อสังหาฯรายเล็กลงขันตั้งบริษัทใหม่“ภัทรนันท์ แอสเซท”สู้ศึกธุรกิจ – เพิ่มสภาพคล่อง
อสังหาฯรายเล็กลงขันตั้งบริษัทใหม่ “ภัทรนันท์ แอสเซท”สู้ศึกธุรกิจแข่งเดือด เพิ่มสภาพคล่อง นำร่องคอนโดฯโครงการ ไฮป์ (HYPE) สาทร-ธนบุรี จำนวน914 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท เจาะลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ล่าสุด ตัดขายยกตึก 2 อาคารกว่า 400 ยูนิตให้เอเจนซี่นำไปขายลูกค้าจีนการันตีขายหมดภายใน 4 เดือน พร้อมเปิดให้ลูกค้าคนไทยจองระหว่างวันที่ 1-2 กันยายน 2561ในราคาเริ่มต้น เพียง 1.79 ล้านบาท
นายพรชัย กฤษฏาวรกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวจัดตั้งขึ้นมาใหม่ด้วยทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาทเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ภัทรา เอสเตท จำกัด กับบริษัท ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด ในสัดส่วน 49 ต่อ 51 (ตามลำดับ) การร่วมทุนกันนี้ถือเป็นการปรับตัวของทั้ง 2 บริษัทเพื่อรองรับกับสภาะการณ์ที่เปลี่ยนไปในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตลาดมีการแข่งขันกันรุนแรงมาก และมีความซับซ้อนมากขึ้น และจะช่วยสนัสนุนซึ่งกันและกันเนื่องจากต่างก็มีประสบการณ์ในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 30 ปี นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายการพัฒนาโครงการร่วมกันทั้งที่ดำเนินการอยู่และโครงการในอนาคต
โดยโครงการแรกที่เกิดจากการร่วมทุน คือโครงการ ไฮป์ (HYPE) สาทร-ธนบุรี เจริญนคร 22 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น บนพื้นที่ 7 ไร่ มีจำนวน 5 อาคาร ชั้นล่างเป็นที่จอดรถ รวมจำนวน 914 ยูนิตมูลค่ารวมโครงการ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 158 ยูนิต อาคาร B จำนวน 161 ยูนิต อาคาร C จำนวน 160 ยูนิต อาคาร D จำนวน 224 ยูนิต และอาคาร E จำนวน 211 ยูนิต และมีขนาดห้องเริ่มต้น ห้อง Studio พื้นที่ 25.2 ตารางเมตร(ตร.ม.) ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ 29-43 ตร.ม. และขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ 45-51.36 ตร.ม. ราคาขายเฉลี่ย 77,000 บาท ต่อ ตร.ม. ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขอ EIA ( Environmental Impact Assessment) ตามแผนเริ่มก่อสร้างเดือนมกราคม 2562 และคาดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2564 โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
โครงการดังกล่าวแนวคิด ‘Urban Playground’ เปลี่ยนทุกวันธรรมดา (Basic Day) ให้เป็นวันแห่งความสนุก (Play Day) เพราะชีวิตมีหลากหลายด้าน “บ้าน” จึงเป็นที่ผ่อนคลายในแบบของผู้อยู่ ตัวถูกออกแบบอย่างโดดเด่น ด้วยแนวคิด “GO WITH THE FLOW” แรงบันดาลใจการออกแบบจากความโปร่ง โล่ง สบาย ให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน ขยายทางเดิน (Corridor) ในอาคารให้กว้างสูงสุดถึง 5 เมตร เพื่อปลูกต้นไม้ใหญ่ในทางเดิน และเปิดรับแสงแดดและลมเข้าสู่ภายในอาคารอย่างเต็มที่
ส่วนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือ กลุ่มลูกค้าคนไทยในพื้นที่และทำงานในเมือง และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าจากจีนที่ล่าสุด บริษัทฯตัดล็อตห้องชุด 2 อาคาร(อาคารD,E) จำนวน 435 ยูนิตให้กับเอเจนซี่(ตัวแทน,นายหน้า)ช่วยขายแบบการรันตีขาย 100 % ภายใน 4 เดือนนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ขณะที่กลุ่มลูกค้าคนไทยนั้นจะเน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีระดับรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปเตรียมเปิดจองระหว่างวันที่ 1-2 กันยายน 2561ในราคาเริ่มต้น เพียง 1.79 ล้านบาท ลงทะเบียนออนไลน์ เพื่อรับชุดเฟอร์นิเจอร์และส่วนลด 50,000 บาท ได้ที่ www.hype-condo.com ในวันเปิดจองได้นำห้องชุดจำนวน 200 ยูนิต (อาคาร A,B,C) ออกมาขายซึ่งน่าจะสามารถปิดการขายได้ 100% เนืองมีลูกค้าลงทะเบียนแสดงความสนใจมาแล้ว 800-900 ราย และเชื่อมั่นว่าจะสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ 100 % ภายในสิ้นปี 2561 แน่นอน
จากประสบการณ์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาหลายโครงการและทราบถึงพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม ทั้งจากการศึกษาโอกาสการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และศักยภาพทำเลของสาทร-ธนบุรี พบว่าทำเลย่านนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากที่อยู่แนวราบสู่ที่อยู่แนวสูงอย่างมีนัยยะสำคัญ และทิศทางจะกลายเป็นสังคมแนวสูงอย่างเต็มตัว
โดยเฉพาะพื้นที่ธนบุรี บริเวณสะพานสาทร-เจริญนคร-คลองสาน พื้นที่ในย่านนี้มีอภิมหาโปรเจคขนาดใหญ่เกิดขึ้น อาทิ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โรงแรมระดับหกดาว ในโครงการ ไอคอน สยาม และโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งมีเส้นทางที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี รวมถึงเส้นทางเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และสายสีแดง ที่ได้เริ่มก่อสร้างแล้วในปีนี้
ขณะที่พฤติกรรมผู้อยู่ในทำเลย่านนี้ พบว่าเริ่มปรับเปลี่ยนสู่สังคมคนรุ่นใหม่และมีการปรับรูปแบบวิถีชีวิตแบบคนเมืองอย่างชัดเจน เนื่องจากความสะดวกด้านคมนาคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเป็นพื้นที่ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่มองหาที่อยู่อาศัยในทำเลใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ การขยายตัวของดีมานด์จะลดแออัดของย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจย่านสาทร สีลม รวมถึงเขตเจริญกรุง ฯลฯ และด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ คือสาทร-ธนบุรี ก็น่าจะตอบโจทย์ด้วยทำเลและราคาที่เอื้อมถึงนั่นเอง
ที่มา : http://prop2morrow.com
รัชโยธิน แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย สำหรับการใช้ชีวิตบนเหตุผลที่ไม่ธรรมดา
รัชโยธิน ถือเป็นทำเลใจกลางกรุงเทพฯ แห่งหนึ่งที่มีศักยภาพเติบโตขึ้นต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด โดยรัชโยธินเป็นทำเลที่อยู่อาศัยที่มีความเป็นมายาวนาน เป็นย่านที่มีบ้านเดี่ยวราคาแพง และคอนโดมิเนียมหรู แม้ว่าจะเป็นถนนเส้นหลักที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้หลากหลาย แต่ก็ยังมีความสงบ ไม่วุ่นวายเมื่อเทียบกับทำเลห้าแยกลาดพร้าว หรือแยกเกษตรที่อยู่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ของออฟฟิศย่าน North CBD ที่เริ่มมาตั้งแต่ย่านธุรกิจบริเวณสถานีกลางบางซื่อในอนาคต ย่านวิภาวดีรังสิต Eco Complex และ Financial Hub ที่ SCB Park และมีเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน โรงภาพยนตร์ชั้นดี รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งอย่าง ดิ อเวนิว ที่รวมร้านอาหารมีระดับ และซุปเปอร์มาร์เก็ตเกรดพรีเมื่ยม Villa Market สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้หลายเส้นทางทั้งพหลโยธิน วิภาวดีรังสิต และลาดพร้าว เชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้ถึง 3 สาย ไม่ไกลจากสถานีกลางบางซื่อ ที่จะเป็นฮับของการคมนาคมขนาดใหญ่ที่สุดของอาเซียน
จากศักยภาพดังกล่าวทำให้ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะประเภทคอนโดมิเนียมหรูติดถนนใหญ่และรถไฟฟ้ามาเปิดโครงการเพิ่มขึ้น ตอบรับกับความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องของผู้บริโภคทั้งซื้ออยู่อาศัยเอง และซื้อเพื่อลงทุน
ศักยภาพทำเลไม่รู้จบ
ปัจจุบันที่ดินบริเวณรัชโยธินที่จะมาพัฒนาโครงการใหม่ค่อนข้างหายาก แต่หากมีโครงการเปิดใหม่ก็มักจะได้รับความสนใจอย่างมากเสมอ เพราะเป็นทำเลที่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก เอื้อต่อการอยู่อาศัย และมีโอกาสในการลงทุนสูง โดยบริเวณแยกรัชโยธินถือเป็นทำเลที่มีแนวโน้มจะมีศักยภาพสูงที่สุดในเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อกับถนนหลัก และทางด่วนหลายสาย รวมทั้งในอนาคตจะเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ส่วนต่อขยาย จากแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน และรถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีน้ำเงิน บางซื่อ-หัวลำโพง ทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มที่ต้องการขยับขยายครอบครัว ซึ่งคุ้นเคยกับทำเลนี้ รวมถึงกลุ่มผู้ซื้อเพื่อลงทุนต่างให้ความสนใจที่อยู่อาศัยในทำเลนี้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หากพิจารณาจำนวนประชากรในทำเลพหลโยธิน-เสนานิคม ครอบคลุม 4 แขวงในเขตจตุจักร ได้แก่ แขวงลาดยาว แขวงจันทรเกษม แขวงจตุจักร และแขวงจอมพล มีประชากรรวมประมาณ 138,000 คน และมีจำนวนครัวเรือนรวมประมาณ 92,000 ครัวเรือน คิดเป็นความหนาแน่นประชากรต่อครัวเรือนเท่ากับ 1.5 คน/ครัวเรือนเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ถือว่าหนาแน่น เนื่องจากพื้นที่หลายส่วนเป็นพื้นที่ของราชการ
จากข้อมูลของนายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ พบว่า ราคาที่ดินบริเวณรัชโยธินปรับขึ้นประมาณปีละ 10% ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2.2-2.5 ล้านบาท/ตารางวา และสูงกว่านี้ในบางแปลงใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งมีศักยภาพสูงกว่า เนื่องจากมีทั้งห้างสรรพสินค้า และคอมมูนิตี้มอลล์อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าและจากราคาที่ดินที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับพื้นที่ทำเลนี้จัดเป็นโซนพาณิชยกรรม มีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่รวมกันประมาณ 500,000 ตารางเมตร ทำให้ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ถูกพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม
คอนโดมิเนียมแยกรัชโยธิน แนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สีเขียวเหนือ ที่เปิดขายมาก่อนหน้านี้มีทั้งหมด 8,779 ยูนิต ซึ่งกว่า 90% เป็นโครงการที่เปิดขายมาก่อนที่เส้นทางรถไฟฟ้าจะเริ่มการก่อสร้าง โดยอัตราการขายของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายรวมทั้งหมดในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 91%
ด้านการเติบโตของราคาก่อนหน้านี้ราคาคอนโดมิเนียมต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อตารางเมตร แต่ราคาปัจจุบันสูงไปกว่านั้นเกือบเท่าตัว และมีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้นเมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการ รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ส่วนต่อขยายมีความชัดเจนมากขึ้น จากการสำรวจของของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า ราคาคอนโดมิเนียมที่นำกลับมาขายใหม่ (Resale) มีราคาสูงกว่าตอนเปิดตัวประมาณ 15-20% ในส่วนของผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) พบว่า Rental Yield อยู่ที่ประมาณ 5% ต่อปี ค่าเช่าห้องขนาด 1-2 ห้องนอน อยู่ที่ประมาณระหว่าง 15,000-38,000 บาท/เดือน
เชื่อมต่อการเดินทางหลากหลาย ทั้งถนน-ทางด่วน-ราง
ทำเลรัชโยธิน แม้ปัจจุบันจะมีการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยก แต่มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากโดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีความคืบหน้า 74.20% และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในเดือนตุลาคม 2561 ทำให้การเดินทางเชื่อมต่อจะคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญได้หลายสาย อาทิ
ทิศเหนือ: เชื่อมต่อกับ ถ.เกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) และ ถ.งามวงศ์วาน
ทิศตะวันตก: เชื่อมต่อกับ ถ.วิภาวดีรังสิต ถ.รัชดาภิเษก ทางยกระดับอุตราภิมุข (ทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์) และทางพิเศษศรีรัช
ทิศตะวันออก: เชื่อมต่อกับ ถ.เสนานิคม 1 และ ถ.ลาดพร้าววังหิน
ทิศใต้: เชื่อมต่อกับ ถ.รัชดาภิเษก และ ถ.ลาดพร้าว
เชื่อมต่อถนนและทางด่วนได้หลายสาย
ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนถึง 2 สาย ได้แก่ ทางยกระดับอุตราภิมุข (ทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์) ด่านรัชดาภิเษก และด่านลาดพร้าว ทางพิเศษศรีรัช ด่านรัชดาภิเษก และเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกได้ไม่ยาก
ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน
สะดวกสบายยิ่งขึ้นกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่ผ่านทำเลนี้ถึง 3 สาย ได้แก่
รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตรถไฟฟ้าสายสำคัญที่เชื่อมต่อสู่ใจกลางเมือง และ CBD หลายแห่งได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีหมอชิต เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT ที่สถานีห้าแยกลาดพร้าว (สถานีพหลโยธินของรถไฟฟ้า MRT) และในอนาคตจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ส่วนต่อขยาย บริเวณแยกรัชโยธิน คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2563 ทั้งนี้ มีแผนจะเปิดให้บริการสถานีห้าแยกลาดพร้าวก่อนภายในปี 2562
รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง รถไฟฟ้าสายสำคัญอีกเส้นที่ทำให้การเดินทางตามแนว ถ.ลาดพร้าว สะดวกสบายยิ่งขึ้น คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2564 เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT ที่สถานีรัชดา
นอกจากนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีแนวคิดจะต่อขยายโครงข่ายของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง จากบริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว ไปตามแนว ถ.รัชดาภิเษก จนถึงบริเวณแยกรัชโยธิน เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม
รถไฟฟ้า MRTเชื่อมต่อทั้งแนว ถ.รัชดาภิเษก และใจกลางเมือง และเป็นสายที่มุ่งตรงสู่สถานีกลางบางซื่อ ฮับของการคมนาคมในอนาคต รวมทั้งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ ที่สถานีเตาปูน
สถานีกลางบางซื่อ ฮับของการคมนาคมขนาดใหญ่ที่ออกแบบภายใต้แนวคิดการพัฒนา “ศูนย์กลางมหานครแห่งใหม่ระดับอาเซียน” โดยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางรางทั้งรถไฟทางไกล รถไฟชานเมือง รถไฟฟ้าในเมือง และรถไฟความเร็วสูง โดยคาดว่าจะเปิดบริการในปี 2563
นอกจากนี้บริเวณสถานีกลางบางซื่อยังมีทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน และสถานที่พักผ่อน รวมทั้งในอนาคตยังเชื่อมต่อกับสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และสนามบินอู่ตะเภาด้วย ทำให้ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า สถานีกลางบางซื่อจะเป็นสถานีที่มีผู้สัญจรทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวัน ท่องเที่ยว และติดต่อธุรกิจ ประมาณ 2 ล้านคน/วัน
รถไฟฟ้าพาดผ่านหลายสาย
แหล่งงานขนาดใหญ่ที่เติบโตต่อเนื่อง
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลรัชโยธินสูงมาก เนื่องจากเป็นย่านที่ใกล้แหล่งงานสำคัญทั้งของหน่วยงานภาครัฐ บริษัทชั้นนำของภาคเอกชน รวมถึงอาคารสำนักงานให้เช่า ทั้งบริเวณแยกรัชโยธิน ถ.พหลโยธิน ถ.วิภาวดีรังสิต และ ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่รวมกันประมาณ 500,000 ตารางเมตร จึงเป็นตลาดที่อยู่อาศัยที่เติบโตทั้งตลาดเพื่อขาย และเพื่อเช่า
หน่วยงานราชการ/รัฐวิสาหกิจ
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตอบรับทุกไลฟ์สไตล์
ทำเลรัชโยธินนอกจากจะเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์เหนือระดับที่หลากหลาก เนื่องจากรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งโรงภาพยนต์ คอมมูนิตี้มอลล์และห้างสรรพสินค้า อาทิ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ดิอเวนิว รัชโยธิน และเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว โรงพยาบาลชั้นนำ อาทิ โรงพยาบาลเปาโลเกษตร และสถาบันการศึกษาชื่อดังหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม และโรงเรียนหอวัง
สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ
นอกจากนี้ยังไม่ไกลจากปอดขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ ซึ่งประกอบด้วยสวนสาธารณะขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เนื้อที่ 196 ไร่ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เนื้อที่ 375 ไร่ และสวนจตุจักร เนื้อที่ 155 ไร่ สำหรับพักผ่อน ชมพิพิธภัณฑ์ และออกกำลังกาย ซึ่งในอนาคตจะเชื่อม 3 สวนสาธารณะเป็น “อุทยานสวนจตุจักร”
