ตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลัง61ยังคึก ผู้ประกอบการเร่งผุดโครงการใหม่ดันรายได้โต
ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องมา 2 – 3 ปีติดต่อกันนั้นอาจจะยังไม่มีผลต่อความเชื่อมั่นหรือว่ากำลังซื้อของคนไทยมากนัก เพราะว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจจะมีการขยายตัวไม่มากนัก เนื่องจากเพิ่งจะมีการขยายตัวในอัตรามากกว่า 4% เมื่อช่วงปลายปี2560 เท่านั้นเอง และมีการขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่1/2561 และคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งปี2561 จะอยู่ที่ประมาณ 4.2 – 4.7 มากที่สุดในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งกำลังซื้อของคนไทยหรือว่าความเชื่อมั่นของคนไทยอาจจะยังไม่ได้เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจ เพราะยังคงมีปัจจัยลบด้านอื่นๆ อีก เช่น ภาวะหนี้สินครัวเรือนของคนไทยที่ยังค่อนข้างสูง ซึ่งมีผลต่อการใช้จ่ายและการก่อหนี้สินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนไทย อีกทั้งมีผลต่อการขอสินเชื่อต่อธนาคารต่างๆ ซึ่งทำได้ยากมากขึ้น เพราะธนาคารเข้มงวดในการพิจารณาการขอสินเชื่อ ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้มีผลต่อภาวะตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมค่อนข้างชัดเจน
นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาด บริษัท ไรส์แลนด์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครอาจจะมีการขยายตัวค่อนข้างมากในช่วงไตรมาสที่ 1/2561 ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกประมาณ 21,500 ยูนิต และเป็นจำนวนที่ไม่ได้แตกต่างจากปีก่อนหน้านี้มากนัก โดยนอกเหนือจากทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และที่กำลังก่อสร้างจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการแล้ว พื้นที่เมืองชั้นในตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินปัจจุบันก็เป็นที่สนใจของผู้ประกอบการหลายรายเช่นกัน แต่ไม่ได้มากเหมือนในอดีต เพราะผู้ประกอบการเลือกเปิดเฉพาะในทำเลที่น่าสนใจที่ทุกคนรับรู้ว่าที่ดินราคาแพงเพราะว่าผู้ประกอบการจำเป็นต้องเปิดขายโครงการในราคาสูง เช่น หลังสวน ทองหล่อ ราชเทวี เป็นต้น ผู้ประกอบการหลายรายยังคงชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ในช่วงครึ่งแรกปี2561 แต่ถ้าพิจารณาจากจำนวนโครงการที่พวกเขามีแผนจะเปิดขายใหม่ในปี2561 นั้นผู้ประกอบการทุกรายมีแผนเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมกันมากกว่าปีก่อนหน้านี้ทุกราย นอกจากนี้ผู้ประกอบการทุกรายยังคงมีแผนเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้นเช่นกันเพื่อสร้างรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยให้คงที่เพราะตลาดคอนโดมิเนียมอาจจะยังคงมีความผันแปรในเรื่องกำลังซื้อ และความเชื่อมั่นของคนไทยที่ยังไม่สูงมาก อีกทั้งอุปทานเหลือขายในตลาดที่ยังคงมีอยู่ไม่น้อยในตลาด ซึ่งอุปทานเหลือขายนี้เป็นตัวกำหนดราคาขายไม่ให้สูงเกินไป และเป็นตัวกดดันให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพิจารณาทำเลในการเปิดขายโครงการใหม่รวมไปถึงรูปแบบโครงการมากขึ้น
ส่วนตลาดบ้านจัดสรรอาจจะเป็นตลาดที่มีความคึกคักมากมายในช่วงครึ่งแรกของปี2561 ต่อเนื่องจากปีก่อนหน้านี้ เพราะว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่เพิ่มสัดส่วนรายได้จากการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น แม้ว่าจำนวนของบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานครจะลดลงต่อเนื่องในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ผู้ประกอบการยังคงหาที่ดินไม่ไกลจากแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างเพื่อเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรขนาดเล็กจำนวนยูนิต 200-300 ยูนิตหรือน้อยกว่านี้ โดยผู้ประกอบการเลือกเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรขนาดใหญ่ในจังหวัดอื่นๆ รอบกรุงเทพมหานคร เพราะราคาที่ดินในกรุงเทพมหานครนั้นไม่เหมาะในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่เหมาะกับกำลังซื้อส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานครที่ต้องการที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท พื้นที่กรุงเทพมหานครรอบนอกเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการในการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรขนาดไม่ใหญ่นักมากขึ้น โดยรูปแบบบ้านที่เปิดขายค่อนข้างมากคือ ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวในบางทำเล
สำหรับภาพรวมในช่วงครึ่งหลังปี2561 นั้น คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะมีความคึกคักมากขึ้น เพราะผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งเปิดขายโครงการใหม่ให้มากขึ้นเพื่อให้รายได้และอัตราการเติบโตเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ซึ่งทำเลที่น่าสนใจนั้นมีทั้งพื้นที่เมืองชั้นใน เช่น ทองหล่อ พญาไท ราชเทวี และพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างอื่นๆ โดยเฉพาะสายสีเขียวตอนเหนือ (หมอชิต – คูคต) และตอนใต้ (แบริ่ง – สมุทรปราการ) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว – สำโรง) แต่ก็คงต้องจับตามองภาวะเศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วยเพราะว่าความเชื่อมั่น และกำลังซื้อนั้นผันแปรกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ตลาดที่คาดว่าจะมีการเปิดขายโครงการมากก็ยังคงเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคา 80,000 – 120,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ก็จะมีโครงการระดับราคาขายมากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรเปิดขายอีกหลายโครงการรวมไปถึงบ้านจัดสรรราคาแพงที่มีราคาขายมากกว่า 20 ล้านบาทต่อยูนิตที่ยังคงมีโครงการเปิดขายใหม่ออกมาต่อเนื่อง
ผู้ซื้อคนจีนจะยังคงเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจและเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่ผู้ประกอบการไทยเลือกเป็นผู้ซื้อหลักในกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่นั้นเลือกจะไม่บอกกับผู้ซื้อโดยทั่วไปโดยตรงว่ากลุ่มผู้ซื้อหลักในโครงการเป็นคนจีน เนื่องจากคนจีนนั้นเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมากเป็นอันดับที่ 1 และมีแนวโน้มมากขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ทำเลที่เป็นที่สนใจของกลุ่มผู้ซื้อคนจีนยังเป็นทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินปัจจุบัน เช่น สุขุมวิท พระราม 9 รัชดาภิเษกตอนต้น นอกจากนี้ในเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ก็มีกลุ่มผู้ซื้อคนจีนเข้าไปในพื้นที่มากขึ้นในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา เพียงแต่ยังมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับ กรุงเทพมหานคร
http://prop2morrow.com
ผู้ประกอบการระยองปรับตัวรับมือรายใหญ่บุกชิงส่วนแบ่งตลาด
นายกสมาคมการค้าอสังหาฯระยองเผยหลังภาครัฐให้ความสำคัญEEC ส่งผลผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าไปลงทุน โดยเฉพาะอำเภอบ้านฉาง มากสุดถึง70% มั่นใจผู้บริโภคในพื้นที่ยังเชื่อมั่นผู้ประกอบการในท้องถิ่น ทั้งปรับตัวรับมือการแข่งขันเดือด ระบุราคาที่ดินติดถนนสุขุมวิท ราคาพุ่ง15ล้านบาท/ไร่ ล่าสุดเตรียมผนึกหลายองค์กรดึงรถไฟความเร็วสูง เฟส1 สถานีที่10 กลับคืน
นายเปรมสรณ์ ศรีวิบูลย์ชัย นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ มีประสบการณ์ในการพัฒนาโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ “พาวีน่า โฮเทล”ในพื้นที่อ.เมือง จ.ระยอง และโครงการแนวราบ ภายใต้แบรนด์ The Pano เปิดเผยว่าจากการที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC)ซึ่งระยอง ถือเป็น 1ใน 3 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ และเริ่มมีผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับดีมานด์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยพื้นที่ที่อยู่ใกล้ระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐมากที่สุดจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเป็นลำดับแรก นั่นก็คืออำเภอบ้านฉาง โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเข้าไปลงทุนมากถึง 70% ที่เหลืออีก 30% จะเป็นนักลงทุนในท้องถิ่น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาลงทุนในจ.ระยอง เป็นจำนวนมาก แต่ก็ใช่ว่าจะมีความได้เปรียบในการทำตลาดและการขาย100% เพราะผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการในท้องถิ่น ส่วนผู้บริโภคจากกทม.และจังหวัดอื่นๆอาจจะยังมีความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้าของผู้ประกอบการจากในกทม. ซึ่งก็จะถูกชิงส่วนแบ่งตลาดไปบ้าง แต่บ้านระดับราคา 2-4 ล้านบาท ยังมีช่องว่างตลาดอยู่ เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่จะไม่เจาะตลาดดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการในพื้นที่มีความได้เปรียบในการทำตลาด แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันด้วย ด้วยการอัพเดทข้อมูลทางการตลาด และศึกษาวิธีการทำอสังหาฯอย่างต่อเนื่อง สำหรับราคาที่ดินในจ.ระยอง หากติดถนนสุขุมวิท ราคาจะสูงถึง 15ล้านบาทขึ้นไป/ไร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเล จากเดิมที่ราคาอยู่ที่ประมาณ7-8 ล้านบาท/ไร่ ปรับสูงขึ้นมา1เท่าตัว
ด้านนายนิธิ นาคะเกศ กรรมการบริหาร สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง กล่าวเสริมว่า ภายหลังจากที่ทางสมาคมฯได้มีการคัดเลือกนายกฯคนใหม่เข้ามาดำรงแหน่ง เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งทีมงานใหม่ก็พยายามที่จะสานต่อนโยบายเดิมที่นายกฯคนเดิมดำเนินการไว้ และสิ่งแรกที่จะต้องเร่งดำเนินการคือ การพยายามที่จะดึงรถไฟความเร็วสูงกลับมาจากเดิมที่ภาครัฐได้มีการลงพื้นที่เปิดรับฟังความคิดเห็นและชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวจ.ระยอง มาอย่างต่อเนื่อง ว่าโครงการเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เฟส1 สถานีที่10 มาถึงจ.ระยองอย่างแน่นอน แต่ปรากฏว่าเมื่อประกาศออกมาแล้ว กลับไม่มีชื่อสถานีระยองอยู่ในโครงการ โดยสถานีสุดท้ายของเฟส1 กลับสิ้นสุดที่สนามบินอู่ตะเภา ดังนั้นทางสมาคมและหน่วยงานต่างๆในจังหวัดได้ล่ารายชื่อประชาชนชาวจ.ระยอง กว่า 10,000 คน และยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาบรรจุสถานีระยอง เข้าไว้ในโครงการรถไฟความเร็วสูง เฟส1 ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในจ.ระยอง กลับมาคึกคักมากขึ้น
ขณะนี้สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง มีสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการมากกว่า 70 ราย ซึ่งมีทั้งรายกลาง-เล็ก โดยสมาคมฯได้มีการจัดสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลของสมาคมอสังหาฯแต่ละจังหวัดเกือบทุกเดือน รวมไปถึงการร่วมมือกับองค์กรต่างๆในต่างประเทศ ล่าสุดสมาพันธ์การค้าเอสเอ็มอีฮ่องกง ได้ติดต่อสมาคมฯในการขอดูงาน ศึกษาการลงทุนอสังหาฯในรูปแบบการร่วมทุน หรือลงทุนในรูปแบบอื่น เช่น การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากมองว่าที่อยู่อาศัยในเมืองไทยมีราคาถูกกว่าในฮ่องหลายเท่าตัว
“ปัจจุบันผู้ประกอบการในท้องถิ่นมีการปรับตัวรับมือในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในระยองอย่างต่อเนื่อง ด้วยการอัพเดทข้อมูลการทำธุรกิจ รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ที่ส่วนใหญ่ยังเป็นคนไทย โดยโซนที่มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วคือ ย่านปลวกแดง เพราะมีนิคมอุตสาหกรรมมากมาย โดยทาวน์เฮาส์ราคา 1 ล้านบาทต้นๆยังขายได้ดี”นายนิธิ กล่าวในที่สุด
