ป้องฟองสบู่อสังหาฯ ธอส.จับมือ 14 สมาคมลุยเก็บข้อมูลทั่วประเทศ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯธอส. เตรียมทำ MOU กับ 14 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ สร้างความร่วมมือในการจัดเก็บข้อมูลโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อประโยชน์ในการติดตามภาพรวม วางแผนพัฒนาของภาคเอกชนสถาบันการเงิน รวมถึงการกำหนดนโยบายของรัฐบาล จะได้ไม่เกิดปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (Real Estate Information Center : REIC) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ที่จังหวัดอุดรธานี ว่า จะมีการลงนาม MOU ในโครงการความร่วมมือการจัดเก็บข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กับสมาคมอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 14 สมาคมทั่วประเทศ เพื่อความร่วมมือกันในด้านติดตามสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในภาพรวม และทำการเผยแพร่ข้อมูลโดยการจัดสัมมนา เพื่อประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาโครงการของเอกชน สถาบันการเงิน และเป็นประโยชน์ในการกำหนดนโยบายด้านที่อยู่อาศัยของรัฐบาล โดยจะมีการลงนาม MOU ดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 21 มิถุนายน 2561 ที่กรุงเทพฯ โครงการดังกล่าว จะทำให้ข้อมูลที่อยู่อาศัยโดยภาพรวม มีความถูกต้องเที่ยงตรงมากขึ้น เกิดการมีส่วนร่วมของเอกชนในพื้นที่มากขึ้น ในการจัดทำข้อมูล และตัวของเอกชนก็จะได้ใช้ข้อมูลดังกล่าว โดยทางศูนย์เองก็จะได้นำเอาข้อมูลดังกล่าวไปสร้างมูลค่าเพิ่มในการวางแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ตลาดอสังหาริมทรัพย์ สร้างกลยุทธ์ให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์ จะได้ไม่เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลาย หรือเกิดการสร้างที่อยู่อาศัยมากเกินความต้องการของตลาด
นายวิชัย กล่าวต่อไปว่า ต่อจากนี้ไปศูนย์ข้อมูลอสังหาริม ทรัพย์ ธอส.จะออกทำการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในส่วนภูมิภาคปีละ 2 ครั้ง สำหรับจังหวัดยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นการติดตามตลาดที่อยู่อาศัย ดังนั้นผู้ประกอบการ เจ้าของโครง การเอกชน สามารถทราบความเคลื่อนไหวและทิศทางการเป็นไปของตลาดที่อยู่อาศัย ทั้งในด้านความต้องการ จำนวนโครงการ ส่วนในกรุงเทพฯและปริมณฑล จะสำรวจปีละ 1 ครั้ง เจ้าของโครงการสามารถเข้าถึงข้อมูลโครงการได้มากขึ้น “โครงการนี้หากทำเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมเชื่อว่าไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่กาลเวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว หากใครพูดถึงเรื่องของสารสนเทศ ความคิดเก่าๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งผู้ใดต้องการได้รับข้อมูลต่างๆ ก็ต้องมีการแชร์ข้อมูล เพราะปัจจุบันนี้ในหลายๆวงการได้มีการทำโครงการแชร์ข้อมูลกันแล้ว เช่น วงการอุตสาหกรรม วงการการท่องเที่ยว ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริม ทรัพย์ ธอส. ก็ได้กระทำในแนวทางดังกล่าว ผู้ประกอบการต้องมีการลงทะเบียนเสียก่อน จึงจะสามารถแชร์ข้อมูลได้” นายวิชัยกล่าวในที่สุด
https://www.terrabkk.com
เหมาคอนโดฯเชียงใหม่! จีนแห่ซื้อลงทุนให้เช่า
จีนแห่ซื้อคอนโดฯเชียงใหม่ ชี้ 2 ทำเลฮอต ‘นิมมานเหมินทร์และซุปเปอร์ไฮเวย์’ เผย บางโครงการซื้อเต็มเพดาน 49% ด้าน คอลลิเอร์สแจงจีนแผ่นดินใหญ่ครองตลาด 60% น.ส.อัญชนา วัลลิภากร เลขาธิการสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในเชียงใหม่ยังไปได้ ขึ้นกับทำเลที่ตั้ง ซึ่งต้องเป็นพื้นที่ที่นิยมของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน ที่ก็ยังขายได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อลงทุนเกือบ 100% เห็นสัญญาณชัดเจนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยย่านหลัก ๆ ที่ลูกค้าคนจีนให้ความสนใจมี 2 ย่าน คือ 1.ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ตั้งแต่สี่แยกรินคำไปจนถึงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ และ 2.ถนนนิมมานเหมินทร์ ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวที่คนไทยและนักท่องเที่ยวรู้จัก ด้าน น.ส.นาขวัญ พงศ์พฤกษทล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เค เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า ได้ร่วมกับนักลงทุนจีน (the 8 estate) เปิดโครงการดิ เอท คอนโดมิเนียม (The 8 Condominium) เป็นอาคารชุดสูง 4 ชั้น 2 อาคาร รวม 66 ห้อง ตั้งอยู่ที่ถนนเทวัญ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ปัจจุบัน มียอดจองถึง 60% เป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นคนจีน แต่ละรายซื้อจำนวนมาก 4-5 หน่วย ทำให้สัดส่วนต่างชาติเต็มโควตา 49% แล้ว
©eventsweekly-news.com
นางศรีมาลา พรรณเชษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาลาดา จำกัด เจ้าของโครงการมาลาดา มองว่า ความต้องการของคอนโดมิเนียมเชียงใหม่คิดว่ามีอยู่ แต่จะเป็นเฉพาะกลุ่มมากกว่า ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อจะเป็นลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่เฉพาะชาวจีน แต่จะมีสิงคโปร์และยุโรปเพิ่มขึ้น สำหรับตลาดคนจีนซื้ออาคารชุด มี 2 กลุ่ม คือ ซื้อเพื่อลงทุน คือ ลงทุนให้คนจีนมาเช่า กับกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย แต่ว่าคนจีนเขาจะอยู่อาศัยระยะสั้น หลังจากนั้นจะขายผ่านมือ เปลี่ยนมือไป เรื่องของคนจีนที่ซื้อคอนโดมิเนียมไม่ซาเลย ก็ยังมีความต้องการต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
ด้าน ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล พบว่า ปัจจุบัน ตลาดลูกค้าคนจีนกลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดคอนโดมิเนียมในเชียงใหม่ มากกว่าลูกค้าชาวไทยด้วยซ้ำ หากพิจารณาจำนวนลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมในเชียงใหม่ 60% คือ กลุ่มลูกค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ 20% คือ กลุ่มลูกค้าในย่านเอเชียประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะฮ่องกงและเกาหลี อีก 20% เป็นชาติยุโรปและอเมริกา
ช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 มีหน่วยเปิดขายใหม่ 109 หน่วย ในเขตเมืองชั้นใน โดยมีหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายรวมทั้งสิ้น 10,468 หน่วย ขายไปแล้ว 7,664 หน่วย หรือประมาณ 73.2% เหลือขาย 2,804 หน่วย หรือคิดเป็น 26.81% หากพิจารณาจากทำเลที่ตั้ง จะเห็นว่า คอนโดมิเนียมเขตเมืองชั้นใน ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายประมาณ 4,001 หน่วย ขายไปแล้ว 2,908 หน่วย หรือคิดเป็น 72.7% เหลือขาย 1,093 หน่วย หรือคิดเป็น 27.3% และในเขตพื้นที่เมืองชั้นนอกมีคอนโดมิเนียมเปิดขายประมาณ 6,467 หน่วย ขายไปแล้ว 4,755 หน่วย หรือคิดเป็น 73.5% เหลือขาย 1,712 หน่วย หรือคิดเป็น 26.5%
https://www.terrabkk.com
สมคิด ฝัน! ปั้นบ้านให้ผู้มีรายได้น้อยทุกคน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างการเป็นประธานเปิดงานบ้าน ธอส. เอ็กซ์โป ประจำปี 2561 : GH Bank Expo 2018 ว่ามอบนโยบายให้การเคหะแห่งชาติ (คชก.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมจัดทำโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อให้คนไทยทุกคนมีบ้านครบทุกจังหวัด โดยเน้นกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ , กลุ่มคนที่อยู่ในวัยทำงานหรืออยู่ระหว่างการสร้างครอบครัว และกลุ่มผู้สูงอายุ โดยให้ ธอส.ศึกษารูปแบบและวิธีการให้แล้วเสร็จภายใน 3-4 เดือนนี้ เพื่อออกเป็นมาตรการและมีผลบังคับใช้ต่อไป
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า เดือนนี้จะนำนโยบายของนายสมคิดเข้าหารือร่วมกับ กคช. เพื่อเดินหน้าโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยตั้งเป้าจะก่อสร้างบ้านให้ได้ทั้งหมด 1 ล้านยูนิต ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผ่อนชำระไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 40 ปี จากเดิม 30 ปี เพื่อให้การชำระภาระหนี้ต่อเดือนน้อยที่สุด
https://news.kapook.com
บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่าที่ 33.14 บาทต่อดอลลาร์
คาดตลาดการเงินกลับทิศเป็นบวก หลังรับข่าวปัญกาสงครามการค้าสหรัฐและจีนไปก่อนหน้านี้แล้ว
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงิน ตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.14 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจาก 33.17 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงปิดตลาดสัปดาห์ก่อน ในสัปดาห์นี้ เชื่อว่าทั่วทั้งตลาดจับตาไปที่การโต้ตอบของจีนในสงครามการค้า พร้อมกับสหรัฐที่อาจมีการเพิ่มการกีดกันการค้ามากขึ้น
อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่า ตลาดการเงินรับรู้ปัญหานี้ไปแล้วส่วนใหญ่ จึงมีโอกาสไม่มากที่ความผันผวนจะปรับตัวขึ้นต่อ นอกจากนี้สัปดาห์นี้จะเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในสหรัฐและทั่วโลก ตลาดการเงินจึงน่าจะกลับมามีทิศทางเป็นบวก เนื่องจากรายได้ของบริษัทยังคงแข็งแกร่งมากในปีนี้
ในส่วนของเงินบาท สิ่งที่ต้องติดตามคือความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์และค่าเงินหยวน เชื่อว่าในช่วงสั้นโอกาสที่เงินหยวนจะอ่อนต่อมีไม่มาก และโอกาสที่ค่าเงิน ดอลลาร์จะพักฐานก็มีสูง ถ้าตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk on) ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เงินบาทจะแข็งค่ากลับลงไปได้ กรอบเงินบาทวันนี้ 33.10-33.20 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 32.80-33.30 บาทต่อดอลลาร์
ขณะที่สิ่งที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้คือ สงครามการค้า ตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในยุโรป
วันพุธ คาดว่าเงินเฟ้อสหรัฐ (CPI) จะเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนที่ผ่านมาไปอยู่ที่ระดับ 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ราคาน้ำมันและสินค้าภาคการบริการที่ปรับตัวสูงขึ้นยังคงเป็นปัจจัยหลักขณะที่สินค้าอื่นๆปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย
วันพุธ ธนาคารกลางแคนาดาจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ไปที่ระดับ 1.50% เนื่องจากรายได้ในประเทศยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และธนาคารกลางพยายามที่จะแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงกดดันอนาคตของเศรษฐกิจ
วันพฤหัส ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยุโรป (Eurozone Industrial Production) จะหดตัวลง 0.9% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนตามภาพรวมการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป ปัญหาการเมืองและสงครามการค้าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนชะลอการทำธุรกรรม
ศุกร์ราคาสินค้านำเข้าในฝั่งสหรัฐ (Import Prices) คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น 0.6% ในเดือนก่อน คิดเป็น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในครั้งนี้ยังไม่มีเรื่องภาษีใหม่ของทรัมป์เข้ามาเพิ่มความกดดัน
http://www.bangkokbiznews.com/finance/list
แนะวิธีเอาตัวรอดจากการจมน้ำ แนะใส่เสื้อชูชีพต้องทำให้ถูกหลัก
สพฉ. แนะวิธีเอาตัวรอดจากการจมน้ำ แนะการใส่เสื้อชูชีพต้องทำให้ถูกหลัก เรียนรู้วิธีการฝึกลอยตัวในน้ำ เพื่อเอาตัวรอด
หลังจากที่เกิดเหตุเรือท่องเที่ยว ฟีนิกซ์ พีซีไดฟ์วิ่ง ถูกมรสุมซัดล่มกลางทะเล จ.ภูเก็ต เพราะคลื่นลมแรง จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนั้น
