ปั้น‘บางนา’ ดงมิกซ์ยูส ที่พุ่งตร.ว.6 แสน
ที่ดินแปลงใหญ่ บนถนนบางนา-ตราด เริ่มพลิกฟื้น ปรับหน้าดินขึ้นโครงการ จากการเปิดเส้นทางรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้, การลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและโครงการรถไฟฟ้ารางเบาสาย บางนา-สุวรรณภูมิ การเชื่อมโยงเมืองระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) การขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ทำเลนี้กลายเป็นขุมทองของนักลงทุน ถนนสายที่เต็มไปด้วยค้าปลีกขนาดใหญ่ สลับตึกสูงอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบ แนวดิ่ง มิกซ์ยูส โดยทำเลที่มีศักยภาพสูง จะอยู่บริเวณสถานีรถไฟฟ้า แยกบางนา ไม่เกินกิโลเมตรที่ 4 หรือ อย่างเก่งไม่เกิน อาคารอินเตอร์ลิงค์ (เนชั่น) ซึ่งบริเวณนี้เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงคือการปรับปรุงอาคาร ขณะด้านข้างหรือบริเวณซอยบางนา-ตราด 56 อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงพยาบาลเอกชน ด้านในซอยเริ่มปรับหน้าดิน ขึ้นบ้านหรู ส่วนที่ดินฝั่งตรงข้ามที่ตั้งอาคารเอสซีกรุ๊ป เตรียมปรับพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ สอดคล้องกับนายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ฯ ยํ้าว่า โซนพัฒนาเชิงพาณิชย์สร้างมูลค่าสูงให้กับนักลงทุนจะอยู่ตั้งแต่แนวรถไฟฟ้า, แยกบางนา วิ่งไปไม่เกิน กิโลเมตรที่ 4 โดยเฉพาะบริเวณเซ็นทรัล บางนา มีศักยภาพสูง และขยายการพัฒนามาถึงบริเวณตึกเนชั่น จากนั้นจะลดระดับเป็นแนวราบ เนื่องจากเป็นเขตปลอดภัยการบิน ห้ามขึ้นตึกสูง ราคาที่ดินจะอยู่ที่ 2 แสนบาทต่อตารางวาขณะรอบสถานีบางนา ราคา 5-6 แสนบาทต่อตารางวา
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย มองย่านบางนา ถือว่าเป็นทำเลศักยภาพอีกทำเลของกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากแวดล้อมไปด้วยศูนย์การค้าขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากปัจจุบันพื้นที่ค้าปลีกย่านบางนามีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 501,367 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นศูนย์การค้าประมาณ 468,228 ตารางเมตร หรือคิดเป็น 93% ของพื้นที่ค้าปลีกย่านบางนาทั้งหมด รองลงมาคือ สเปเชียลตี สโตร์ 22,500 ตารางเมตร คิดเป็น 4.5% และคอมมิวนิตีมอลล์ 9,669 ตารางเมตร คิดเป็น 2% และพื้นที่ค้าปลีกสนับสนุนอีก 1,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นเพียงแค่ 0.5% ของพื้นที่ค้าปลีกย่านนี้เท่านั้น
โดยปัจจุบันพื้นที่ค้าปลีกย่านบางนามีอัตราเช่าพื้นที่แล้วกว่า 98% ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจค้าปลีก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ค้าปลีกอีกกว่า 6 โครงการ ด้วยพื้นที่ประมาณ 115,600 ตารางเมตร ที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาพื้นที่ย่านบางนาจากภาครัฐเพื่อเพิ่มศักยภาพย่านบางนาให้น่าสนใจเพิ่มมากขึ้นเช่นโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (Light Rail) สายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เส้นทางรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อการเดินทางจากเส้นทางรถ ไฟฟ้าสายสุขุมวิทจากสี่แยกบางนาไปยังสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิโดยเส้นทางนี้มีสถานีรวมทั้งหมด 12 สถานี และอีก 2 สถานีเพิ่มเติมในอนาคตรวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 18.3 กิโลเมตรเป็นเส้นทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติที่ต้องการเดินทางไป-มาระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิ และกรุงเทพฯชั้นในรวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางโดยการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากรัฐบาล เนื่องจากเส้นทางนี้อยู่นอกแผนคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ซึ่งเส้นทางนี้คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปี งบประมาณประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท โครงการนี้ถ้าเปิดให้บริการจะทำให้บริเวณรอบๆ สี่แยกบางนากลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางอีกแห่งของกรุงเทพฯ
โครงการขนาดใหญ่ทั้งของรัฐบาล และเอกชนทั้ง 3 โครงการข้างต้นนั้นถ้าสร้างเสร็จและเปิดให้บริการจะทำให้พื้นที่รอบๆ ย่านบางนามีศักยภาพมากขึ้น
อสังหา-โลจิสติกส์ แรง
ต่างชาติทึ้งโซนตะวันออก
จากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งแบรนด์ไทยและต่างชาติแข่งขันรุนแรง รองรับกลุ่มผู้ค้าออนไลน์ และบริษัทอี-คอมเมิร์ซเกิดใหม่ในไทย ทั้งยังมีปัจจัยจากเส้นทางขนส่งใหม่ๆ โดยแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐผลักดันก่อให้เกิดการคาดการณ์ว่าปี 2562 จะเป็นอีก 1ปีที่ธุรกิจดังกล่าวขยายตัวต่อเนื่อง มีมูลค่าไม่ตํ่ากว่า 2.2 แสนล้านบาท ยิ่งตอกยํ้าความต้องการด้านพื้นที่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าใหม่ๆ อีกมหาศาล สอดคล้องกับข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ไทย ซีบีอาร์อี ที่ระบุว่า ปีนี้อสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์จะกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเฉพาะในเขตและเส้นทางสู่พื้นที่อุตสาหกรรม บางนา-ตราด อีอีซีความต้องการสูง ขณะที่ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ไทคอนเดิม) รุกหนักปรับโมเดลกลยุทธ์ใหม่ คลังสินค้าสั่งสร้าง หวังปิดดีลดึงลูกค้าโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่หลายแบรนด์อยู่ไทยยาว ไม่ตํ่ากว่าอีก 1.2 แสนตารางเมตร
นายเจมส์ พิทชอน กรรมการบริหาร บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้อสังหาริมทรัพย์ ประเภทคลังสินค้า ได้รับความสนใจอย่างมากในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ และเขตเมืองอุตสาหกรรม และจะกลายเป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในปีนี้ รวมถึงยังจะส่งผลถึงค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นด้วย หลังจากธุรกิจด้านอี-คอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ จำเป็นต้องมีระบบการจัดส่ง ระบบการจัดการสินค้าคงคลัง และรูปแบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อ้างอิงอัตราการใช้ในตลาดสหรัฐฯ ทุกยอดขายออนไลน์ 1,000 ล้านบาท จะทำให้เกิดความต้องการพื้นที่คลังสินค้าประมาณ 4,000 ตารางเมตร ส่วนความท้าทายของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซีบีอาร์อี ระบุว่า คือการค้นหาพื้นที่ที่มีราคาเหมาะสมและตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด โดยพบตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำเลที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด คือ พื้นที่ตามแนวถนนบางนา-ตราด ระหว่างกม. 18-24 โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรม การหาพื้นที่ในทำเลนี้กลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น เนื่องจากไม่ค่อยมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีความเหมาะสมและเจ้าของที่ดินมีความคาดหวังในด้านราคาขายที่สูงขึ้น
ขณะที่นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์สพร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยธุรกิจหลักของบริษัท คือ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทางด้านโลจิสติกส์และอุตสาหกรรม (พื้นที่เช่าโรงงาน, คลังสินค้า ) มีแผนพัฒนาพื้นที่ให้บริการอีก ไม่ตํ่ากว่า 1.2 แสนตารางเมตรภายในปีงบประมาณ 2562 มูลค่ารวม 2.5 พันล้านบาท เพื่อรองรับโอกาสจากความต้องการใช้พื้นที่ดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากปัจจุบัน บริษัท มีลูกค้าที่เช่าโรงงานและคลังสินค้ารวมแล้ว 2.7 ล้านตารางเมตร กระจายใน 3 ทำเลสำคัญ คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, บางนา-บางพลี และในโซนจังหวัดอีอีซี (เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา) ไม่นับรวมการลงทุนในต่างประเทศ อินโดนีเซีย ที่มีอัตราการเช่าเต็ม 100% เกือบ 9 หมื่นตารางเมตร
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แคปปิตอลวันรุกรีเซล ผนึกเอเยนต์ชั้นนำสหรัฐฯทำตลาดผ่าน MLM
แคปปิตอล วัน เตรียมร่วมทุนเอเยนต์ชั้นนำจากอเมริกา ฉีกแนวทำตลาดด้วยระบบ MLM ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางบ้านมือสอง ชี้กำลังซื้ออสังหาฯไทยซบจาก 2 ปัจจัย มาตรการแอลทีวี ตัดดีมานด์ในประเทศ ซํ้าค่าบาทแข็ง
นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีบริการครอบคลุมด้านให้คำปรึกษาแก่โครงการกับนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุน รวมถึงการขาย อสังหาฯในประเทศไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีที่ปรึกษาด้านการขายการตลาดนับพันบริษัท แต่ที่เป็นบริษัทใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมีประมาณ 10 บริษัท และแคปปิตอล วันเป็น 1 ใน 3 บริษัทชั้นนำของตลาดที่ดีเวลอปเปอร์ว่าจ้างให้รับผิดชอบการขายโครงการอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้มี 20 โครงการ มูลค่าประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เจาะลูกค้าไทย 65% ที่เหลือเป็นลูกค้าต่างชาติ ในจำนวนนี้ลูกค้าจีนเป็นหลักสูงถึง 80% โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน
แนวโน้มในอีก 2-3 ปีนี้ ผู้ประกอบการจะเปลี่ยนมาใช้บริการบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาฯหรือเอเยนต์ทำการขายโครงการทั้งหมด จากที่ผ่านมาผู้ประกอบการทำร่วมกับเอเยนต์ ซึ่งบริษัทมีแผนจะร่วมทุนกับบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสภาวะตลาดห้องชุดในปัจจุบันราคาโครงการกับราคารีเซลมีส่วนต่างมากเกินไป สำหรับโครงการที่เปิดอยู่ติดกันกับโครงการใหม่ บริษัทก็พยายามใส่ระบบการจัดการอสังหาฯมือสอง เพราะในตลาดอสังหาฯมือสองยังไม่มีดัชนีราคาที่เป็นระบบ ขณะที่พันธมิตรของเราระบบการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ ช่วยให้ง่ายต่อการพิจารณาราคาอสังหาฯต่างๆ
ที่สำคัญเอเยนต์ชั้นนำจากสหรัฐอเมริการายนี้มีระบบ Multi Level Marketing (MLM) ซึ่งคนที่อยู่นอกอาชีพเอเยนต์สามารถเข้ามาร่วมธุรกิจได้ ช่วยสร้างฐานการขาย คาดว่าจะเปิดบริษัทร่วมทุนประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ ตั้งเป้าภายในปีนี้จะมีพนักงานประมาณ 2,000 คน
“แคปปิตอล วันตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางตลาดขายบ้านมือสอง หรือรีเซล เพื่อรองรับตลาด ประกอบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คนจีนเข้ามาซื้ออสังหาฯของไทยค่อนข้างมาก เกิดสต๊อกจำนวนมาก แต่ขาดตัวกลางที่มาช่วยดูแลทรัพย์สินให้ ดังนั้นตลาดรีเซลมีมูลค่ามหาศาล ขนาดใหญ่กว่าตลาดบ้านใหม่”
สำหรับภาพรวมการขายอสังหาริมทรัพย์เริ่มซบเซามาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ต่อเนื่องถึงปีนี้ แต่เดือนมีนาคมปีนี้ ห้องชุดขายพร้อมโอนค่อนข้างดีขึ้น ผลพวงจากมาตรการแอลทีวี ของธนาคารแห่งประเทศไทย จากนั้นคาดว่าจะกลับมาซบอีกครั้งในเดือนเมษายน ถือว่านโยบายคุมเข้มสินเชื่อด้วยมาตรการแอลทีวีของธปท.เป็นการตัดดีมานด์ ไม่ได้ตัดซัพพลาย
ขณะที่ตลาดลูกค้าต่างชาติ กำลังซื้อลดลงเป็นผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ทั้งนี้ในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา เงินบาทเทียบกับหยวนจีน และดอลลาร์ฮ่องกง แข็งค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 7% ถ้าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ค่าบาทแข็งค่าเพิ่มขึ้น ประมาณ 5% ทำให้ลูกค้าต่างชาติเป้าหมายมองว่าอสังหาฯของไทยราคาแพงขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เก็บคืนเหรียญกษาปณ์รุ่นเก่าหมดใน10ปี
ขอบคุณข้อมมูลจาก posttoday.com
8 วิธีขับขี่ ให้สงกรานต์นี้กลับบ้านปลอดภัย
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นวันหยุดยาวที่จะคนส่วนใหญ่ถือโอกาสเดินทางไกลเพื่อกลับบ้านไปหาครอบครัวหรือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการขับขี่ในระยะทางไกลอาจก่อให้เกิดอันตรายบนท้องถนนได้ ดังนั้นการมีสติและไม่ประมาทจึงเป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนเดินทางกันอย่างปลอดภัย ปราศจากอุบัติเหตุ
จากข้อมูลของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) พบว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์อันดับแรกมาจากการดื่มแล้วขับ รองลงมา คือ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับ 1 ในทวีปเอเชียและเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยเฉลี่ยต่อปีมีผู้เสียชีวิตถึง 22,000 คน บาดเจ็บกว่า 100,000 คน พิการกว่า 50,000 คน และสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี
ตัวเลขความสูญเสียที่เห็นแล้วน่าเป็นห่วง จึงเป็นที่มาของการทำงานอย่างเข้มข้นของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในสนับสนุนและเชื่อมโยงกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย” เพื่อลดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียทางถนน และล่าสุดได้เปิดพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด สร้างเครือข่าย Thailand Big Move for Road Safety ร่วมกันแก้ 30 จุดเสี่ยง สร้างถนนปลอดภัยให้คนไทยกลับบ้านอย่างปลอดภัยอีกด้วย
สงกรานต์นี้ ทีมเว็บไซต์ สสส. ขอชวนทุกคน ดื่มไม่ขับ เพื่อที่จะขับรถกลับบ้านอย่างปลอดภัย และใส่ใจในการขับขี่ด้วย 8 วิธีดังนี้ค่ะ
1.ขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ
2.ไม่ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
3.อย่าแซงในที่คับขัน เช่น บนสะพาน ทางโค้ง ทางแยก ทางร่วมหรือบริเวณที่ผิดกฎหมาย
4.อย่าขับรถตามหลังคันอื่นในระยะกระชั้นชิด
5.มองดูกระจกส่องด้านหลัง และให้สัญญาณไฟทุกครั้ง ก่อนหยุด เลี้ยว แซงจอด หรือชะลอ
6.ก่อนเข้าทางโค้ง ควรให้สัญญาณเตือนรถอื่นที่กำลังสวนมา
7.ขับชิดขอบทางด้านซ้าย เมื่อผ่านทางแคบ ทางโค้ง บนเนินหรือภูเขา
8.เรียนรู้ จดจำ สัญญาณจราจรที่สำคัญ และปฏิบัติตามกฎจราจรโดยไม่ฝ่าฝืนป้ายหยุด สัญญาณไฟหรือเครื่องหมายจราจร
นอกจากการขับขี่ที่ปลอดภัยแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรทำคือ “ดื่มแล้วขับ” เพราะการดื่มแอลกอฮอล์หนึ่งแก้ว (200 ซีซี) จะส่งผลให้มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 20-30 มิลลิกรัม ทำให้การตัดสินใจและการตอบสนองของผู้ขับขี่ช้าลง ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น ถือเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและผลเสียที่จะตามมาภายหลังได้