http://prop2morrow.com
USABC เชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทย
USABC เชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทย พร้อมแจ้งหลายบริษัทอเมริกาสนใจลงทุนใน EEC
วันนี้ (28 มิ.ย. 2561) เวลา 13.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล คณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา – อาเซียน (U.S. – ASEAN Business Council: USABC) เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 26-28 มิถุนายน 2561
โดยมีผู้เข้าร่วม ดังนี้ รัฐมนตรีประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำหรับนักธุรกิจสหรัฐฯ และผู้บริหารของ USABC ประกอบด้วย 39 บริษัทจาก 6 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ (1) ด้านพลังงาน/โครงสร้างพื้นฐาน (2) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (3) ด้านสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์ (4) ด้านอาหารและการเกษตร (5) ด้านการผลิต/ภาษี และ (6) ด้านบริการทางการเงิน อาทิ Google, Netflix, American Express, Citi, Harley-Davidson, 3M, Ford, Microsoft, AIG, Chevron และ eBay เป็นต้น
นายกรัฐมนตรียินดีต้อนรับคณะนักธุรกิจ USABC โดยปีนี้เป็นปีที่ 13 ที่ USABC ก่อตั้งสำนักงานและนำคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ เดินทางเยือนไทย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความสำคัญที่ USABC มีให้กับประเทศไทย จนทำให้สหรัฐฯเป็นคู่ค้าที่มีมูลค่าการค้ากับไทยมากเป็นลำดับต้นมาโดยตลอด รัฐบาลยังทราบถึงข้อห่วงใยของนักธุรกิจสหรัฐฯ และพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งการพัฒนาบุคคลากรเพื่อรองรับเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล การเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุนในโครงการพื้นฐานหลักในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะการปฏิรูปและการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการมุ่งไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมตามนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยมุ่งเน้นที่ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นสาขาที่สหรัฐฯ มีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร ยานยนต์และอากาศยาน อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งเสริมสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการลงทุนที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและการลงทุนของบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากมีฐานอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และสามารถเป็นประตูและศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายการคมนาคมทั่วประเทศ รวมทั้งเชื่อมต่อไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศในภูมิภาคเอเชีย กลุ่มประเทศ CLMV รวมไปถึงกลุ่มความร่วมมือต่างๆ เช่น ACMECS, IORA เป็นต้น ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับเอเชีย โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนนักธุรกิจสหรัฐฯ พิจารณาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของไทยใน EEC
โอกาสนี้ USABC แสดงความขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์และแนวนโยบายเศรษฐกิจไทย พร้อมให้การสนับสนุนการปฏิรูปของไทย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นักธุรกิจสหรัฐฯเชื่อมั่นและประสงค์ที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเสนอแนวทางเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของไทย การสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบและการลงทุน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เป็นต้น
USABC ยังพร้อมเป็นหุ้นส่วนในการผลักดันการดำเนินนโยบายประเทศไทย 4.0 และยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล และสนับสนุนการปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ การพัฒนานวัตกรรมและเทคนโนโลยีของไทย ทั้งนี้ บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ อาทิ Dow Chemical ยังแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่เขต EEC โดยเฉพาะในสาขาการออกแบบ (Design) นวัตกรรม R&D ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้การส่งเสริม นอกจากนี้ คณะนักธุรกิจ USABC และสหรัฐฯ พร้อมที่จะสนับสนุนไทยในฐานะประธานอาเซียน โดยเห็นว่าไทยมีบทบาทสำคัญต่ออาเซียนอย่างมาก
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กล่าวในนามของรัฐบาลและประชาชนว่า สหรัฐฯขอส่งกำลังใจและขอแสดงความห่วงใย กรณีนักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกสอนสูญหายเข้าไปภายในถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย โดยสหรัฐฯ ได้จัดส่งทีมช่วยเหลือเพื่อค้นหาและกู้ภัย ครั้งนี้ด้วย สำหรับการนำคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ มาในครั้งนี้ เพื่อยืนยันถึงความร่วมมือในด้านการค้าการลงทุน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานความร่วมมือทวิภาคีที่สำคัญระหว่างทั้งสองประเทศ
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณ USABC และนักธุรกิจสหรัฐฯ อีกครั้ง และหวังว่า USABC จะได้รับทราบและเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศในทุก ๆ ด้าน และยืนยันว่าไทยยังคงมีศักยภาพที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ได้อีกมาก นายกรัฐมนตรีเห็นว่า นักธุรกิจสหรัฐฯทุกคนเป็น “Friends of Thailand” ไทยยินดีรับฟังข้อชี้แนะ รวมทั้งพร้อมร่วมมือด้านการท่องเที่ยวตามนโยบาย Thailand +1 เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค และหวังว่าการเยือนประเทศไทยในครั้งนี้จะได้รับประโยชน์จากการหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
http://www.bangkokbiznews.com
บาทเปิดตลาดเช้านี้อ่อนค่าที่ 33.15 บาทต่อดอลลาร์
ลุ้นเงินหยวนปรับทิศแข็งค่าตามดอลลาร์ หากหยวนอ่อนค่าเร็วอาจเกิดแรงเทขายสกุลเงินเอเชีย
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.15บาทต่อดอลลาร์ อ่อนจากปิดตลาดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 33.12 บาท ในคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินสหรัฐเริ่มหาที่พักได้ หุ้นในฝั่งสหรัฐบวกขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับบอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10ปีที่ทรงตัวที่ 2.84% สวนทางกับฝั่งยุโรปที่ยังมีปัญหาการเมืองส่งผลให้ตลาดหุ้นยังปรับตัวลง และค่าเงินยูโรก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ
อย่างไรก็ตามตลาดการเงินเอเชียไม่ได้เจอแต่ความผันผวนของดอลลาร์แต่ความเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวนก็เป็นเรื่องที่ตลาดกำลังสนใจ ล่าสุดเงินหยวนที่ซื้อขายในระดับ 6.62 หยวนต่อดอลลาร์หรืออ่อนค่า 3.7% ในเดือนนี้ เป็นแนวโน้มการอ่อนค่าต่อเดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สูงที่สุดในรอบกว่า 30ปี จนทำให้สกุลเงินอื่นๆในเอเชียอ่อนค่าตามทันทีด้วยความกังวลว่าทางการจีนอาจเข้าสู่สงครามค่าเงินกับสหรัฐแล้ว
เรามองว่า มีความกังวลกับสงครามค่าเงินอยู่บ้าง แต่ยังเชื่อมั่นว่าทางการจีนกำลังปรับเงินหยวนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับการแข็งค่าของดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจุดที่นักลงทุนจะต้องระมัดระวังคือระดับ 6.70 หยวนต่อดอลลาร์เป็นต้นไป ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นการอ่อนค่าที่ “เท่ากับ” การแข็งค่าของดอลลาร์กับสกุลเงินหลักอื่นๆแล้ว ถ้าค่าเงินหยวนอ่อนค่าต่อเร็วก็เกิดความกังวล และเกิดแรงขายในสกุลเงินเอเชียอื่นๆ และเงินบาทด้วยแน่นอน