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นภัยพิบัติที่ไม่มีใครคาดคิด ดังนั้นสิ่งที่เราจะป้องกันได้ในเบื้องต้น คือประชาชนทุกคนควรเรียนรู้วิธีในการเอาตัวรอดจากการจมน้ำ ทั้งการ เรียนรู้หลักในการว่ายน้ำและทักษะในการเอาชีวิตรอดในน้ำ , รู้จัก วิธีการร้องขอความช่วยเหลือเช่นการโบกมือขึ้นลงเหนือศีรษะให้คนอื่นรู้ว่ากำลังประสบภัย การตะโกน และ รู้จักวิธีการลอยตัวอยู่ในน้ำ เช่น การฝึกลอยตัวแบบนอนหงาย ขาแขนเหยียดตรงเหมือนนอนอยู่บนที่นอน เงยหน้ายกคางเพื่อใช้ปากหายใจ และที่สำคัญคือต้องมีสติไม่ตกใจ นอกจากนี้ ผู้พบเห็นยังต้องรู้จักวิธีการขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ด้วยการโทรแจ้งสายด่วน 1669 อีกด้วย
สำหรับประชาชนทั่วไปพี่พบเห็นผู้ป่วยฉุกเฉินจากการจมน้ำและต้องการเข้าให้ความช่วยเหลือ ในเบื้องต้นผู้เข้าให้การช่วยเหลือจะต้องคำนึงถึงถึงความปลอดภัยตัวเองเป็นสำคัญก่อน เพราะบ่อยครั้งที่คนช่วยก็ได้รับอันตรายจากการช่วยเหลือด้วย โดยวิธีที่ถูกต้องในการช่วยคนขึ้นจากน้ำประกอบด้วยการตะโกน โยน ยื่น อย่างแรกคือการตะโกนบอกให้คนตกน้ำอย่าตกใจ จากนั้นหาวัสดุลอยน้ำโยนให้ผู้ที่ตกน้ำเกาะพยุงตัว และยื่นอุปกรณ์ หรือหาสิ่งของให้ผู้ที่ตกน้ำจับเพื่อลากเข้าฝั่ง ไม่ควรกระโดดลงไปช่วย เพราะผู้ที่จมน้ำจะมีอาการตกใจ กอดรัด และทำให้จมน้ำไปด้วยกันทั้งคู่ นอกจากนี้จะต้องประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของน้ำด้วย โดยเฉพาะในทะเลที่มีคลื่นลมแรง
เลขาธิการ สพฉ.กล่าวต่อไปว่า เสื้อชูชีพที่ใช้ตามเรือท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ ยังเป็นแบบเสื้อพยุงตัว ไม่ใช่เสื้อชูชีพแท้ ที่ออกแบบไว้ให้นอนหงายตลอดเวลา และการใส่เสื้อชูชีพจะต้องใส่ให้ถูกต้อง รัดตัวล็อคทุกจุด มิเช่นนั้นเสื้อชูชีพอาจหลุดได้ ทั้งนี้ เสื้อชูชีพจะสามารถพยุงตัวผู้ประสบเหตุได้ 3-6 ชั่วโมง แต่หากเป็นเสื้อชูชีพคุณภาพดีจะสามารถลอยตัวได้นานเป็นวัน แต่ที่สำคัญคือต้องมีสติ พยายามช่วยตัวเองให้ลอยตามน้ำให้ได้ อย่าพยายามว่ายเข้าฝั่งอาจทำให้หมดแรง ควรตะโกนให้คนช่วย หรือเป่านกหวีดที่ติดมากับชูชีพ
เลขาธิการ สพฉ. ยังบอกถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด หากช่วยเหลือผู้ประสบเหตุขึ้นมาได้ คือ ให้รีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 หากผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้กดนวดหัวใจ ช่วยฟื้นคืนชีพ ( CPR) ตามคำแนะนำของผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ ส่วนผู้ป่วยที่ยังหายใจได้เอง หรือช่วยเหลือจนหายใจได้แล้ว ควรจับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง ศีรษะหงายไปข้างหลัง เพื่อเปิดทางเดินหายใจ ใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความอบอุ่น
http://www.bangkokbiznews.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 9/07/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,650.00 |
19,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,273.00 |
19,298.68 |
20,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,145.70 |
17,368.81 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
573.00 |
8,686.68 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
446.00 |
6,761.36 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,319.00 |
19,996.04 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 9/07/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
29.65
|
29.65
|
34.29
|
29.65
|
29.65
|
29.25
|
29.65
|
29.65
|
30.30
|
29.65
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
|
26.74
|
27.39
|
26.74
|
26.74
|
– |
26.74
|
26.74
|
27.79
|
26.74
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
21.14 |
21.14 |
– |
– |
– |
– |
– |
21.14 |
21.14 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
เบนซิน 95 |
36.36 |
– |
– |
– |
36.81
|
– |
36.86 |
36.86 |
36.86 |
36.86 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
31.79 |
31.79 |
31.79 |
31.79 |
31.79 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
14 Jun 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |