ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,800.00 | 19,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,283.00 | 19,450.28 | 20,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,154.70 | 17,505.25 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 577.0 | 8,747.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 449.00 | 6,806.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,330.00 | 20,162.80 | n/a |
คอนโดฯ โซนถนนรัชดาภิเษกบูมหนัก จ่อจำนวนยูนิตสร้างเสร็จเพิ่ม
“รัชดาภิเษก” เป็นอีกหนึ่งย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ ที่นอกจากจะมีอาคารสำนักงานผุดขึ้นจำนวนมากแล้ว ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดใหม่และสร้างเสร็จพร้อมอยู่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยตลาด บริษัท ไรส์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า คอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้จะมีมากกว่า 27,810 ยูนิต โดยอยู่ที่ประมาณ 91% แสดงให้เห็นถึงความร้อนแรงของโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้ที่ได้รับความสนใจและมียอดขายสูงทุกโครงการที่เปิดขาย
นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาด บริษัท ไรส์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า คอนโดมิเนียมโซนรัชดาภิเษก ที่สร้างเสร็จแล้วในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 21,959 ยูนิต และอีกประมาณ 5,851 ยูนิต กำหนดแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2561 – 2564 ดังนั้นจึงทำให้มีคอนโดมิเนียมรวมอยู่ในพื้นที่ประมาณ 27,810 ยูนิต โดยพื้นที่ที่อยู่ในซอยหรือถนนที่แยกจากถนนรัชดาภิเษกในพื้นที่ฝั่งขวาของถนนรัชดาภิเษกอาจจะมีจำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดขายและสร้างเสร็จน้อยกว่าพื้นที่ในฝั่งซ้ายของถนนรัชดาภิเษก แต่ในอนาคตจะมีจำนวนคอนโดมิเนียมสะสมมากกว่า เพราะมีโครงการเปิดขายต่อเนื่องและหลายโครงการมีจำนวนยูนิตมาก อีกทั้งพื้นที่ฝั่งขวามีถนนหรือซอยที่มีขนาดใหญ่กว่าทางฝั่งซ้ายของถนนรัชดาภิเษก ขณะที่พื้นที่ริมถนนรัชดาภิเษกไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มาหลายปีแล้วเพราะที่ดินมีราคาสูงขึ้น อีกทั้งที่ดินเปล่าริมถนนรัชดาภิเษกปัจจุบันเริ่มหาได้ยาก จึงทำให้โครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ที่เปิดขายก่อนหน้านี้ มักอยู่ในพื้นที่ตามถนนสายรองหรือซอยที่แยกออกจากถนนรัชดาภิเษก
จำนวนยูนิตคอนโดมิเนียม โซนถนนรัชดาภิเษก
คอนโดมิเนียมทั้งหมดในพื้นที่นี้มีทั้งหมดประมาณ 27,810 ยูนิตโดยอยู่ในพื้นที่ฝั่งขวามากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 43% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด ตามมาด้วยพื้นที่ฝั่งซ้ายของถนนรัชดาภิเษกประมาณ 34% แม้ว่าคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้จะมีมากกว่า 27,810 ยูนิต แต่อัตราการขายเฉลี่ยนั้นสูงเช่นกัน โดยอยู่ที่ประมาณ 91% แสดงให้เห็นถึงความร้อนแรงของโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้ที่ได้รับความสนใจและมียอดขายสูงทุกโครงการที่เปิดขาย
สำหรับปัจจัยราคาที่ดินที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องนั้น ส่งผลให้ราคาขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในพื้นที่มีราคาเฉลี่ยเริ่มต้นประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม. แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะโครงการที่เปิดขายในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่ดังกล่าวมีราคาเฉลี่ยเริ่มต้นประมาณ 115,000 บาท/ตร.ม. และมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่บางโครงการมีราคาขายเฉลี่ยเริ่มต้น100,000 บาท/ตร.ม. แต่ยังคงมีบางโครงการที่อยู่ในซอยหรือถนนสายรองที่มีราคาขายต่ำกว่า 100,000 บาท/ตร.ม. ด้วยเช่นกัน