โครงการเมกะโปรเจกต์ในอนาคต
ในอนาคตทำเลรัชโยธินจะมีโครงการเมกะโปรเจกต์หลายโครงการทั้งของภาครัฐและเอกชน ดังนี้
โครงการก่อสร้างระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ประกอบด้วย N1, N2 และ N3 แบ่งเป็น N1 วงแหวนตะวันตก-สี่แยกมหาวิทยาลัยเกษตร ระยะทาง 16.6 กิโลเมตร N2 สี่แยกมหาวิทยาลัยเกษตร-ถ.เกษตร-นวมินทร์ ระยะทาง 9.2 กิโลเมตร และ N3 ถ.นวมินทร์-ถ.ศรีนครินทร์ ระยะทาง 13.9 กิโลเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างทบทวนการก่อสร้างในส่วน N1
โครงการนวมินทร์ของกลุ่มทีซีซี แลนด์ บนที่ดินกว่า 100 ไร่ สองฝั่งถนน บริเวณข้างและตรงข้ามโครงการนวมินทร์ซิตี้ อเวนิว โดยเฟส 1 จะพัฒนาเป็นศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า ส่วนเฟสต่อไปจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงานและโรงแรม รวมถึงเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และพื้นที่ค้าปลีกในอนาคต
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทำเลแยกรัชโยธินแม้จะมีศักยภาพมาก แต่เนื่องจากที่ดินมีค่อนข้างจำกัด จึงมีโครงการที่อยู่อาศัยไม่มากนัก และส่วนใหญ่มักอยู่ในซอย จึงทำให้โครงการที่เปิดใหม่ต่างได้รับการตอบรับที่ดีจนขายหมดอย่างรวดเร็วเสมอ โดยโครงการล่าสุดบนทำเลนี้คือ MAZARINE รัชโยธิน โดยบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรีใจกลางรัชโยธิน
MAZARINE รัชโยธิน คอนโดมิเนียมสูง 37 ชั้น จำนวน 474 ยูนิต พิเศษด้วยห้องเพดานสูงถึง 3 เมตร พื้นที่ใช้สอย 24-48 ตารางเมตร ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ อาทิ Study/Co-working Space/Meeting Room, Shade & Shine Sky Pool, Steam and Sauna, Sky Fitness, Private Gym Class, Kid Room, Private Salon, Party Room, Exclusive Foyer & Bar , Sky Lounge, Exclusive Sky Deck และ Sky Garden รับชมวิวเมืองแบบพาโนรามิก
พิเศษด้วยทำเลโครงการ 0 เมตร ถึงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสรัชโยธิน เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง อาทิ สยาม และอโศก ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย ห่างเพียง 30 เมตรจากเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และห่างจากไทยพาณิชย์ ปาร์ค (SCB Park) เพียง 650 เมตร
ที่มา : https://www.ddproperty.com
มนุษย์เงินเดือนเฮ! ธอส. เตรียมปล่อยกู้ให้ผู้มีรายได้ไม่เกิน 2.5 หมื่นบาท
มนุษย์เงินเดือนเตรียมเก็บเงินได้เลย สำหรับคนที่ต้องการมีบ้าน หลังจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เสนอแผนโครงการ “บ้านล้านหลัง” โดยเตรียมวงเงินสินเชื่อ 6 หมื่นล้านบาทปล่อยกู้ให้กลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 2.5 หมื่นบาท
“บ้าน” ยังถือเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆของผู้มีรายได้ เพราะช่วยเติมเต็มความสุข เป็นเป้าหมายในการสร้างครอบครัว ที่สำคัญยังเป็นการออมเงินที่มูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี ยิ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องบ้านออกมาอย่างมากมาย ทั้งผู้รับเหมาตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในบ้าน วัสดุก่อสร้าง หรือแม้กระทั่งร้านค้าต่างๆที่มีบริการส่งถึงบ้าน ดังนั้นการใช้มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ช่วยทำให้เกิดกิจกรรมหมุนเวียนเม็ดเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจได้ดี เพราะช่วยให้เกิดการลงทุนก่อสร้างบ้าน คอนโดมิเนียม อะพาร์ตเมนต์ ทำให้เกิดการจ้างงาน และเกิดการซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้อง แต่เนื่องจากราคาบ้านและที่ดินที่แพงขึ้น ทำให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางหรือเดือนละไม่ถึง 2.5 หมื่นบาท ประสบปัญหาในการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เนื่องจากธนาคารกังวลเรื่องการผ่อนชำระ
