สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 18 พฤษภาคม 2561

สคบ. เผย “ธุรกิจอสังหาฯ” ครองแชมป์ร้องเรียนมากสุด

สคบ. เผย

สคบ. เผยธุรกิจอสังหาฯ ครองแชมป์ร้องเรียนมากที่สุด โดยในปี 2561 พบมีเรื่องร้องเรียน 1,183 เรื่อง คาดว่าในอีก 6 เดือนที่เหลือ คงจะมีเรื่องร้องเรียนอีกมากกว่า 1,000 เรื่อง และเมื่อดูสถิติจะพบว่าเรื่องร้องเรียนมีแต่เพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2557 เรื่อยมา ส่วนใหญ่มักเป็นการร้องเรียนบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมื่อทำสัญญาซื้อขาย เมื่อถึงกำหนดโอน ไม่สามารถส่งมอบได้ ส่วนกรณีบ้านพัง ทรุด รั่ว ร้าว ซึม เป็นเรื่องรองลงมา

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2522 เป็นหน่วยงานที่รับร้องเรียนถึงความไม่ได้รับความยุติธรรมจากผู้บริโภค ซี่งที่ผ่านมามีผู้บริโภคร้องเรียนมากมายจากหลากหลายธุรกิจ และธุรกิจอสังหาฯ ถือเป็นอันดับ1 ที่มีการร้องเรียนมากที่สุด ซึ่งสคบ.ก็ช่วยดำเนินการไกล่เกลี่ยและดำเนินคดีตามกระบวนการ แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในหน่วยงานของภาครัฐ แต่ก็มีการปรับตัวในระบบการดำเนินงานให้ทันสมัยเข้ากับยุคไทยแลนด์ 4.0

ธุรกิจอสังหาฯ แชมป์ร้องเรียนมากสุด

นายพิฆเนศ ต๊ะปวง รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยถึงนโยบายของสคบ.ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ต่อภาคธุรกิจอสังหาฯ ว่า จากการที่รัฐบาลต้องการสร้างนวัตกรรมโดยเฉพาะด้านไอที ที่สามารถตอบสนองประชาชนให้ได้รับข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สคบ.เองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน ซึ่งธุรกิจอสังหาฯ เป็นสิ่งที่จับต้องได้ แต่ก็ยังมีการหลอกลวงให้เห็นบ้าง ซึ่งเป็นในลักษณะของการให้ข้อมูลที่คลุมเครือ ไม่ครบถ้วน เช่น นำเสนอสินค้าประเภทคอนโดฯ ว่าผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่พอครบกำหนดจะโอนกรรมสิทธิ์ กลับดำเนินการไม่ได้ ซึ่งถือว่าผิดสัญญา ส่วนเรื่องการร้องเรียนสำหรับธุรกิจอสังหาฯ ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมื่อทำสัญญาซื้อขายแล้ว แต่เมื่อถึงกำหนดโอน ไม่สามารถส่งมอบได้ ส่วนกรณีบ้านพัง ทรุด รั่ว ร้าว ซึม เป็นเรื่องรองลงมา

เผยวิธีฟ้องร้องเอาผิดจากโครงการที่ซื้อ เมื่อเจอปัญหาบ้านทรุด

จากสถิติการร้องเรียนย้อนหลังไป 5 ปี นับจากปี 2557 มีเรื่องร้องเรียน 1,716 เรื่อง ปี 2558 มีร้องเรียน 2,044 เรื่องปี 2559 มีร้องเรียน 2,301 เรื่อง ปี 2560 มีร้องเรียน 2,316 เรื่อง และ ปี 2561 ในครึ่งปีงบประมาณแรก (ตุลาคม-เมษายน) มีร้องเรียน 1,183 เรื่อง คาดว่าในอีก 6 เดือนที่เหลือ คงจะมีเรื่องร้องเรียนอีกมากกว่า 1,000 เรื่อง หากดูสถิติจะพบว่าเรื่องร้องเรียนมีแต่เพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากช่องทางการร้องเรียนมีความหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่ผู้บริโภคเข้าไม่ถึง สคบ. แต่ที่ผ่านมา สคบ.ได้มอบหมายให้ทีมอาจารย์จาก มศว.ประสานมิตรทำการสำรวจ พบว่าผู้บริโภคที่เดือดร้อนเสียหาย และมาร้องเรียนสคบ. เพียง 5% จากทั้งหมด 100% เพราะจำนวนที่เหลืองมองว่า บางเรื่องเป็นเรื่องเล็กน้อย หากร้องเรียนไปก็จะเสียเวลาและไม่คุ้มค่า ซึ่งแต่ละปี สคบ. มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทั้งหมดประมาณ 8,000 เรื่องในหลากหลายธุรกิจ โดยธุรกิจอสังหาฯถือว่าเป็นธุรกิจที่มีการร้องเรียนมากเป็นอันดับ1 อันดับ2 จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์ และอันดับ3 เป็นเรื่องเกี่ยวกับสินค้าเสริมความงาม ส่วนปี 2561 นั้นคงต้องรอดูในช่วงปลายปีงบประมาณว่าใน 3 ธุรกิจดังกล่าวข้างต้น ธุรกิจไหนจะมีการร้องเรียนมากที่สุด

ผู้ร้องทุกข์ด้านอสังหาฯ ในปี 2561

                                           ผู้ร้องทุกข์ด้านอสังหาฯ ในปี 2561

 

เปิด 2 ยุทธศาสตร์แก้ปัญหาเชิงป้องกัน

ส่วนประเด็นเรื่องที่จะเข้าไปแก้ปัญหาการร้องเรียนนั้น สคบ.ได้นำเรื่องเสนอบอร์ดคณะกรรมการสคบ. ที่มีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานบอร์ด ที่ได้มีคำสั่งให้แก้ไขปัญหาในธุรกิจอสังหาฯ เพราะที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาฯมีปัญหาที่สูงมาโดยตลอด ซึ่งก็ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาในการแก้ไขปัญหาในเชิงป้องกัน โดยจะไม่ไปนั่งแก้ไขในเรื่องที่มาร้องเรียน สุดท้ายก็ได้ยุทธศาสตร์มา 2 ประเด็นหลัก คือ

1. มีความจำเป็นต้องไปพัฒนากฎหมายบางฉบับ เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ต้องแก้กฎกระทรวง ด้านการโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นอาคารชุด บ้านจัดสรร จะต้องมาแก้กฎกระทรวงให้สอดคล้องว่า สถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลที่ให้ลูกค้าดูต้องไม่คลุมเครือ

2. พ.ร.บ.อาคารชุด จะต้องมีมาตรการกำหนดโทษเพิ่มขึ้น เช่น เรื่องของมาตรฐานสัญญา ที่ปัจจุบันมีโทษที่ต่ำเกินไป หากจำไม่ผิดโทษปรับนั้นเพียงแค่ 3,000 บาท เท่านั้น ซึ่งหากเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ดีก็ไม่ต้องกังวล

โดยธุรกิจอสังหาฯทั้งหมด อาคารชุดจะประสบปัญหาการร้องเรียนมากที่สุด ส่วนใหญ่เน้นแต่การขาย เมื่อขายหมดปรากฏว่ายังไม่ผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จึงทำให้ไม่สามารถแสดงกรรมสิทธิ์และโอนห้องชุดได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาเป็นลูกโซ่

นอกจากนี้ยังจะมีการพิจารณาว่าจะนำกฎหมายเอสโครว์ แอคเคานท์ (Escrow Account) มาใช้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งกฎหมายเอสโครว์ฯนั้นมีมานานแล้ว แต่ไม่มีใครใช้ เพราะเป็นเรื่องของภาคสมัครใจ โดยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมาได้มีการนำเสนอให้คณะกรรมการสคบ.รับทราบแล้ว เพราะบางประเด็นจะต้องนำมาใช้ก่อน ซึ่งสามารถร่างและทำประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นและออกประกาศบังคับใช้ได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าการออกกฎหมายแต่ละฉบับนั้นไม่ง่าย และใช้ระยะเวลานานมาก เพราะเป็นเรื่องของการออก เพื่อกำหนดกติกา ซึ่งจะมีทั้งผู้ได้และผู้เสีย นอกจากนี้ยังจะมีการแยกน้ำดี น้ำเสีย คือผู้ประกอบการที่ดีและไม่ดี ด้วยการมอบรางวัลให้ผู้ประกอบการที่ดี ส่วนผู้ประกอบการที่เป็นน้ำเสียก็ต้องมีการประจานผ่านเว็บไซต์ของสคบ.ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจอสังหาฯรายใดบ้างที่ถูกดำเนินคดี

“ธุรกิจอสังหาฯจะมีความชัดเจนในตัวเอง เช่น ก่อสร้างไม่เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ถือว่าไม่ปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งก็มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ประกอบการที่ยอมรับ กับกลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่สนใจที่จะแก้ไขเลย ส่วนการแก้ไขโดยการไกล่เกลี่ย ที่ผ่านมาพบว่าประสบความสำเร็จในสัดส่วน 50:50 ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็เข้าสู่กระบวนการของคดี เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความรู้ด้านกฎหมาย ทำให้เสียเปรียบบริษัทที่พัฒนาโครงการ”นายพิฆเนศ กล่าว

เปิดแอปพลิเคชั่นเพิ่มช่องทางร้องเรียนเข้าถึงสคบ.

นายพิฆเนศ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันการร้องเรียนมายัง สคบ.สามารถดำเนินการได้ 3 ช่องทางหลัก คือ 1.เข้ามาร้องเรียนที่สคบ. ซึ่งมีเข้ามาวันละประมาณ 30-40 ราย 2.ร้องเรียนมาทางจดหมาย ซึ่งมีตัวเลขที่สูงกว่าเข้ามาร้องเรียนด้วยตนเอง และ3. ร้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งมีตัวเลขประมาณ 300 ราย/เดือน ล่าสุดเมิ่อเดือนเมษายน 2561 ที่ผ่านมา ได้เปิดแอปพลิเคชั่นเพิ่มอีก 1 ช่องทาง ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถติดตามสถานการณ์ต่างๆได้ว่า แต่ละเรื่องอยู่ในกระบวนการไหน

สำหรับประเด็นที่ร้อนแรงในขณะนี้คือประกาศเรื่องธุรกิจให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา หลังมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมานั้น สคบ.ดำเนินการโดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงแต่อย่างใด เป็นการทำเพื่อสังคม ซึ่งก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยผลของร่างประกาศได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ซึ่งแสดงว่าช่วงระยะเวลา 2 เดือนครึ่ง ไม่มีผู้ประกอบการร้องเรียนมาแต่อย่างใด และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ที่ได้รับการคุ้มครองมากขึ้น

ยันประกาศฯ บังคับใช้ชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนกรณีที่มีข่าวการวิจารณ์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค นั้น ต้องขอบอกว่าโดยพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคนั้น ให้อำนาจคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง ซึ่งในกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค จะมี 3 คณะด้วยกัน คือ คณะกรรมการว่าด้วยโฆษณา,คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก และคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา มีอำนาจในการออกกฎกติกาต่างๆ ซึ่งประเด็นของประกาศเรื่องธุรกิจให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา นั้น กฎหมายให้อำนาจคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เป็นผู้ออกข้อกำหนด ซึ่งในกฎหมายได้กำหนดให้ดำเนินการอยู่ใน 2 เรื่อง คือ 1.ควบคุมสัญญาซึ่ง อย่างน้อยต้องมี เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค 2. เป็นข้อสัญญาที่จะควบคุม บางข้อห้ามมี เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเสียเปรียบ

ซึ่งกรรมการเห็นว่าเรื่องที่ร้องเรียนมายัง สคบ.ยังมีประเด็นอะไรบ้าง ทั้งเรื่องคิดค่าเช่าล่วงหน้า เรื่องการเก็บค่าประกันมากเกินไป หรือเก็ฐแบบไม่มีเหตุผล หรือเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟที่เก็บแพงจนเกินไป ซึ่งไม่มีเรทอัตราที่แน่นอน รวมไปถึงสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่างๆ ดังนั้น สคบ.จึงได้มีการร่างข้อกำหนด คือ ข้อกำหนดที่ต้องมี และข้อที่ห้ามมี เช่นเดียวกัน ซึ่งก็ไปรับฟังความคิดเห็นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็นำร่างดังกล่าวผ่านความคิดเห็นทางเว็บไซต์ของสคบ. เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560-12 มกราคม 2561 ก็มีข้อมูลที่เข้ามาสู่คณะกรรมการ สรุปแล้วร่างดังกล่าวก็ลงนามเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา และส่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งก็ให้โอกาสผู้ประกอบธุรกิจในการปรับตัว ปรับข้อสัญญาต่างๆ โดยในกฎหมายมีการระบุอย่างชัดเจนว่า มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 และต้องขอเรียนว่าคณะกรรมการมีอำนาจในการดำเนินการอย่างชอบด้วยกฎหมาย

“ในกฎหมายก็ระบุแล้วว่าก่อนจะประกาศใช้จะต้องรับฟังความคิดเห็น ซึ่งก็จัดรับความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหลาย และต้องเรียนว่ากฎหมายทุกฉบับไม่สามารถที่จะทำเหมือนร่างรัฐธรรมนูญได้ ที่จะต้องทำประชามติ ซี่งที่ผ่านมากฎกติกาตามพระราชกฤษฎีกา เรื่องการรับฟังความคิดเห็นของ สคบ.ในเรื่องของการจะออกประกาศ ออกกฎควบคุมอะไร ก็ให้ดำเนินการเช่นนี้ ซึ่งเราก็ทำตามทุกขั้นตอน” นายพิฆเนศ กล่าว

ระบุกฎหมายสามารถปรับปรุง-เปลี่ยนแปลงได้

ส่วนการประกาศยกเลิกของสัญญานั้น ไม่ใช่ออกมาเป็นฉบับแรก ซึ่งฉบับนี้น่าจะเป็นฉบับที่ 16 ก็ดำเนินการในทำนองเดียวกันทั้งสิ้น ตนในฐานะฝ่ายเลขาธิการของคณะกรรมการทั้ง 3 ฝ่าย ก็มีหน้าที่รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ดูแลผู้บริโภค นำเสนอให้คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง ที่มีอำนาจในการออกกฎกติกาทั้งหลาย ก็ยืนยันว่า สคบ.ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในกานำเสนอข้อมูล คณะกรรมการได้ปฏิบัติตามหน้าที่ กรอบที่กฎหมายให้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

“กติกาที่อกมาถ้ามีบุคคลหรือคณะบุคคลใดก็แล้วแต่ เห็นว่ามีข้อขัดข้อง หรือข้อบังคับอาจจะปฏิบัติได้ หรือไม่ได้ สคบ.ในฐานะเป็นฝ่ายเลขาฯก็น้อมรับข้อมูลทั้งหมด พร้อมกับที่จะนำเสนอคณะกรรมการถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น กฎหมายก็สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและยืดหยุ่นได้ ตามความเหมาะสมตามบริบทของสังคม ที่อยู่ด้วยกัน เราไม่สามารถออกกฎกติกาใด กติกาหนึ่ง ที่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิทุกอย่างเด็ดขาด โดยให้อีกฝ่ายล้มหายตายจาก โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นห่วงโซ่ของการดำเนินธุรกิจ ผู้ประกอบธุรกิจก็ต้องดูแลผู้บริโภค”นายพิฆเนศ กล่าว

นายพิฆเนศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่มีผู้ประกอบธุรกิจรายใดมีข้อสงสัย แต่พอมีผลบังคับใช้แล้ว กลับมีข้อสงสัยมากมาย เนื่องจากกลัวบทลงโทษ ซึ่งมองว่าทั้งผู้ประกอบธุรกิจและผู้บริโภค ต่างก็ตื่นตัว พยายามปรับตัวให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดย ณ วันนี้แม้ว่ากฎหมายจะมีผลบังคับแล้ว แต่ สคบ.ได้ลงพื้นที่แนะนำสิ่งที่ถูกต้องให้ผู้ประกอบธุรกิจ และก็มีทั้งในส่วนของผู้บริโภคที่ต้องการให้ไปตรวจสอบการดำเนินการของผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งสคบ.พร้อมที่จะรับฟังข้อมูลทั้งหมดมานำเสนอคณะกรรมการ ก็อาจจะต้องมีการปรับตัวบทกฎหมาย ข้อกฎหมายอย่างไรให้สอดคล้องได้ ซึ่งข้อดีของกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ได้ออกเป็นพระราชบัญญัติ ซึ่งเป็นเพียงประกาศโดยคณะกรรมการที่มีสิทธิ 3 ท่าน แต่ก็เป็นประกาศที่มีผลบังคับใช้และมีบทลงโทษออกมา เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการบังคับใช้

https://www.ddproperty.com


‘ศุภาลัย’ โชว์ผลงานไตรมาสแรก ปี 61 รายได้-กำไรพุ่ง

บมจ.ศุภาลัย เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 / 2561 สร้างยอดขายได้สูงถึง 8,837 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 17% โกยรายได้รวม 4,655 ล้านบาท

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเปิดตัวโครงการแนวราบ จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,525 ล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ 4 โครงการ และในจังหวัดชลบุรีและสงขลา 2 โครงการ โดยมีผลงานด้านยอดขาย 8,837 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมาจากยอดขายในส่วนโครงการคอนโดมิเนียม 4,142 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 4,695 ล้านบาท อีกทั้งสามารถทำรายได้รวม 4,655 ล้านบาท เติบโต 22% โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 62% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 38%

บริษัทสามารถทำผลงานด้านกำไรสุทธิ 870 ล้านบาท เติบโต 27% เมื่อเทียบกับปี 2560 ด้านสินทรัพย์เติบโตขึ้น 1% ส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโต 4% โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 63% ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 2.50% ต่อปี ณ 31 มี.ค. 2561 และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 41,665 ล้านบาท ณ 31 มี.ค. 2561 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2561 จำนวน 12,180 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 29,485 ล้านบาทในอีก 3 ปีถัดไป เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 2 บริษัทฯ มีแผนงานเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง จำนวน 4 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ จำนวน 3 โครงการ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองภูมิภาค อย่างเช่นจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดชลบุรี และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ เพื่อผลักดันยอดขายสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้

http://www.bangkokbiznews.com


‘สมคิด’ ร่วมงานสัมมนาครบรอบ60ปี สัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้

“สมคิด” พร้อมด้วย รมว.อุตสาหกรรม ร่วมงานครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้ หารือแนวทางการลงทุน

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 61 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมงานสัมมนา Korea-thailand 60th Anniversary Of Diplomatic Relations: MAEKYUNG THAILAND FORUM ในโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ โดยมี นายเพค อุน-กยู (H.E. Mr.Paik Un-gyu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงาน สาธารณรัฐเกาหลี ผู้บริหารเครือ MK Groups และกลุ่มนักธุรกิจชาวเกาหลีใต้ กว่า 180 คน เข้าร่วมสัมมนา ณ โรงแรม สยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ รัฐมนตรีอุตตมฯ ได้กล่าวปาฐกถาว่า ขณะนี้ประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่ยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 คือการปรับเปลี่ยน พัฒนาศักยภาพของประเทศไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าโครงสร้างเศรษฐกิจ เสริมสร้างความแข็งแรง ความยั่งยืนของการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) พร้อมทั้งเสริมสร้างฐานการลงทุนใหม่ ที่เน้นใช้เทคโนโลยีผ่านการลงทุนด้านการค้าและอุตสาหกรรม และการขยายกำลังการลงทุนออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านและออกสู่ตลาดโลก

กระทรวงอุตสาหกรรม มีกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมเดิม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมอนาคตด้วย ได้แก่ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร โดยการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายนี้ มีการจัดทำ Road Map ในการขับเคลื่อนทั้งด้านการลงทุน การเสริมสร้างพัฒนาด้านการศึกษา การพัฒนาหุ้นส่วนระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

http://www.bangkokbiznews.com


ค่าบาท’แข็งค่า’หลังราคาน้ำมันขึ้นกดดันเงินเฟ้อ

บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า ​”32.07 บาทต่อดอลลาร์” ขณะที่ราคาน้ำมันปรัวตัวขึ้นสูงกดดันเงินเฟ้อไทยเป็นความเสี่ยงระยะสั้นค่างชาติลดการลงทุนในไทยและบาทยังอ่อนต่อเนื่อง

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.07บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 32.09 บาทต่อดอลลาร์

ในคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับ 80 เหรียญ/บาร์เรลเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.12% เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดปี

ปัจจัยดังกล่าวแม้จะส่งผลลบต่อหุ้นทั้วโลก แต่ก็ส่งผลบวกกับกลุ่มพลังงาน ตลาดหุ้นสหรัฐจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากความกังวลเรื่องบอนด์ยิลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้นหรือความสับสนในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ

ในส่วนบอนด์ไทยจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในปัจจุบันคือบอนด์ยิลด์ระยะสั้น (2ปี) นักลงทุนในประเทศพยายามลดความเสี่ยงด้วยการกลับมาถือเงินสด ขณะที่ต่างชาติก็ลดการลงทุนลงหลังจากเงินบาทอ่อนค่าลงเร็ว

ขณะที่ ตราสารหนี้ระยะยาวยังคงเป็นจุดที่เรามีความกังวล เนื่องจากยีลด์ปรับตัวขึ้นน้อย เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากและกำลังจะกดดันเงินเฟ้อในไทย จึงทำให้มีความเสี่ยงในอนาคต นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อในระยะสั้น ก็จะกดดันให้นักลงทุนต่างชาติลดการลงทุนในไทยด้วย

สำหรับวันนี้มองว่าเงินบาทมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบกว้างตามสภาพคล่องในตลาดเงินที่อยู่ในระดับต่ำ
มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 32.00-32.15 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com


ชมพลุริมทะเล ในงานเทศกาลพลุนานาชาติ เมืองพัทยา 2561

           กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับ Pattaya International Fireworks Festival 2018 หรือ เทศกาลพลุนานาชาติ เมืองพัทยา 2561 ที่จะจัดหนักจัดเต็มการแสดงพลุจากหลายประเทศทั่วโลก ณ บริเวณชายหาดพัทยากลาง ระหว่างวันที่ 8-9 มิถุนายน 2561 ตั้งแต่เวลา 18.00 เป็นต้นไป งานนี้ชมฟรี !

เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลใหญ่แห่งปีของเมืองพัทยาเลยทีเดียว สำหรับงาน Pattaya International Fireworks Festival 2018 หรือเทศกาลพลุนานาชาติ เมืองพัทยา 2561 ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาร่วมชมหลายหมื่นคน สำหรับปีนี้ก็มีการเตรียมการจัดงานยิ่งใหญ่อีกเช่นเคย พร้อมกับกิจกรรมและการแสดงพลุสุดอลังการมากมาย

เทศกาลพลุนานาชาติ เมืองพัทยา 2561

 

เทศกาลพลุนานาชาติ เมืองพัทยา 2561
ภาพจาก Shark_749 / Shutterstock.com

พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ โฆษกเมืองพัทยา ได้ออกมากล่าวเกี่ยวกับการจัดงาน Pattaya International Fireworks Festival 2018 ว่า เมืองพัทยากำหนดจัดงานนี้ในวันที่ 8-9 มิถุนายน 2561 ณ บริเวณชายหาดพัทยากลาง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาให้เป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับประเทศ เผยแพร่ชื่อเสียงและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ออกไปสู่สายตาชาวต่างชาติ เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับเมืองพัทยาและประเทศไทย

การจัดงานเทศกาลพลุนานาชาติ เมืองพัทยา 2561 จะมีการแสดงพลุจากหลายประเทศเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไปของทุกวัน ในวันแรกนั้นจะเป็นการแสดงโชว์พลุสั้น ๆ จากประเทศต่าง ๆ และวันที่สองจะเป็นการโชว์แบบเต็มรูปแบบ ตลอดระยะเวลา 45 นาที

การเข้าร่วมชมงาน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายส่งเสริมศิลปะภาพยนตร์และการดนตรี สำนักส่งเสริมการท่องเที่ยว เมืองพัทยา หมายเลขโทรศัพท์ 0 3825 3100 ต่อ 4115

เป็นอีกหนึ่งงานท่องเที่ยวของเมืองพัทยาที่ไม่อยากให้พลาด ใครที่ตั้งตารอคอยงานนี้อยู่ ก็เตรียมวางแผนการท่องเที่ยวกันไว้ได้เลย ปีนี้ได้ดูการแสดงพลุที่สวยงามตระการไปแพ้ปีอื่น ๆ แน่นอน 🙂

https://travel.kapook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 18/05/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,550.00 19,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,266.00 19,192.56 20,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,139.40 17,273.30 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 570.00 8,641.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 443.00 6,715.88 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,312.00 19,889.92 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  18/05/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.65
29.65
29.65
29.65
29.65
29.65
29.65
29.65
29.65
29.65
แก๊สโซฮอล E-20
27.14
27.14
27.14
27.14
27.14
27.14
27.14
27.14
27.14
แก๊สโซฮอล E-85 21.34 21.34 21.34 21.34
แก๊สโซฮอล 91 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38
เบนซิน 95 36.76 37.21 37.26 36.76 36.76 36.76
ดีเซลหมุนเร็ว
29.39
29.39
29.39
29.39
29.39
29.39
29.39
29.39
29.39
29.39
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 32.39 32.39 32.39 32.39 32.39
มีผลตั้งแต่ 17 May 05:00 17 May 05:00 17 May 05:00 17 May 05:00 17 May 05:00 17 May 05:00 17 May 05:00 17 May 05:00 17 May 05:00 17 May 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า