สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 2 กรกฎาคม 2561

ตลาดอสังหา “ภูเก็ต-หาดใหญ่” ยังคงน่าจับตา

Plus Property- ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยผลสำรวจอสังหาริมทรัพย์ ภูเก็ต–หาดใหญ่ คึกคักต้อนรับยอดนักท่องเที่ยว-การค้าเติบโตต่อเนื่อง โซนตัวเมืองภูเก็ตเนื้อหอม เป็นจุดศูนย์กลางเดินทางสะดวกทั่วเกาะ และใกล้ชิดสถาปัตยกรรมเมืองเก่า โครงการคอนโดมิเนียมได้รับความนิยม ยอดขาย 81% ด้านหาดใหญ่ตลาดคอนโดฯมาแรงยอดขาย 93%ดีมานด์นักธุรกิจ นักศึกษาท่วมท้น ส่งผลทุกโครงการปิดการขายรวดเร็ว ทำเลถนนกาญจนวณิชศักยภาพสูง เป็นเส้นหลักเชื่อมหาดใหญ่สู่หลายจังหวัด และเชื่อมชายแดนมาเลเซีย ดันการค้าชายแดนสูงสุดในภาคใต้ มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท 

นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ได้ทำการสำรวจที่อยู่อาศัยในโซนภาคใต้พบว่ามีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงทั้งด้านท่องเที่ยวและการค้า ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเติบโตในทิศทางเดียวกัน ไม่เพียงเท่านี้ตลาดที่อยู่อาศัยในภูเก็ต และหาดใหญ่ ยังมีแนวโน้มเติบโตจากการได้รับแรงผลักดันจากการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่กระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง2 พื้นที่ให้คึกคักมากขึ้น รวมถึงราคาที่ดินที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดจากข้อมูลของกรมธนารักษ์ พบว่าราคาประเมินในพื้นที่ภูเก็ต ช่วงปี 2555 – 2558 และ 2559-2562 โซนใจกลางเมืองเติบโต 19 – 35% ขณะที่ราคาประเมินที่ดินหาดใหญ่ ช่วงปี 2555 – 2558 และ 2559 – 2562 เพิ่มขึ้น 20 – 25%

จากการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ล่าสุด ปี 2561 พบว่าตลาดหลักคือคอนโดมิเนียม มีสัดส่วนอยู่ที่ 80%  มีอุปทานสะสม 13,702 ยูนิต อุปสงค์ให้การตอบรับแล้ว 11,062 ยูนิต และมียอดขายอยู่ที่ 81%  ขณะที่ราคาเสนอขายเฉลี่ยทั้งตลาดประมาณ 100,000 บาทต่อตารางเมตร
โซนที่มีการเติบโตของราคาสูงคือโซนตัวเมืองภูเก็ต ที่มีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 81,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า โดยมีโครงการใหม่ที่คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดในปีนี้ราว 1,200 ยูนิต สอดคล้องกับความต้องการที่อยู่อาศัยจากทั้งคนในพื้นที่และจากนักท่องเที่ยวที่เติบโตมากขึ้นทุกปี โดยในปี 2560 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังภูเก็ตมากกว่า 12 ล้านคน เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน ซึ่งภูเก็ตถือเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของภาคใต้ ด้วยรายได้จากการท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ (มูลค่า330,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12% ของทั้งหมด) และมีมูลค่าเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากกรุงเทพฯ อีกทั้งภูเก็ตมีแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งรถไฟรางเบาจากสนามบินภูเก็ตสู่ใจกลางเมืองภูเก็ต ดังนั้นการเดินทางเชื่อมต่อทั้งเกาะภูเก็ตจึงมีความสะดวกสบาย ที่อยู่อาศัยโซนใจกลางเมืองจึงได้รับการตอบรับที่ดีเพราะสามารถเดินทางไปยังโซนอื่นๆ ได้ ไม่เพียงเท่านี้ในอนาคตภูเก็ตจะพัฒนาสู่ Smart City จะทำให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าราคาเสนอขายคอนโดฯจะเติบโตขึ้นอีก โดยโซนตัวเมืองราคาน่าจะขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละ 8-10 % เนื่องจากในอนาคตจะมีการคมนาคมสะดวกขึ้น จากความคืบหน้าตามแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาของภูเก็ต นอกจากนี้ในส่วนของการนำกลับมาขายใหม่หรือรีเซล (resale) ราคาปรับเพิ่มขึ้น 6-9% ต่อปี เติบโตจากความต้องการของกลุ่มคนทำงานในพื้นที่ นักลงทุน รวมถึงกลุ่มที่ซื้อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินและมรดก โดยพบว่าราคาขายรีเซลอยู่ที่ประมาณ 85,000 – 90,000 บาทต่อตารางเมตร คิดเป็นอัตรากำไรประมาณ 4-5% ต่อปี  ส่วนการเช่ามีราคาปล่อยเช่าอยู่ที่ 14,000 – 15,000 บาทต่อปี อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 6-7% ต่อปี โดยเน้นปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติและกลุ่มคนที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ซึ่งถือเป็นกลุ่มประชากรแฝงที่มีอยู่จำนวนมาก ทั้งแรงงาน นักธุรกิจ และนักเรียนนักศึกษา ดังนั้นโครงการที่ได้รับความนิยมจึงเป็นโครงการที่อยู่ในโซนที่ตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัย ทำให้โครงการที่อยู่ในตัวเมืองได้รับความสนใจเพราะสามารถเดินทางสะดวก และยังแวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมเมืองเก่า เปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่ผสานหลากหลายวัฒนธรรมทั้งไทย จีน และมลายู

สำหรับพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบว่าตลาดคอนโดฯเริ่มเติบโตอย่างน่าสนใจ เนื่องจากหาดใหญ่เป็น                        หัวเมืองที่เป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้านเช่นมาเลเซีย จึงเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้าชายแดน การลงทุนที่สำคัญ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ และยังเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ มีโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จึงส่งผลให้มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ มีการค้าขายกับมาเลเซียที่เติบโต 12% และมีมูลค่าการค้าชายแดนประมาณ 550,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงสุดของการค้าชายแดนของภาคใต้ และจากการที่เป็นศูนย์กลางการค้าและแหล่งงานจึงทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มคึกคักขึ้น โดยล่าสุดพบว่ามีอุปทานเสนอขายสะสม 2,970 ยูนิต อุปสงค์ให้การตอบรับ 2,763 ยูนิต มียอดขายสูงถึง93% ซึ่งโครงการที่เปิดขายเหล่านี้ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น ปิดการขายได้เร็ว เนื่องจากอยู่ใกล้สถานที่สำคัญเช่นมหาวิทยาลัย ศูนย์การค้าที่สำคัญ และพัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ทำให้ตัวโครงการมีความน่าเชื่อถือ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางที่แตกต่างจากโครงการทั่วไปในตลาด ปัจจุบันไม่พบอุปทานคงค้างแล้วในโซนนี้  หากมีโครงการเปิดใหม่จึงคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้เร็ว  โดยพบว่าผลตอบแทนจากการขายต่ออยู่ที่ประมาณ 4% ต่อปี  ส่วนการปล่อยเช่ามีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 6-7% ต่อปี โดยโซนที่น่าจับตาคือโซนถนนกาญจนวนิช  ซึ่งเป็นเสมือนเส้นเลือดหลักของหาดใหญ่ เชื่อมสถานที่สำคัญของหาดใหญ่และจังหวัดใกล้เคียง และเชื่อมไปสู่ชายแดนประเทศมาเลเซียได้ และยังเป็นเส้นทางหลักของรถไฟรางเดี่ยวที่จะเกิดในอนาคตอีกด้วย

https://thinkofliving.com


ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คลังยืนยันไม่เลื่อน บังคับใช้ ปี 62 แน่นอน

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง- ร้อนๆ หนาวๆกันอยู่นาน สำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ หลังจากรัฐบาลชัดนี้เริ่มประกาศ กำหนดการใช้ภาษีที่ดินใหม่ฯ ที่ย้ำว่า ยังไงก็ไม่เกินต้นปีหน้า แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไปไม่ถึงฝั่งฝันซักที เนื่องจากเรื่องยังคงค้างอยู่ในชั้นกรรมาธิการ และมีการขยายเวลาประชุมมาแล้วถึง 7 ครั้ง ครั้งล่ะ 2 เดือนรวมๆแล้วก็ปีกว่าๆซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติ

ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์แจ้งว่า เมื่อปลายเดือน พ.ที่ผ่านมา คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)  (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยได้ยื่นหนังสือให้ประธานสนชพิจารณาข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะประเด็นที่ไม่ต้องการให้เป็นภาระกับประชาชน มีความเป็นธรรมทำให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องยอมรับได้ในทางปฏิบัติ และการใช้กฎหมายต้องไม่ใช่การใช้ดุลพินิจ และกฎหมายไม่ควรซับซ้อนจนทำให้ผู้ใช้ขาดความรู้ความเข้าใจ

ข้อเสนอจากกกรเมื่อรวมกับประเด็นที่อยู่ระหว่างการพิจารณา อาทิ ความชัดเจนของที่ดินที่ไม่ประเมินทุนทรัพย์ เช่น เขื่อน ท่าเรือ การออกอนุบัญญัติเพื่อคุมแนวทางการออกกฎหมายลูก การเชื่อมโยงข้อมูลของกรมที่ดิน กรมธนารักษ์ ก็ส่งผลให้การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการวิสามัญที่คาดจะจบตั้งแต่เดือนพ.ต้องขยายยืดเยื้อออกไปเป็นเดือน ก.. 61 แทนและยิ่งทำให้โอกาสที่จะประกาศใช้ริบหรี่ลงเรื่อยๆ

https://thinkofliving.com


ไทยประกาศตัวเป็น ‘โออีเอ็ม’ พร้อมผลิตยางตามออร์เดอร์ป้อนตลาดโลก

“รัฐมนตรีเกษตรฯ” มุ่งขยายตลาดใหม่ แสดงศักยภาพความเป็นผู้นำในฐานะผู้ผลิตยางคุณภาพและการส่งออกยางพารารายใหญ่ พร้อมประกาศตัวไทยจะเป็นศูนย์กลางผลิตยางตามออร์เดอร์ป้อนตลาดโลก

วานนี้ (28 มิ.ย.61) นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดงานโครงการสร้างเสริมศักยภาพเพื่อขยายตลาดคู่ค้ายางพาราไทย ณ โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ ว่า การจัดการในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญในการส่งเสริมการตลาดยางพารา โดยเฉพาะประเทศคู่ค้ายางรายใหม่ๆ ผ่านการชี้แจงนโยบาย แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น การศึกษาดูงานการผลิต การแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางตลอดระยะเวลาการจัดงานตั้งแต่วันที่ 28 – 30 มิ.ย. ที่ไทยจะได้แสดงศักยภาพความเป็นผู้นำของไทยในฐานะผู้ผลิตยางคุณภาพและการส่งออกยางพารารายใหญ่ของโลก ขณะเดียวกัน ยังเป็นการแสวงหาพันธมิตรคู่ค้าใหม่ในตลาดยางพารา ให้เชื่อมั่นต่อคุณภาพ มาตรฐานและความหลากหลายของการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของไทย โดยการจัดการครั้งนี้มีผู้ประกอบการรายใหม่กว่า 50 บริษัทจาก 10 ประเทศที่มีการนำเข้ายางเพื่อใช้ในประเทศในปริมาณมาก เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เม็กซิโก อิหร่าน เป็นต้น รวมถึงกระทรวงเกษตรฯ ยังได้เชิญคณะทูตานุทูตที่ประจำอยู่ที่ประเทศไทย กว่า 20 คน จาก 15 ประเทศ ซึ่งประเทศเป้าหมายส่วนใหญ่ยังไม่เคยมีการนำเข้ายางพาราจากไทยหรือยังมีปริมาณที่ไม่มากนัก เช่น รัสเซีย ตุรกี ฟินแลนด์ เม็กซิโก และบราซิล เป็นต้น ดังนั้น หากคณะทูตานุทูตประเทศต่างๆ ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในเรื่องการผลิตยางของไทย ก็จะสามารถให้ข้อมูลกับผู้นำเข้าหรือผู้ประกอบการยางได้อีกทางหนึ่งด้วย

