ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,650.00 | 19,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,273.00 | 19,298.68 | 20,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,145.70 | 17,368.81 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 573.00 | 8,686.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 446.00 | 6,761.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,319.00 | 19,996.04 | n/a |
พร็อพเพอร์ตีโฟกัส กรุงเทพฯ ติดอันดับโลก! เมืองที่มีศักยภาพในการเติบโต
รายงาน City Momentum Index (ดัชนีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเมือง) ฉบับประจำปี 2561 โดยบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล ซึ่งได้วิเคราะห์กลุ่มเมืองที่มีศักยภาพสูงสุดในการเติบโตจากปัจจัยหลากหลายด้าน ที่แสดงถึงศักยภาพในการประสบความสำเร็จของเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจ 131 เมืองทั่วโลก ในแง่มุมของความเข้มแข็งทางด้านสังคม-เศรษฐกิจ และการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงธุรกิจ
ทั้งนี้ การจัดอันดับดัชนีศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ดัชนีระยะสั้นและดัชนีระยะยาว โดยดัชนีระยะสั้นพบว่า ในกลุ่มเมืองที่มีดัชนีสูงสุด 30 อันดับแรกของโลก เป็นเมืองของเอเชีย-แปซิฟิก 25 เมือง รวมถึงเมืองที่มีดัชนีสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 2 เมืองของอินเดีย คือ ไฮเดอราบัด (อันดับ 1) และบังกาลอร์ (อันดับ 2) และนครโฮจิมินห์ของเวียดนาม (อันดับ 3)
สำหรับดัชนีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะสั้น มีเมืองของอินเดียหลายเมืองที่ติด 30 อันดับแรกของโลก เนื่องจากอยู่ในกลุ่มเมืองที่มีการเติบโตของจำนวนประชากรและเศรษฐกิจรวดเร็วมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากมาตรการของภาครัฐ ในการทำให้เป็นแหล่งธุรกิจที่มีความน่าสนใจ และการลงทุนในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ส่วนเวียดนามได้อานิสงส์จากการหลั่งไหลเข้ามาของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เนื่องจากหัวเมืองหลัก ๆ ของเวียดนาม อาทิ นครโฮจิมินห์และฮานอย กลายเป็นแหล่งผลิตและกระจายสินค้าไฮเทคที่สำคัญของภูมิภาคและของโลก ส่งผลให้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจและรายได้
เมืองใหญ่ ๆ ของจีน มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมีจำนวนมากถึง 11 เมือง ที่ิติดอยู่ 30 อันดับแรก ในรายงานดัชนีฉบับนี้ โดยเฉพาะเมืองที่ถูกใช้เป็นฐานการผลิตสินค้าที่สำคัญของโลก ซึ่งติดอันดับต้น ๆ ได้แก่ หนานจิง (อันดับ 7) และหังโจว (อันดับ 9)
สำหรับกรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 ใน 30 เมืองของโลกที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งสูงสุดในระยะสั้น โดยอยู่ในอันดับที่ 28 ต่อจากดูไบ (อันดับ 27) และสิงคโปร์ (อันดับ 26) และมีค่าดัชนีสูงกว่าซีแอตเติลของสหรัฐฯ (อันดับ 29) และบูคาเรสต์ เมืองหลวงของโรมาเนีย (อันดับ 30) นอกจากนี้ ยังมีมะนิลา จาการ์ตา และกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเมืองเหล่านี้ยังคงมีการเติบโตตามแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และทำหน้าที่เป็นประตูสู่ภูมิภาค มีความสามารถในการดึงดูดนักท่องเที่ยว นวัตกรรม และทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ การมีศักยภาพการเติบโตสูง ยังทำให้เมืองเหล่านี้เป็นแหล่งธุรกิจที่มีบริษัทต่าง ๆ ขยายกิจการ อีกทั้งยังสามารถดึงดูดบริษัทของจีนที่กำลังขยายการลงทุนออกนอกประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ เมืองเหล่านี้ยังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของภาคอสังหาริมทรัพย์ ตามการสร้าง-ขยายเพิ่มขึ้นของโครงข่ายระบบสาธารณูปโภค
อย่างไรก็ดี การจัดอันดับดัชนีเมืองที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว พบว่า มีเมืองของเอเชีย-แปซิฟิกเพียง 5 เมืองเท่านั้น ที่ติดอยู่ในกลุ่ม 30 อันดับแรกของโลก ได้แก่ โตเกียว โซล ซิดนีย์ เมลเบิร์น และสิงคโปร์
http://www.thansettakij.com
ตลาดบ้านหรูยังคงมาแรงบนย่านบางนา
จากข้อมูลของฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด ที่ระบุว่า ในปี 2561 นี้มีดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่กำหนดแผนพัฒนาโครงการบ้านหรูรวมกันเกือบ 100 หน่วย มูลค่าการลงทุนรวมกันคาดว่าเกิน 15,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าตลาดบ้านหรู ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเทรนด์ของบ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ สิ่งที่จะดึงดูดใจลูกค้าได้ อันดับแรกคือ ต้องเป็นทำเลที่ดี อยู่บนไพร์มโลเคชั่น มีเส้นทางคมนาคมที่สะดวก แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สามารถรองรับได้กับทุกไลฟ์สไตล์ ต้องเป็นที่อยู่อาศัยที่มีความทันสมัย มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน มีพื้นที่ใช้สอยมากพอที่จะรองรับกิจกรรมสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีกำลังและความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยราคาแพง และต้องการสิ่งที่ดีที่สุด ต้องการความโดดเด่นและความแตกต่าง ทั้งเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ และคุ้มค่าทั้งต่อการอยู่อาศัยรวมถึงเพื่อลงทุนในอนาคตด้วย
ซึ่งหนึ่งในทำเลที่มีความโดดเด่นด้านการขยายตัวของบ้านหรู คือ พื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก อย่าง “บางนา” ที่เป็นย่าน CBD (Centric Business Distric) ด้วยศักยภาพของพื้นที่ ที่สะดวกด้วยเส้นทางคมนาคม มีถนนสายหลักหลายเส้นทางให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น ถนนสุขุมวิท ถนนพระราม 9 (ทางด่วนศรีรัช) เชื่อมต่อไปถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนบางนา-ตราด (ทางด่วน บางนา-ชลบุรี/ทางด่วนบูรพาวิถี) และถนนกรุเทพกรีฑาตัดใหม่ (ถ.ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ยังมีรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว หมอชิต-สำโรง
รวมทั้งยังมีเมกะโปรเจกต์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและจะมีขึ้นตามมาในอนาคตอันใกล้ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง, โครงการรถไฟฟ้า Light Rail ช่วงบางนา-สุวรรณภูมิ, รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-บึงกุ่ม, โครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จะทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออก สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นๆ ใน กทม. รวมถึงเชื่อมโยงไปยังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของบ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรี่นั้น ล่าสุดทาง บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวบ้านหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ บ้านอิสสระ บางนา ภายใต้คอนเซปต์ “ความภูมิใจที่ส่งต่อได้ The New Legacy Of Freedom” โดยมูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท เป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพที่พร้อมจะตอบโจทย์ได้ตรงกับทุกความต้องการ ผ่านแนวคิดความเป็น Modern Tropical ทำให้เกิดความรู้สึกอยู่สบายน่าพักอาศัย มีความเรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 24 ไร่ บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.8 จำนวน 44 หลัง บนพื้นที่ดินขนาด 100-238 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 380-697 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 38-94 ล้านบาท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
https://www.ddproperty.com
เปิด 7 อุตสาหกรรม กำลังผลิตพุ่งเกิน 80%
Big Data Analysis เปิด 7 อุตสาหกรรม กำลังผลิตพุ่งเกิน 80%
เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้ 4.8% สูงกว่าที่สำนักวิจัยหลายแห่งคาดการณ์เอาไว้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นผลจากอัตราการใช้ “กำลังการผลิต” ของภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยอุตสาหกรรมที่สำคัญ 21 กลุ่ม มี 7 กลุ่มที่ใช้กำลังการผลิตเกินกว่า 80% ถือเป็นสัญญาณที่นำไปสู่การลงทุนเพิ่มเติม
ทั้ง 7 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว ได้แก่การผลิตน้ำตาล ใช้กำลังผลิตในช่วงไตรมาสแรกปี 2561 ที่ 134.1% การผลิตพลาสติกและยางกำลังการผลิต 98.5% การผลิตรถยนต์ 93.4% การผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 88.1% การแปรรูปและถนอมเนื้อสัตว์ 86.3% การผลิตจักรยานยนต์ 80.2% และ การผลิตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง 80.1%
ส่วนอุตสาหกรรมที่ใช้กำลังการผลิตในช่วง 70-79% มี 1 อุตสาหกรรม คือการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และแผ่นวงจร ใช้กำลังการผลิต 76.2% ขณะที่ อุตสาหกรรมที่ใช้กำลังการผลิตช่วง 60-69% มี 5 อุตสาหกรรม คือการผลิตยางล้อและยางใน 69.1% การผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย 67.2% การผลิตเครื่องจักรอื่นๆ 66.8% การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก 63.8% และการผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือน 63.7%
การใช้อัตรากำลังการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นสัญญาณบ่งใช้ให้เห็นถึงแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนที่น่าจะเริ่มกลับมาได้ในเร็วๆ นี้ หลังจากที่การลงทุนเอกชนชะลอตัวลงต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
http://www.bangkokbiznews.com
บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัว 32.10 บาทต่อดอลลาร์
การพบกันระหว่างทรัมป์และคิมไม่สร้างความน่าสนใจเพิ่มขึ้นให้กับเศรษฐกิจ ตลาดรอจับตาท่าทีเฟดในคืนวันนี้
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.10บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดสิ้นวันทำการก่อน
ในคืนที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกกลับมาซื้อขายอย่างไม่คึกคักหลังจากที่การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และนายคิมจองอึนของเกาหลีเหนือ ไม่ได้สร้างความน่าสนใจเพิ่มขึ้นให้กับภาพรวมเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดก็จับตาไปที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่จะมีมติ “ขึ้นดอกเบี้ย” ในคืนวันนี้
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือภาพรวมเงินเฟ้อ (CPI) ในสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 2.2% ในเดือนล่าสุด เป็นการเร่งตัวขึ้นเร็วที่สุดในรอบกว่าหกปี ขณะที่ราคาน้ำมันก็ยังมีทิศทางเป็นบวก กลุ่มโอเปคมองปริมาณการบริโภคยังความผันผวน ในระยะสั้นก็จะต้องลดกำลังการผลิตตามแผนเดิมไปจนกว่าจะเห็นเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง
โดยรวมแล้วปัจจัยทั้งหมดถือว่าไม่ได้ส่งผลบวกมากนักกับตลาดการเงิน สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และวันนี้ต้องติดตามท่าทีของเฟดว่าจะมีการขยับดอกเบี้ยขึ้นเร็วหรือไม่ ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไปอีก
มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 32.05-32.15 บาทต่อดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
9 ผลไม้ที่คนทำงานควรทาน บูทพลังงานให้เต็มหลอด เร่งสมองให้พุ่งปรี๊ด
วิธีเพิ่มพลังให้มนุษย์ออฟฟิศ ด้วยผลไม้เพิ่มพลังที่รับรองว่ากินแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ไม่ง่วงเหงาหาวนอนอีกต่อไป !
สำหรับมนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายที่ต้องนั่งทำงานติดต่อกันวันละ 8-9 ชั่วโมง ก็คงหนีความอ่อนเพลียและเมื่อยล้าไปไม่พ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนเท่านั้น แต่ยังทำให้สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก ครั้นจะดื่มกาแฟแก้ง่วง ก็กลัวว่าตอนกลางคืนจะนอนไม่หลับ แต่จะให้นั่งกินขนมจุบจิบก็จะยิ่งทำให้อ้วนไปกันใหญ่ ถ้าอย่างนั้นขอแนะนำผลไม้เหล่านี้ ที่เหมาะสำหรับมนุษย์ออฟฟิศอย่างที่สุด เพราะทั้งช่วยเพิ่มพลังงาน บูทสมองให้แล่นปรี๊ด แถมบำรุงสุขภาพได้เป็นอย่างดี กินแล้วประโยชน์ 3 ต่อแบบนี้ ใครล่ะจะอดใจไหว
1. แคนตาลูป
หากรู้สึกว่าเวลานั่งทำงานไม่ค่อยจะมีสมาธิในการทำงานเสียเท่าไร ขอแนะนำให้หาแคนตาลูปมารับประทานเลยค่ะ เพราะแคนตาลูปอุดมด้วยโพแทสเซียม ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้สมองได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ เมื่อได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอก็จะทำให้สมองของเราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
2. แอปเปิล
จากการศึกษาทางการแพทย์ของโรงพยาบาล King’s College ในประเทศอังกฤษ พบว่า แอปเปิลเป็นผลไม้ที่ปลุกสมองและร่างกายจากความเหนื่อยล้าได้ดีกว่ากาแฟ เพราะแอปเปิลอุดมด้วยคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และไฟเบอร์ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากน้ำตาลมากขึ้น แต่จะถูกใช้ไปอย่างช้า ๆ เพราะมีไฟเบอร์เป็นตัวช่วย นอกจากนี้ยังเป็นผลไม้ที่ช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ใครที่กำลังง่วง ๆ และอยากจะหาอะไรหม่ำแบบไม่กลัวอ้วน ขอแนะนำแอปเปิลเลยค่ะ
3. สตรอว์เบอร์รี
น้ำตาลในผลไม้ทุกชนิดเป็นน้ำตาลชนิดที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ในทันที ซึ่งสตรอว์เบอร์รีก็มีน้ำตาลไม่แพ้กับผลไม้ชนิดอื่น ๆ ทำให้รับประทานเข้าไปแล้วรู้สึกมีพลังมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมได้
4. กล้วย
หากทำงานเครียด ๆ อยู่แล้วรู้สึกอยากผ่อนคลาย กล้วยก็ถือเป็นตัวช่วยที่ดีไม่น้อย เพราะกล้วยนั้นอุดมด้วยกรดอะมิโนที่ชื่่อว่าทริปโตเฟน ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับเข้าไปแล้วก็จะเปลี่ยนสารชนิดนี้ให้เป็นสารเซโรโทนิน ทำให้ความเครียดลดลง นอกจากนี้กล้วยยังถือเป็นสุดยอดอาหารเพิ่มพลัง อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที และยังมีไฟเบอร์ วิตามินบี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และสารอาหารอื่น ๆ ที่ดีกับร่างกายอีกเพียบ
5. สับปะรด
รสชาติหวานฉ่ำของสับปะรดไม่ได้มีดีแค่ความอร่อย แต่ยังช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นแถมยังดีต่อระบบการทำงานของสมอง นั่นก็เป็นเพราะว่าสับปะรดมีน้ำตาลจากธรรมชาติ แถมยังมีวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างสื่อประสาท เพิ่มการทำงานให้สมอง คราวหน้าถ้ารู้สึกง่วง ๆ ละก็ อย่าลืมหาสับปะรดมากินนะ
6. ส้ม
จะดีแค่ไหนถ้าหากในเวลาทำงานรู้สึกง่วง ๆ แล้วได้รับประทานส้มรสชาติอมเปรี้ยวอมหวานสักหน่อย แน่นอนล่ะว่าจะทำให้คุณรู้สึกตาสว่างอย่างแน่นอน ซึ่งนอกเหนือจากรสชาติของส้มแล้ว สิ่งที่ทำให้หายง่วงเป็นปลิดทิ้งก็คือปริมาณของน้ำตาล ไฟเบอร์ และน้ำที่อยู่ในส้มที่จะช่วยเพิ่มพลังให้คุณได้อย่างรวดเร็ว หรือจะเลือกทานผลไม้รสเปรี้ยวที่เป็นพี่น้องกับส้ม อย่าง เกรปฟรุต มะนาว และเลมอน ก็ช่วยได้เหมือนกัน
7. บลูเบอร์รี
มหาวิทยาลัยทัฟส์ ในสหรัฐอเมริกาได้แนะนำว่าบลูเบอร์รีเป็นผลไม้ที่ควรรับประทานเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยสร้างเสริมการทำงานของสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยชะลอการสูญเสียความทรงจำในระยะสั้นอีกด้วย มนุษย์ออฟฟิศคนไหนที่มักจะขี้หลงขี้ลืมรีบหามากินด้วยค่ะ
8. ทับทิม
ทับทิมเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะเข้าไปป้องกันไม่ให้เซลล์ต่าง ๆ ถูกทำลาย โดยเฉพาะเซลล์สมอง อีกทั้งในทับทิมยังมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วน้ำตาลในทับทิมก็จะถูกส่งไปเลี้ยงสมองและร่างกายทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น บอกลาปัญหาง่วงเหงาหาวนอนเวลาทำงานไปได้เลย
9. แตงโม
การไม่ค่อยดื่มน้ำในขณะที่นั่งทำงานจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งการที่ร่างกายขาดน้ำก็เป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกไม่มีสมาธิและอ่อนเพลีย ดังนั้นถ้าอยากเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายละก็ นอกจากจะดื่มน้ำแล้วขอแนะนำให้รับประทานแตงโมค่ะ เพราะแตงโมมีส่วนประกอบของน้ำถึง 95% แถมยังมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างสมองให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ดีแบบนี้จะพลาดได้ยังไง
แม้ผลไม้เหล่านี้จะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเราได้ แต่ก็อย่าลืมว่าผลไม้บางชนิดก็มีน้ำตาลสูงไม่ใช่เล่น ดังนั้นควรรับประทานอย่างพอเหมาะนะคะ เพราะถ้ากินเยอะมากเกินไป แทนที่จะรู้สึกสดชื่น อาจจะยิ่งเพลียเพราะเกิดภาวะระดับน้่ำตาลผกผันได้เหมือนกัน
https://health.kapook.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 13/06/2561
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 13/06/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 |
29.25
|
29.25
|
29.65
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
26.74
|
26.74
|
27.14
|
26.74
|
26.74
|
– |
26.74
|
26.74
|
26.74
|
26.74
|
แก๊สโซฮอล E-85 | 21.14 | 21.14 | – | – | – | – | – | 21.14 | 21.14 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 28.98 | 28.98 | 29.38 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 |
เบนซิน 95 | 36.36 | – | – | – |
36.81
|
– | 36.86 | 36.86 | 36.86 | 36.86 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 31.79 | 32.66 | 32.66 | 32.66 | 32.66 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 10 Jun 05:000 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 |