สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2561

ศุภาลัยลุยเพิ่ม 2 คอนโดฯใหม่ มูลค่ารวม 3,970 ล้าน

เปิด 2 โครงการคอนโดฯใหม่ มูลค่า 3,970 ล้านบาท บน 2 ทำเลฮอต ภายใต้ 2 แบรนด์ “ศุภาลัย เวอเรนด้า สุขุมวิท 117” และ “ศุภาลัย ลอฟท์ ประชาธิปก – วงเวียนใหญ่” มอบความคุ้มค่าทั้งราคาและพื้นที่

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตั้งแต่ ช่วงปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป บริษัทฯ เตรียมเดินหน้าเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ตามแผนที่วางไว้ โดยเริ่มขยายตลาดอสังหาฯไปสู่ทำเลถนนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย รวมถึงทำเลถนนประชาธิปก-วงเวียนใหญ่ ใกล้ย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญๆ มากมาย ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงของกรุงเทพฯ เพื่อตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทั้ง 2 ทำเลยอดนิยม ด้วยการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 2 แบรนด์ “เวอเรนด้า” และ “ลอฟท์” มูลค่ารวม 3,970 ล้านบาท

ประเดิมด้วยโครงการแรก “ศุภาลัย เวอเรนด้า สุขุมวิท 117” กำหนดเปิดจอง 22 – 24 มิถุนายน 2561 ณ สำนักงานขาย บริษัทฯ พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม บนขนาดที่ดินประมาณ 4 ไร่กว่า มูลค่า 2,570 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “อิสระ…กับชีวิตที่เลือกได้บนถนนสุขุมวิท” เพื่อสร้างมุมมองใหม่แห่งการพักอาศัย และตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่แบบ Smart life กับการเดินทางที่คล่องตัว เนื่องจากใกล้รถไฟฟ้าสถานีปู่เจ้าสมิงพราย เพียง 200 เมตร หรือเพียง 9 สถานีถึงทองหล่อ และแค่ 1 สถานีถึง Interchange สำโรง อีกทั้งใกล้จุดเชื่อมต่อทางด่วน วงแหวนรอบนอก สนามบินสุวรรณภูมิ ห้างสรรพสินค้า ใกล้ชิดแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และจุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

การออกแบบตัวอาคารชุดพักอาศัย สูง 34 ชั้น (รวมดาดฟ้า) 1 อาคาร 1,105 ยูนิต โดยเป็นห้องชุดพักอาศัย 1,099 ยูนิต ร้านค้า 6 ยูนิต มีพื้นที่ใช้สอยแบบห้องสตูดิโอ – 2 ห้องนอน ขนาด 27 – 65 ตร.ม. ในราคาเริ่ม 1.69 ล้านบาท ผ่อนเริ่ม 4,900 บาท/เดือน

ขณะที่ “ศุภาลัย ลอฟท์ ประชาธิปก – วงเวียนใหญ่” กำหนดเปิดจอง 13 – 15 กรกฎาคม 2561 ณ สำนักงานขาย พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมบนขนาดที่ดินประมาณ 2 ไร่ มูลค่า 1,400 ล้านบาท สร้างสรรค์โครงการภายใต้แนวคิด “พบมุมมองใหม่ บนทำเลที่คุ้นเคย” เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้สัมผัสวิวเมืองแบบ 360 องศา บนทำเลสี่แยกบ้านแขก ย่านเมืองกรุงของฝั่งธนบุรี กับการเดินทางสะดวกสบายและคล่องตัว สามารถเข้าสู่ ใจกลางเมืองด้วยโครงข่ายคมนาคมที่รวดเร็ว อาทิเช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีสะพานพุทธ รถไฟฟ้า BTS สถานีวงเวียนใหญ่ และรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีประชาธิปก เชื่อมต่อถนนสายหลักสำคัญ อาทิ เจริญนคร สีลม สาทร เยาวราช เชื่อมต่อการคมนาคมทางเรือที่ท่าเรือคลองสาน และท่าเรือเป๊ปซี่ ครบครันด้วยแหล่ง Chill Out และ Lifestyle Mall อาทิ Icon Siam Platform แวดล้อมด้วยย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญและสถาบันการศึกษาชั้นนำมากมาย

อาคารพักอาศัยสูง 30 ชั้น 1 อาคาร สไตล์โมเดิร์นลอฟท์ ทันสมัย ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนห้องพักอาศัยเพียง 363 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ Studio – 4 ห้องนอน ขนาด 29.0 – 165 ตร.ม. ในราคาเริ่ม 2.29 ล้านบาท การออกแบบห้องพักอาศัยดีไซน์เพดานสูงโปร่ง 2.7 เมตร และเปิดหน้าห้องให้กว้างเพื่อรับลมและแสงแดดจากธรรมชาติได้ดี อีกทั้งการออกแบบอาคารเป็นรูปตัวแอล เพื่อลดความร้อนที่จะกระทบตัวอาคาร

บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการออกแบบตัวอาคารทั้ง 2 โครงการ ด้วยคงเอกลักษณ์เป็นอาคารประหยัดพลังงาน โดยใช้หลอดไฟ LED ทั้งอาคาร และกระจกเขียวตัดแสง เพื่อลดความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคาร พร้อมมอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตหลากหลายรูปแบบ ทั้งพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่พักผ่อน อาทิเช่น Co – living space Co – working space นอกจากนี้ยังมีการออกแบบห้องชุด 1 Bedroom Plus+ โดยมีพื้นที่เป็นห้องอเนกประสงค์อีกห้องหนึ่ง สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้ตาม ความพอใจของผู้พักอาศัย เป็นได้ทั้งห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องแต่งตัว เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ในปัจจุบัน

http://www.bangkokbiznews.com


‘เพอร์เฟค’ จ่อเปิดคอนโดประชารัฐ! 8 แสนยูนิต ขายต้นไตรมาส 4 ปีนี้

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เผย ยอดขายไตรมาสแรกทะลุเป้า ทำได้ 4,800 ล้าน อีก 3 เดือนถัดไป วางแผนเปิดอีก 6 โครงการ รุกแนวราบทั้งหมด มีบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ปลายปีเตรียมเปิดคอนโดฯประชารัฐ ราคา 8 แสนบาท

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลงานในไตรมาสแรกของปี 2561 ว่า ยอดขายพรีเซลล์ในช่วง 3 เดือนแรก บริษัททำได้ 4,800 ล้านบาท เป็นยอดขายที่ดีที่สุดของบริษัท ซึ่งมีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 126% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน โดยเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 3,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1,800 ล้านบาท และยังประสบความสำเร็จสามารถปิดการขายโครงการ ‘ไอคอนโด สุขุมวิท 77’ ส่งท้ายไตรมาส โดยโครงการมียอดขายรวม 400 หน่วย มูลค่า 800 ล้านบาท

ในไตรมาส 2 บริษัท ยังมีแผนเดินหน้าสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกเซ็กเมนต์ โครงการแนวราบมีแผนเปิด 6 โครงการ มีบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ โดยบ้านเดี่ยวจะเปิดตัวแบบบ้านรุ่นใหม่ ภายใต้แบรนด์ ‘เพอร์เฟค พาร์ค’ ระดับราคา 3.5-5.5 ล้านบาท โดยทำการปรับฟังก์ชันภายในใหม่ให้เทียบเท่าบ้านรุ่นใหญ่ เพื่อรองรับกลุ่มที่ต้องการขยายครอบครัวมาเป็นบ้านเดี่ยว นอกจากนี้ มีแผนเปิดตัวทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 2 โครงการใหม่ แบรนด์ ‘โมดิ วิลล่า’ ทำเลราชพฤกษ์-ติวานนท์ และรังสิต ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท ที่จับกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ ตลาดที่มีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก และยังจะมีแบรนด์ใหม่ ‘เพอร์เฟค เรสซิเดนซ์’ ใน 3 ทำเล ได้แก่ กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ , สุขุมวิท 77 และแจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการรวม 1,800 ล้านบาท จับกลุ่มระดับราคา 10-15 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่ในระดับที่ดี

สำหรับคอนโดมิเนียมจากการตอบรับที่ดีในโครงการ ‘ไอคอนโด สุขุมวิท 77’ ที่เพิ่งปิดการขายไปบริษัทจึงเตรียมเปิดโครงการ 2 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ตามแผนต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ วางแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดฯประชารัฐ สำหรับผู้มีรายได้ตามนโยบายรัฐ บนที่ดินที่บริษัทซื้อมาขายได้ คาดว่า ราคาประมาณหน่วยละ 8 แสนบาท วางแผนเปิดต้นไตรมาส 4 ปี 2561

http://www.thansettakij.com


อาหารไทยไปบอลโลกรัสเซียสั่งนำเข้ารับฟาดแข้ง

อาหารไทยไปบอลโลกรัสเซียสั่งนำเข้ารับฟาดแข้ง

รัสเซียแห่นำเข้าอาหารไทยรองรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ชี้ 4 เดือน ยอดพุ่ง 1.2 หมื่นล้าน

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ออร์เดอร์สินค้าที่ผู้นำเข้าจากรัสเซียสั่งซื้อจากไทยในกลุ่มผลไม้กระป๋องและแปรรูปอาหารปรุงรส ผลไม้สดและเครื่องดื่ม ได้กระจายไปตามร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ภัตตาคาร งานจัดเลี้ยง ตามเมืองต่างๆ ที่ใกล้กับสนามแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 14 มิ.ย.-15 ก.ค. 2561 เพื่อรองรับผู้เข้ามาชมฟุตบอลจากทั่วโลกทั้งด้านรสชาติ ความอร่อย รับประทานง่าย

สำหรับช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) 2561 รัสเซียนำเข้าสินค้าไทยทั้งหมดรวม 1.19 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้เป็นสินค้าเกษตรแปรรูปอย่าง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปอย่าง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องดื่ม เครื่องปรุงอาหาร เป็นต้น รวมกัน 1,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% นอกจากนี้ยังมีข้าวไทย 223 ล้านบาท และผลไม้สด ผลไม้แช่แข็งและแห้ง 95 ล้านบาทส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าในช่วงเดือน เม.ย. เป็นหลัก

“ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัสเซียมีการสั่งซื้อสินค้าไทยและสินค้าทั่วโลกน้อยมาก เนื่องจากประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจในประเทศและอัตราแลก เปลี่ยนที่ผันผวนและอ่อนค่าอย่างมาก แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจรัสเซียมีทิศทางที่ดีโดยเฉพาะในปีนี้ที่รัสเซียมีการจัดแข่งขันฟุตบอลโลกด้วย จะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศและไปชมฟุตบอลเพิ่มอีกหลายแสนคน ทำให้ผู้นำเข้ามีการสั่งซื้ออาหารมารองรับแฟนบอลจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าไทยที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน”นายวิศิษฐ์ กล่าว

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยส่งออกไปตลาดรัสเซียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่ผ่านมารัสเซียประสบปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าแต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มกลับมาในทิศทางที่ดี ประกอบกับช่วงนี้รัสเซียเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ทำให้ผู้นำเข้ารัสเซียสั่งซื้อสินค้าอาหารแปรรูป เกษตรแปรรูป ผลไม้สดและแปรรูป อาหารทะเลแปรรูปผลไม้สดและแปรรูป อาหารทะเลแปรรูป และเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เพราะส่วนหนึ่งรองรับนักท่องเที่ยวเข้าไปชมฟุตบอลที่รัสเซีย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ผู้ผลิตชุดกีฬาได้มีออร์เดอร์จากเจ้าของลิขสิทธิ์ของทีมชาติที่ได้เข้าไปแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจำนวนมหาศาลเพื่อผลิตให้กับนักฟุตบอลและกองเชียร์ทั่วโลก

สำหรับการส่งออกสินค้าไทยภาพรวมไปตลาดรัสเซียและประเทศเพื่อนบ้าน (ซีไอเอส) ช่วง 4 เดือน ปี 2561 มีมูลค่า 455 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 39.7% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ส่วนการส่งออกเดือน เม.ย. 2561ไปรัสเซียและซีไอเอส มูลค่า 92 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 28%

https://www.posttoday.com


บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อย 32.12 บาทต่อดอลลาร์

“เฟด” ขึ้นดอกเบี้ยตามคาดและส่งออกยังแข็งแกร่ง ทำให้ค่าเงินภูมิภาคเอเชียไม่อ่อนค่าแรงนัก

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.12 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากราคาปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 32.16 บาทต่อดอลลาร์

การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนที่ผ่านมาเป็นปัจจัยหลักที่ตลาดให้ความสนใจมากที่สุด ล่าสุดเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปที่ 1.75 -2.00% (+25bps) และในครั้งนี้เฟดแสดงความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นถึงระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้ทั้งอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ (2.8% ในปีนี้จากที่ประเมินไว้ครั้งก่อนที่ 2.7%) และการจ้างงานก็ดีขึ้นกว่าการประเมินครั้งก่อน (การว่างงานเพียง 3.6% ในปีนี้) ดังนั้น การขึ้นดอกเบี้ยก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้เช่นเดียวกัน

จากมุมมองนี้ มีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย “4 ครั้ง” หรือ 1.00% ในปีนี้ ไปที่ระดับ 2.5% ณ สิ้นปีนี้ และเราปรับมุมมองดอกเบี้ยของเฟดขึ้นตามมุมมองนี้ด้วย (จากครั้งก่อนที่มองดอกเบี้ยปลายปีที่ระดับ 2.25%) อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้ไม่ได้ส่งผลให้ตลาดเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากมีการคาดเดากันก่อนแล้ว

ต่อจากนี้เชื่อว่านักลงทุนจะจับตาไปที่การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งเรามองว่าจะเข้มงวดน้อยกว่าธนาคารกลางสหรัฐ แนวโน้มการ “ขึ้น” ดอกเบี้ย และการ ”ลด” การใช้นโยบายซื้อสินทรัพย์เสี่ยง จะเป็นสิ่งที่ทั้งอีซีบีและบีโอเจ ”ไม่รีบร้อน” เนื่องจากในประเทศยังคงมีปัญหาการเมืองและเงินเฟ้อก็ยังควบคุมได้

เราเชื่อว่าแนวคิดหลักที่ทำให้ตลาดไม่เปลี่ยนมุมมอง คือคาดการณ์เศรษฐกิจของเฟดในระยะยาวที่เท่าเดิมทั้งหมด ไม่ว่า จะเป็นการขยายตัวของจีดีพีที่ 1.8% การว่างงานที่ 4.5% เงินเฟ้อที่ 2.0% และดอกเบี้ยเฟดฟันด์ที่ 2.9% ทั้งหมดนี้ทำให้บอนด์ยิลด์ระยะยาวขึ้นต่อไม่ไหว และส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ไม่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ

ในฝั่งของสกุลเงินเอเชียและเงินบาทแนะนำว่านักลงทุนต้องจับตาดูความคืบหน้าของภาพรวมสงครามการค้าที่อาจกดดันเศรษฐกิจโลก และราคาสินค้าพลังงานที่เริ่มปรับตัวสูงอีกจะเป็นสองปัจจัยที่ทำให้ตลาดมีโอกาสปิดรับความเสี่ยง (risk off) เงินเอเชียและเงินบาทอาจอ่อนค่าต่อได้

ในทางกลับกัน แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางเอเชียรวมถึงภาคการส่งออกที่แข็งแกร่งก็จะยังคงเป็นปัจจัยที่หนุนสกุลเงินเอเชียให้ไม่อ่อนค่าแรงเช่นกัน มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 32.07-32.17 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com


เตือนข้อเท้าแพลง พลิก อย่าชะล่าใจ

กรมการแพทย์ เตือนข้อเท้าแพลง พลิก อย่าชะล่าใจ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า ในชีวิตประจำวันหลายคนคงเคยข้อเท้าพลิก ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและบวมของข้อเท้า ซึ่งเรียกอาการนี้ว่า ข้อเท้าแพลง เป็นการบาดเจ็บที่พบได้บ่อย สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย สาเหตุเกิดจากการบิด หมุน หรือพลิกของข้อเท้าอย่างรวดเร็วจนเกินช่วงการเคลื่อนไหวที่ปกติทำให้เอ็นยึดข้อต่อถูกยืดออกมากจนเกินไป หรือฉีกขาดจึงเกิดการบาดเจ็บขึ้น มีอาการปวดและบวมหากรุนแรงอาจส่งผลให้เอ็นขาดทำให้ข้อเท้าหลวม และอาจเกิดการบาดเจ็บกระดูกอ่อนในข้อได้ ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสให้เกิดข้อเท้าแพลงอาทิการก้าวพลาดหรือหกล้ม วิ่งหรือก้าวเดินบนพื้นผิวขรุขระออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุกระทบกระเทือนจนข้อเท้าแพลง เช่น เทนนิส บาสเก็ตบอล ฟุตบอล การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไปสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับขนาดเท้าโดยเฉพาะผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงจะเพิ่มโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ข้อเท้าพลิกรวมถึงผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุหรือมีการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้ามาก่อนสำหรับการป้องกันสามารถทำได้โดยสวมรองเท้าให้เหมาะสมหลีกเลี่ยงรองเท้าส้นสูงหากเล่นกีฬาควรสวมรองเท้าให้ถูกต้องตามชนิดของกีฬา หลีกเลียงการเดิน วิ่ง หรือกระโดดบนพื้นที่ไม่เหมาะสม และออกกำลังกายข้อเท้าเป็นประจำ 3 – 4 วันต่อสัปดาห์

นายแพทย์สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการข้อเท้าแพลงแบ่งตามความรุนแรงได้ 3 ระดับ คือ ข้อเท้าแพลงชนิดไม่รุนแรง มีอาการปวด บวม เล็กน้อย ข้อเท้าแพลงชนิดปานกลาง มีการฉีกขาดของเอ็นบางส่วน ทำให้มีอาการปวด บวม เฉพาะที่และอาจมีเลือดคั่ง และข้อเท้าแพลงชนิดรุนแรง มีการฉีกขาดของเอ็นข้อเท้าทางด้านนอกทั้งหมด ทำให้ข้อเท้าสูญเสียความมั่นคง เดินลงน้ำหนักไม่ได้ ปวด บวมมากและมีเลือดคั่ง อาจต้องผ่าตัด ทั้งนี้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับข้อเท้าแพลงสามารถทำได้โดยป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้นในบริเวณที่บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว พักการใช้งานข้อเท้าที่ได้รับบาดเจ็บ ประมาณ 2 – 3 วัน หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ ใช้น้ำแข็งห่อด้วยผ้าประคบบริเวณดังกล่าวประมาณ 15 ถึง 20 นาที 3 – 5 ครั้งต่อวัน เพื่อลดการอักเสบ ใช้สนับข้อเท้า หรือพันผ้าบริเวณที่บวม เพื่อช่วยป้องกันและจำกัดการเคลื่อนไหวรวมถึงลดอาการบวมโดยผ้าต้องมีความยืดหยุ่นที่เหมาะสม ไม่รัด ตึงจนเกินไป และควรปลดผ้าพันออกเมื่อจะเข้านอน นอนยกข้อเท้าให้อยู่ในระดับสูงกว่าระดับหัวใจ หรืออาจนำหมอนมาหนุนที่ข้อเท้าเพื่อช่วยลดอาการบวม และที่สำคัญหลีกเลียงการประคบร้อน เพราะความร้อนจะทำให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บมากขึ้นห้ามนวดเพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนไปบริเวณนั้นมากขึ้นและเพิ่มอาการบวม ห้ามวิ่ง หรือทำกิจกรรมใดๆที่ต้องออกแรงมากเพราะจะยิ่งทำให้อาการบาดเจ็บเพิ่มขึ้นห้ามดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาดเนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดไหลเวียนมากขึ้นและเพิ่มอาการบวมหากปฏิบัติตามขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่ามีอาการรุนแรงที่อาจเกิดกับกระดูกหรือเนื้อเยื่อส่วนอื่นได้

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 14/06/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,650.00 19,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,273.00 19,298.68 20,250.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,145.70 17,368.81 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 573.00 8,686.68 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 446.00 6,761.36 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,319.00 19,996.04 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  14/06/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
แก๊สโซฮอล E-20
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
แก๊สโซฮอล E-85 21.14 21.14 21.14 21.14
แก๊สโซฮอล 91 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98
เบนซิน 95 36.36
36.81
36.86 36.86 36.86 36.86
ดีเซลหมุนเร็ว
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.79 31.79 31.79 31.79 31.79
มีผลตั้งแต่ 29 May 05:00 29 May 05:00 14 Jun 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00

 

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า