สงกรานต์เป็นเทศกาลที่สนุกสนาน และเป็นช่วงเวลาของทุกคนในครอบครัวที่จะได้พบหน้ากัน มาร่วมกันทำให้ช่วงเวลาเหล่านี้มีแต่ความสุข ด้วยการขับขี่อย่างปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์กันนะคะ…สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
10 พฤติกรรมบนโลกออนไลน์เสี่ยงติดคุก
เตือนชาวเน็ทเล่นโซเชี่ยลอย่างระวัง หากมี 10 พฤติกรรมนี้เสี่ยงติดคุกได้ โดยทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เตรียมจัดระเบียบการกระทำผิดกฎหมายบนโลกออนไลน์ หลังจำนวนผู้กระทำผิดเพิ่มขึ้นและเร่งสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนในรูปแบบการจัดกิจกรรม “โพสต์ต้องคิด คลิกเสี่ยงคุก” ภายใต้ “โครงการออนไลน์ใสสะอาด เรารักในหลวง” เนื่องจากการกระทำผิดด้วยการกดไลค์ คอมเม้นท์ แชร์ โพสต์ เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้ติดคุกได้
10 พฤติกรรมบนโลกออนไลน์เสี่ยงติดคุก
1. อัพโหลดรูปลามกอนาจาร จำคุก 5 ปี ปรับถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ปล่อยข่าวให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย จำคุก 5 ปี ปรับถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. ตัดต่อภาพ ทำให้เจ้าของภาพเสียหาย อับอาย จำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4. ขโมยข้อมูลของคนอื่นแล้วเอาไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์กับตัวเอง เพื่อหากำไร เพื่อนำไปใช้กลั่นแกล้ง ถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ รวมทั้งตามกฎหมายลิขสิทธิ์และ พรบ.คอมพิวเตอร์
5. ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น กุเรื่องให้คนอื่นเสียหาย อับอาย ขายหน้า จำคุก 5 ปี ปรับถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
6. แอบเอา ID หรือ Password ผู้อื่นไปแอบดูข้อมูลของบุคคลอื่น มีสิทธิ์ถูกจำคุกเเละปรับ
7. แก้ไขเนื้อหาใน File ผู้อื่น จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
8. ส่งอีเมลลูกโซ่โดยไม่บอกที่มา ถูกปรับ 100,000 บาท
9. กดแชร์ข่าวในสังคมออนไลน์โดยไม่ตรวจสอบ รับโทษด้วยกันทั้งคนทำเเละคนส่งต่อ
10. โพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง หรือทำเว็บไซต์หมิ่นสถาบันเบื้องสูง ถือเป็นความผิดร้ายแรงทั้งกฎหมายอาญาและ พรบ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก trueplookpanya.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,500.00 | 19,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,263.00 | 19,147.08 | 20,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,136.70 | 17,232.37 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,010.40 | 15,317.66 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 568.00 | 8,610.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 442.00 | 6,700.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,309.00 | 19,844.44 | n/a |
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 | 29.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 26.24 | 26.24 | 26.64 | 26.24 | 26.24 | – | 26.24 | 26.24 | 26.24 | 26.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.84 | 20.84 | – | – | – | – | – | 20.84 | – | – |
เบนซิน 95 | 36.66 | – | – | – | 37.11 | – | 37.16 | 36.96 | – | 36.96 |
ดีเซล | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 30.89 | 31.16 | 31.35 | 31.35 | 31.35 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.23 | 27.29 | – | – | – | – | – | – | – | – |