สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 6 มิถุนายน 2561

คลังเตรียมร่างกม.จัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เป็นนิติบุคคล

คลังเตรียมร่างกม.จัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เป็นนิติบุคคล

ประธานธนาคาร ธอส. “สุรชัย ดนัยตั้งตระกูล” เผยคลังเตรียมออกกฎหมายจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เป็นนิติบุคคล หวังให้รวบรวมข้อมูลบ้านใหม่-มือสอง นายทะเบียนรับจดทะเบียนนายหน้า พร้อมเผย 5 เดือน ธอส. ปล่อยกู้ 8 หมื่นล้านบาท ระบุตลาดอสังหาฯ ปรับตัวดีขึ้นคาดทั้งปี ขยายตัว 5% ส่งผลให้สิ้นปี 2561 ปล่อยกู้ทะลุเป้า 2 แสนล้านบาท พร้อมขยายการปล่อยสินเชื่อให้ “สตาร์ตอัพ”ในธุรกิจอสังหาฯ ทั่วประเทศที่มีที่ดินเป็นของตนเอง ในวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท รวม 1,000 ล้านบาท

นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานคณะกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และประธานอำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้รับความร่วมมือด้านข้อมูลทั้งหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง และกระทรวงการคลังมีเป้าหมายที่จะยกระดับกระดับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้องค์กรมหาชน โดยมีแผนจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นนิติบุคคล เช่นเดียวกับบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด

“ต้องมีการยกร่างกฎหมายการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาใหม่ โดยจะเร่งให้มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นนิติบุคคลภายในรัฐบาลชุดนี้” เพื่อรองรับขอบข่ายการทำงานที่มากขึ้นในอนาคตจากรวบรวมข้อมูลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบ้านใหม่โดยต่อไปจะรวบรวมข้อมูลบ้านมือสอง รวมถึงทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนจดทะเบียนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ จัดทำข้อมูลในส่วนของโรงแรมด้วยเช่นกัน

รวมเรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร

การออกกฎหมายจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เป็นนิติบุคคล หวังให้รวบรวมข้อมูลบ้านใหม่-มือสอง

การออกกฎหมายจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เป็นนิติบุคคล หวังให้รวบรวมข้อมูลบ้านใหม่-มือสอง

ธอส.คาดปล่อยกู้ปี 2561 ทะลุ 2 แสนล้าน

สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561นายสุรชัย กล่าวว่า มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะตลาดภูมิภาค เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจึงตัดสินใจซื้อบ้าน จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้เชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะสามารถขยายตัวได้ประมาณ 5%

ส่วนการปล่อยสินเชื่อใหม่ของ ธอส.ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 80,000 ล้านบาทถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี เชื่อว่าทั้งปีจะปล่อยสินเชื่อปล่อยใหม่ได้เกินกว่า 200,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ประธานธนาคาร ธอส. ยังกล่าวย้ำถึงบทบาทของธอส.ว่า พร้อมจะป็นฟันเฟืองในการสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญ มีการซื้อขายมูลค่ามหาศาล ปีละ 750,000 ล้านบาท เป็นภาคธุรกิจหนึ่งที่มีส่วนขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในรูปแบบการสนับสนุนตามพันธกิจของธอส.ให้คนไทยมีบ้าน และการสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

นอกจากนี้ ธอส.จะปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้มีรายได้น้อย บุคลากร ข้าราชการ หน่วยงานรัฐ ในวงเงินเบื้องต้น 70,000 ล้านบาท โดยล่าสุดจะเซ็นบันทึกความเข้าใจกับกองทัพในการปล่อยกู้ให้กับบุคลากรของกองทัพ และทหาร 3 เหล่าทัพวงเงิน 30,000 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ 2 รูปแบบ คือ ดอกเบี้ย 3.99% ระยะเวลา 10 ปี และ 3.75% เป็นเวลา 5 ปี ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือรูปแบบใด

เผยเทคนิคการกู้ซื้อบ้าน ที่คนอยากมีบ้านต้องรู้

ทั้งนี้ ธอส.จะขยายการปล่อยสินเชื่อพัฒนาโครงการ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ หรือเรียกว่าเป็นสตาร์ตอัพในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศที่มีที่ดินเป็นของตนเอง เบื้องต้นจะปล่อยกู้ในวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท รวม 1,000 ล้านบาท เป็นการนำร่อง เพื่อเป็นการเสริมสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาด และเป็นการขยายสินเชื่อรายย่อยของธอส.ได้อีกช่องทางหนึ่ง โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยในภูมิภาค

https://www.ddproperty.com


ที่ดินแนวรถไฟฟ้าขึ้นยกแผง ดัน”คอนโดจิ๋ว”ราคาพุ่งแตะ3ล้าน

กับดักอสังหาฯที่ดินแนวรถไฟฟ้าพุ่ง 6-25% BTS-MRT-สถานีใหม่ระหว่างสร้างปรับขึ้นวาละ 2-8 แสนบาท ดันราคาคอนโดฯพุ่ง 1-3 แสน/ตร.ม. “ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต” ฟันธงคนชั้นกลางหมดสิทธิ์ซื้อทำเลในเมือง เผยราคา 2-3 ล้านกระจุกโซนบางบัว รัชดาฯ-ลาดพร้าว บางซื่อ 1-2 ล้านใกล้สุดย่านแจ้งวัฒนะ แบริ่ง ประชาอุทิศ คอนโดฯต่ำล้านมูลค่าตลาดหดเหลือ 677 ล้านบาท เน็กซัสฯชี้เทรนด์ปีนี้อัพ 8%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลังผ่านพ้นเกือบ 5 เดือนแรกของปี 2561 แนวโน้มทวีความร้อนแรงมากขึ้นไปอีก โดยผลสำรวจของ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ระบุว่า ภาพรวมมูลค่าตลาดที่อยู่อาศัยเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลในช่วงไตรมาส 1/61 เทียบไตรมาส 1/60 มีการเติบโตถึง 27% เป็นผลมาจากการขยายตัวของกลุ่มสินค้าทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม นำไปสู่การคาดการณ์ว่าปีนี้ทั้งปี ตลาดที่เคยประเมินการเติบโต 4-5% ขยับเป็น 11% มูลค่าตลาดคาดว่าสูงถึง 4.8 แสนล้านบาทในเวลาเดียวกัน มีผลสำรวจราคาที่ดินซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตสำคัญของการพัฒนาโครงการ โฟกัสตลาดคอนโดฯทำเลแนวรถไฟฟ้า พบว่ามีการปรับตัวสูงขึ้นตลอด จนทำให้วิตกกังวลว่าส่งผลกระทบต่อราคาอสังหาฯ กระทั่งกำลังซื้อตลาดกลาง-ล่างอาจเอื้อมไม่ถึง และต้องถูกผลักดันให้ไปซื้อในทำเลไกลออกไปจากตัวเมืองมากขึ้นทุกที
 
ที่ดินแนวรถไฟฟ้าพุ่ง 6-25%
แหล่งข่าวจากวงการพัฒนาที่ดิน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปี 2560 การเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินของกรุงเทพฯ 3 โซน แบ่งเป็นกรุงเทพฯชั้นในหรือย่านซีบีดี เปลี่ยนแปลง 10% กรุงเทพฯชั้นกลาง ทั้งฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร เปลี่ยนแปลง 6.5-7% และกรุงเทพฯชั้นนอกเปลี่ยนแปลง 4-5.5% ในขณะที่ภาพรวมราคาที่ดินปรับเพิ่ม 5.3%
แหล่งข่าวชี้ให้เห็นว่า ภาพรวมราคาที่ดินปรับเพิ่ม 5.3% แต่เมื่อโฟกัสทำเลแนวรถไฟฟ้าซึ่งมีการแข่งขันสูง ผู้บริโภคมีความสนใจซื้อคอนโดฯแนวรถไฟฟ้ามากขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากมีโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และเตรียมทยอยเปิดให้บริการภายในปี 2562-2567 โดยการก่อสร้างยิ่งคืบหน้า
มากเท่าไรเท่ากับเป็นการเปิดหน้าดินในการพัฒนาโครงการมากเท่านั้น ทำให้ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นกว่าทำเลอื่น ๆ ตั้งแต่ 6-25%
“ปี”60 ราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น 3 อันดับแรก สถิติเป็นของสายสีเขียว ต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง เพิ่มถึง 25% รองลงมาเป็นของรถไฟฟ้าสายเดิม MRT บางซื่อ-หัวลำโพง เพิ่ม 19% ส่วนอันดับ 3 ใกล้เคียงกันระหว่างสายสีเขียวต่อขยายตากสิน-บางหว้า กับสายใหม่ที่กำลังก่อสร้าง สีน้ำเงินหัวลำโพง-บางแค บวกลบ 15%”
ถูกสุดคูคต-บางบำหรุ 6 หมื่น
แหล่งข่าวกล่าวว่า มีข้อมูลผลสำรวจของบริษัทเอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ด้วยว่า ราคาที่ดินทำเลแนวรถไฟฟ้าทั้งสายเก่าและสายใหม่ในปี 2560 จำนวน 201 สถานี ราคาสูงสุดอยู่ในทำเลรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม-เพลินจิต-ชิดลม ตารางวาละ 2.2 ล้านบาท ราคาต่ำสุดอยู่ในทำเลรถไฟฟ้าสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน สถานีบางบำหรุ ตารางวาละ 6 หมื่นบาทใกล้เคียงกับสายสีเขียวต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งราคาต่ำสุดอยู่ที่สถานีคูคต ตารางวาละ 6 หมื่นบาท
โดยรถไฟฟ้าสายใหม่ที่กำลังก่อสร้าง มีราคาที่ดินเพิ่มขึ้นและเบียดแทรกเข้ามาอยู่ในทำเนียบเกินตารางวาละ 1 ล้านบาทจำนวน 2 สถานีใหม่ด้วยกัน คือ เส้นทางสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแคอยู่ที่สถานีวัดมังกรกับสถานีวังบูรพา อัพราคาตารางวาละ 1.1 ล้านบาท
ในทางตรงกันข้าม รถไฟฟ้าสายปัจจุบัน บีทีเอสสถานีสะพานควาย พบว่ามีราคาต่ำสุดของเส้นทางหมอชิต-อ่อนนุช ตารางวาละ 6.5 แสนบาท ซึ่งยังสูงกว่าราคารอบสถานีห้าแยกลาดพร้าวของสายสีเขียวต่อขยายไปทางกรุงเทพฯ โซนเหนือซึ่งมีราคาตารางวาละ 5 แสนบาท, สูงกว่าสถานีเตาปูนของสายสีม่วง-สีน้ำเงิน ที่มีราคาตารางวาละ 3 แสนบาท และสูงกว่าสถานีรัชดาฯของสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง สถานีรัชดาฯที่มีราคาตารางวาละ 5 แสนบาท
คนชั้นกลางหมดสิทธิ์ซื้อในเมือง
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมอาคารชุดไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาวะราคาที่ดินแพงทำเลแนวรถไฟฟ้าทั้งสายปัจจุบันและสายที่กำลังสร้างใหม่ เป็นตัวกดดันทำให้ราคาห้องชุดปรับตัวสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ที่น่าจับตามองคือมีผลโดยตรงต่อกำลังซื้อคนชั้นกลางที่เข้าถึงราคาห้องชุด 2-3 ล้านบาท/ยูนิต ถ้าหากราคาสูงกว่านี้ทำให้ซื้อลำบากมากขึ้น หรืออาจซื้อไม่ได้เลยเพราะเป็นกลุ่มที่มีภาระหนี้ครัวเรือนสูง
“สมาคมเคยทำโมเดลค่าครองชีพคนกลุ่มนี้ พบว่าถ้าจะซื้อได้ต้องมีรายได้เดือนละ 27,000 บาทขึ้นไป แต่ก็ซื้อคอนโดฯได้ในราคาห้องละ 2 ล้าน เพราะเป็นกลุ่มที่ยังมีภาระค่าเช่าหอพักอพาร์ตเมนต์ มีหนี้รถยนต์ จึงไม่สามารถผ่อนงวดเงินดาวน์เพื่อซื้อคอนโดฯที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ทำให้ไม่มีทางเลือกต้องรอจนห้องชุดสร้างเสร็จซึ่งมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นไปอีกจากตอนจองกระดาษ”
นอกจากนี้ ปัจจัยราคาที่ดินแพงยังถูกซ้ำเติมด้วยกฎระเบียบในการพัฒนาโครงการ ไม่ว่าจะเป็นผังเมือง กฎหมายควบคุมอาคาร โดยเฉพาะกฎความกว้างถนนเกิน 10 เมตรจึงจะสร้างตึกสูงได้ ในขณะที่ข้อเท็จจริงถนนในกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑลมีหน้ากว้างเพียง 6-8 เมตร ทำให้ที่ดินตั้งแต่แปลงละ 100 ตารางวาขึ้นไปถูกแช่แข็งการพัฒนา ส่งผลในภาพรวมที่ไม่สามารถนำที่ดินมาใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ
“ราคาที่ดินวาละ 1-1.2 ล้าน คำนวณเป็นราคาขายห้องชุดต้องมีตารางเมตรละ 2.5-3 แสนบาท หรืออย่างเก่งไปอยู่ในทำเลต้นทุนที่ดินวาละ 5 แสน ต้องขายคอนโดฯตารางเมตรละ 1.5-2 แสนบาท ไซซ์เริ่มต้น 20 กว่า ตร.ม. ราคาเฉียด 3 ล้าน ฟันธงได้เลยว่าราคาแบบนี้คนชั้นกลางหมดสิทธิ์ซื้อคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าทำเลในเมือง”
ทำเลแพงเพิ่ม 300 สถานี
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดีเวลอปเปอร์กำลังเผชิญหน้า 2 เรื่องสำคัญ 1.ต้นทุนที่ดินแพงขึ้น มีผลต่อราคาขายอสังหาฯ
2.กำลังซื้อตลาดแมสหรือตลาดกลาง-ล่างมีจำกัด ในขณะที่ปัจจุบันมีสถานีรถไฟฟ้า 80 สถานี กำลังจะเพิ่มเป็น 300 สถานี ซึ่งหมายถึงมีทำเลที่ดินแพงเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า โดยไม่มีใครรู้ว่ากำลังซื้อเพิ่มขึ้นตามกันทันกับราคาที่ดินหรือไม่
“จุดโฟกัสของอนันดาฯปีนี้เน้นคอนโดฯ ตารางเมตรละ 1-2.6 แสนบาท เรากำลังจะมีตารางเมตรละ 3 แสนบาทบนทำเลทองหล่อ แต่ถ้าตราบใดที่ควบคุมราคาที่ดินไม่อยู่และมีดีเวลอปเปอร์
ซื้อราคาตารางวาละ 3-4-5 ล้านไปเรื่อย ๆ ต้นทุนก็จะลำบากขึ้นเรื่อย ๆ เขตเมืองชั้นในแม้ต้นทุนที่ดินวาละ 2 ล้านก็ต้องขายคอนโดฯตารางเมตรละ 2 แสนปลาย-3 แสน เศรษฐีซื้อได้ แต่คนทั่วไปต้องอยู่ไกลจากตัวเมืองออกไปเรื่อย ๆ เพราะกำลังซื้อไม่ถึง แล้วก็บ่นกัน”
สำหรับอนันดาฯ ปัจจุบันเป็นเจ้าตลาดคอนโดฯรอบสถานีรถไฟฟ้าโซนสีลม จุฬาฯ เฉพาะสี่แยกบางนามีถึง 9 โครงการอีก 7 เดือนที่เหลือนี้เตรียมเปิดตัวใหม่อีกหลายโครงการ ทำเลที่มองว่าน่าสนใจอันดับ 1 คือ รถไฟฟ้าสุขุมวิทไลน์หรือบีทีเอสช่วงตัดกับเอ็มอาร์ทีบนทำเลอโศกขณะที่รถไฟฟ้าสายใหม่เข้าสมุทรปราการมีความน่าสนใจเพราะกฎหมายควบคุมตึกสูงไม่เข้มงวดเท่ากรุงเทพฯชั้นใน
เส้นทางสีแดงไปรังสิตก็น่าสนใจ แต่ภาพยังไม่ชัดว่าทิศทางการโตของเมืองจะเป็นยังไง เนื่องจากสภาพแวดล้อมรอบสถานียังต้องใช้เวลา ที่เหลือเส้นทางที่มีชุมชนหนาแน่นมีความน่าสนใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสายสีส้มช่วงรามคำแหง สายสีเขียวไปคูคต เป็นต้น
ออริจิ้นฯชิงดำตลาดแมส 
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แผนลงทุน 7 เดือนที่เหลือของปีนี้ นโยบายเดินหน้าลงทุนทำเลแนวรถไฟฟ้าทุกสาย ราคา 1-4 ล้านบาท
ปัจจุบันมีการลงทุนแล้วในสายสีเขียวบีทีเอส สีเขียวเหนือต่อขยายไปคูคต สีเขียวใต้ไปบางหว้า สีส้ม สีเหลือง สีชมพู และสีม่วง
“กลยุทธ์คือจำนวนโครงการไม่เยอะ แต่มูลค่าโครงการอาจเยอะ กำลังจะเปิดโครงการขนาดใหญ่ที่ทองหล่อ พร้อมพงษ์ พญาไท ทำเลเน้นเขตใจกลางเมืองชั้นในเขตเมืองชั้นนอกเราก็ไม่ทิ้งมีแถวรามคำแหง สมุทรปราการ นิคมปู่เจ้าสมิงพราย”
ที่ผ่านมาออริจิ้นฯมีโครงการสะสม 39 โครงการ มูลค่ารวม 70,000 ล้านบาทต้นปี 2561 ประกาศแผนเปิดตัวใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาทแบ่งเป็นคอนโดฯ 10 โครงการ 26,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/61 เปิดตัวคอนโดฯแล้ว 3 โครงการ 6,000 ล้านบาทเตรียมเปิดตัวเพิ่มในช่วงไตรมาส 3/61 ทำเลทองหล่อเฟสแรก จากมูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท, ทำเลพญาไท มูลค่า 4,600-4,800 ล้านบาท, ทำเลรามคำแหง สายสีส้มมูลค่า 2,000 ล้านบาท และไตรมาส 4/61 เปิดเพิ่มแบรนด์บีลอฟต์ ไซซ์เล็ก ๆ 2 โครงการ โครงการละ 500 ล้านบาท
“ปัจจุบันออริจิ้นฯเป็นเจ้าตลาดคอนโดฯรถไฟฟ้าสีเขียวช่วงอ่อนนุช-อุดมสุข-สมุทรปราการ มี 26 โครงการ20,000 ล้านกับสายสีเขียวช่วงหมอชิต-รัชโยธิน-ม.เกษตรฯ 11 โครงการ รวม 14,000 ล้านบาท”
เทรนด์ราคาคอนโดฯขึ้น 8%
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าภาพรวมตลาด กทม.-ปริมณฑล ปี 2560 มีมูลค่าตลาด 431,970 ล้านบาท ปีนี้เดิมคาดว่าทั้งปีเพิ่มเป็น 460,000 ล้านบาท
ล่าสุดสถิติไตรมาส 1/61 ตลาดรวมประมาณ 123,713 ล้านบาท โต 27% จากไตรมาส 1/60 ที่มี 97,478 ล้านบาททำให้เพิ่มคาดการณ์ทั้งปีมีมูลค่ารวม 480,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โฟกัสตลาดคอนโดฯไตรมาส 1/61 ภาพรวม 71,122 ล้านบาท โตร้อนแรง 40% เทียบกับไตรมาส 1/60 ที่มีขนาดตลาด 50,936 ล้านบาท กลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท
เพิ่มสูงสุด รวม 18,592 ล้านบาท ทำเลกระจุกโซนรัชดาฯ-ลาดพร้าว อ่อนนุช บางซื่อรองลงมาราคาเกิน 15 ล้านบาท รวม 13,290 ล้านบาท ทำเลขายดีอยู่ที่พร้อมพงษ์-ทองหล่อ-เอกมัย และราคา 2-3 ล้านบาท มูลค่ารวม 11,302 ล้านบาท ทำเลกระจุกโซนบางบัว รัชดาฯ-ลาดพร้าว แบริ่ง บางซื่อ
ส่วนราคา 1-2 ล้านบาทมีมูลค่ารวม7,871 ล้านบาท ทำเลกระจุกย่านแจ้งวัฒนะแบริ่ง ประชาอุทิศ และคอนโดฯราคาต่ำล้านมีมูลค่าตลาดเพียง 677 ล้านบาท
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาคอนโดฯเขตกรุงเทพฯชั้นในปีนี้คาดว่าปรับตัวขึ้น 11% ตลาดรอบนอกขึ้น 5-6% ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยของตลาดปรับขึ้น 8% และเทรนด์การพัฒนาคอนโดฯทุกเซ็กเมนต์จะขยับทำเลเข้าไปอยู่ในซอยเล็กเป็นตึก 7-8 ชั้นมากขึ้น เนื่องจากที่ดินริมถนนใหญ่หายาก และราคาขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ดร.วิชัย วิรัตกพันธุ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เปิดเผยว่า ผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ไตรมาส 1/61 มี 90 โครงการ 24,619 หน่วย มูลค่ารวม 106,696 ล้านบาท จำนวนโครงการเพิ่ม 5.9% จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 2.1% มูลค่าโครงการเพิ่ม 13% เทียบกับปี 2560 โดยมีราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วย 4.3 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่เฉลี่ย 3.9 ล้านบาท

http://www.bkkcitismart.com


ประกันสังคมใจดี ! ฟรีค่าธรรมเนียมจ่ายเงินสมทบ ผู้ประกันตนมาตรา 39-40

ประกันสังคม ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมจ่ายเงินสมทบ ผ่านธนาคารและหน่วยงาน 15 แห่ง ให้กับผู้ประกันตน มาตรา 39 และมาตรา 40 เริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 

ประกันสังคม
วันที่ 1 มิถุนายน 2561 นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และโฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ประกันสังคมได้ทำการยกเลิกค่าธรรมเนียม การชำระเงินสมทบผ่านธนาคารและหน่วยบริการ 15 แห่ง สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 โดยมีผลแล้วตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกันตน

สำหรับธนาคารและหน่วยบริการทั้ง 15 แห่งที่ยกค่าธรรมเนียม ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารธนชาต, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารออมสินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด, บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น จำกัด, บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, บริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จำกัด, บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)

ประกันสังคม
ภาพจาก Bai-Bua’s Dad / Shutterstock.com
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถใช้บริการชำระเงินสมทบ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใดผ่านทางช่องทาง ดังต่อไปนี้

– ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ชำระเงินได้ที่ : เคาน์เตอร์ธนาคาร กรุงไทย กรุงศรีอยุธยา ธนชาต, เคาน์เตอร์เซอร์วิส, ที่ทำการไปรษณีย์, เคาน์เตอร์เซ็นเพย์ หรือหักบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย กรุงศรีอยุธยา ธนชาต ทหารไทย กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย

 – ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ชำระเงินได้ที่ : เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย กรุงศรีอยุธยา ธกส., เคาน์เตอร์เซอร์วิส, เทสโก้โลตัส, ตู้บุญเติม และเคาน์เตอร์บิ๊กซี หรือหักบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย กรุงศรีอยุธยา ธนชาต ทหารไทย กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย ออมสิน และ ธกส.

https://money.kapook.com


บาทเปิดตลาดเช้านี้ 31.93 บาทต่อดอลลาร์

บาทเปิดตลาดเช้านี้31.93บาทต่อดอลลาร์ ตลาดเงินในเอเชียยังเคลื่อนไหวกรอบแคบ ปัจจัยเชิงบวกมีมากขึ้น

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.93บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากราคาปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.94 บาทต่อดอลลาร์

ในคืนที่ผ่านมา ตลาดการเงินกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังจากที่มีความชัดเจนมากขึ้นในหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น การพบกันระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือสัปดาห์หน้าที่ชัดเจนมากขึ้น นายกรัฐมนตรีอิตาลีออกมาชี้แจงว่า “ไม่มีแนวคิดที่จะออกจากสหภาพยุโรป” แต่ยังมีแนวคิดที่จะใช้นโยบายประชานิยมอยู่ พร้อมกันกับราคาน้ำมันดิบ West Texas ที่กลับมาปรับตัวขึ้นเล็กน้อยครั้งแรกในรอบเดือนนี้ หลัง API รายงาน สต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐปรับตัวลดลง

แม้ปัจจัยทั้งหมดจะเป็นการเพิ่มข้อมูลให้กับตลาดการเงิน แต่ก็ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นแนวโน้มเชิงบวกหรือลบได้ทั้งหมด บอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงเล็กน้อยมาที่ระดับ 2.93% (-2bps) เช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 ของอเมริกาที่ปรับตัวขึ้นเพียง 0.1% ย้ำว่านักลงทุนยังมีความระมัดระวังกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่รวดเร็วนี้

สำหรับวันนี้ เรายังมองว่าตลาดการเงินในฝั่งเอเชียจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แม้ปัจจัยเชิงบวกเริ่มมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่สงบลงหรือแนวโน้มสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี แต่ตลาดโดยรวมก็ยังมีความสงสัยในปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศในลาตินอเมริกาและยุโรป เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีกครั้ง ถ้าสหรัฐยังคงยืนกรานที่จะเพิ่มการกีดกันทางการค้ากับประเทศคู่ค้าของอิหร่าน

ปัจจัยทั้งหมด จะส่งผลให้ทุกคนซื้อขายเงินบาทอย่างความระมัดระวังและผู้นำเข้าซึ่งเป็นผู้ซื้อหลักในช่วงนี้ก็จะไม่รีบร้อนซื้อดอลลาร์เช่นกัน มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 31.85-32.00 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com


5 อาการโรคหอบหืด ควรรีบพบแพทย์ทันที

5 อาการ โรคหอบหืด ควรรีบพบแพทย์ทันที หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ แนะแนวทางการรักษาและป้องกันโรคหอบหืด เพื่อควบคุมอาการให้สงบ ยกระดับสมรรถภาพการทำงานปอด ป้องกันหรือลดการเสียชีวิตนายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคหอบหืดเป็นการอักเสบเรื้อรังของหลอดลมซึ่งเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมและปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมที่ทำให้หลอดลมของผู้ป่วยมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้และสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการไอและหายใจไม่สะดวกจากการที่หลอดลมตีบและอักเสบ สารเหล่านี้จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นหลังจากผู้ป่วยสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้จึงทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการหอบหืดมากขึ้นในรายที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต้องการอักเสบเรื้อรังของหลอดลมอาจนำไปสู่การเกิดพังผืดและการหนาตัวอย่างมากทำให้มีการอุดกั้นของหลอดลมอย่างถาวรได้ผู้ป่วยโรคหอบหืดมักจะมีอาการเหนื่อยหอบเวลาออกแรง ไอ เสมหะเหนียวข้น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก และมีเสียงหายใจดังวี๊ดๆ หรือมีอาการในช่วงเวลากลางคืน และมีค่าความเร็วของลมหายใจออกสูงสุด อยู่ระหว่าง 50 – 80% ของค่าที่ดีที่สุด

แพทย์หญิงวิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่าการรักษาโรคหอบหืดสามารถทำได้ดังนี้ 1. การป้องกันไม่ให้เกิดสารกระตุ้น คือ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงหรือขจัดสิ่งต่างๆที่อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้หรือกระตุ้นอาการหอบหืดให้เกิดขึ้น อาทิ ไรฝุ่น แมลงสาบสัตว์เลี้ยง สปอร์เชื้อรา เกสร วัชพืช น้ำหอม สารเคมี ควันจากท่อไอเสีย อากาศที่ร้อนจัด/เย็นจัด เป็นต้น2. การใช้ยารักษาชนิดสูดร่วมกับยาขยายหลอดลม ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และควรใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้อง 3. ถ้าโรคหอบหืดมีอาการรุนแรงและเป็นบ่อย ควรใช้เครื่องวัดการทำงานของปอดเป็นประจำ เพื่อช่วยตัดสินใจปรับการรักษาได้รวดเร็วและแก้ปัญหาโรคหอบหืดกำเริบเฉียบพลัน หากสังเกตและพบว่าตนเองมีอาการดังกล่าวข้างต้นควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงทีหรือถ้าเป็นผู้ป่วยโรคหอบหืดอยู่แล้วควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำต่างๆอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมอาการของโรคให้สงบลง ยกระดับสมรรถภาพการทำงานปอดจากโรคที่เป็นอยู่ป้องกันหรือลดการเสียชีวิตจากโรคหอบหืด ส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรง

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 6/06/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,550.00 19,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,266.00 19,192.56 20,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,139.40 17,273.30 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 570.00 8,641.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 443.00 6,715.88 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,312.00 19,889.92 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  6/06/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
แก๊สโซฮอล E-20
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
แก๊สโซฮอล E-85 21.14 21.14 21.14 21.14
แก๊สโซฮอล 91 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98
เบนซิน 95 36.36
36.81
36.86 36.86 36.86 36.86
ดีเซลหมุนเร็ว
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.79 31.79 31.79 31.79 31.79
มีผลตั้งแต่ 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า