ล่าสุดกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง หรือ มีรายได้ไม่เกิน 2.5 หมื่นบาท เตรียมเอกสารขอสินเชื่อบ้านและที่อยู่อาศัยไว้ได้เลย เพราะปลายปีนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เตรียมเปิด “โครงการบ้านล้านหลัง” ซึ่งนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เตรียมเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการปลายเดือนสิงหาคม 2561 โดยผู้มีรายได้น้อยจะสามารถ ผ่อนชำระไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท ราคาห้องจะไม่เกินหลังละ 1 ล้าน ให้กู้ระยะเวลา 40 ปี มีกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี กับ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปี เฉลี่ยที่ 3% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าท้องตลาด ยิ่งในช่วงนี้ดอกเบี้ยปรับขึ้น จะยิ่งทำให้เป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้ผ่อนชำระ ประมาณ 3,800-4,000 บาทต่อเดือน ถือว่าต่ำกว่าการกู้ปกติ ที่ปกติและจะต้องผ่อนชำระล้านละ 5,700 บาทต่อเดือน
โดย ธอส.ได้เตรียมวงเงินสินเชื่อ 6 หมื่นล้านบาท ปล่อยกู้ให้ประชาชน 5 หมื่นล้านบาท ส่วนวงเงินสินเชื่อที่เหลืออีก 1 หมื่นล้านบาท จะปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ไปลงทุนสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูก คิดดอกเบี้ยพิเศษถูกกว่าท้องตลาด 0.25-0.50% พร้อมเตรียมประสานผู้ประกอบการในสมาคมอสังหาฯ นำทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าเกิดใหม่มาเข้าร่วมโครงการก่อนปลายปีนี้ เชื่อว่ามีผู้สนใจจำนวนมาก
ทั้งนี้ หากโครงการบ้านล้านหลังผ่านความเห็นชอบจาก ครม. จะเริ่มสร้างทันที ซึ่งในปีนี้ คาดว่าจะเสร็จทัน 70,000-100,000 หลัง และตั้งแต่ ปี 2562-2564 จะเสร็จเพิ่มอีก ประมาณ 90,000 ยูนิต โดยผู้กู้ควรเก็บหลักฐานการจ่ายค่าเช่าไว้ ในกรณีที่ไม่มีหลักฐานบัญทางการเงิน และต้องการขอสินเชื่อในโครงการฯ นี้
ที่มา : https://www.ddproperty.com
ฝึกลงทุนอย่างไร ? ให้สุขภาพการเงินแข็งแรง
สำรวจสุขภาพการเงิน ออมเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน ประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ กระจายความเสี่ยง และลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เป็นหลักการลงทุนเพื่อช่วยให้สุขภาพการเงินแข็งแรง
หลาย ๆ คน มักจะคิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องไกลตัวและยุ่งยาก แต่จริง ๆ แล้ว การลงทุนเป็นเรื่องใกล้ตัว ถ้าจะให้เปรียบเทียบ การลงทุนก็เหมือนกับการออกกำลังกาย ซึ่งทุกคนอยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เช่นเดียวกับสุขภาพการลงทุน ที่เราอยากมีความมั่นคงและมั่งคั่ง เพื่อช่วยให้เห็นภาพได้ชัดเจนและง่ายขึ้น วันนี้ กระปุกดอทคอม จึงนำเคล็ดลับจาก K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ที่อธิบายการลงทุนง่าย ๆ โดยเปรียบเทียบกับการออกกำลังกาย มาฝากกัน
การดูแลสุขภาพกาย มีลักษณะคล้ายกับการลงทุน นั่นคือ ในยามที่เป็นหนุ่มสาว เรามักจะยังมีสุขภาพที่ดี หรือมีเงินใช้เพียงพอจากการทำงาน เราจึงไม่เห็นความจำเป็นมากนักที่จะต้องออกกำลังกายหรือต้องเก็บเงินเพื่อลงทุน แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเราดูแลสุขภาพทางกายและการเงินตั้งแต่อายุยังน้อย โอกาสที่เราจะเจ็บป่วยหรือขัดสนในยามที่มีอายุมากขึ้นจะน้อยลง
หลักการง่าย ๆ ที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการออกกำลังกาย มีดังนี้
1. เริ่มแรกเราควรตรวจสุขภาพเก็บข้อมูลตัวเองไว้ อีกทั้งมีการปรึกษาแพทย์หรือหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเอง นอกจากนี้ เรายังสามารถจ้างโค้ชมาช่วยให้คำปรึกษาในการออกกำลังกายได้อีกด้วย
2. ควรมีการวอร์มอัพร่างกายก่อนเริ่มออกกำลังกาย เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้แก่กล้ามเนื้อ ช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย จากนั้นต้อง
