สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2561

ปลดล็อก EEC อสังหาเดือด ตะลุมบอนสิทธิที่ดิน-คอนโด 100%

3 จังหวัดอีอีซีตีปีก กฎหมายใหม่ปลดล็อกอสังหาฯ เปิดทางต่างชาติถือครองโฉดนดที่ดิน ถือกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ได้เต็ม 100% แลนด์ลอร์ดไทย-เทศ เฮลั่น รัฐเปิดให้ยื่นจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษแจกสิทธิประโยชน์เพียบ ทุนจีนเคลื่อนไหวคึกเบียดญี่ปุ่นลงทุนอีอีซี ฟันธง 4 โซนในรัศมี 60 กม.จากดิจิตอลปาร์คทำเลดาวรุ่ง “โจนส์ แลง ลาซาลล์” ชี้นิคมอุตฯ-โลจิสติกส์โตพรวด “ที่อยู่อาศัย โรงแรม รีเทล ออฟฟิศ” จี้ติด
แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการ และล่าสุด พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 พ.ค. 2561 นอกจากจะเพิ่มความเชื่อมั่น ทำให้นักธุรกิจนักลงทุนทั้งไทย ต่างชาติตัดสินใจลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรมแล้ว กฎหมายใหม่ฉบับนี้ยังเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจการค้า การบริการ อีกหลากหลายสาขา โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลัง พ.ร.บ.ดังกล่าวบังคับใช้ เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของทุนอสังหาฯทั้งไทย ต่างชาติมากขึ้น ทั้งสอบถามจากโบรกเกอร์ ตัวแทนนายหน้าอสังหาฯ บริษัทที่ปรึกษา เตรียมหาซื้อที่ดินรองรับการลงทุน
ต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน-คอนโด
โดย พ.ร.บ.EEC กำหนดให้คนต่างด้าวและนิติบุคคลต่างด้าวในพื้นที่ 3 จังหวัด EEC คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ได้สิทธิพิเศษเกี่ยวกับที่ดินและอสังหาฯ ดังนี้ 1.ให้ผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นคนต่างด้าวตามประมวลกฎหมายที่ดิน มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินภายในเขตส่งเสริมฯ เพื่อประกอบกิจการที่ได้รับอนุญาตได้ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน
2.ให้ผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมฯ ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด โดยได้รับการยกเว้นจากการจำกัดสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
จากปัจจุบันต่างด้าวสามารถได้มาซึ่งที่ดินเป็นที่อยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่ โดยต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และต้องนำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ส่วนการถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด กฎหมายให้คนต่างด้าวถือครองห้องชุดได้ไม่เกิน 49% ของเนื้อที่ห้องชุดในอาคารชุด
อย่างไรก็ตาม การถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน อสังหาฯ และห้องชุดดังกล่าว หากไม่ได้มีการประกอบกิจการภายใน 3 ปี หรือหยุดประกอบกิจการ ต้องจำหน่ายที่ดินออกไปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นสำนักงาน EEC มีอำนาจให้มีการจำหน่ายที่ดินดังกล่าวได้
เช่าช่วงที่ดิน-อสังหาฯ 99 ปี
กฎหมายใหม่ยังกำหนดให้การเช่า เช่าช่วง ให้เช่า หรือให้เช่าช่วงที่ดิน หรืออสังหาฯ ในเขตส่งเสริมฯ เพื่อลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 ประเภท ได้แก่ 1.ยานยนต์สมัยใหม่ 2.อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 3.การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4.การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 5.การแปรรูปอาหาร 6.หุ่นยนต์ 7.การบินและโลจิสติกส์ 8.เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 9.ดิจิทัล 10.การแพทย์และสุขภาพครบวงจร ทำได้โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้ ปล.แพ่งและพาณิชย์ ที่ให้ทำสัญญาเช่าได้ไม่เกิน 30 ปี ต่ออายุสัญญาเช่าได้ไม่เกิน 30 ปี ยกเว้นไม่ต้องทำตาม พ.ร.บ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม ที่ให้เช่าเกินกว่า 30 ปี แต่ต้องไม่เกิน 50 ปี ต่อสัญญาเช่าได้ไม่เกิน 50 ปี
ส่วนกรณีเช่าที่ดินของรัฐ ถือว่าการเช่า เช่าช่วง ให้เช่า ให้เช่าช่วง ไม่เป็นการร่วมทุนตามกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เว้นแต่บอร์ด EEC จะมีมติให้เป็นการร่วมทุนเป็นรายกรณี
แลนด์ลอร์ดเฮตั้งเขตส่งเสริม
นอกจากนี้ พ.ร.บ.EEC ยังเปิดให้เจ้าของที่ดินที่มีทำเลที่ตั้งใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สามารถยื่นขอให้สำนักงาน EEC กำหนดให้ที่ดินที่อยู่ในมือเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้ หากอยู่ภายใต้เงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่กำหนด คือ เป็นพื้นที่ที่ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่งใน 10 อุตสาหกรรม หรืออุตสาหกรรมอื่นที่ส่งเสริมให้เกิดกิจการที่เกี่ยวเนื่อง หรือเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ ความเชี่ยวชาญ ซึ่งอาจรวมถึงอุตฯการบริหาร อุตฯท่องเที่ยวและจัดการประชุม หรืออื่น ๆ
สำหรับการให้เจ้าของที่ดินยื่นขอให้สำนักงาน EEC ประกาศให้ที่ดินที่เป็นไปตามเงื่อนไข เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนั้น กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นเจ้าของที่ดินคนไทยหรือต่างชาติ เท่ากับเปิดกว้างให้ทั้งไทยและต่างชาติที่มีที่ดินอยู่ในมือสามารถยื่นขอให้จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้
จีนเบียดญี่ปุ่นลงทุน EEC
นายรัชภูมิ จงภักดี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กฎหมาย EEC ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนอสังหาฯ ชาวต่างชาติจำนวนมาก กลุ่มที่โดดเด่นมากที่สุดในตอนนี้เป็นนักลงทุนจีนคาดว่ามีสัดส่วนถึง 70% ของนักลงทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มหลั่งไหลเข้าพื้นที่ EEC 3 จังหวัด รองลงมาเป็นกลุ่มญี่ปุ่น ซึ่งมีฐานลูกค้าชาติเดียวกันที่ลงทุนโรงงานผลิตกระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
สาเหตุที่กลุ่มทุนจีนสนใจลงทุนไทย ส่วนหนึ่งมาจากนโยบาย One Belt One Raod ของรัฐบาลจีน ที่ลดบทบาทการลงทุนในสหรัฐอเมริกา แล้วเบนเข็มมาลงทุนยุโรปตะวันออกกับเอเชียมากขึ้นโซน EEC จึงกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายการลงทุน
“ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่รัฐบาลโปรโมต EECก็มีกลุ่มทุนต่างชาติสอบถามเข้ามาเยอะ แต่เป็นขั้นตอนศึกษาลู่ทางลงทุน อัพเดตล่าสุดที่มีการประกาศใช้กฎหมายใหม่ เขาก็สอบถามเข้ามาอีกรอบ ตอนนี้สิ่งที่รอคือกฎหมายหลักออกมาแล้ว ยังต้องรอให้มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายอีอีซี และสำคัญที่สุดสำหรับภาคอสังหาฯก็คือผังเมือง ซึ่งจำเป็นต้องยกเลิกผังเก่าและประกาศใช้ผังเมืองระดับภูมิภาค หรือผังภาคขึ้นมาใหม่”
โดยสภาพปัญหาจากผังเมืองปัจจุบันพบว่า EEC ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด แต่ผังเมืองบางส่วนหมดอายุ บางส่วนยังบังคับใช้อยู่ บางส่วนเป็นผังเมืองรวมจังหวัด ซึ่งทำให้โซนนี้ทั้งหมดไม่สอดคล้องกัน
 
4 โซนเด่นในรัศมี 60 กม.
ในด้านทำเลดาวรุ่ง หรือโซนลูกค้าต่างชาติ ข้อคำนึงต้องอยู่ใกล้แหล่งงานสถานศึกษา แหล่งช็อป ดังนั้นจุดโฟกัสจึงอยู่ที่ดิจิทัลพาร์ค จากนั้นกางรัศมีการเดินทางภายในครึ่งชั่วโมง หรือในรัศมี 60 กิโลเมตร ทำให้มี 4 โซนโดดเด่น ประกอบด้วย 1.โซนสวนเสือศรีราชา 2.โซนอัสสัมชัญศรีราชา 3.โซนท่าเรือแหลมฉบัง และ 4.โซนเขตอุตสาหกรรมสหพัฒน์
สำหรับดีลการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ นายรัชภูมิกล่าวว่า กลุ่มจีนถือว่าแอ็กทีฟมากที่สุดในขณะนี้ มีทั้งซื้อที่ดินไว้เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน ขนาดตั้งแต่ไม่ถึง 100 ไร่ จนถึง 500 ไร่ ซึ่งเริ่มเปิดดีลเจรจาตั้งแต่ปลายปี 2560 จำนวน 6-7 ราย ล่าสุดมีกลุ่มใหม่เข้ามาเติมอีก 3 ราย มูลค่าลงทุนอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีคาดว่ากลุ่มจีนลงทุนไปถึง 50,000 ล้านบาท รูปแบบโครงการสนใจทำมิกซ์ยูสและคอนโดมิเนียม โดยจีนเป็นผู้ลงทุนเองและขายให้ลูกค้าจีน
ในขณะที่กลุ่มทุนญี่ปุ่นมี 1-2 ดีลให้ศึกษาการลงทุนโครงการแนวราบโดยเฉพาะบ้านเดี่ยว เพราะตอนที่ยังไม่มีการประกาศ พ.ร.บ.อีอีซี การซื้ออสังหาฯ
ถูกจำกัดให้ซื้อกรรมสิทธิ์ได้เฉพาะคอนโดมิเนียม ปัจจุบันกฎหมายใหม่ปลดล็อกให้ชาวต่างด้าวทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถซื้อที่ดินได้ โดยไม่มีข้อจำกัดภายใต้ประมวลกฎหมายที่ดิน เพียงแต่ต้องอยู่ในพื้นที่ประกาศเขตส่งเสริมฯ หมายความว่าเปิดกว้างให้ซื้อกรรมสิทธิ์โครงการแนวราบได้ รูปแบบมีคอมมิวนิตี้มอลล์ในโครงการด้วย
แนะรัฐจัดโซนนิ่ง-คุมโควตา
อย่างไรก็ตาม นายรัชภูมิกล่าวว่า นโยบายโปรโมตอีอีซีเป็นสิ่งที่นักลงทุนรอคอยมานาน แต่ในระยะยาวควรมีมาตรการดูแลผู้ประกอบการไทยด้วย เพราะสายป่านการลงทุนไม่แข็งแกร่งเท่า
ต่างชาติ การเปิดกว้างในพื้นที่ EEC ซึ่งมีถึง 3 จังหวัด มองว่าไม่จำเป็นต้องเปิดพื้นที่ทั้ง 100% โดยอาจกำหนดเป็นโซนนิ่งที่ต่างชาติสามารถลงทุนเอง ขายเอง อาจจะมีสัดส่วน 10-30% เพื่อให้มีพื้นที่สงวนสำหรับผู้ประกอบการไทยด้วย
“ภายใต้ พ.ร.บ.อีอีซี กลุ่มทุนจีนกับญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องจอยต์เวนเจอร์กับไทยแล้ว ซื้อที่ดิน-พัฒนาโครงการเอง ขายเองได้ 100% เพียงแต่ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไรซัพพอร์ตนิคมอุตฯที่จะเกิดขึ้นใหม่ หลายรายซื้อแลนด์แบงก์เพื่อรอพัฒนาโครงการ แต่ลงทุนจริงขึ้นกับนิคมอุตฯต้องเกิดก่อน มีคนเข้าไปทำงานมากขนาดไหน ธุรกิจที่อยู่อาศัยไม่สามารถสร้างก่อนมีดีมานด์ เพราะเป็นความเสี่ยงการลงทุน”
JLL เปิดดีลที่ดิน 1,500 ไร่
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ ประเทศไทย (JLL) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้รับการติดต่อจากเจ้าของที่ดินแปลงใหญ่ 5 ราย ขนาด 100-600 ไร่ รวม 1,500 ไร่ ในชลบุรี อาทิ บางสะเหร่ ให้เปิดดีลเจรจาการลงทุน รูปแบบมีทั้งจอยต์เวนเจอร์ (JV) และซื้อขายที่ดิน รวมทั้งมีนักลงทุนจีนติดต่อให้ศึกษาลู่ทางลงทุน และดีเวลอปเปอร์ไทยต้องการเปิดดีลพัฒนาโครงการไม่จำแนกประเภท ได้ทั้งที่อยู่อาศัยและธุรกิจสร้างรายได้จากการเช่า
“พ.ร.บ.อีอีซีเพิ่งมีผลบังคับใช้ เชื่อว่ากระตุ้นให้นักลงทุนอสังหาฯมีความเคลื่อนไหวมากขึ้น เพียงแต่ในระยะแรกคาดว่าประเภทอุตสาหกรรมกับโลจิสติกส์เป็นอสังหาฯที่มีการเติบโตสูงใน EEC จากนั้นอสังหาฯกลุ่มอื่นจะเกิดขึ้นตามมา ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม รีเทล ออฟฟิศ ส่วนใหญ่นักลงทุนไทยและต่างชาติยังอยู่ในช่วงประเมินสถานการณ์”
JSP โละที่ดิน 2.9 พันล้าน
นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โซนอีอีซีก่อนหน้านี้ บริษัทประกาศแผนร่วมลงทุนกับกลุ่มจงเทียน คอนสตรัคชันพัฒนาโครงการทำเลบางสะเหร่ มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท อัพเดตสถานการณ์ บริษัทมีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่ และปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ โดยไม่ลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เน้นสร้างเร็ว ขายเร็ว ดังนั้น ที่ดินบางสะเหร่ยุติการพัฒนาโครงการ และประกาศขายยกแปลง 161 ไร่ ทำเลด้านหน้าติดถนนสุขุมวิท ด้านหลังติดทะเล ใกล้การ์ตูนเน็ตเวิร์กและสวนนงนุช เฉลี่ยไร่ละ 16 ล้านบาท มูลค่า 2,600-2,900 ล้านบาท
ควบคู่กับปรับลดสเกลการพัฒนาโครงการ จากโครงการละหมื่นล้านเหลือพันล้านบาท โดยมองหาแลนด์แบงก์ 30-50 ไร่ ทำโครงการแนวราบ ราคา 2-4 ล้านบาท ทำเลเน้นใกล้อัสสัมชัญ ศรีราชา เพราะมีจุดเด่นมีโรงเรียนอินเตอร์ฯ ซึ่งผู้บริหารชาวต่างชาติมีความสะดวกในการใช้ชีวิต เพราะอยู่ใกล้ดิจิทัลพาร์ค ใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมง หรือไม่เกิน 60 กม.
“ศรีราชามีแม็กเนตคือโรงเรียนอินเตอร์ฯ กับแหล่งช็อปที่ห้างโรบินสัน ปัจจุบันเราไปลงทุนทาวน์เฮาส์และประสบความสำเร็จ ลูกค้าหลักคนไทยทำงานในนิคมอุตฯ โปรเจ็กต์ใหม่ขยายกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น”
ออริจิ้นฯลุยหมื่นล้านปี”62
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พ.ร.บ.อีอีซีเป็นเหมือนโบนัสให้กับผู้ประกอบการ ก่อนหน้านี้ลงทุนแล้ว 10,000 ล้านบาท บริษัทเพิ่มบทบาททำเลอีอีซีมากขึ้น ให้มีสัดส่วน 20-30% ของพอร์ตรายได้รวม โดยภายในปี 2562 วางแผนลงทุนเพิ่ม 10,000 ล้านบาท
“จริง ๆ เราก็หันหัวเรือไปทางนั้นอยู่แล้ว มีทั้งคอนโดฯ โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ รีเทล ทำเลยังอยู่ในชลบุรี ห่างดิจิทัลพาร์ค 2 กม. จากนี้ไปจะทำให้ครบ 3 จังหวัด โดยขยายไประยองกับฉะเชิงเทราด้วย ตอนนี้มีแลนด์แบงก์ 30 ไร่ อยู่แยกเนินสำลี หรือสี่แยกมาบตาพุด เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ ส่วนฉะเชิงเทราอาจมีบ้านเดี่ยวเป็นหลัก”
“โซนอีอีซีเราเน้นทำเลแหล่งงาน ลูกค้าคนไทยเป็นหลัก ราคา 1-4 ล้าน เรายังไม่ได้ทำคอนโดฯ ตากอากาศ แต่ถ้าโอกาสเปิดรับลูกค้าต่างชาติแบบนี้ ผมทำทุกเซ็กเมนต์แน่นอน” นายพีระพงศ์กล่าว
http://www.bkkcitismart.com

บูมซีบีดี‘มักกะสัน-สุขุมวิท’ปรับมาตรการจูงใจด้านผังเมืองปลุกศูนย์เศรษฐกิจ

พ.ร.บ.อีอีซีเปิดทางโล่งนักวิชาการจุฬาฯ  จี้รัฐเร่งบูมศูนย์เศรษฐกิจมักกะสันเชื่อมสุขุมวิท รัชดาฯ-พระราม9 ก่อนเชื่อมเป็นผืนใหญ่กับราชประสงค์-ประตูนํ้า ด้วยระบบขนส่งมวลชนและสกายวอล์กช็อปปิ้งสตรีต หนุนรัฐเร่งสร้างมาตรการจูงใจด้านผังเมืองเพื่อกระตุ้นเอกชนพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่
 
รศ.มานพ พงศทัต ศาสตราภิชาน ภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าตามที่ได้มีประกาศราชกิจจานุเบกษาของพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Coorridor :อีอีซี) ไปแล้วนั้นคาดว่าจะเป็นผลบวกต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จึงควรเร่งพัฒนามักกะสันให้เป็นศูนย์เศรษฐกิจเชื่อมโยงกับศูนย์เศรษฐกิจสุขุมวิทและรัชดาฯ-พระราม 9 ได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้นก่อนที่จะเชื่อมเป็นผืนใหญ่กับราชประสงค์  ราชปรารภ ประตูนํ้าที่อยู่ในโซนไม่ไกลกันมากนักด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ปัจจุบันมีทั้งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ท่าเรือคลองแสนแสบ  รถไฟฟ้า  MRTและบีทีเอสก่อนที่ในอีก 3-4 ปีนี้จะมีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของกรุงเทพฯและประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
“เปิดทางโล่งแล้วต่อการประกาศพ.ร.บ.อีอีซี ประการสำคัญจุดอโศก-เพชรบุรี  ค่ายอสังหาริมทรัพย์อย่างสิงห์เอสเตทไปบูมพื้นที่รอไว้แล้ว เช่นเดียวกับจุดแยกพระราม9 ของโครงการกลุ่มแกรนด์คาแนล แล้วยังมีอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปบูมพื้นที่ถนนรัชดาภิเษก  อีกทั้งยังจะมีสำนักงานใหญ่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ย้ายไปอยู่ใกล้ๆมักกะสันจึงน่าจะช่วยบูมศูนย์เศรษฐกิจโซนนี้ได้อย่างรวดเร็ว”
นอกจากนั้นตามที่จะเกิด 8 ศูนย์เศรษฐกิจใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล  ตามที่กรมโยธาธิการและผังเมืองกำหนดรัฐบาลควรเร่งออกกฎเกณฑ์ชี้นำการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกำหนดมาตรการจูงใจทางผังเมืองเพื่อให้ภาคเอกชนสามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพประกอบกับเมื่อมีโครงการรถไฟฟ้าเกิดขึ้นจึงเกิดเป็นจุดตัดมากกว่า 50 แห่ง นับเป็นโลเกชันที่เกิดขึ้นใหม่เชื่อมโยงถึงกันได้ด้วยรถไฟฟ้า ประการสำคัญยังมีอีก 3 ศูนย์เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการเร่งผลักดัน คือ ศูนย์มักกะสัน ศูนย์บางซื่อ และศูนย์สถานีแม่นํ้าย่านคลองเตย
รศ.มานพกล่าวอีกว่า  สำหรับการพัฒนาพื้นที่เมืองชั้นในปัจจุบันจะเพิ่มโบนัสซิสเต็มให้อีก 20-30 เท่าจึงเป็นการเปิดให้เมืองเป็นชุมชนหนาแน่นแนวสูงมากขึ้น มีอาคารสูง 20-30 ชั้นเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ที่เป็นจุดตัดรถไฟฟ้ารูปแบบมิกซ์ยูส มีทั้งที่ทำงาน ที่อยู่อาศัย การพักผ่อนและช็อปปิ้งกระจายไปสู่พื้นที่ใหม่รอบๆสถานีรถไฟฟ้า ขณะนี้บางพื้นที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่ที่จะเห็นต่อไปคือ  มีพื้นที่ที่จะได้รับโบนัสซิสเต็มอีกกว่า 40 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลเมื่อรถไฟฟ้าก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการครบ 10 สาย
“ในอีก5-6ปีข้างหน้าทำให้เกิดชุมชนใหม่ตามมา เห็นว่าถ้าจะเกิดขึ้นจริงได้จะต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชน ภาครัฐจะต้องออกกฎเกณฑ์ชี้นำผังเมืองอีก 1 ปีจะเข้าไปปรับปรุงศูนย์เศรษฐกิจเหล่านั้นให้สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองจะต้องสามารถส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วยกฎหมาย อาทิ จุดไหนมีจุดตัดก็ให้ก่อสร้างได้สูงมากขึ้น นั่นคือ การออกมาตรการจูงใจด้านผังเมืองหรือโบนัสซิสเต็มตามที่จะมีการปรับปรุงผังเมืองใหม่ในปีหน้า”
นอกจากนั้นตามที่ได้นำเสนอให้มีการย้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) จากย่านปทุมวันไปอยู่ที่สโมสรตำรวจถนนวิภาวดีฯซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ใหม่ส่วนราชการ  เพื่อให้นำพื้นที่ดังกล่าวไปพัฒนาเชิงพาณิชย์กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้สอดคล้องกับการพัฒนาย่านเศรษฐกิจโซนใจกลางเมืองนั้น  แนวทางหนึ่งคือรัฐบาลควรเร่งผลักดันการเปิดพื้นที่ดังกล่าวด้วยรูปแบบวอล์กกิ้งสตรีต ดังเช่นออร์ชาร์ดแหล่งช็อปปิ้งสตรีตชื่อดังของสิงคโปร์และอีกหลายพื้นที่ในเมืองปักกิ่งของจีน
“จะต้องทำแผนรูปแบบ Plan Unit Development : PUD แล้วรวมเข้าไว้ในผังเมืองรวมเพื่อปรับเปลี่ยนสีผังเมืองและอัตราส่วนของพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน(Floor Area Ratio : FAR) อีกทั้งยังต้องทำมาสเตอร์แพลนการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวนี้  พร้อมกับเร่งพัฒนาระบบขนส่งมวลชนอย่างโมโนเรลที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีแผนไว้แล้วเพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ทั้งหมดให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆได้รวดเร็ว  ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น  อีกทั้งยังสนับสนุนให้ก่อสร้างสกายวอล์กเชื่อมโยงแหล่งช็อปปิ้งสตรีตครอบคลุมพื้นที่บรรทัดทอง ปทุมวัน ราชประสงค์ ชิดลม เพลินจิต  นานา ไปจนถึงพระโขนง และอีกเส้นทางหนึ่งเริ่มจากดินแดง ราชปรารภไปบรรจบสีลม พระราม 4 เพราะนอกจากจะแยกคนออกจากรถชัดเจนแล้วยังเป็นการเปิดพื้นที่การค้าชั้น 2 ชั้น 3 ให้แต่ละอาคารได้อีกรูปแบบหนึ่งด้วย”
http://www.bkkcitismart.com

ตัวเลขบอกผลงาน! เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัว 4.8% สูงสุดในรอบ 5 ปี

ตัวเลขบอกผลงาน! เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัว 4.8% สูงสุดในรอบ 5 ปี

สภาพัฒน์ฯ ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มเป็น 4.2-4.7% หลังจีดีพีไตรมาสแรกปรับตัวพุ่งขึ้นถึง 4.8% จากปีก่อน ปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคการส่งออกที่โตถึง 9.9%

นายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. หรือสภาพัฒน์) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นดีที่สุดในรอบ 20 ไตรมาส หรือในรอบ 5 ปี

โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก การใช้จ่ายภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น การลงทุนรวมเพิ่ม 3.4% การลงทุนภาครัฐขยายตัว 4% การส่งออกขยายตัว 9.9% รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 16.8% เป็นต้น

ทั้งนี้ สศช.ได้ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2561 เพิ่มเป็น 4.2-4.7% (ค่ากลาง 4.5%) จากเดิมคาดการณ์ไว้ในช่วง 3.6-4.6% โดยคาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ดี 8.9% การใช้จ่ายภาครัฐ 3% การลงทุนภาคเอกชน 3.9%

ขณะที่การปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก และระดับราคาสินค้าในตลาดโลกเป็นตัวแปรสนับสนุนหลักที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว

อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ การผลิตภาคเกษตรและนอกภาคเกษตรที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลังจากฐานที่สูงขึ้น และราคาสินค้า อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ

https://www.sanook.com

ค่าบาท ‘แข็งค่า’ ตลาดภูมิภาคเอเชีย

บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า “32.00 บาทต่อดอลลาร์” ตลาดการเงินยังไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ขณะที่ไทยเกินดุลการค้าลดลง และเงินบาทเคลื่อนไหวตามทิศทางสกุลเงินเอเชียและดอลลาร์มากขึ้น

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.00บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 32.05 บาท
ต่อดอลลาร์

ในคืนที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดการเงินยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงมาก นักลงทุนยังจับตาไปที่ความคืบหน้าของการเมืองในอิตาลี ปัญหาเรื่องกฏหมายความปลอดภัยทั้งในสหรัฐและยุโรปที่กำลังกดดันธุรกิจเทคโนโลยี เช่นเดียวกับการเมืองระหว่างประเทศ ที่ล่าสุดการพบกันล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีมุน แจ อึน ของเกาหลีใต้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงเป้าหมายและความต้องการที่ชัดเจนว่าจะมีการเจรจากับเกาหลีเหนือหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่เริ่มทรงตัวใกล้ระดับ 80 เหรียญต่อบาร์เรล ช่วยลดความกังวลให้กับตลาดการเงินบ้าง โดยรวม เรายังมองว่าตลาดทุนในช่วงนี้ยังคงมีพื้นฐานที่ดีจากเศรษฐกิจ และมีปัจจัยเชิงบวกมากขึ้นจากสงครามการค้าที่สงบลง

ขณะที่นักลงทุนก็รับรู้ข่าวเชิงลบส่วนใหญ่ทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงและการเมืองที่วุ่นวายไปแล้ว แนวโน้มช่วงที่เหลือจึงน่าจะเป็นบวกกับตลาดเอเชียและตลาดเกิดใหม่

ในส่วนของค่าเงินบาท การส่งออกที่ขยายตัว 12.34% เป็นบวกต่อภาพเศรษฐกิจ แต่การขาดดุลการค้าเป็นครั้งที่สองของปีที่ระดับ 1,283 ล้านดอลลาร์ ชี้ให้เห็นว่าการลงทุนและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การเกินดุลการค้าของไทยลดลง และเงินบาทจะเคลื่อนไหวตามแนวโน้มทิศทางของสกุลเงินเอเชียและค่าเงินดอลลาร์มากขึ้น มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 31.95 – 32.10 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com

เปิด 10 เคล็ดลับดันองค์กรสู่ ‘ดิจิทัล เวิร์คเพลส’

จะเกิดดิจิทัลเวิร์คเพลสได้ หลักๆ ต้องคำนึงถึงการทำให้เกิดการทำงานร่วมกันภายในองค์กร

ทุกวันนี้ธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมต่างตื่นตัวกับการพัฒนาองค์กรไปสู่ความเป็น “องค์กรดิจิทัล” บางองค์กรเปลี่ยนจุดยืนไปเป็น “เทค คอมพานี” หรือบางองค์กรเริ่มพัฒนา “ดิจิทัล เวิร์คเพลส” เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน ปรับโฉมสำนักงานให้รองรับการทำงานยุคใหม่

ศิษฏพงศ์ เศรษฐภัทร ผู้อำนวยการฝ่ายบิ๊กดาต้าและอนาไลติกส์ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญขององค์กรที่ต้องการทำดิจิทัล เวิร์คเพลส(Digital Workplace) คือต้องการปรับปรุงรูปแบบการทำงานภายในองค์กรให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ ช่วยให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น ขณะเดียวกันทันต่อการแข่งขันที่รวดเร็วในโลกดิจิทัล

“การที่จะเกิด ดิจิทัล เวิร์คเพลส ได้หลักๆ ที่ต้องคำนึงถึงคือ เรื่องของการทำให้เกิดการทำงานร่วมกันภายในองค์กรมากขึ้น(Collaboration) เช่นเดียวกับการที่ต้องรู้ว่าบุคลากรใดเหมาะสมกับการทำงานรูปแบบใด(Visibility) และเขาเหล่านั้นจะช่วยให้องค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไร”

 ขณะเดียวกัน องค์กรที่ต้องการปรับรูปแบบการทำงานควรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการมุ่งหน้าสู่ ดิจิทัล เวิร์คเพลส เพื่อให้องค์กรชับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยให้การทำงานบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วและทรงประสิทธิภาพ”

มิติใหม่สถานที่ทำงาน

จีเอเบิลได้สรุปการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนการทำงาน 10 ด้าน เพื่อการปรับองค์กรสู่การเป็น ดิจิทัล เวิร์คเพลส เต็มรูปแบบ ประกอบไปด้วย

1.สร้างแหล่งศึกษาความรู้(Ambient Knowledge) เนื่องจากทุกคนมีความต้องการที่จะเรียนรู้เฉพาะเรื่อง เพื่อนำไปแก้ปัญหาในการทำงาน การจัดคอร์สเทรนนิ่งที่ใช้เวลาไม่นานในองค์กรจะช่วยก่อให้เกิดศูนย์กลางความรู้

2.เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์(Embedded Analytics) เพื่อช่วยให้องค์กรหรือบุคลากรตัดสินใจง่ายขึ้น การเข้าไปรายงานการทำงานต่างๆ จะมีการนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และแสดงผล โดยมีการบันทึกลงในโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นที่ช่วยในการวิเคราะห์ แล้วจึงนำข้อมูลนั้นไปใช้งาน

3.เครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน(Production Studio) เช่นการจัดเตรียมเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาสามารถเขียนโปรแกรมได้ พร้อมจัดพื้นที่สำหรับการพรีเซนต์ข้อมูลในการประชุมต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกในการทำงาน

4.เครื่องมือช่วยลดระยะเวลาทำงาน ลดขั้นตอนการทำงาน(Process Hacking) เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพของบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพในความถูกต้องและแม่นยำ เช่น ใช้เครื่องมืออัตโนมัติมาช่วยตรวจสอบคุณภาพของสินค้า โปรแกรมตรวจคำผิด

5.คอร์สระยะสั้น(Microlearning) เพื่อเสริมศักยภาพของบุคลากรและสร้างความรู้ใหม่ๆ การจัดคอร์สที่ให้ความรู้ที่มีหัวข้อหลากหลาย เพื่อให้บุคลากรที่สนใจสามารถเข้ามาเลือกที่จะเรียนรู้ได้ โดยจะเน้นเป็นคอร์สระยะสั้นภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง

6.ปรับภูมิทัศน์องค์กร(Office Landscape) ปัจจุบันทุกคนทำงานผ่านโน้ตบุ๊ค ผ่านโลกการสื่อสารดิจิทัล จึงควารปรับภูมิทัศน์ของสถานที่ทำงานที่เอื้ออำนวยต่อการก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และสร้างบรรยากาศการทำงานที่สามารถตอบสนองการทำงานร่วมกันให้ได้มากที่สุด

7.การก่อให้เกิดการทำงานร่วมกัน(Silo-buster) ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแสดงให้เห็นความชัดเจนในการทำงาน(Visibility) ให้ทุกคนสามารถโชว์ผลงานของตัวเองได้เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในผลสำเร็จของงานที่ทำ โดยการสร้างพื้นที่หรือแพลตฟอร์มในการพูดคุย ลงรายละเอียดงานต่างๆ ให้แก่สมาชิกทุกคนในองค์กร

8.นำเทคโนโลยีเสมือนจริง วีอาร์ และ เออาร์ มาใช้(Immersive Technologies) ด้วยการนำอุปกรณ์เหล่านี้มาช่วยในการเทรนนิ่งเช่น การนำวีอาร์มาสอนวิธีใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆ ซึ่งสามารถทำให้เราได้เห็นมุมมองเสมือนจริง

9.สร้างพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนตัวบนคลาวด์(Personal Cloud) เพราะปัจจุบันในการทำงานไม่จำเป็นต้องทำผ่านโน้ตบุ๊กเครื่องเดียวอีกต่อไปแต่สามารถเก็บข้อมูลไว้บนคลาวด์เพื่อเรียกใช้งานจากอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับรูปแบบของงาน

10.การมีผู้ช่วยเสมือน(Virtual Personal Assistants) อย่างแชทบอทหรือเทคโนโลยีสูงๆ ที่เข้ามาช่วยตอบคำถามเบื้องต้น หรือใช้ในการแนะนำฝ่ายที่เหมาะสมเพื่อที่จะเข้าไปพูดคุยได้ต่อไป

เสิร์ฟทุกบริการบนดิจิทัล

สำหรับบทบาทของกลุ่มบริษัทจีเอเบิล ให้บริการโซลูชั่นสำหรับการทำ ดิจิทัล เวิร์คเพลส ให้กับองค์กรต่างๆ โดยเริ่มจากการทำ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง(Digital Marketing) ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจนำเทคโนโลยีมาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยยกระดับองค์กร

โซลูชั่นดังกล่าวจะมีทั้งโปรดักทิวิตี้ สวีท (Productivity Suite) ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานภายในองค์กร ตัวอย่างเช่น ระบบจัดการการประเมินประสิทธิภาพของบุคลากรระบบการจัดการทางด้านการเงินระบบการลาเป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีดิจิทัลรีครูทเม้นท์ (Digital Recruitment) ระบบการเปิดรับผู้ร่วมงานทางด้านดิจิทัลเพื่อค้นหาบุคลากรด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพและเหมาะสมให้กับองค์กรและ

ดิจิทัล เทรนนิ่ง(Digital Training) ระบบสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับดิจิทัลโดยผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศสำหรับองค์กรเพื่อเพิ่มทักษะความรู้ทางด้านดิจิทัลให้กับบุคลากรเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพขององค์กรที่จะนำไปสู่การเป็นสถานที่ทำงานแบบดิจิทัลให้เลือกนำไปใช้งานได้ในอนาคต

“หัวใจสำคัญคือ การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสนับสนุน 10 ด้าน เชื่อมโยงการทำงานในทุกภาคส่วน เน้นเพิ่มศักยภาพบุคลากร การสร้างบรรยากาศการทำงานเพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ และเป็นผู้ช่วยส่งเสริมการทำงานให้สะดวก รวดเร็ว เพื่อนำไปสู่การทำงานร่วมกันด้วยการใช้เทคโนโลยีอย่างแท้จริง” ศิษฏพงศ์ กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com

ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 23/05/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,550.00 19,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,266.00 19,192.56 20,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,139.40 17,273.30 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 570.00 8,641.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 443.00 6,715.88 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,312.00 19,889.92 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  23/05/2561 


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
แก๊สโซฮอล E-20
27.74
27.74
27.74
27.74
27.74
27.74
27.74
27.74
27.74
แก๊สโซฮอล E-85 21.74 21.74 21.74 21.74
แก๊สโซฮอล 91 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98
เบนซิน 95 37.36 37.81 37.86 37.36 37.36 37.36
ดีเซลหมุนเร็ว
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 32.79 33.66 33.66 33.66 33.66
มีผลตั้งแต่ 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า