ความน่าสนใจของถนนสายรอง และซอยย่อยถนนรัชดาภิเษก
พื้นที่ตามถนนสายรองและซอยที่แยกออกจากถนนรัชดาภิเษกจะยังคงเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการต่อไปในอนาคต เพราะมีความเป็นชุมชน การเดินทางสะดวก อีกทั้งในอนาคตจะเกิดเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐและเอกชน อาทิ โครงการพัฒนาของกลุ่มจีแลนด์ อสมท. และศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย รวมไปถึงแผนงานของบริษัทเอกชนอีกหลายแห่ง เป็นต้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะมีส่วนช่วยยกระดับให้พื้นที่ตามแนวถนนรัชดาภิเษกมีความเป็นศูนย์กลางธุรกิจมากขึ้น อีกทั้งพื้นที่นี้ยังถือได้ว่าเป็น 1 ในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อชาวต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุดโดยเฉพาะกำลังซื้อจากกลุ่มคนทำงานชาวจีนและคนที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่นับวันมีระดับเพิ่มสูงขึ้น
https://www.ddproperty.com
“พลัส พร็อพเพอร์ตี้” เผยทาวน์เฮาส์ 2-4 ล้านบาท ติดอันดับผู้ซื้อนิยม 3 ปีซ้อน
เผยผลสำรวจทาวน์เฮาส์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบอัตราการเติบโตดี โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ราคา 2 – 4 ล้านบาทมาแรง เป็นที่นิยมของผู้ซื้อในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยอุปทานขยายตัวเฉลี่ยปีละ 15% ส่วนอุปสงค์ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 18% และมีอัตราดูดซับต่อเดือนสูง ส่วนทำเลที่น่าสนใจ คือกรุงเทพฯ โซนฝั่งตะวันตก-เหนือ และนิคมอุตสาหกรรมนวนคร มีอัตราการดูดซับเฉลี่ยอยู่ที่ 7.9 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ พบแนวโน้มผู้บริโภคเลือกซื้อทาวน์เฮาส์ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
ตลาดทาวน์เฮาส์ในกรุงเทพฯ เติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจไทย
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากข้อมูลของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ได้ทำการสำรวจที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่ามีแนวโน้มเติบโตที่โดดเด่น เป็นการเติบโตทั้งในส่วนของอุปทานและอุปสงค์ สอดคล้องตามทิศทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวดี ภาครัฐมีการขยายการก่อสร้างรถไฟฟ้าและโครงข่ายคมนาคม ซึ่งปัจจุบันหลายเส้นทางเริ่มแผนการก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรม จึงเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใกล้โครงการเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป ต้องการอยู่ไม่ไกลจากเมือง หรือไม่ไกลจากศูนย์กลางธุรกิจ และระดับราคาที่อยู่อาศัยไม่สูงมากเมื่อเทียบกับอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ทำให้ทาวน์เฮาส์ในพื้นที่ปริมณฑล หรือย่านชานเมืองใกล้กรุงเทพฯ ได้รับการตอบรับที่ดี
ทั้งนี้หากย้อนไปช่วงปลายปี 2560 พบว่าทาวน์เฮาส์ที่ระดับราคา 2-4 ล้านบาท เป็นตลาดหลักของตลาดทาวน์เฮาส์ มีอัตราการเสนอขายที่โดดเด่น ด้วยสัดส่วนที่สูงถึง 68% รองลงมาคือระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท อยู่ที่ 22% ระดับราคา 4-7 ล้านบาท อยู่ที่ 9% และระดับราคาสูงกว่า 7 ล้านมีเพียง 1% ซึ่งการเติบโตของระดับราคา 2-4 ล้านบาทนั้นถือว่ามีความน่าสนใจเพราะมีการขยายตัวได้ดีทั้งในส่วนของอุปทานและอุปสงค์ สะท้อนได้จากข้อมูลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอุปทานขยายตัวโดยเฉลี่ยปีละ 15% ส่วนอุปสงค์ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 18% อีกทั้งมีอัตราดูดซับต่อเดือนสูง รวมไปถึงจำนวนเดือนที่คาดว่าจะขายหมด อยู่ที่ 11.5 เดือนซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ 13.9 เดือน ทำให้ตลาดทาวน์เฮาส์ที่ราคา 2–4 ล้านบาทเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีความน่าสนใจสูง
จับตาทำเลกรุงเทพฝั่งตะวันตก-เหนือ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร
สำหรับทำเลที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการเติบโตได้แก่
1. โซนตะวันตกตั้งแต่ธนบุรีไปจนถึงศาลายา-บางใหญ่-นนทบุรี โดยเฉพาะบริเวณราชพฤกษ์ รัตนาธิเบศร์ กัลปพฤกษ์ สุขสวัสดิ์
2. โซนเหนือตั้งแต่ลาดพร้าว-จตุจักรไปจนถึงปทุมธานี-ลำลูกกา-ลาดหลุมแก้ว
จะเห็นว่าทั้ง 2 โซนเป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่มีประชากรหนาแน่น มีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมที่หลากหลาย ทำให้เอื้ออำนวยในการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองของกลุ่มที่มีกำลังซื้อ อีกทั้งโซนนี้ยังเป็นทำเลที่ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ได้แก่ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และโรงพยาบาล ส่งผลดีต่อโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ และอีกหนึ่งทำเลที่น่าจับตา คือ โซนนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งเป็นอีกโซนหนึ่งที่มีความน่าสนใจในตลาดทาวน์เฮาส์ มีอัตราการดูดซับเฉลี่ยอยู่ที่ 7.9 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ อุปสงค์หลักมาจากกลุ่มคนในท้องถิ่นรวมไปถึงแรงงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ย้ายมาทำงานในนิคมอุตสาหกรรม ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและซื้อลงทุน โดยแรงขับเคลื่อนมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ทำให้เกิดการลงทุนของบริษัทต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นตามกลุ่มแรงงานที่ย้ายเข้ามาพื้นที่ด้วยเช่นกัน
ค้นหาทาวน์เฮาส์โซนนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ได้ที่นี่
ทั้งนี้ นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า “การที่ตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 2 – 4 ล้านบาท และทำเลข้างต้นได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อนั้น มาจากระดับราคาที่ไม่สูงมากและมีอรรถประโยชน์ที่เหมาะสม สอดคล้องกับกำลังซื้อของคนในพื้นที่ (รายได้เฉลี่ยของครัวเรือนปัจจุบันในแต่ละพื้นที่กรุงเทพมหานครอยู่ที่ 30,000-40,000 บาทต่อครัวเรือน) โดยเฉพาะโครงการที่สามารถตอบสนองรูปแบบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคพบว่ามีแนวโน้มน่าจับตา และที่สำคัญการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโครงข่ายคมนาคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟฟ้า รวมไปถึงการพัฒนาถนน ทางด่วน วงแหวนและมอเตอร์เวย์ ทำให้เกิดความหลากหลายในการเดินทาง สามารถเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจได้โดยง่ายและสะดวก อีกทั้งการตั้งอยู่ใกล้แหล่งงาน ไม่ว่าจะเป็นโรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรม ศูนย์ราชการ และศูนย์กระจายสินค้า ก่อให้เกิดความต้องการในที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทาวน์เฮาส์ระดับนี้เข้ามาตอบโจทย์ได้ง่าย ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น”
https://www.ddproperty.com
เงินบาท ‘อ่อนค่า’ รอบ 3 เดือน
บาทเปิดตลาดเช้านี้อ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือน ที่ “31.95 บาทต่อดอลลาร์” คาดอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจเร่งตัวขึ้นได้ไวกว่าที่คาด และหนุนการขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งของเฟดได้ แนะนักลงทุนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
นักบริหารเงินธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.95 บาทดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ3เดือน จาก 31.92 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นวันทำการที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทีบบกับสกุลเงินหลัก
โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ในปี 2018 ที่ระดับ 93 จุด หลัง ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและพร้อมดำเนินการคว่ำบาตรกับอิหร่าน ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจากอุปทานของอิหร่าน (Iran Oil supply)ที่ลดลง ทำให้ตลาดมองว่าราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นตาม และเริ่มลดสถานะถือครองบอนด์ระยะยาว เช่น บอนด์10ปี สหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์10ปี สหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ได้ช่วยหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าต่อ จากส่วนต่างบอนด์ยีลด์10ปี สหรัฐฯ กับพันธบัตร10ปี รัฐบาลอื่นที่เพิ่มขึ้น)
สำหรับวันนี้ ตลาดจะให้ความสนใจดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ (Producer Price Index) โดยมองว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 0.2% และปรับตัวขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 2.8% สอดคล้องกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยถ้าหากตัวเลขดังกล่าวปรับตัวขึ้นมากกว่าที่คาด อาจจะทำให้ตลาดเริ่มมองว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจจะเร่งตัวขึ้นได้ไวกว่าที่คาด และหนุนการขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งของเฟดได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ดอลลาร์กลับมาแข็งค่ากดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า ผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ส่งออกและนักลงทุนควรเริ่มพิจารณาป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เนื่องจาก ค่าเงินบาทยังคงมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อและส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้ากับอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน (Swap point/Forward point) ยังคงติดลบอยู่ ดังนั้น หากเงินบาทอ่อนค่าขึ้นไปมาก ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 31.85-32.00 บาทต่อดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
แพมบาแชร์เวย์ส แอพฯแชร์รถบ้าน-แท็กซี่
“แพมบาแชร์เวย์ส”แอพพลิเคชั่นเสนอที่นั่งว่างในรถส่วนบุคคลแก่ผู้ร่วมเดินทางที่มองหายานพาหนะนำไปสู่จุดหมายในราคาประหยัด
“แพมบาแชร์เวย์ส” (Pamba Shareways) แอพพลิเคชั่นเสนอที่นั่งว่างในรถส่วนบุคคลแก่ผู้ร่วมเดินทางที่มองหายานพาหนะนำไปสู่จุดหมายในราคาประหยัด สะอาดและปลอดภัย หรือแอพฯ จับคู่การเดินทางร่วมกันแบบอัตโนมัติทางรถยนต์ส่วนบุคคลและรถแท็กซี่ ช่วยแก้ปัญหาการจราจร ลดการสร้างมลภาวะและการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อนและทำลายสุขภาพ
ผลงานวิจัยร่วมระหว่าง “สุริยพงศ์ ทับทิมแท้” ภาคธุรกิจเอกชน กับ ผศ.นพพร ลีปรีชานนท์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ) ได้รับรางวัลโล่เกียรติยศจากนครเมืองเจนีวา ซึ่งเป็นรางวัลระดับสูงสุดที่ประเทศไทยได้รับ และรางวัลเหรียญทองจากเวทีการประกวดนวัตกรรมนานาชาติครั้งที่ 46 ที่สวิตเซอร์แลนด์
“ออร์แกนิค”คาร์แชริ่ง
สุริยพงศ์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Pamba กล่าวว่า ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานของระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนรถไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้มีรถยนต์สะสมอยู่มากกว่า 6 ล้านคัน แต่ละคันมี 4-6 ที่นั่งแต่ใช้จริง 2 ที่นั่งเท่านั้น จึงเป็นที่มาของโมเดลธุรกิจแบบ Car Sharing ภายใต้แนวคิด “ไปทางเดียวกัน รถคันเดียวกัน แชร์ค่าน้ำมัน ได้พบผู้คน”
“เราเน้นการเติบโตที่ยั่งยืนในรูปแบบของ “เทค เอสเอ็มอี” เน้นสร้างเครือข่ายกับมหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการ แหล่งท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น และเติบโตแบบออร์แกนิคที่มีพื้นฐานจากความเป็นจริง ต่างจากสตาร์ทอัพที่เน้นระดมทุนหรือดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุน มีการทำโปรโมชั่น มุ่งตัวเลขการเติบโตแบบก้าวกระโดดและไม่เป็นมิตรกับธุรกิจรอบข้าง””
หลักการทำงานของแพมบาแชร์เวย์ส คือ ระบบจะค้นหาและจับคู่ผู้ที่ต้องการเดินทางไปในทางเดียวกันโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถสาธารณะ อาทิ แท็กซี่ กับรถยนต์ที่มีพื้นที่ว่างในรถ ส่วนเจ้าของรถก็จะได้ค่าตอบแทนจากการแบ่งปันพื้นที่ให้ร่วมเดินทาง ในอีกมุมหนึ่งผู้ที่ร่วมเดินทางจะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง ช่วยลดปริมาณรถยนต์ ลดการสร้างมลภาวะและการใช้พลังงานเชื้อเพลิง
นอกจากนี้มีฟังก์ชันตรวจสอบข้อมูลเพื่อนร่วมทาง ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเข้าไปอ่านข้อมูลของผู้ใช้คนอื่นๆ ที่ลงทะเบียนไว้ ก่อนตัดสินใจร่วมสัญจร ทั้งยังมีห้องแชทอำนวยความสะดวกในการติดต่อเพื่อหาข้อมูลของผู้ร่วมเดินทางเพิ่มเติม หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทาง โดยสามารถดาวน์โหลด pamba shareaways ได้ฟรี ทั้งในระบบแอนดรอยด์และไอโอเอส
ตอบโจทย์สังคมแบ่งปัน
“แพมบา แชร์เวย์สเป็นแอพฯฟรีในรูปแบบโซเชียลเอนเตอร์ไพรส์ ปีนี้นำร่องมุ่งให้บริการบนเส้นทางที่ไม่ค่อยมีรถโดยสารสาธารณะให้บริการ ในอนาคตอาจของบสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เพื่อให้เติบโตได้มากขึ้นใน 3 ช่องทาง เริ่มจาก 1.เครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืน 24 แห่ง 2.หน่วยงานราชการ และ3. แหล่งท่องเที่ยว” นายสุริยพงศ์ กล่าว
กรณีช่องทางแหล่งท่องเที่ยวมีโครงการที่จะร่วมกับสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย เพื่อร่วมส่งเสริมและสนับสนุนการเที่ยวเมืองรอง เนื่องจากยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ชุมชน หรืออีกหลากหลายสถานที่ ที่รถโดยสารสาธารณะเข้าไม่ถึง ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการไปปักหมุดใน Destination เดียวกัน ก็สามารถที่จะเข้ามาจับคู่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ผ่านแพลตฟอร์มการให้บริการของแพมบาแชร์
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้ทดลองใช้โดยเน้นกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์-รังสิต) ที่มีกว่า 4 หมื่นคนเพื่อเป็นทางเลือก เพราะรถสาธารณะทั้งรถตู้และรถเมล์มีให้บริการไม่เพียงพอ หลังจากเปิดตัว 3-4 เดือน มีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก4,000 คน ความถี่การใช้บริการ 10-20 ครั้งต่อวัน ซึ่งยังน้อยอยู่เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดเทอม
“เราเซ็นเอ็มโอยูเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมากับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อการเข้าไปเติมเต็มการร่วมเดินทางให้กับกลุ่มนักศึกษา หรือบุคลากรของทางมหาวิทยาลัย หลังการทดสอบระบบจากศูนย์รังสิตมาท่าพระจันทร์ ระยะทางราว 50-60 กิโลเมตรนั้น ผู้โดยสารที่ใช้บริการคาร์แชริ่งเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 80-90 บาทเท่านั้น”
ทั้งนี้ แพมบาแชร์กำหนดเรทการช่วยกันแชร์ค่าเดินทาง ค่าทางด่วน ซึ่งจะถูกกว่ารถแท็กซี่ แต่จะแพงกว่ารถตู้ เพื่อตัดความเกรงใจและให้เป็นมาตรฐาน ส่วนเจ้าของรถซึ่งเป็นผู้กำหนดเส้นทางจะรับหรือไม่รับค่าบริการก็ได้ เนื่องจากเป็นการแบ่งปัน ส่วนเรตของการแชร์แท็กซี่จะหารในสัดส่วนเท่ากัน เพื่อตอบโจทย์สังคมแห่งการแบ่งปัน
http://www.bangkokbiznews.com
ผลไม้ ล้างสารพิษ (สาระน่ารู้เรื่องผลไม้) เกล็ดความรู้สำหรับคนรักสุขภาพ
ผลไม้ ถือได้ว่า มีความจำเป็นไม่น้อยไปกว่าเนื้อสัตว์ นม ไข่ หรือผักต่างๆ เลยค่ะ จึงได้จัดอยู่ในหมวดหมู่ของ อาหารหลัก 5 หมู่ ที่สำคัญต่อร่างกาย ผลไม้แต่ละชนิดนั้น สามารถ ช่วยล้างสารพิษจากร่างกาย ช่วยให้ขัยถ่ายได้ดีและยัง ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะเรา อีกด้วยค่ะ วันนี้จึงได้นำสาระดีๆ เรื่องผลไม้มาฝากค่ะ เผื่อว่าใครที่ไม่ชอบทานผลไม้ จะได้หันมาสนใจ และใส่ใจมากขึ้นค่ะ…
มังคุด
- มีสาร Xanthone ในเปลือกมังคุด ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีผลต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่าง ๆ นอกจากนี้ในเปลือกมังคุดยังมีสาร แทนนิน ที่มีคุณสมบัติช่วยในการสมานแผล และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้อีกด้วย
มะม่วง
- ช่วยละลายเสมหะ แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน และยังช่วยให้เลือดลมและประจำเดือนของสตรีเป็นปกติ หากรับประทานมะม่วงสดเป็นประจำแล้วก็จะช่วยทำให้อาการไอ หอบ มีเสมหะ หรือมีเลือดออกตามไรฟันบรรเทาลงไปได้
สตรอเบอร์รี่
- มีวิตามิน ซี อยู่เป็นจำนวนมาก มีสรรพคุณที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหวัดและโรคภูมิแพ้ ช่วยทำให้ระบบการดูดซึมอาหารของร่างกายดียิ่งขึ้น ลดอาการท้องผูก ช่วยให้เจริญอาหาร
เสาวรส
- ผลเสาวรส มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต ลดไขมันในเส้นเลือด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย คลายร้อน และป้องกันไข้หวัดได้เป็นอย่างดี
แก้วมังกร
- มีสารอาหารหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินซี และมีเส้นใย มีสรรพคุณช่วยลดโคเลสเตอรอล ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ ลดความดันโลหิต ควบคุมน้ำหนัก แก้ท้องผูก ป้องกันมะเร็งสำไส้ใหญ่และช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น
อะโวคาโด
- เราอาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ปัจจุบันสามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาดทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก การรับประทานอะโวคาโดสามารถทานได้สดๆหรือนำมาดัดแปลงทำเป็นสลัดอะโวคาโดเพื่อเปลี่ยนรสชาติในการรับประทานได้ดีอีกทางหนึ่งด้วย
แตงโม
- มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ดังนั้นจึงช่วยฟอกล้างไตได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังใช้รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ลดความดันโลหิต และทำให้สบายท้อง แตงโม เป็นผลไม้ฉ่ำน้ำ มีความเย็น รสหวาน รับประทานเป็นผลไม้แก้กระหายคลายร้อนได้อย่างดี หรือดื่มเป็นน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ น้ำแตงโม ยังช่วยทำให้ร่างกายขับปัสสาวะได้ดี จึงมีผลช่วยล้างไต ล้างกระเพาะปัสสาวะ ไม่ให้ร่างกายมีการสะสมกรดยูริค อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไขข้อ โรคเกาต์
ส้ม
- มีวิตามินเอและซี มีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และช่วยเสริมสร้างความสดใสให้แก่ผิวพรรณ
ฝรั่ง
- มีวิตามินซี ที่มีสรรพคุณชะลอการลุกลามของมะเร็ง ช่วยสร้างและบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทำให้แผลหายเร็ว ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยลดสารพิษในร่างกาย หากรับประทานเป็นประจำจะทำให้ผิวพรรณสดใส
มะละกอ
- มีสรรพคุณในการต่อต้านการเกิดของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้เป็นอย่างดี และยังช่วยบำรุงอวัยวะภายในต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น ม้าม และกระเพาะอาหาร ช่วยในการย่อยอาหาร และยังช่วยทำให้ผิวพรรณดี อีกด้วย
กล้วย
- มีวิตามินบีสูง มีสรรพคุณช่วยลดความเครียด ความอ่อนล้า ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์สดใส ในกล้วยหอมจะมีเส้นใยอาหารช่วยทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกาย ทำงานได้ดี และยังช่วยให้การย่อยอาหารของลำไส้เล็กดีขึ้นได้
ลำไย
- เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณช่วยในการบำรุงหัวใจ ระบบประสาท และระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และใช้บำรุงร่างกายของสตรีภายหลังจากการคลอดบุตร
องุ่น
- มีฤทธิ์เป็นสารฟอกล้างสำหรับผิวหนัง ตับ ลำไส้ และไตโดยเฉพาะ เนื่องจากองุ่นมีคุณสมบัติรักษาน้ำมูกที่ออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆในร่างกายองุ่นยังให้พลังงานสูงและนำไปใช้ได้ง่าย อุดมด้วยเกลือแร่ ดังนั้นจึงช่วยบำรุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย การรับประทานองุ่นเป็นประจำ จะมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง คนที่ร่างกายผอมแห้งแรงน้อย แก่ก่อนวัย ไม่มีเรี่ยวแรง ถ้ารับประทานองุ่นเป็นประจำ จะช่วยเสริมทำให้ร่างกายค่อยๆแข็งแรงขึ้นได้
แอปเปิ้ล
- ผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย แอปเปิ้ลมีสารสำคัญหลายชนิด เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำที่ชื่อเพคทิน ซึ่งสารนี้จะช่วยกำจัดสารพิษทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า แอปเปิ้ลยังมีเส้นใยมาก ซึ่งจะทำหน้าที่ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดี การรับประทานแอปเปิ้ลที่ดีควรล้างให้สะอาดโดยไม่ปอกเปลือกเพราะจะทำให้ไม่เสียคุณค่าทางโภชนาการไป
ลิ้นจี่
- มีวิตามินบี1 และบี2 และวิตามินซี มีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยย่อยอาหาร ช่วยบำรุงม้าม บำรุงอวัยวะภายใน บำรุงระบบประสาท และยังแก้อาการท้องเดินได้อีกด้วย
สับปะรด
- มีปริมาณของวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยไฟเบอร์ที่มีอยู่มากมาย มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร เสริมสร้างการดูดซึมอาหารของร่างกาย การลดความร้อนของร่างกายและยังช่วยแก้กระหาย หากรับประทานสับปะรดเป็นประจำแล้ว จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคไตอักเสบ และโรคความดันโลหิตสูงได้อีกด้วย
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 09/05/2561
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 09/05/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 |
28.55
|
28.55
|
28.55
|
28.55
|
28.55
|
28.55
|
28.55
|
28.55
|
28.55
|
28.55
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
26.04
|
26.04
|
26.04
|
26.04
|
26.04
|
– |
26.04
|
26.04
|
26.04
|
26.04
|
แก๊สโซฮอล E-85 | 20.64 | 20.64 | – | – | – | – | – | 20.64 | 20.64 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 28.28 | 28.28 | 28.38 | 28.68 | 28.28 | 28.68 | 28.28 | 28.28 | 28.28 | 28.28 |
เบนซิน 95 | 35.66 | – | – | – | 36.11 | – | 36.16 | 35.66 | 35.66 | 35.66 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
28.29
|
28.29
|
28.29
|
28.29
|
28.29
|
28.29
|
28.29
|
28.29
|
28.29
|
28.29
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 31.29 | 32.16 | 32.16 | 32.16 | 32.16 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 08 May 05:00 | 08 May 05:00 | 08 May 05:00 | 08 May 05:00 | 08 May 05:00 | 08 May 05:00 | 08 May 05:00 | 08 May 05:00 | 08 May 05:00 | 08 May 05:00 |