โดยประเด็นสำคัญที่ไทยได้นำเสนอในครั้งนี้ คือ การชี้แจงถึงนโยบายรัฐที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้ายางพาราที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และมีความหลากหลาย โดยเกษตรกรในฐานะผู้ผลิต ต้องใส่ใจดูแลการปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต ตามหลักวิชาการและได้มาตรฐานสากล เช่น มาตรฐาน FSC และ PEFC โดยมีการยางแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่ดูแลและบริหารจัดการด้านยางพาราของไทยอย่างครบวงจร ในการสร้างความร่วมมือและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการยางพาราจากนานาประเทศ ขณะเดียวกัน กยท.ยังเป็นหน่วยงานสำคัญในการกำกับดูแลและตรวจสอบคุณภาพผลผลิตยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราที่มีการส่งออกไปยังตลาดโลกอย่างเข้มงวด ส่งผลให้เกิดการพัฒนาจนได้มาตรฐานการผลิตมาอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพสูงเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก

ตลอดจนขับเคลื่อนศักยภาพการพัฒนาการผลิตยางพาราและอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศอย่างต่อเนื่องและครบวงจร จนทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยางพาราธรรมชาติที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและมีความหลากหลาย ซึ่งมีศักยภาพอย่างยิ่งในการนำไปใช้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเป็นผลผลิตจากพื้นที่ปลูกยางพาราที่อยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ในพื้นที่รวม 25 ล้านไร่ ซึ่งปลูกและดูแลโดยเกษตรกรชาวสวนยางพารา จำนวน 1.65 ล้านคน ส่งผลให้ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตยางธรรมชาติได้มากถึง 4.5 ล้านตันต่อปี นับเป็น 1 ใน 3 ของผลผลิตยางรวมกันทั้งโลก และก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกอันดับ 1 ของโลก สามารถส่งออกไปจำหน่ายในตลาดต่าง ๆ ด้วยสินค้าที่มีความหลากหลาย มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล ทั้งน้ำยางข้น ยางแท่ง และยางแผ่นรมควัน รวมถึงผลิตภัณฑ์จากยางพาราชนิดต่าง ๆ อาทิ ถุงมือยาง ยางพาหนะ และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ทำมาจากยางพารา สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกสูงเป็นอันดับ 3 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมดของประเทศด้วยมูลค่าที่มากกว่า 5 แสนล้านบาท

“ปัจจุบันประเทศไทยมีการส่งเสริมการลงทุนด้านอุตสาหกรรมยางพาราจากต่างประเทศโดยมอบสิทธิประโยชน์พิเศษตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ และยังมีการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมยางพารา หรือ Rubber City ขึ้น ที่ จ.สงขลา พื้นที่ 1,218 ไร่ ที่มีศักยภาพพร้อมรับการลงทุนทั้งอุตสาหกรรมนวัตกรรมยางพารา อุตสาหกรรมจากน้ำยางข้น อุตสาหกรรมยางคอมปาวด์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ที่สำคัญประเทศไทยเปิดกว้างอย่างเต็มที่ในการแสวงหาเพื่อสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าการตลาดยางพาราระดับนานาชาติ เพื่อร่วมกันสร้างให้ไทยได้กลายเป็นประเทศผู้รับจ้างผลิตในรูปแบบ OEM ซึ่งความพร้อมและศักยภาพอย่างครบวงจรทั้งหมดนี้ ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางในการรับผลิตยางพาราตามความต้องการของผู้ประกอบการยางพาราและผู้นำเข้ายางจากทั่วโลก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลต่อเสถียรภาพราคายางพาราได้” นายกฤษฎา กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่าที่ 33.05 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดเงินมีโอกาสผันผวนมากขึ้น จากสัปดาห์ก่อน จับตาการตอบโต้การค้า

