ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,550.00 | 19,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,266.00 | 19,192.56 | 20,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,139.40 | 17,273.30 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 570.00 | 8,641.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 443.00 | 6,715.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,312.00 | 19,889.92 | n/a |
เจาะกลยุทธ์! อสังหาฯรายเล็กฝ่าวงบิ๊กเนม ลุย ‘อีอีซี’
“ทำอย่างไรให้อยากอยู่บ้าน” นี่คือ หัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ ของ ‘เอสเตท กูรู’ ซึ่งถือเป็นรายย่อยที่โดดเข้ามาในตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังประกาศแผนขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก ด้วยการฝ่าวงเจ้าถิ่นและรายใหญ่ เจาะลูกค้าใน 3 จังหวัดระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี …“ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์ นายสรวุฒิ มานะสมจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเตท กูรู จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็ก ถึงมุมมองและทิศทางการพัฒนาโครงการ ดังนี้
สรวุฒิ มานะสมจิตร
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเตท กูรู จำกัด
เป้าหมายและทิศทาง
นายสรวุฒิ ระบุว่า ได้ประกาศแผนขยายฐานตลาดไปยังต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก มุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งที่ จ.ระยอง และชลบุรี จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 760 ล้านบาท ลักษณะบ้านแฝดและทาวน์โฮม ‘วิสทาวน์ พัทยา-เขาตาโล’ และ ‘วิสทาวน์ แม่น้ำคู้-ปลวกแดง’ เริ่ม 9.99 แสนบาท ขณะเดียวกัน มีที่ดินในสต๊อกรอการพัฒนาอีกหลายแปลงที่ได้รับอานิสงส์จาก EEC ซึ่งส่งผลต่อดีมานด์แหล่งที่อยู่อาศัยชัดเจน
ขณะที่ รายใหญ่เน้นพัฒนากลุ่มคอนโดฯ หรือ อพาร์ตเมนต์ บ้านราคาแพง ซึ่งมองว่า ไม่ใช่โปรดักต์ที่คนในพื้นที่ต้องการจริง ๆ หรือแม้แต่เจ้าถิ่นอยากพัฒนาโครงการ ก็ติดข้อจำกัดหาที่ดินไม่ได้ เพราะราคาสูง อีกส่วนได้แรงหนุนจากโครงการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงินของรัฐ อย่าง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่รองรับกลุ่มคนในพื้นที่ชัดเจน จึงถือเป็นโอกาสในการทำธุรกิจ และสร้างความแตกต่างให้กับตลาด
“เอสเตท กูรู แม้เป็นรายเล็กในตลาด แต่มีจุดแข็งที่ต่างจากรายใหญ่ คือ ไม่เน้นทำโครงการการขนาดใหญ่เกินกว่า 100 หน่วย สร้างเสร็จ ปิดการขายเร็วภายใน 18 เดือนต่อโครงการ เน้นมาร์จินต่ำ แต่เทิร์นโอเวอร์เร็ว สร้างเสร็จไวเข้าอยู่ได้เร็ว ซึ่งลูกค้าชอบ และทำให้ส่วนกลางดูแลได้ง่าย ที่สำคัญ แต่ละโครงการนั้นจะมีกลุ่มเป้าหมายที่ผ่านการลงพื้นที่ศึกษาความต้องการมาแล้ว จึงขายออกง่ายและเร็ว เน้นกลุ่มคนที่มีระดับรายได้อาจไม่มากนัก 25,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีกำลังผ่อนจ่ายบ้านกับธนาคารเทียบเท่ากับค่าเช่าที่จ่ายให้อพาร์ตเมนต์ สำหรับหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ คือ ทำอย่างไรให้คนอยากอยู่บ้านการเข้าไปอยู่ในหัวใจของ Consumer ขาดสิ่งไหนเติมสิ่งนั้น”
ความยากในการทำธุรกิจ
คงเป็นเรื่องรายได้หลักของลูกค้า ที่ไม่ขยับตามค่าใช้จ่าย ทำให้มีข้อจำกัดในการกู้สินเชื่อ แต่มีปัจจัยบวกคอยหนุน เช่น โครงการพัฒนาของรัฐ ขณะเดียวกัน เงินทุนจากต่างประเทศก็จะเป็นส่วนที่จะกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจและส่งผลมายังตลาดอสังหาฯ เช่นกัน เช่นเดียวกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่ผู้ประกอบการต้องจับให้ถูกจุด เพราะที่อยู่อาศัยไม่ใช่โรงแรม ที่แม้อยู่ไกล แต่ดี คนก็ไปหา แต่บ้านนั้น คนซื้อจะเลือกด้วยทำเลเป็นหลัก ฉะนั้นทำเลต้องดี ราคาต้องไหว ส่วนกลางต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไป
วางเป้าเติบโต
ขณะที่ เป้าหมายระยะสั้น 2-3 ปีข้างหน้านั้น เอสเตท กูรู พยายามจะสร้างรากฐานให้มั่นคงก่อน เพื่อหวังให้เติบโตอย่างยั่งยืน เรากำลังค้นหาจุดแตกต่างของตนเองให้เจอ เพื่อสู้กับรายใหญ่ในตลาด โดยที่ไม่เคยวาง Positioning ของตนเอง ว่า อยู่ส่วนไหนของตลาด ไม่ใช่กลุ่มกลาง-ล่าง ไม่ใช่กลุ่มพรีเมียมใด ๆ แต่ในการวางแผนโครงการ จะเน้นความเหมาะสมของที่ดินว่า ควรถูกพัฒนาเป็นแบบใดและกลุ่มเป้าหมาย คือ ใคร แต่ตั้งเป้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก 5 ปีข้างหน้า ขณะนี้ ตั้งเป้าเปิดขายให้ได้อย่างน้อยปีละ 2-3 โครงการ แม้จะมียอดรับรู้รายได้ไม่มาก แต่ไม่มี Backlog เหลือขาย
ทั้งนี้ บริษัท เอสเตท กูรูฯ ก่อตั้งเมื่อปี 2547 ด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายปี 2561 รวม 250 ล้านบาท ยอดขายรอรับรู้รายได้ประมาณ 200 ล้านบาท
นายสรวุฒิ ทิ้งท้ายว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังโตต่อเนื่อง แม้วันนี้ค่ายใหญ่จะครองตลาดมากกว่า 70% แต่สำหรับ ‘เอสเตท กูรู’ สามารถสู้ได้ด้วยความแข็งแกร่งและความศรัทธาของลูกค้า
http://www.thansettakij.com
สภาวิศวกรยืนยันจุดยืนไม่ควรเปิดเสรีต่างด้าวทำอาชีพโยธา
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมกับสภาสถาปนิก สภาวิชาชีพบัญชี วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน โดยยืนยันจุดยืนของสภาวิศวกรไม่เห็นด้วยกับการเปิดเสรีต่างด้าวเข้ามาประกอบวิชาชีพวิศวกรรมโยธา เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนและสาธารณะ เนื่องจากอาชีพวิศวกรรมโยธา ถือว่าเป็นอาชีพสงวนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ. 2522 และตามพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ.2542 กำหนดให้วิศวกรรมโยธา เป็นวิศวกรรมควบคุม อีกทั้งในมาตรา 45 ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกร อันเป็นเจตนารมณ์ของ พระราชบัญญัติวิศวกรที่ต้องการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนและสาธารณะเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นที่ต้องให้มีต่างด้าวเข้ามาประกอบวิชาชีพวิศวกรรมโยธา เช่น ในกรณีที่เกิดความขาดแคลนวิศวกรอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศหรือความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือ กรณีที่ต้องรับถ่ายโอนเทคโนโลยีจากต่างชาติ หรือเป็นกรณีที่เป็นข้อผูกผันตามข้อตกลงระหว่างประเทศ เช่น ข้อตกลงยอมรับร่วมในเรื่องคุณสมบัติของนักวิชาชีพอาเซียนหรือ MRA ที่ไทยได้ทำไว้กับชาติสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ก็ต้องกำหนดเงื่อนไขให้ชัดเจนโดยคำนึงประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
“ได้เรียนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานว่า ในกรณีต่างด้าวเข้ามาทำอาชีพวิศวกรรมโยธา ต้องไม่ใช่การเปิดเสรีโดยเด็ดขาด แต่จะต้องกำหนดเงื่อนไขให้ชัดเจน ว่าสามารถเข้ามาได้ในกรณีใดบ้าง และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เพื่อขอรับใบอนุญาตหรือใบรับรองจากสภาวิศวกรเสียก่อน เพื่อให้สภาวิศวกรมีมาตรการในควบคุมและกำกับการทำงาน และจะต้องเข้ามาในฐานะลูกจ้างในสาขาที่ขาดแคลนเท่านั้น และเสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง กระทรวงแรงงาน และสภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดเงื่อนไขในการเข้ามาของต่างด้าวให้ชัดเจน ซึ่งกระทรวงแรงงานจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณาต่อไป”ศ.ดร.อมร กล่าวทิ้งท้าย
http://www.thansettakij.com
ธปท.ชี้ศก.ต้นไตรมาส2 ดีต่อเนื่อง
“แบงก์ชาติ” เผยเศรษฐกิจไทยเม.ย.โตดี จากการส่งออก สอดรับดีมานด์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ขณะ บริโภคเอกชน ขยายตัวเกือบทุกหมวด
นายจิตเกษม พรประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือนเม.ย.2561 ขยายตัวดี โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวสูง สอดคล้องกับการขยายตัวของอุปสงค์ต่างประเทศ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ด้านการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในเกือบทุกหมวดการใช้จ่าย ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวตาม ส่วนการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวจากการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยอยู่ที่ 7% สูงสุดในรอบกว่า 5 ปี การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาขยายตัวจากรายจ่ายลงทุนเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวชะลอตัว ส่วนหนึ่งจากการเหลื่อมเดือนของวันหยุดอีสเตอร์
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในประเทศ และราคาอาหารสดที่กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 14 เดือน แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสูงต่อไปหรือไม่ เพราะปริมาณน้ำที่มากทำให้อาจมีผลผลิตออกมามาก โดยเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.07% เพิ่มขึ้นจาก 0.79%ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.64% ทรงตัวจากเดือนก่อน
“การส่งออกในเดือนนี้ ขยายตัว 14.6% ขยายตัวเกือบทุกสินค้า รวมถึงสินค้าเกษตรตามการส่งออกผลไม้ที่ขยายตัวทั้งปริมาณและราคา เช่นทุเรียนเป็นต้น ส่งผลให้รายได้ภาคเกษตรฟื้นตัวตามไปด้วย อย่างไรก็ตามรายได้ภาคเกษตรยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน”
สำหรับค่าเงินบาทในเดือนเม.ย.อ่อนค่าลงเล็กน้อย ตามการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และณ วันที่ 21 พ.ค. เงินบาทก็ยังอ่อนค่าเทียบจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเพราะนักลงทุนเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีเกินคาด
http://www.bangkokbiznews.com
เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ อ่อนค่า 32.03 บาทต่อดอลลาร์
คาดสัปดาห์ตลาดเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น บาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่า หากไม่มีปัญหาการเมืองระหว่างประเทศรอบใหม่
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.03บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงปิดท้ายสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์
ตลาดการเงินในสัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจให้ติดตามไม่มาก แต่มีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศที่ค่อนข้างร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโต้ตอบทางการค้าด้วยกำแพงภาษี และการเมืองในอิตาลีที่พึ่งตั้งรัฐบาลได้ แม้เรื่องการเมืองจะไม่ส่งผลบวกกับเศรษฐกิจและการลงทุนโลก แต่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นความเสี่ยงใหม่ ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐก็ยังแสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมือง
ค่าเงินบาทในช่วงนี้เคลื่อนไหวตามสกุลเงินเอเชียและไม่มีแนวโน้มชัดเจน ในระยะสั้นการฟื้นตัวของค่าเงินยูโร และการกลับมาแข็งค่าของเงินเยน เป็นปัจจัยหลักที่ถ่วงดุลให้ดอลลาร์ไม่สามารถแข็งค่าเร็ว เชื่อว่าในสัปดาห์นี้ตลาดมีโอกาสเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (risk-on) ถ้าไม่มีปัญหาการเมืองระหว่างประเทศใหม่เกิดขึ้น และเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าพร้อมกับเศรษฐกิจและการค้าที่ยังแข็งแกร่งทั่วโลก กรอบเงินบาทวันนี้ 31.95-32.10 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 31.80- 32.30 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับในสัปดาห์นี้ สิ่งที่ต้องจับตาคือ การหารือของสหรัฐและญี่ปุ่นเรื่องเกาหลีเหนือในวันพุธ และการประชุมกลุ่ม G7 ในช่วงท้ายสัปดาห์
วันอังคาร ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อนอกภาคการผลิตในสหรัฐ (ISM non-manufacturing PMI) คาดว่าจะปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 57.3 จุดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั่วสหรัฐ
วันพุธ ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดการที่จะพบกับนายชินโซ อาเบะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยจะหารือเรื่องข้อตกลงที่จะยื่นให้กับกับเกาหลีเหนือเพื่อนำไปสู่การลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี
วันพฤหัส ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ในสหรัฐ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2 แสนตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อยเพราะมีการปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในมิชิแกน
การประชุมผู้นำกลุ่ม G7 ที่ประเทศแคนาดา จะเริ่มต้นในวันศุกร์ถึงวันเสาร์ โดยการหารือหลักมีสองเรื่องคือการรับมือกับกำแพงภาษีของสหรัฐ และนโยบายเศรษฐกิจยุโรปหลังมีความวุ่นวายจากการเมืองในแถบยุโรป
http://www.bangkokbiznews.com
กรมอนามัย ชวนคนไทยดื่มนมรสจืด 2 แก้วทุกวัน สร้างกระดูกแข็งแรง
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ชวนคนไทยดื่มนมรสจืดวันละ 2 แก้วทุกวันควบคู่อาหารอื่นๆ ให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30นาที เพื่อกระดูกที่แข็งแรงสุขภาพที่ดี
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า นมเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมสำหรับทุกวัย เพราะในนมมีโปรตีนคุณภาพดีและมีปริมาณแคลเซียมสำหรับการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน โดยเฉพาะนมโคสด 100 เปอร์เซ็นต์ ไขมันต่ำรสจืด มีคุณค่าทางโภชนาการดีกว่านมที่มีการปรุงแต่งรสและกลิ่น เนื่องจากมีแคลเซียมในปริมาณมาก ช่วยสร้างกระดูกที่มีผลต่อพัฒนาการด้านความสูงโดยเฉพาะในวัยเด็กที่กำลังเจริญเติบโตและวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงโตเร็ว ซึ่งจะมีการสะสมมวลกระดูกเพิ่มขึ้นมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ส่วนวัยผู้ใหญ่ควรดื่มนมเป็นประจำเพราะมีวิตามินต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 บี 6บี 12 วิตามินดี แคลเซียม และฟอสฟอรัส ที่ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรงรวมถึงผู้สูงอายุซึ่งเป็นวัยที่ต้องการสารอาหารเพิ่ม จึงจำเป็นต้องดื่มนมทุกวัน เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและชะลอการสูญเสียมวลกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน
แพทย์หญิงอัมพร กล่าวต่อไปว่า คนไทยควรดื่มนมรสจืดทุกวัน โดยเด็กก่อนวัยเรียน1 ปีขึ้นไป และวัยเรียน ควรดื่มนมรสจืด 2 แก้วต่อวัน ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง เด็กควรดื่มนมครบส่วนไม่ควรเลือกดื่มนมพร่องมันเนยหรือ ไร้ไขมัน เพราะนมครบส่วนมีแหล่งพลังงานคือไขมันและวิตามินเอ ดี อี เค ซึ่งละลายในไขมัน และเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเด็กวัยนี้ ส่วนวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุแนะนำให้ดื่มนมรสจืดวันละ 2 แก้ว เพื่อให้ได้รับแร่ธาตุแคลเซียมเพียงพอ ป้องกันภาวะกระดูกพรุน ผู้ที่ปัญหาภาวะไขมันในเลือดสูง ควรเลือกดื่มนมรสจืดพร่องมันเนยหรือนมไร้ไขมัน ผู้ที่มีปัญหาน้ำย่อยน้ำตาลแลคโตสไม่พอ อาจจะมีอาการถ่ายบ่อยเมื่อดื่มนม แนะนำให้เริ่มดื่มนมครั้งละน้อยหรือประมาณครึ่งแก้ว และสามารถเพิ่มเป็นครั้งละหนึ่งแก้วได้ในเวลาประมาณ 1–2 สัปดาห์ หรือดื่มนมหลังอาหารขณะที่ท้องไม่ว่าง หรือกินผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านการย่อยน้ำตาลแลกโตสบางส่วนโดยจุลินทรีย์ เช่น ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตเป็นต้น ส่วนผู้ที่ไม่นิยมดื่มนม มักได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ เพราะในอาหารอื่นมีแคลเซียมต่ำและร่างกายนำไปใช้ไม่ได้ดีเท่าแคลเซียมในนม สำหรับหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรควรดื่มนมรสจืดวันละ 2 แก้ว และบริโภคปลาเล็กปลาน้อย 2 ช้อนกินข้าวหรือ ผักใบเขียวเข้ม 4 ทัพพี หรือเต้าหู้แข็ง 1 แผ่นเพิ่ม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกระดูกทั้งมารดาและทารกในครรภ์
“ทั้งนี้ การเลือกดื่มนมและผลิตภัณฑ์นมให้สังเกตวันหมดอายุ มีเครื่องหมาย อย.รับรองอย่างถูกต้องและอ่านฉลากข้างผลิตภัณฑ์ว่ามีน้ำนมโคสดแท้กี่เปอร์เซ็นต์ โดยให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำนมโคสดแท้ที่เปอร์เซ็นต์สูงกว่าจะได้รับสารอาหารจากนมมากกว่า นอกจากนี้ ควรบริโภคอาหารอื่นๆ ให้ครบ 5 หมู่อย่างหลากหลายในปริมาณที่เหมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที เพื่อการมีสุขภาพที่ดี” รองอธิบดี กรมอนามัย กล่าวในที่สุด
http://www.bangkokbiznews.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 4/06/2561
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 4/06/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 |
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
26.74
|
26.74
|
26.74
|
26.74
|
26.74
|
– |
26.74
|
26.74
|
26.74
|
26.74
|
แก๊สโซฮอล E-85 | 21.14 | 21.14 | – | – | – | – | – | 21.14 | 21.14 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 |
เบนซิน 95 | 36.36 | – | – | – |
36.81
|
– | 36.86 | 36.86 | 36.86 | 36.86 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 31.79 | 31.79 | 31.79 | 31.79 | 31.79 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 |