับมือวีซ่าพัฒนาบัตรเติมเงิน PKCD Pay ก้าวสู่สังคมไร้เงินสด พร้อมต่อยอดทำซิตี้ดาต้าอนาไลติกส์ตามรอยกูเกิล หวังผลักดันธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3 ปี
“ภูเก็ตพัฒนาเมือง (PKCD) เกิดขึ้นเมื่อ 14 เดือนก่อน จากการรวมตัวนักธุรกิจในภูเก็ต 25 ราย ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท วัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงฟื้นฟูเมืองให้เป็นสมาร์ทซิตี้ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี่ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อเมือง โดยเฉพาะการจัดระบบขนส่งมวลชนรองรับการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมถึงส่งเสริมการค้าการลงทุนในจังหวัด ถือเป็นการทำงานร่วมภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนในพื้นที่ ล่าสุดได้เพิ่มผู้ร่วมทุนอีก 15 ราย และเพิ่มทุนเป็น 200 ล้านบาท คาดว่าอีก 2 ปีจะมีผู้สนใจลงขันสมทบถึง 100 ราย” นายก้าน ประชุมพรรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด กล่าว
ปี 61 ขยับสู่สังคมไร้เงินสด
ยุทธศาสตร์การพัฒนาภูเก็ตสมาร์ทซิตี้มุ่งใช้ประโยชน์จากจุดแข็ง ศักยภาพและโอกาสของจังหวัด เพื่อทำให้เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และแก้ปัญหาการลดลงของค่าใช้จ่ายต่อหัวนักท่องเที่ยว จึงจำเป็นต้องพัฒนาเมืองให้โตแบบมีคุณภาพ โดยการพัฒนาระบบขนส่งในรูปแบบสมาร์ทบัสให้บริการในเมือง การพัฒนาท่าเรือ โครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบไฟฟ้า ประปา การบริหารจัดการน้ำรวมทั้งการพัฒนาแอพพลิเคชั่น และ
การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน เพื่อให้ภูเก็ตเป็นเมืองชั้นนำระดับโลก
“14 เดือนที่ผ่านมา เราปั้นหน่วยธุรกิจออกมา 8 บริษัท ลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท เริ่มจากสมาร์ทบัส 10 คัน ลงทุน 40 ล้านบาทเพื่อการเดินทางในเส้นทางรอบเกาะ และลงทุน 30 ล้านบาทพัฒนาแอพพลิเคชั่น Choop.Me อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวในการค้นหาข้อมูลผ่านสมาร์ทดีไวซ์ โดยรวบรวมข้อมูลสถานที่พัก ร้านอาหาร ระบบขนส่ง สปา สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ ทั้งสามารถลิงก์กับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับวีซ่าพัฒนาบัตรเติมเงิน PKCD Pay ขานรับสังคมไร้เงินสด คาดว่าจะเปิดตัวพร้อมกันปี 2561″
ขณะเดียวกันก็วางแผนสร้างระบบบิ๊กดาต้าอนาไลติกส์เหมือนกูเกิล ประโยชน์เพื่อการวิจัยและเก็บข้อมูลสำหรับโครงการพัฒนาเมืองในอนาคต ยกตัวอย่าง คนต่างจังหวัดที่ต้องการซื้อที่ดินในภูเก็ตจะสามารถทราบว่า ขนาดพื้นที่เท่าไร อยู่โซนไหน สามารถสร้างอาคารได้ขนาดเท่าไร โดยไม่ต้องเดินทางมาภูเก็ตหลายๆ ครั้ง เป็นต้น
เมืองอัจฉริยะสู่ความยั่งยืน
“จุดประสงค์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีภายในจังหวัด โดยการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจอันดับต้นๆ จากนักท่องเที่ยว เช่น โครงการพัฒนาท่าเรือไปสู่มารีน่าฮับ การวางระบบการจัดการน้ำเสียและขยะที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว และความยั่งยืนของการพัฒนาในอีก 20 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังวางเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ ธุรกิจจัดประชุมรวมถึงการเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวเชิงอาหารที่มี ความปลอดภัย โดยจะจัดทำแผนแม่บทร่วมกับทางจังหวัดต่อไป” นายก้าน กล่าว
ภูเก็ตพัฒนาเมืองจึงเป็นโมเดลธุรกิจเพื่อสังคมที่ต้องการจะเข้ามาแก้ปัญหาที่มีอยู่ในพื้น ทั้งเป็นนวัตกรรมทางธุรกิจที่เข้ามาช่วยธุรกิจท่องเที่ยวในภูเก็ต และเกิดเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ช่วยให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต เป้าหมายอยากให้บริษัทอยู่ได้ 180 ปี หรือ 6 เจนเนอเรชั่นที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการต่อไป จึงต้องวางรากฐานให้แข็งแรง เริ่มตั้งแต่ระบบขนส่งมวลชนทางบก-ทะเล การพัฒนาพื้นที่โดยรอบเกาะ การพัฒนาโครงสร้างไฟฟ้า-ประปา การพัฒนาภูเก็ตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก และการเป็นสมาร์ทซิตี้ พร้อมกันนั้นมีแผนที่นำ 2 บริษัทในเครือเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 ปีข้างหน้า
“จากการที่รัฐบาลต้องการผลักดันให้ภูเก็ตเป็นสมาร์ทซิตี้ตามแผนไทยแลนด์ 4.0 ทำให้การพัฒนาเมืองได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกหน่วยงาน คาดว่าจะเริ่มมีรายได้เข้ามาในไตรมาส 2 ของปีหน้า จากปัจจุบันมีรายจ่ายเดือนละ 1 ล้านกว่าบาท มองว่าเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาเมือง ไม่หวังผลกำไรสูงสุดแต่หวังแค่คืนทุนและแบ่งผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นแค่ 50%” นายก้านกล่าว
http://www.bangkokbiznews.com
Joy อัลบั้มรูปไฮเทค รวมรูปถ่ายจากทุกอุปกรณ์ไว้ที่เดียว
Joy อัลบั้มรูปไฮเทค รวมรูปถ่ายจากทุกอุปกรณ์ไว้ในที่เดียว แบ่งปันกันเปิดดูได้
Joy อัลบั้มรูปไฮเทค ดีไซน์คล้ายกรอบรูปตั้งโต๊ะ มีหน้าจอ Full HD ขนาด 13.3 นิ้ว สำหรับเปิดดูรูปภาพที่เคยเอาไว้ โดยจุดเด่นของมันก็คือสามารถ Sync รูปภาพจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมือถือของแต่ละคน กล้องถ่ายรูป รวมทั้งบริการโซเชียลต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดูรูปทั้งหมดได้ในที่เดียว สามารถจัดการหรือเพิ่มรูปภาพสำหรับดูใน Joy ได้อย่างสะดวกง่ายดายผ่านแอปฯ บนมือถือ และแน่นอนว่าทุกคนจะสามารถดูรูปที่ถ่ายร่วมกันใน Joy ของของตัวเองได้ พร้อมทั้งลูกเล่นอื่น ๆ อย่าง StoryTime และ Voice Note
Joy มี Layout การแสดงภาพที่ทันสมัย ใช้งานง่าย ดูรูปกันเพลินเลยทีเดียว แถมยังสามารถ Back up รูปภาพเก็บไว้บนระบบ Cloud เพื่อป้องกันรูปภาพสูญหายได้อีกด้วย (มีพื้นที่ให้ฟรี 10GB) ส่วนแบตเตอรี่นั้นก็รองรับชาร์จไร้สายด้วย
Joy รองรับทั้งไฟล์ jpg, png, mov, mp4, วิดีโอ HD, ไฟล์ Raw และ Panorama วางจำหน่ายที่ราคา $499 หรือประมาณ 17,000 บาท
https://men.kapook.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 11/12/2560
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,250.00 |
19,350.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,247.00 |
18,904.52 |
19,850.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,122.30 |
117,014.07 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
561.00 |
8,504.76 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
436.00 |
6,609.76 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,292.00 |
19,586.72 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 11/12/2560
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
27.85 |
27.85 |
– |
27.85 |
27.85 |
27.85 |
27.85
|
27.85
|
27.85
|
27.85
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
25.34
|
25.34
|
25.34
|
25.34
|
25.34
|
– |
25.34
|
25.34
|
25.34
|
25.34
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.64 |
20.64 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.64 |
20.64 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
27.58 |
27.58 |
27.58 |
27.58 |
27.58 |
27.98 |
27.58 |
27.58 |
27.58 |
27.58 |
เบนซิน 95 |
34.96 |
– |
– |
– |
35.41 |
– |
35.46 |
34.96 |
34.96 |
34.96 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
29.39 |
30.07 |
30.26 |
30.26 |
30.07 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
08 Dec 05:00 |
08 Dec 05:00 |
08 Dec 05:00 |
08 Dec 05:00 |
08 Dec 05:00 |
08 Dec 05:00 |
08 Dec 05:00 |
08 Dec 05:00 |
08 Dec 05:00 |
08 Dec 05:00 |