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.05 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จาก 33.12 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงปิดท้ายสัปดาห์ก่อน ขณะที่สัปดาห์นี้ สิ่งที่ต้องจับตาคือการโต้ตอบอย่างเต็มรูปแบบของสงครามการค้า และสถานการณ์ตลาดแรงงานสหรัฐ

สำหรับตลาดการเงินสัปดาห์นี้ มีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้น ช่วงต้นสัปดาห์เชื่อว่าตลาดจะจับตาไปที่ผลการเลือกตั้งในแม็กซิโก ซึ่งถ้านายโลเปซ อัลบาโด้ ชนะตามคาด จะสร้างแรงกดดันให้กับภาพรวมการค้าในฝั่งอเมริกาเหนือเนื่องจากมีแนวคิดที่จะโต้ตอบกับโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอย่างชัดเจน ขณะที่ฝั่งแคนาดาก็เริ่มสงครามการค้ากับสหรัฐตั้งแต่เดือนนี้แล้วเช่นกัน มีความเป็นไปได้ที่เงินดอลลาร์จะแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ จากแนวโน้มตลาดที่ปิดรับความเสี่ยง

ในส่วนของเงินบาทสัปดาห์นี้ยังเชื่อว่าจะเคลื่อนไหวตามภาพรวมสกุลเงินเอเชียและเงินหยวน ตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งจีนที่ไม่แข็งแกร่งและการอ่อนค่าที่รวดเร็วของเงินหยวนในช่วงที่ผ่านมาเป็นประเด็นหลักที่กดดันตลาดเงินเอเชีย

อย่างไรก็ตามเรา มองว่าความเสี่ยงที่นักลงทุนจะเทขายสินทรัพย์ในฝั่งเอเชียและความเสี่ยงที่เงินหยวนจะอ่อนค่าต่อ มีไม่มากเหมือนช่วงก่อนหน้าเพราะตลาดรับข่าวไปแล้ว ระยะสั้นถ้ามีข่าวดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจเอเชียบ้าง แรงขายอาจชะลอลงและเงินบาทน่าจะทรงตัวได้ในที่สุด มองกรอบเงินบาทวันนี้ 32.97-33.07 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 32.80-33.20 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับมุมมองในเช้าวันจันทร์ มองเงินเฟ้อของไทยเดือนมิถุนายนจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.10% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน คิดเป็น 1.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ปัจจัยหลักยังคงเป็นราคาน้ำมันที่สูงขึ้นขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 0.70%

คืนวันจันทร์ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐ (ISM Manufacturing PMI) คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นไปที่ระดับ 58.8 จุด จากแนวโน้มยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวทั่วสหรัฐ

วันอังคาร ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะ “คง” ดอกเบี้ยที่ระดับ 1.50% และธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) จะ”คง”ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.50%

วันศุกร์ คาดว่าตัวเลขการว่างงานของสหรัฐจะอยู่ที่ระดับ 3.7% ต่ำที่สุดในรอบ 49ปี ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (US Non-farm payrolls) จะเพิ่มขึ้นอีก 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่ค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงจะเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนที่ผ่านมาซึ่งคิดเป็น 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน

http://www.bangkokbiznews.com


สุขภาพดีขึ้นทันตา เมื่อดื่มน้ำ “ถูกปริมาณ ถูกเวลา”

สุขภาพดีขึ้นทันตา เมื่อดื่มน้ำ "ถูกปริมาณ ถูกเวลา"

ร่างกายของมนุษย์เรานั้นมีองค์ประกอบของน้ำ 50-70% ไม่ว่าจะเป็นภายในเซลล์ ตามอวัยวะต่างๆ ระบบการทำงานของร่างกายทั้งหมด หรือเลือดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ทั้งยังเป็นสารอาหารที่สำคัญของมนุษย์ในการดำรงชีวิตในทุกช่วงทุกวัย การดื่มน้ำบ่อยนั้นก็เป็นการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี แต่ก็ควรมีระยะเวลาในการดื่มน้ำ และวิธีดื่มน้ำตามที่ร่างกายของมนุษย์สมควรได้รับ

ดื่มน้ำอย่างไร ให้สุขภาพดี

– ตื่นนอนตอนเช้าควรจะดื่มน้ำอุ่น เพราะน้ำอุ่นดื่มง่ายกว่าน้ำธรรมดา และอุณหภูมิของน้ำที่ดื่มไม่ต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกาย จึงไม่เป็นการไปดึงอุณหภูมิร่างกายให้เย็นลง หรืออาจเป็นน้ำที่อุณหภูมิห้องก็ได้ ควรดื่ม 1-3 แก้วให้ได้อย่างต่ำ 500-750 มิลลิลิตร ช่วงเวลาหลังตื่นนอนเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง ร่างกายและเลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ และเพื่อกระตุ้นระบบขับถ่าย

– 15 นาทีก่อนอาหาร ระหว่างทานอาหาร และหลังทานอาหาร 30 นาที ทั้ง 3 เวลานี้ ดื่มน้ำรวมกันทั้งหมดไม่ควรเกินครึ่งแก้ว เพราะหากดื่มน้ำมากเกินไประหว่างทานอาหารจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะเจือจางลง ส่งผลต่อระบบการย่อยอาหารร่างกายย่อยอาหารได้ไม่ดี

– ช่วงเวลาประมาณ 9 โมงถึง 10 โมงเช้า ควรดื่มน้ำให้ได้ 2 แก้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ควรดื่มน้ำเพื่อมาชําระของเสียเหล่านั้นออกไป

– ตลอดทั้งวัน ดื่มน้ำทีละนิด แบบจิบทีละ 2 – 3 อึก จิบบ่อยๆ ดีกว่าการดื่มน้ำครั้งละมากๆ เพราะเป็นการเพิ่มภาระให้กับระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่าย

– ก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1-2 แก้ว ให้มากกว่า 250 มิลลิลิตร เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลําไส้และกระเพาะอาหาร ถ้าเป็นน้ำอุ่นจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น

ประโยชน์ของการดื่มน้ำ

1. ช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้ดีขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันเรื่องริ้วรอยและผิวแห้งกร้าน

2. ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย

3. ปรับสมดุลให้แก่ร่างกาย

4. ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนของเลือดทำงานได้ดีขึ้น

5. ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่

6. ข้อต่อต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น

7. ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

8. ช่วยให้อวัยวะภายในร่างกายต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หัวใจ ไต เป็นต้น

9. ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

น้ำคือสิ่งที่ร่างกายมนุษย์ต้องการมากที่สุด เป็นยารักษาโรคที่ดีที่สุด เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น และป้องกันโรคภัยต่างๆ เราจึงควรหันมาใส่ใจกับการดื่มน้ำให้มากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพักผ่อน การทานอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนะคะ

https://www.sanook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 2/07/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,550.00 19,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,266.00 19,192.56 20,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,139.40 17,273.30 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 570.00 8,641.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 443.00 6,715.88 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,312.00 19,889.92 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  2/07/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
แก๊สโซฮอล E-20
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
แก๊สโซฮอล E-85 21.14 21.14 21.14 21.14
แก๊สโซฮอล 91 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98
เบนซิน 95 36.36
36.81
36.86 36.86 36.86 36.86
ดีเซลหมุนเร็ว
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.79 31.79 31.79 31.79 31.79
มีผลตั้งแต่ 29 May 05:00 29 May 05:00 14 Jun 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า