3. วิเคราะห์ตัวเองว่า ควรเลือกออกกำลังแบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง ให้เหมาะกับสภาพร่างกายปัจจุบัน เช่น หากยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ก็สามารถเลือกออกกำลังกายแบบหนัก ๆ แรง ๆ เช่น ไตรกีฬา วิ่งมาราธอน หากอยู่ในวัยกลางคน อาจเลือกออกกำลังกายแบบแรงกระแทกต่ำ เช่น วิ่งจ๊อกกิ้งเบา ๆ หรือขี่จักรยาน แต่ถ้าอายุมาก คงต้องออกกำลังแบบเน้นความยืดหยุ่นและเน้นการหายใจ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ แต่การเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะกับตัวเอง ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและสุขภาพของร่างกายมากกว่าอายุ หากเราได้มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สุขภาพแข็งแรง ทำให้แม้จะอายุมาก เราก็อาจจะยังสามารถออกกำลังกายแบบหนัก ๆ ได้เหมือนในวัยหนุ่มสาว
4. ออกกำลังกายหลายรูปแบบ การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องยึดติดกับการออกกำลังกายประเภทเดียว ทั้งนี้เพื่อลดความเบื่อหน่ายและช่วยป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ ๆ โดยอาจจะกำหนดการออกกำลังกายกระจายไปหลายรูปแบบ เช่น จันทร์-วิ่ง อังคาร-ว่ายน้ำ พุธ-ขี่จักรยาน พฤหัสบดี-เข้าฟิตเนสยกน้ำหนัก ศุกร์-ตีเทนนิส เสาร์-โยคะ อาทิตย์-หยุด
5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์
สรุป ถ้าอยากให้ร่างกายฟิต สุขภาพแข็งแรง ต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกาย ต้องมีการวอร์มอัพก่อนออกกำลังกาย เลือกประเภทการออกกำลังกายหลายรูปแบบที่เหมาะสมกับตนเอง และต้องทำอย่างสม่ำเสมอด้วย
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุน ต้องบอกว่าหลักการลงทุนไม่แตกต่างกับหลักการออกกำลังกาย
หลักการลงทุนให้สำเร็จ เพื่อความมั่นคงและความมั่งคั่ง มีดังนี้
1. เริ่มจากการสำรวจสุขภาพการเงินของตนเอง เพื่อให้รู้ว่ามีจุดใดต้องแก้ไข และต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เช่น การอ่านหนังสือ การเข้าคอร์สสัมมนา หรือการพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงิน
2. ก่อนการลงทุน ควรมีการออมเงินเพื่อสำรองฉุกเฉินให้ได้ 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน เพื่อเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน หรือยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
3. ประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้ลงทุนได้ตรงกับระดับความเสี่ยง โดยในวัยหนุ่มสาว ยังมีระยะเวลาและแรงในการทำงานหาเงิน สามารถที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงได้ เช่น ลงทุนในหุ้น แต่พอเข้าในวัยกลางคน อาจจะลดความเสี่ยงลงมา เป็นการลงทุนในกองทุนผสม และเมื่อเข้าสู่ช่วงสูงวัย อาจจะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนตราสารหนี้ แต่ความเสี่ยงในการลงทุน ไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับอายุ อาทิเช่น หากเรามีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญในการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แม้อายุสูงขึ้น เราก็ยังสามารถที่จะกระจายการลงทุนไปในหุ้นได้ เป็นต้น
4. ต้องมีการกระจายความเสี่ยง การลดความเสี่ยงในการลงทุน สามารถทำได้โดยการกระจายความเสี่ยงไปยังการลงทุนหลาย ๆ ประเภท เช่น ถ้ารับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง ก็อาจจะลงทุนในตราสารหนี้ 60% ลงทุนในหุ้น 30% ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 5% และลงทุนทองคำ 5% เป็นต้น
5. ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ วิธีนี้จะช่วยฝึกนิสัยและวินัยการลงทุน พอร์ตการลงทุนของคุณจะเติบโตเร็วขึ้น ถ้าคุณเพิ่มเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง และทำให้มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ได้ด้วยการลงทุนแบบตัดบัญชีรายเดือน
สรุป ถ้าอยากให้สุขภาพการเงินมั่นคงและมั่งคั่ง ควรมีการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุน ต้องมีการวอร์มอัพ ด้วยการมีเงินออมเพื่อสำรองฉุกเฉินก่อน แล้วจึงเลือกการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของตัวเอง การลงทุนต้องมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และต้องมีวินัยในการลงทุน
จะเห็นได้ว่า การออกกำลังกายและการลงทุนมีลักษณะสำคัญที่เหมือนกันคือ เราจำเป็นต้องดูศักยภาพของตัวเราด้วย อย่าออกกำลังมากเกินไปโดยไม่ดูสภาพร่างกายตัวเอง ก่อนที่จะฟิตอาจหัวใจวายไปซะก่อน การลงทุนก็เช่นกัน ไม่ควรลงทุนมากเกินไป เพราะก่อนที่จะรวย เราอาจจะไม่มีเงินกินข้าวก็เป็นได้
ที่มา : https://money.kapook.com
5 อาหารที่จำเป็นสำหรับคนนอนดึก
หลายคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียน นักศึกษา และวัยทำงานมีความจำเป็นต้องนอนดึกเพื่อสะสางงานที่ต้องรีบส่ง หรือคั่งค้างมานาน อย่างไรก็ตามอย่าลืมเสริมพลังร่างกายและสมองด้วยอาหารเหล่านี้ เพื่อไม่ให้ร่างกายโทรม และสมองก็แล่นได้ดี ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ
- เนื้อสีขาว เช่น เนื้อปลา อกไก่ ไข่ขาว หรือเต้าหู้
อาหารเหล่านี้จะช่วยสร้างเคมีในสมองอย่าง “โดพามีน” และ “เอพิเนฟริน” ที่จำเป็นสำหรับคนนอนดึก ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉง และมีสมาธิมากขึ้น
- ข้าวกล้องงอก ถั่วดำ ถั่วแดง ลูกเดือย
ธัญพืชเหล่านี้นี้จะมีสารที่เรียกว่า “กาบา” ช่วยทำให้มีความจำที่ดีขึ้น สมองประมวลผลได้เร็วขึ้น และยังช่วยผ่อนคลายความเครียดอีกด้วย
- ดาร์คช็อคโกแลต
ดาร์คช็อคโกแลต หรือช็อคโกแลตดำมีส่วนประกอบของโกโก้มากกว่านมหรือน้ำตาล มีสาร “ฟลาโวนอยด์” ที่ช่วยให้ป้องกันเส้นเลือดอุดตันในสมอง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อันเนื่องมาจากการรับประทานที่ไม่ครบ 5 หมู่ ขาดการออกกำลังกาย และความเครียดสะสมนั่นเอง
ใบบัวบกเป็นสมุนไพรที่ดีของไทย ช่วยลดการอักเสบของร่างกายจากภาวะนอนดึก หากทานเป็นใบๆ สดๆ หรือปั่นสดทานไม่ได้ ลองต้มกับน้ำแล้วดื่มระหว่างนั่งทำงานแทนก็ดีเหมือนกัน
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ (แต่คนมักขาดกันบ่อยๆ) ก็คือน้ำเปล่าธรรมดาๆ นี่แหละค่ะ ยิ่งนอนดึกก็ต้องยิ่งดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับความสดชื่นตลอดคืน ไม่ขาดน้ำ ไม่ปากแห้งคอแห้ง แถมยังช่วยให้สมองแล่นได้ง่ายๆ ด้วย ค่อยๆ จิบทีละนิดตลอดการทำงาน รับรองว่ากาแฟก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เราไม่เห็นด้วยที่คุณจะนอนดึก หากมีเวลาเราแนะนำให้เข้านอนเร็ว แต่ตื่นมาทำงานตอนเช้า หรือทยอยทำงานวันละนิดวันละหน่อย อย่าปล่อยให้เป็นดินพอกหางหมูจนต้องมารีบปั่นกันตาตั้งจะดีกว่า
ที่มา : https://www.sanook.com
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคาขาย/บาท |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% |
18,550.00 |
18,450.00 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
19,050.00 |
18,116.20 |
1,195.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
n/a |
18,768.08 |
1,238.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
n/a |
16,304.58 |
1,075.50 |
ทองรูปพรรณ 80% |
n/a |
14,492.96 |
956.00 |
ทองรูปพรรณ 50% |
n/a |
8,156.08 |
538.00 |
ทองรูปพรรณ 40% |
n/a |
6,336.88 |
418.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2561
|
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
แก๊สโซฮอล์ 95 |
29.75 |
29.75 |
29.85 |
29.75 |
29.75 |
29.75 |
29.75 |
29.75 |
29.75 |
29.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 |
29.48 |
29.48 |
29.58 |
29.48 |
29.48 |
29.48 |
29.48 |
29.48 |
29.48 |
29.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 |
26.74 |
26.74 |
26.74 |
26.74 |
26.74 |
– |
26.74 |
26.84 |
26.74 |
26.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 |
21.19 |
21.19 |
– |
– |
– |
– |
– |
21.19 |
21.19 |
– |
เบนซิน 95 |
36.86 |
– |
– |
– |
37.31 |
– |
37.36 |
37.16 |
36.96 |
37.16 |
ดีเซล |
29.19 |
29.19 |
29.19 |
29.19 |
29.19 |
29.19 |
28.89 |
28.89 |
29.19 |
28.89 |
ดีเซลพรีเมี่ยม |
32.19 |
33.06 |
33.06 |
33.06 |
33.06 |
– |
– |
– |
– |
– |
แก๊ส NGV |
14.58 |
14.58 |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |