ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,850.00 | 19,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,286.00 | 19,495.76 | 20,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,157.40 | 17,546.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 579.00 | 8,777.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 450.00 | 6,822.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,333.00 | 20,208.28 | n/a |
ผุดรถไฟฟ้าสายใหม่ 131 กิโลเมตร เชื่อมย่านซีบีดี-บูม 13 เมืองใหม่
ตำรวจ-รฟม.-ผู้รับเหมาถกรับมือวิกฤตจราจรเปิดเทอม เผย”ลาดพร้าว-รามฯ-พหลโยธิน”ติดหนักสุด
http://www.bkkcitismart.com
‘พาณิชย์’ชี้ไทยได้ประโยชน์จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
“พาณิชย์” เปิดผลศึกษา ชี้ไทยได้ประโยชน์จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน เหตุสัดส่วนส่งออกไปสหรัฐฯมากกว่าส่งไปจีน
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้วิเคราะห์ผลกระทบที่มีต่อการค้าไทยจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ-จีนในกรณีต่างๆ โดยพบว่าการที่สหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรา 301 กับสินค้าจากจีนจำนวน 1,333 รายการ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไทยกลับจะได้รับประโยชน์คิดเป็นมูลค่าประมาณ 120-1,195 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับสินค้าที่ไทยจะได้รับประโยชน์ ประกอบด้วย เครื่องจักร/เครื่องใช้กล, เครื่องจักรไฟฟ้า/อุปกรณ์ประกอบ ขณะที่สินค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบเชิงลบ เช่น เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด และเหล็กและเหล็กกล้า โดยผลการศึกษาได้พิจารณาทั้งผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ 2 กรณีเข้าด้วยกัน คือ 1.ผลทางลบจากการอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของสินค้าจีนที่ส่งไปยังสหรัฐฯ และ 2.ผลทางบวกจากการที่สหรัฐฯนำเข้าจากไทยทดแทนจีน
“การศึกษาของ สนค.ชี้ให้เห็นว่าไทยได้ประโยชน์จากสงครามการค้า เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ มากกว่าที่ส่งไปจีน ส่งผลทางบวกจากการที่สหรัฐฯ อาจนำเข้าจากไทยทดแทนจีนมีมากกว่าผลทางลบจากการอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว
ทั้งนี้ สนค.ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงแรงงาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กรณีที่จีนมีการระบายสินค้าส่งออกของจีนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯ ไปยังตลาดอื่นถือเป็นความเสี่ยงต่อไทยใน 2 ด้าน คือ 1.สินค้าของจีนบางส่วนจะไหลเข้าสู่ไทยมากขึ้น โดยเบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่ารวม 1,176 ล้านเหรียญฯ และอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศได้ และ 2.สินค้าบางส่วนของจีนจะกระจายไปยังคู่ค้าที่สำคัญของไทย และจะทำให้การแข่งขันในตลาดคู่ค้าของไทยมีสูงขึ้น โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น ฮ่องกง อินเดีย เป็นต้น คาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบ 1,984 ล้านเหรียญฯ ซึ่งรวม 2 ส่วนมีมูลค่าประมาณ 3,160 ล้านเหรียญฯ ซึ่งในส่วนนี้สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศได้ติดตามและพูดคุยกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นภาคเอกชนยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯและจีน
“การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมหารือระหว่างหน่วยงานเศรษฐกิจ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบดังกล่าว รวมถึงพิจารณาแนวทางการรับมือที่เป็นไปได้จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศได้อย่างทันท่วงที โดยที่ประชุมได้ให้ข้อเสนอแนะว่าไทยสามารถแสวงหาโอกาสทางการค้าโดยการเพิ่มช่องทาง การเจรจาการค้าในระดับทวิภาคีกับทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศในการลงทุนเพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นการพัฒนาความรู้ความสามารถประชากรในประเทศ
…ที่ประชุมเชื่อว่าสงครามการค้าครั้งนี้มีแนวโน้มคลี่คลาย และคาดว่าทั้งสองประเทศจะเจรจาตกลงกันได้ โดยหน่วยงานเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องจะต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีมาตรการอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อไทยเพิ่มเติมอีกหรือไม่” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว
http://www.bangkokbiznews.com
ค่าบาท ‘แข็งค่า’ หลังเงินเฟ้อสหรัฐไม่เร่ง
บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า31.94บาทต่อดอลลาร์ ตลาดคาดเงินเฟ้อสหรัฐไม่เร่ง เฟดขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป แนะนักลงทุนเตรียมรับมือบาทความผันผวนในระยะนี้
นักบริหารเงินธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.94 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจาก 32.06 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นวันทำการที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น โดยดัชนีดอลลาร์ปปรับตัวลดลงสู่ระดับ 92.5 จุด หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า น้อยกว่าที่ตลาดมองไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ทำให้ตลาดเริ่มมองว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะยังไม่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง และเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อ
สำหรับวันนี้ ตลาดจะจับตาตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมีโอกาสปรับตัวลดลง หลังตัวเลขภาคการบริการ และการใช้จ่ายส่วนตัวของสหรัฐฯ ในระยะหลังนี้เริ่มมีการชะลอตัวลง นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ตลาดจะจับตา ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป ว่าจะมีการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับเปลี่ยนโครงการซื้อสินทรัพย์หรือไม่ และประธานธนาคารกลางยุโรปมีความเห็นอย่างไรกับตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปที่ออกมาแย่กว่าคาดในระยะหลังนี้ ความเห็นดังกล่าวต่อนโยบายการเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปสามารถกระทบค่าเงินยูโรได้ มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 31.90-32.10 บาทต่อดอลลาร์
นักลงทุนและผู้ประกอบควรเตรียมรับมือกับความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะนี้ หลังจากช่วง1-2สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งตัวในกรอบที่กว้างขึ้นในแต่ละวัน เช่น จากเดิมค่าเงินบาทจะแกว่งตัว ไม่เกิน 10สตางค์ต่อวัน ก็เริ่มขยับมาแกว่งตัวประมาณ 20 สตางค์ต่อวัน ซึ่งปริมาณธุรกรรมที่เบาบาง(low liquidity)ในบางจังหวะ และธุรกรรมตลาด Offshore ที่มีขนาดใหญ่ก็ปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความผันผวนดังกล่าว
http://www.bangkokbiznews.com
ห่วงชิงโชคเครื่องดื่มสูตรหวานน้อย ทำคนไทยรับน้ำตาลเพิ่ม
“กรมอนามัย” ชี้เครื่องดื่มสูตรหวานน้อย น้ำตาลยังสูงถึง 10-12 ช้อนชา เกินปริมาณที่ควรรับต่อวัน ห่วงมาตรการชิงโชคทำคนไทยดื่มมากขึ้นยิ่งได้รับน้ำตาลมาก
ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย และผู้จัดการโครงการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก หรือฮู แนะนำว่า ไม่ควรได้รับน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่ปัจจุบันคนไทยได้รับน้ำตาลอยู่ที่ประมาณ 26 ช้อนชาต่อวัน เกินกว่าที่แนะนำถึง 4 เท่า โดยพบว่า 2 ใน 3 ของการรับน้ำตาลมาจากเครื่องดื่ม ประเภทน้ำหวานต่างๆ อย่างเช่น เครื่องดื่มประเภทชาเขียว ถือว่ามีน้ำตาลมาก ขวดมาตรฐานขนาด 500 มิลลิลิตร พบว่า บางยี่ห้อใส่น้ำตาล 20% บางยี่ห้อใส่ถึง 26% หากคิดจากปริมาณน้ำตาล 20% ของขวด 500 มิลลิลิตร เท่ากับมีน้ำตาลประมาณ 100 กรัม หรือ 20 ช้อนชา เกินกว่าที่แนะนำต่อวันเป็นอย่างมาก
“แม้จะมีการบังคับใช้ภาษีน้ำตาล ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายปรับสูตรน้ำตาลลดลง แต่ก็พบว่ายังเกินกว่า 10% ทั้งสิ้น เช่น เครื่องดื่มสูตรน้ำตาล 10% ,15 % เพราะคนไทยยังติดความหวาน ซึ่งน้ำตาล 10% จากปริมาณ 500 มิลลิลิตร ก็ยังถือว่าปริมาณมากคิดเป็น 50กรัม หรือ 10-12 ช้อนชา ซึ่งการบริโภคเครื่องดื่มที่แนะนำ คือ 200-250 มิลลิลิตรนับเป็น 1 หน่วยบริโภค หากใส่น้ำตาล 10% ก็จะได้รับน้ำตาลประมาณ 5 ช้อนชา จึงแนะนำว่าเครื่องดื่มพวกนี้ไม่ควรมีน้ำตาลเกิน 6% ซึ่งจะได้รับน้ำตาลประมาณ 12 กรัม หรือ 3 ช้อนชา บริโภคได้ไม่เกิน 2 หน่วยบริโภคต่อวัน ที่น่าดีใจคือ หลายรายก็มีการออกสูตรไม่เติมน้ำตาลมาขายด้วย แต่จะขายดีหรือไม่ ไม่แน่ใจ แต่คนรักสุขภาพน่าจะซื้อสูตรไม่ใส่น้ำตาลมากขึ้น” ทพญ.ปิยะดากล่าว
สำหรับการส่งเสริมการตลาดน้ำอัดลม และเครื่องดื่มชาเขียวด้วยการชิงโชค ทพญ.ปิยะดา กล่าวว่า ถือเป็นการกระตุ้นให้คนอยากชิงโชคมากขึ้น มีการซื้อมากขึ้น และตามธรรมชาติของคนแล้ว เมื่อซื้อของพวกนี้มามาก ก็คงไม่มีใครเททิ้ง ก็ต้องดื่มมากยิ่งขึ้น เป้าหมายในการลดการกินหวานของคนไทยจึงเป็นไปได้ยากขึ้น แม้จะทำสูตรน้ำตาลน้อย แต่เมื่อกระตุ้นให้กินมากขึ้นก็ได้รับน้ำตาลเกินอยู่ดี ต่อให้ทำผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นสูตรน้ำตาล 6% แต่บริโภค 1 ขวดขนาด 500 มิลลิลิตร ก็เท่ากับ 2 หน่วยบริโภคเต็มจำนวนน้ำตาลที่ควรได้รับต่อวันแล้ว และการกระตุ้นให้ชิงโชคก็เท่ากับต้องซื้อดื่มมากยิ่งขึ้น ก็จะได้รับน้ำตาลเกิน ที่สำคัญเมื่อเป็นสูตรน้ำตาลน้อย รสชาติหวานน้อยลง คนก็จะรู้สึกว่าดีต่อสุขภาพมากขึ้น ก็จะกินเรื่อยๆ ขณะที่ผู้ประกอบการเองเสียภาษีน้อย แต่ได้กำไรจากการขายเพิ่มขึ้น
อนึ่ง การเก็บภาษีความหวาน ตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต 2560 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2560 แต่ให้เวลาผู้ประกอบการปรับตัว 2 ปีจนถึง 1 ตุลาคม 2562 เพื่อลดปริมาณน้ำตาลในสินค้า โดยอัตราภาษีที่เสนอเก็บตามค่าความหวานยิ่งหวานน้อยจะเสียภาษีน้อย แบ่งเป็น 6 ระดับ คือ 1.ค่าความหวาน 0-6 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร ไม่เสียภาษี 2.ค่าความหวาน 6-8 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 10 สตางค์ต่อลิตร 3.ค่าความหวาน 8-10 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 30 สตางค์ต่อลิตร 4.ค่าความหวาน 10-14 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 50 สตางค์ต่อลิตร 5.ค่าความหวาน 14-18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร และ 6.ค่าความหวาน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ขึ้นไป เสียภาษี 1 บาท ต่อลิตร และหลังพ้นเวลาผ่อนผันไปแล้วอีก 2 ปี หากค่าความหวานไม่ลดลง จะมีการปรับขึ้นภาษีแบบขั้นบันได
http://www.bangkokbiznews.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 11/05/2561
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 11/05/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 |
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
26.64
|
26.64
|
26.64
|
26.64
|
26.64
|
– |
26.64
|
26.64
|
26.64
|
26.64
|
แก๊สโซฮอล E-85 | 21.04 | 21.04 | – | – | – | – | – | 21.04 | 21.04 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 |
เบนซิน 95 | 36.26 | – | – | – | 36.71 | – | 36.76 | 36.26 | 36.26 | 36.26 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
28.89
|
28.89
|
28.89
|
28.89
|
28.89
|
28.89
|
28.89
|
28.89
|
28.89
|
28.89
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 31.89 | 31.89 | 31.89 | 31.89 | 31.89 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 11 May 05:00 | 11 May 05:00 | 11 May 05:00 | 11 May 05:00 | 11 May 05:00 | 11 May 05:00 | 11 May 05:00 | 11 May 05:00 | 11 May 05:00 | 11 May 05:00 |