นอกจากนี้ ในตลาดทุนไทยก็ยังไม่ดีมากนัก นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นและบอนด์ต่อไป ด้วยภาพรวมดังกล่าว เป็นไปได้ยากที่จะเห็นเงินบาทจะกลับมามีทิศทางแข็งค่าได้ในระยะสั้น มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 33.10-33.20 บาทต่อดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
สรรพคุณสับปะรดมีดีกว่าที่คิด
หมอเผยสรรพคุณสับปะรดมีดีกว่าที่คิด ช่วยย่อยได้ดี แนะประชาชนบริโภคมีประโยชน์ต่อร่างกาย
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้สัมภาษณ์ว่าสถานการณ์ผลผลิตสับปะรด ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2561 พบว่าผลผลิตปีนี้มีมากส่งผลทำให้มีสับปะรดล้นตลาด เกษตรกรผู้ปลูกเดือดร้อนราคาต่ำ ไม่มีที่ระบายและจำหน่ายสับปะรดได้ทันเวลา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ขอร่วมรณรงค์ส่งเสริมการนำสับปะรดมาใช้ประโยชน์ เป็นอีกทางเลือกในการระบายผลผลิตสับปะรด เพราะหลายท่านอาจไม่ทราบถึงสรรพคุณของสับปะรด ในเชิงสุขภาพซึ่งมีกล่าวและบันทึกไว้ในตำรายาไทย รวมถึงผลจากการศึกษาวิจัยและพัฒนา พบว่าสับปะรดมีสรรพคุณทางยา คือ มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ลดสาเหตุการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลดบวม ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ส่วนแกนสับปะรดที่ คนส่วนใหญ่มักจะไม่กิน มีเอนไซม์บรอมีเลน (BROMELIAN) ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการจุกเสียดแน่นเฟ้อได้อย่างดี
จึงอยากเชิญพี่น้องชาวไทยหันมาบริโภคสับปะรดซึ่งเป็นผลไม้ตามฤดูกาลมีประโยชน์ต่อร่างกาย สับปะรด 100 กรัม ให้พลังงาน 50 กิโลแคลลอรี่ การรับประทานสับปะรด ควรหั่นเนื้อและแกนกลางด้วย จะได้รับประโยชน์สูงสุด ข้อควรระวังในการรับประทานสับปะรด 1. ไม่ควรรับประทานขณะท้องว่าง เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร 2. ไม่ควรรับประทานสับปะรดดิบ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง ข้อแนะนำ เพื่อป้องกันอาการแสบลิ้นจากการรับประทานสับปะรด หลังจากปอกเสร็จควรนำสับปะรดไปแช่ในน้ำเกลืออ่อน 2-3 นาที เพื่อลดการเกิดปฏิกิริยากับอวัยวะในปาก
นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวในตอนท้ายว่า การบริโภคพืช ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล นอกจากเป็นการส่งเสริมผลผลิตของเกษตรกรแล้ว เราสามารถมั่นใจได้ว่า ได้บริโภคของดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นสมุนไพรที่ป้องกันการเกิดโรคในฤดูกาลนั้น ๆ ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาเพื่อให้เกิดความสมดุล
http://www.bangkokbiznews.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 29/06/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,550.00 |
19,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,266.00 |
19,192.56 |
20,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,139.40 |
17,273.30 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
570.00 |
8,641.20 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
443.00 |
6,715.88 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,312.00 |
19,889.92 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 29/06/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
|
26.74
|
26.74
|
26.74
|
26.74
|
– |
26.74
|
26.74
|
26.74
|
26.74
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
21.14 |
21.14 |
– |
– |
– |
– |
– |
21.14 |
21.14 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
เบนซิน 95 |
36.36 |
– |
– |
– |
36.81
|
– |
36.86 |
36.86 |
36.86 |
36.86 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
31.79 |
31.79 |
31.79 |
31.79 |
31.79 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
14 Jun 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |