สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 28 พฤษภาคม 2561

ส่องช่องทางการลงทุนในทรัพย์อสังหาฯ ผ่านการประมูล

ส่องช่องทางการลงทุนในทรัพย์อสังหาฯ ผ่านการประมูล

บทความประชาสัมพันธ์พิเศษ] ด้วยกระแสการลงทุน ความสนใจและนโยบายที่สนองตอบต่อโครงการภาครัฐ อาทิโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โครงการรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยช่วงนครปฐม-หัวหิน และประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ที่เริ่มก่อสร้างในช่วงต้นปีที่ผ่านมา รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตหัวเมืองใหญ่ของทุกภูมิภาคมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง  

คาด EEC – โครงการรถไฟทางคู่ฯ ช่วยผลักดันเศรษฐกิจ

Rayong Seen As A Future City

ระยอง อีกหนึ่งพื้นที่สำคัญของ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor)

สำหรับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) นั้นนับว่าเป็นโครงการที่สร้างโอกาสใหม่ๆ ผลักดันความเจริญก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรมให้กับพื้นที่ในจังหวัดบริเวณภาคตะวันออก โดยเฉพาะ 3 จังหวัด อันได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุนและคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศจำนวนมหาศาล

ขณะที่โครงการรถไฟทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยช่วงนครปฐม-หัวหิน และประจวบคีรีขันธ์-ชุมพรนั้น คาดว่าจะสามารถพลิกโฉมการขนส่งทางรถไฟให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมและดึงดูดต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไทยได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากในปัจจุบันการขนส่งสินค้าทางระบบรางของไทยนั้นมีสัดส่วนเพียง 2 % โดยพึ่งการขนส่งสินค้าทางถนนมากถึง 80% ในขณะที่มาตรฐานโลกกลับพึ่งพาการขนส่งสินค้าทางถนนเพียง 40% ทางน้ำ 30% และระบบรางสูงถึง 30%

ฉะนั้นโครงการดังกล่าวจึงจะช่วยเพิ่มความจุของทางรถไฟ รองรับขบวนรถไฟเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัวจากปกติ ส่งผลให้การขนส่งสินค้าเป็นไปได้ง่ายขึ้น อีกทั้งช่วยร่นระยะเวลาในการขนส่ง ทำให้รวดเร็วและตรงต่อเวลาในการเดินขบวนรถไฟได้ในอนาคต

โอกาสในการลงทุนบนทำเลเด็ด กำลังมาถึง!

Online auction

สำหรับใครที่กำลังมองหาช่องทางในการลงทุนบนพื้นที่เศรษฐกิจที่กล่าวมาในข้างต้น ถึงเวลาแล้วที่ควรจะเริ่มลงมือ โดยในขั้นแรก คือ การมองหาที่ดินหรืออสังหาฯ ในบริเวณดังกล่าว แต่ต้องยอมรับว่าหากเข้าไปซื้อโดยตรง ด้วยปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด หรือการได้รับความสนใจจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ฯลฯ ย่อมทำให้พื้นที่บริเวณนั้นมีราคาสูงเกินจะรับมือไหว ซึ่งถ้าหากอยากได้ของดีในราคาย่อมเยาว์ อีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การกระโดดเข้าสู่สังเวียนการประมูล 

โดยในเร็วๆ นี้ SAM หรือ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด กำลังจะจัดอีเวนท์แรกของครึ่งปีหลัง 2561 ด้วยงานประมูลทรัพย์สินครั้งใหญ่ภายใต้แคมเปญ “SAM น็อกเอ้าท์ เดย์” นัดใหญ่ ต้องไม่พลาด ขนทรัพย์สินเด็ด ราคาดี ราคาโดน ทั้งในเขตพื้นที่สำคัญในการลงทุนข้างต้น รวมถึงทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และจังหวัดอื่นที่นอกเหนือ รวมทั้งสิ้นกว่า 500 รายการ มูลค่ารวมเกือบ 2,000 ล้านบาท มาให้ได้เลือกสรร โดยมีตัวอย่างทรัพย์ที่น่าสนใจในหลายพื้นที่ในหลายจังหวัด อาทิ ระยอง, นครปฐม, ชลบุรี. สุราษฎร์ธานี, เพชรบุรี, ภูเก็ต และอื่นๆ

6 ทรัพย์ฯ เด็ดใน 6 จังหวัดดัง

Interest In Phuket Real Estate Picks Up

ภูเก็ต หนึ่งในจังหวัดเด็ดที่มีทรัพย์ฯ น่าสนใจ ที่ทาง SAM ค้นมาให้เลือก

ในส่วนของทรัพย์สินรอการขายที่น่าจับตามองในการลงทุนและควรค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของ ได้แก่ 

1. จ.ระยอง ได้แก่ ที่ดินเปล่า เนื้อที่ 6 ไร่เศษ ติด ถ.สุขุมวิท ใกล้ศูนย์ราชการ ตรงข้ามนิคมฯ มาบตาพุด อ.เมืองระยอง ราคาเริ่มต้น 79.39 ล้านบาท
2. จ.ชลบุรี ได้แก่ ที่ดินเปล่า อ. บ้านบึง ทำเลใกล้นิคมฯ อมตะ
3. จ. นครปฐม ได้แก่ โรงงาน / โกดัง เนื้อที่กว่า 13 ไร่ ถ.โพรงมะเดื่อ-บ้านไร่ อ.เมือง ราคาขายขั้นต่ำ 52.59 ล้านบาท และ อาคารพาณิชย์ เนื้อที่กว่า 5 ไร่ ถ.เพชรเกษม อ.นครชัยศรี ราคาขายขั้นต่ำ 48.49 ล้านบาท
กรุงเทพฯ ได้แก่ ที่ดินเปล่า เนื้อที่ 36 ไร่เศษ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ติด ถ.คุ้มเกล้า ลาดกระบัง ทำเลดี เพียง 10 นาที จากนิคมฯ ลาดกระบัง ราคาขายขั้นต่ำ 115.59 ล้านบาท
4. จ.สุราษฎร์ธานี ได้แก่ ที่ดินเปล่า เนื้อที่ 3 ไร่ครึ่ง ใจกลางเมืองสุราษฎร์ ย่านการค้า ทำเลดีริม ถ. ตลาดใหม่ ราคาขายขั้นต่ำ 53.19 ล้านบาท
5. จ.เพชรบุรี ได้แก่ ที่ดินผืนงามริมทะเล ผืนสุดท้ายแหลมผักเบี้ย เนื้อที่ 124 ไร่เศษ ติดชายหาดแหลมหลวง หรือหาดทรายเม็ดแรก กว่า 700 เมตร อ.บ้านแหลม ทำเลธรรมชาติ ใกล้ชะอำ ราคาขายขั้นต่ำ 197.69 ล้านบาท
ุ6. จ.ภูเก็ต ได้แก่อาคารพาณิชย์ เนื้อที่ 29.8 ตารางวา กลางหาดป่าตอง ราคาขายขั้นต่ำ 35.09 ล้านบาท เป็นต้น

สำหรับงานประมูล “SAM น็อกเอ้าท์ เดย์” นัดใหญ่ ต้องไม่พลาด จะจัดขึ้นในวันที่ 8 มิถุนายน 2561 นี้ ระหว่างเวลา 9.00-12.00 น.ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม A ชั้น L โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ

แต่ก่อนอื่นผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูล สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ – 7 มิถุนายน 2561 ที่สำนักงานใหญ่ของ SAM อาคาร Sun Towers B ชั้น 24 ถ.วิภาวดีรังสิต ใกล้ 5 แยกลาดพร้าว หรือที่สำนักงานสาขาทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก และสุราษฎร์ธานี

https://www.ddproperty.com


รฟท. ประกาศเดินหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง เตรียมเปิดให้ใช้ ต.ค. ปี 63

รฟท. ประกาศเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง ต.ค.ปี 63 นี้

โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงมีความคืบหน้า รฟท. ยืนยันเดินหน้าก่อสร้าง แก้ปัญหาบางจุดให้เสร็จสิ้น ก่อนเปิดให้บริการภายในเดือนตุลาคม 2563 จากกำหนดเดิมต้องให้บริการได้ในเดือนมิถุนายน 2563 

นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26.3 กม. ว่าขณะนี้โครงการดังกล่าวได้มีความคืบหน้าในภาพรวมอย่างมาก แม้จะติดขัดปัญหาในการก่อสร้างบางช่วงที่ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างทางเดินยกระดับลอยฟ้า (สกายวอลก์) ในบางสถานีของสัญญา 2 รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงระบบอาณัติสัญญาณในสัญญา 3 ก็ตาม แต่ภาพรวมโครงการยืนยันว่าจะต้องเปิดให้บริการได้ภายในเดือนตุลาคม 2563 แน่นอน จากกำหนดเดิมต้องให้บริการได้ในเดือนมิถุนายน 2563 อย่างไรก็ตามทางรถไฟจะรวบรวมปัญหาทั้งหมด ทั้งเรื่องการก่อสร้าง การเข้าพื้นที่ไม่ได้ รวบรวมเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ เป็นประธานพิจารณา ก่อนที่จะเสนอให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการต่อไป

ความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง บริเวณสถานีบางซื่อ

ความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง บริเวณสถานีบางซื่อ ภาพ via www.bangsue-rangsitredline.com

สัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง 

สัญญาที่ 1 งานสถานีกลางบางซื่อ และศูนย์ซ่อมบำรุง เริ่มงานก่อสร้างเมื่อ 4 มี.ค. 56 จนถึงปัจจุบัน โดยมีกลุ่มกิจการร่วมค้า SU (ซิโน-ไทย และยูนิค) เป็นผู้ก่อสร้าง มีผลงานกว่า 70.52% ล่าช้าจากแผนงานอยู่ประมาณ 1% และตามกำหนดจะต้องแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2562

สัญญาที่ 2 งานโครงสร้างทางวิ่งยกระดับและระดับพื้น งานสถานี 8 แห่ง และถนนเลียบทางรถไฟ โดยมีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ก่อสร้าง หลังตอกเข็มเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2556 ปัจจุบันมีความคืบหน้ากว่า 97.94% ล่าช้าจากแผนเล้กน้อย

สัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้า เครื่องกลและจัดหาตู้รถไฟฟ้า สำหรับช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และบางซื่อ-รังสิต มีกลุ่มมิตซูบิชิ-ฮิตาชิ-สุมิโตโม จากประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ดำเนินการ โดยได้เริ่มงานเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2559 ล่าสุดมีความคืบหน้า 28.95% ล่าช้าจากแผร 25.63% ตามสัญญาจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. 2563

ค้นหาโครงการที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง ได้ที่นี่

ปัญหาหลักที่ส่งผลให้การดำเนินการในสัญญา 3 มีความล่าช้า

รฟท. มีการปรับระบบอาณัติสัญญาณใหม่ให้เป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ จากเดิมเป็นระบบ ATO ซึ่งจะรองรับเฉพาะรถไฟฟ้าของญี่ปุ่น มาเป็นระบบอาณัติสัญญาแบบ ETCS ซึ่งจะเปิดกว้างมากขึ้น ดังนั้นทำให้บริษัทซัพพลายเออร์ผลิตรถให้ไม่ทัน อีกทั้งยังมีเรื่องของการจ่ายกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้า นครหลวง (กฟน.) ที่ขณะนี้เพิ่งจะเริ่มสร้างสถานีจ่ายกระแสไฟฟ้าในโครงการ และการก่อสร้างจะใช้เวลาสร้างกว่า 2 ปี จึงจะสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับโครงการได้ ดังนั้นจึงทำให้การทดสอบระบบรถไฟฟ้าล่าช้าตามไปด้วย

นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า หากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงเสร็จจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณจุดตัดทางรถไฟกับถนน จำนวน 8 จุด และระบบจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารจากรังสิตสู่บางซื่อไม่น้อยกว่า 306,608 คน/วัน ในปีที่เปิดดำเนินการ และเมื่อขยายโครงการจากบางซื่อไปชุมทางบ้านภาชีในอนาคต จะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารประมาณ 449,080 คน/วัน

นอกจากนั้นจะเชื่อมต่อการเดินทางกับโครงข่ายคมนาคมรูปแบบอื่นๆ ทั้งการเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เช่น สถานีบางซื่อ สถานีกำแพงเพชร สถานีสวนจตุจักร และสถานีพหลโยธิน ซึ่งเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่สถานีหลักสี่ เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีหมอชิต และสถานีห้าแยกลาดพร้าวเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงที่จะเชื่อม 3 ท่าอากาศยาน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่สถานีดอนเมือง และเชื่อมต่อสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต)

https://www.ddproperty.com


เสนอนายกฯยึดประโยชน์ปชช.ลดนักดื่ม หลังรัฐเก็บภาษีน้ำเมาต่ำกว่าเป้า

เครือข่ายงดเหล้า ร่อนหนังสือถึง “นายกฯประยุทธ์” เสนอแนวคิดหลังรัฐบาลจัดเก็บภาษีน้ำเมาต่ำกว่าเป้า ชี้สวนทางการหารายได้เข้ารัฐ แนะยึดประโยชน์สูงสุดของปชช.ลดนักดื่มนักสูบ ต้นเหตุปัญหาสังคม-สุขภาพ

นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือไปยังพลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอนโยบายกรณีกรมสรรพสามิตเก็บภาษีแอลกอฮอล์ลดลง ตามที่กรมสรรพสามิตได้รายงานการจัดเก็บรายได้จากภาษีสุราและเบียร์ในรอบ 7 เดือน ต่ำกว่าเป้า 6,341 ล้านบาท โดยเฉพาะในเดือนเมษายนนี้ ต่ำกว่าเป้า 606 ล้านบาท

โดยระบุเหตุผล 1.รัฐบาลได้รณรงค์ให้งดดื่มแอลกอฮอล์ และจัดโซนนิ่งห้ามดื่ม โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ปกติจะมีการดื่มมากขึ้นและกรมฯ สามารถเก็บภาษีได้มาก แต่รัฐบาลได้มีมาตรการเขตโซนนิ่งห้ามดื่มในเขตเล่นน้ำ ในสถานีขนส่ง และพื้นที่ต่างๆ ทำให้ยอดการขายลดลง และการเก็บภาษีน้อยลงด้วย 2.ธุรกิจแอลกอฮอล์ได้ปรับสูตรการผลิตโดยลดปริมาณแอลกอฮอล์ เช่น เดิมปริมาณแอลกอฮอล์ผสม 5% ลดลง 3% และปรับลดขนาดเบียร์กระป๋องจาก 350 ซีซี. เหลือ 330 ซีซี. เพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นจากการถูกเก็บภาษีเพิ่มเข้ากองทุนผู้สูงอายุ

“เครือข่ายฯขอบคุณกรมสรรพสามิต ที่ชี้แจงเหตุผล และย้ำว่าการที่ภาษีรัฐบาลเก็บได้ต่ำลง แต่เป็นผลดีต่อสังคมและสุขภาพคนไทยที่ดื่มเหล้าเบียร์ลดลง สะท้อนจากองค์ความรู้ทั่วโลก รวมทั้งธนาคารโลก ระบุชัดเจนว่า การควบคุมน้ำเมา และบุหรี่ ยิ่งควบคุมยิ่งส่งผลดีต่อ ทั้งเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ชื่อ HITAP คำนวณความสูญเสียจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีมูลค่าประมาณ 2 เท่าของภาษีที่เก็บได้ นั่นแปลว่าการเก็บภาษีจากน้ำเมา เก็บได้น้อยนั้นกลับเป็นผลดี เพราะรัฐบาลก็เสียงบประมาณแก้ปัญหาน้อย” นายธีระ กล่าว

นายธีระ กล่าวว่า เครือข่ายฯ มีความห่วงต่อนโยบายที่ขัดแย้งกันระหว่างการจัดเก็บเพิ่มรายได้ของรัฐ กับการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน จึงขอเสนอแนะ3 ข้อดังนี้ 1.การที่กรมสรรพสามิตเก็บภาษีแอลกอฮอล์ลดลง กลายเป็นผลลบต่อผลการดำเนินงานของกรมสรรพสามิต ตามระเบียบว่าด้วยการวัดประสิทธิภาพ ของหน่วยงานภาครัฐที่กำหนดตัวชี้วัดเรื่องการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาษี ดังนั้น จึงควรทบทวนตัวชี้วัดเรื่องจำนวนภาษีจากสินค้าแอลกอฮอล์ และบุหรี่ เป็นสินค้าพิเศษที่ไม่อยู่ในข่ายการวัดด้วยจำนวนภาษีที่ต้องเพิ่มขึ้นในทางเดียวเท่านั้น แต่ต้องเป็นการประเมินผลที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดจำนวนนักดื่มนักสูบ เพื่อลดปัญหาสังคม และปัญหาสุขภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจสังคมของประเทศในระยะยาว

2.เพื่อให้แนวโน้มปัญหาและจำนวนนักดื่มลดลงอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการตามมาตรการในแผนยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์แห่งชาติ โดยกระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งต้องเน้นผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานควบคุมแอลกอฮอล์จังหวัดและการบูรณาการกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาทิศทางการทำงานร่วมกันได้ผลในบางจังหวัดแต่อีกหลายจังหวัดยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร และ 3.ควรเตรียมศึกษาและพิจารณาขึ้นภาษีแอลกอฮอล์ในโอกาสต่อไป อย่างน้อยเพิ่มตามอัตราเงินเฟ้อเพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐบาลชดเชยในส่วนที่ลดลง ประกอบกับควรศึกษาเรื่องการจำกัดจำนวนร้านค้าย่อยโดยควบคุมใบอนุญาตขาย ลดจำนวนช่องทางการเข้าถึง ซึ่งทั้งสองมาตรการจะส่งผลดีต่อการลดจำนวนนักดื่มและลดปัญหาต่อไป

http://www.bangkokbiznews.com


ค่าบาท ‘แข็งค่า’ ตลาดจับตาดอลลาร์ฟื้น

บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า31.89บาทต่อดอลลาร์ ยังเคลื่อนไหวตามเงินดอลลาร์ ในสัปดาห์นี้ระวังแรงหนุนเศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง จับตา ”ดอลลาร์ฟื้น”

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.89บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดท้ายสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 31.91 บาทต่อดอลลาร์

ในส่วนของเงินบาทช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าลงตามที่เราคาดไว้ ตลาดการเงินยังคงเคลื่อนไหวตามค่าเงินดอลลาร์เป็นหลัก ในสัปดาห์จึงควรระมัดระวังเพิ่มขึ้นเพราะมีตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐ เราเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่งในสหรัฐ จะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นได้ กรอบเงินบาทวันนี้ 31.85-31.95 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 31.70- 32.20 บาทต่อดอลลาร์

ในสัปดาห์นี้สิ่งที่ต้องจับตาคือตัวเลขตลาดแรงงานในสหรัฐและเงินเฟ้อของไทยตัวเลขที่น่าสนใจในวันพุธ คาดว่าจีดีพีสหรัฐไตรมาสหนึ่ง (รายงานครั้งที่สอง) จะขยายตัวที่ระดับ 2.3% เทียบกับไตรมาสก่อน (ปรับเป็นรายปี) โดยในไตรมาสนี้สหรัฐเริ่มมีปัญหาการบริโภคที่ชะลอตัวลง

ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (ADP) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.91 แสนตำแหน่งในเดือนพ.ค.ใกล้เคียงกับ 2.04 แสนตำแหน่งในเดือนเม.ย.จากภาพรวมการจ้างงานที่สูงขึ้นในทุกอุตสาหกรรม

วันพฤหัส ตัวเลขเงินเฟ้อในยุโรปคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นมาที่ระดับ 1.6% จากเดือนก่อนที่ระดับ 1.2% จากผลของราคาสินค้าพลังงาน

วันศุกร์ มองตัวเลขการว่างงานในสหรัฐจะยังอยู่ที่ระดับ 3.9% ด้วยแรงหนุนจากการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่จะเพิ่มขึ้น 1.91 แสนตำแหน่งต่อจากเดือนก่อนที่ระดับ 1.64 แสนตำแหน่ง และคาดว่าค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงจะเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ชี้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

เงินเฟ้อไทยเดือนพ.ค.คาดว่าจะสูงขึ้นเล็กน้อยมาที่ระดับ 1.10% จากราคาสินค้าพลังงาน แต่เงินเฟ้อพื้นฐานยังคงต่ำเพียง 0.60%

ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งหมดชี้ว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วโลกเริ่มเร่งตัว แต่เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ได้รับแรงกดดัน และยังขยายตัวได้ดีไม่เปลี่ยนแปลง

http://www.bangkokbiznews.com


กทม. มอบ 390 ป้ายมาตรฐานรองรับตลาดปลอดภัย

กทม.ลุยตรวจตลาดกว่า 390 แห่ง พร้อมมอบป้ายมาตรฐานรองรับตลาดปลอดภัยแล้ว 336 แห่ง เหลืออีก 14% ไม่ผ่านมาตรฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองสุขาภิบาลอาหาร สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานสถานการณ์การสุขาภิบาลตลาดในกรุงเทพมหานครข้อมูลล่าสุด ณ เดือนพ.ค. 61 โดยเป็นการตรวจสอบตลาดที่ได้รับใบอนุญาต 390 แห่ง เป็นตลาดเอกชน 371 แห่ง ตลาดของรัฐ 19 แห่ง ทั้ง แบ่งเป็น ตลาดประเภทที่ 1ซึ่งเป็นตลาดที่มีโครงสร้างอาคาร จำนวน 140 แห่ง ส่วนประเภทที่ 2เป็นตลาดที่ไม่มีโครงสร้างอาคารจำนวน 250

ทั้งนี้ มีตลาดที่ได้รับป้ายรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัยของ กทม. 336 แห่ง คิดเป็น 86 เปอร์เซ็นต์ และตลาดที่ยังไม่ได้รับป้ายรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัยของ กทม. 54 แห่ง คิดเป็น14 เปอร์เซ็นต์ จากการตรวจสอบพบข้อบกพร่อง พบมากคือ ผู้ขายของ ไม่ได้รับการตรวจสุขภาพ ไม่มีชุดทดสอบสารปนเปื้อน ในอาหารอย่างง่ายไว้ประจำจุดทดสอบ การ ระหว่างขายอาหาร ไม่สวม  หมวกคลุมผม ไม่ผูกผ้ากันเปื้อน สวมเสื้อไม่มีแขน เป็นต้น

ไม่จัดให้มีการตรวจสอบสารปนเปื้อนในอาหาร ไม่มีที่ล้างทำความสะอาดอาหาร และภาชนะ บริเวณขายอาหารสด มีน้ำขัง ไม่มีความลาดเอียงห้องส้วม ที่ปัสสาวะและอ่างล้างมือ ให้อยู่ในสภาพที่สะอาดใช้การได้ดี มีที่เก็บรวบรวมหรือที่รองรับมูลฝอยไม่เพียงพอ ตะแกรงดักมูลฝอย มีกลิ่นเหม็น อาหารสดเฉพาะสัตว์ เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล อยู่ในอุณหภูมิ สูงกว่า 5 องศา เซลเซียสไม่มีการปกปิดอาหารปรุงสำเร็จ และ เครื่องใช้ อุปกรณ์ไม่สะอาด ตรวจ พบว่า มีการปนเปื้อนสารฟอร์มาลิน เพียง เพียง 0.12 เปอร์เซ็นต์

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 28/05/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,550.00 19,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,266.00 19,192.56 20,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,139.40 17,273.30 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 570.00 8,641.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 443.00 6,715.88 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,312.00 19,889.92 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  28/05/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.75
29.75
29.75
29.75
29.75
29.75
29.75
29.75
29.75
29.75
แก๊สโซฮอล E-20
27.24
27.24
27.24
27.24
27.24
27.24
27.24
27.24
27.24
แก๊สโซฮอล E-85 21.44 21.44 21.44 21.44
แก๊สโซฮอล 91 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48
เบนซิน 95 36.86
37.31
37.36 36.86 36.86 36.86
ดีเซลหมุนเร็ว
29.29
29.29
29.29
29.29
29.29
29.29
29.29
29.29
29.29
29.29
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 32.29 32.29 32.29 32.29 32.29
มีผลตั้งแต่ 26 May 05:00 26 May 05:00 26 May 05:00 26 May 05:00 26 May 05:00 26 May 05:00 26 May 05:00 26 May 05:00 26 May 05:00 26 May 05:00
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า