ในยุคที่ตลาดอสังหาฯ ต่างแข่งขัน “ทางเลือก” จึงตกอยู่ในมือของผู้บริโภค
ในปัจจุบันนี้เราจะได้เห็นว่าโลกของเราได้เข้าสู่ของยุคเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดเกิดการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการต่างผลิตสินค้าที่อัดแน่นด้วยองค์ประกอบและคุณสมบัติที่มากมาย มีการใช้งานที่หลากหลายออกมาสู่ท้องตลาดเพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่พร้อมจะจ่ายเงินให้ได้มาเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นตลาดมือถือที่เปลี่ยนไปยุคจากเดิมอย่างไม่เห็นฝุ่น หรือจะเป็นตลาดรถยนต์ที่ต่างก็นำเทคโนโลยีเข้าไปผสมผสานกับการเดินทางเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค หรือตลาดของใช้ไฟฟ้า ที่มีฟังค์ชั่นต่างๆ เพิ่มเข้ามาแบบที่เราอาจไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้ใช้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้มาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้นไปด้วย ซึ่งอาจตอบโจทย์เฉพาะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเท่านั้น แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งโดยเฉพาะประเทศไทย กลุ่มผู้บริโภคที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมหาศาลกลับกลายเป็นกลุ่มรายได้ปานกลาง ซึ่งในตลาดนี้ ราคาและคุณภาพ เป็น 2 ปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อสินค้า ส่งผลให้ตลาดแม้จะแข่งขันด้านราคาแต่ก็ต้องให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพและการใช้งานอีกด้วย ทำให้ผู้บริโภคที่อาจมีกำลังซื้อไม่เท่ากลุ่มตลาดบน ได้มีโอกาสเลือกซื้อของที่มีราคาเอื้อมถึง กับคุณภาพที่ดีและตอบโจทย์ได้จริง รวมถึงตลาดที่มีการแข่งขันสูงมากๆ อย่างตลาดอสังหาฯ ก็เช่นกัน
จากผลสำรวจตลาดอสังหาฯ ใน 2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าตลาดอสังหาฯ ทั้งบ้าน และคอนโด ในประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทั้งด้านราคา และจำนวนโครงการที่ผุดขึ้นทุกวัน ซึ่งเป็นผลโดยตรงมากจากแผนงานพัฒนาระบบคมนาคมพื้นฐานอย่างรถไฟฟ้าที่ทางภาครัฐได้อัดเม็ดเงินลงทุน ทำให้คำจำกัดความของ “ทำเลที่ดี” ถูกตัดสินด้วยระยะห่างจากรถไฟฟ้า ผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดฯ ในเมืองจึงพยายามชูจุดขายว่าเป็นโครงการคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้า ใกล้รถไฟฟ้ากันแทบจะทุกราย ไม่ว่าจะเป็นแนวรถไฟฟ้าที่เปิดให้ใช้งานแล้ว หรือรถไฟฟ้าที่จะเปิดในอนาคต ทำให้จุดขาย “คอนโดใกล้รถไฟฟ้า” กลายเป็นจุดขายพื้นฐานของโครงการคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ไปแล้ว แต่สิ่งที่จะดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อในยุคปัจจุบันได้จริงนั้น แค่ทำเลรถไฟฟ้าอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมีองค์ประกอบด้านอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งเราจึงได้เห็นผู้ประกอบการนำนวัตกรรม/เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในโครงการ (Proptech) รวมถึงการใส่ใจในรายละเอียดเรื่องของการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งาน การเลือก facilities ต่างๆ ในโครงการ ซึ่งทำให้โครงการมีจุดเด่นที่แตกต่างกับโครงการอื่นๆ รวมถึงการตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้บริโภคที่มีความต้องการที่หลากหลายได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับปีนี้ เราจะเห็นโครงการมากมายที่เริ่มเปลี่ยนแปลง หนึ่งนั้นคือ “ASPIRE” จากแบรนด์ AP ซึ่งแน่นอนว่าหากพูดถึงคอนโด ASPIRE หลายคนคงคิดถึงคอนโดที่อาจไม่มีอะไรหวือหวาเพราะด้วยราคาทีไม่ได้สูงและมีกลุ่มตลาดที่ค่อนข้างกว้าง แต่ด้วยการแข่งขันของตลาดอสังหาฯ ในยุคปัจจุบัน ASPIRE จึงเป็นอีกตัวอย่างที่ดีสำหรับคอนโดที่เปิดตัวใหม่ในปีนี้ ที่เปลี่ยนรูปแบบโครงเพื่อเจาะกลุ่มตลาดที่มีความต้องการหลากหลาย โดยทาง ASPIRE ได้เปิดตัวโครงการนำร่องสำหรับปีนี้คือ “ASPIRE สาทร-ราชพฤกษ์” ซึ่งมีจุดเด่นด้วยกันหลักๆ 3 ข้อ
- ทำเลดี ใกล้รถไฟฟ้า
ปัจจัยพื้นฐานของคอนโดในสมัยนี้ เรื่องรถไฟฟ้าคงขาดได้ แม้ทางโครงการ ASPIRE สาทร-ราชพฤกษ์ จะพูดไม่ได้ว่าติดรถไฟฟ้าซะทีเดียว แต่ทางโครงการได้สร้าง Skywalk หน้าโครงการที่เชื่อมต่อโดยตรงกับ BTS และ MRT สถานีบางหว้า ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างจุดขายเรื่องทำเลที่ดีและตอบโจทย์การเดินทางของผู้บริโภค รวมถึงศักยภาพทำเลโซนราชพฤกษ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนสำคัญได้หลายเส้นทาง มีสถานที่สำคัญทั้งสถานศึกษา (มหาวิทยาลัยสยาม), ห้างสรรพสินค้า (The Mall ท่าพระ, The Mall บางแค, Seacon บางแค) และ สถานพยาบาล (โรงพยาบาลพญาไท 3)
- Facility ที่เพิ่มขึ้น
หากพูดถึงคอนโดทั่วไปแล้ว เรื่อง Facility ประเภทฟิตเนส สระว่ายน้ำ คงเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ ASPIRE สาทร-ราชพฤกษ์ ได้ปรับ Facility ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น โดยแบ่งพื้นที่ส่วนกลางเป็น 3 ชั้น โดยชั้นล่างสุดได้ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้เป็น Co-Working Space ที่มีหลากหลายรูปแบบรวมถึงติดตั้ง wifi ให้สามารถใช้งาน internet ได้ครอบคลุมทั้งโครงการ รวมถึงตู้ล๊อคเกอร์แบบ QR Code ส่วนชั้น 8 ซึ่งเป็นพื้นที่ของสระว่ายน้ำและฟิตเนส ได้ออกแบบตามการใช้งานของผู้บริโภคทั้ง การว่าย และการแช่น้ำ ส่วนฟิตเนส ได้เพิ่มเครื่องเล่นชนิดใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การเล่นฟิตเนสที่หลากหลาย และ สุดท้ายคือชั้นด่านฟ้า ที่ออกแบบให้เปิดกว้าง 360 องศา และแบ่งพื้นที่สำหรับใช้เป็นลานกิจกรรม ลานพักผ่อน และพื้นที่สวน ให้ลูกบ้านแต่ละได้พักผ่อนตามรูปแบบของตัวเอง
- ดีไซน์และจัด Layout ห้องแบบใหม่
สำหรับคอนโดแล้ว พื้นที่ที่จำกัดอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่แบรนด์ ASPIRE ได้ปรับเปลี่ยนก็คือการออกแบบห้องให้มีพื้นที่ใช้งานได้มากขึ้นแม้ในพื้นที่ที่จำกัด พร้อมทั้งเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยทาง ASPIRE มีรูปแบบห้องที่มากขึ้นตั้งแต่ 26 ตร.ม. ถึง 48 ตร.ม. สามารถแบ่งพื้นที่ให้หลากหลายทั้ง 1 และ 2 ห้องนอน โดยแต่ละห้องมีการแยกส่วนครัว และพื้นที่เอนกประสงค์อย่างชัดเจน
*หากคุณสนใจคอนโด ASPIRE สาทร-ราชพฤกษ์ 21-22 ก.ค. นี้ ทางคอนโดจะเปิดให้จอง ในราคาเริ่มต้น 2.65 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นฟรีเฟอร์นิเจอร์ครบและเครื่องใช้ฟ้า สามารถดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ Apthai.com หรือสอบถามโทร. 1623
แม้ในช่วงหลังๆ ผู้ประกอบการอสังหาฯ จะมีโครงการใหญ่ๆ ซึ่งโฟกัสโครงการระดับบนเพราะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและหนี้ครัวเรือนที่สูงมากขึ้น แต่ใช่ว่าตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราจะไม่มีการเคลื่อนไหว ในทางตรงกันข้าม การแข่งขันของผู้ประกอบการในการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดใจผู้ซื้อ รวมถึงการสร้างความแตกต่างในจุดเล็กๆ น้อยๆ ภายในโครงการ ทำให้ผู้ซื้อในยุคปัจจุบันมีตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นทั้งเรื่องของทำเลและไลฟ์ไสต์ หากผู้บริโภคศึกษาหาข้อมูลอย่างตั้งใจ ก็ไม่ยากที่จะได้เลือกบ้านที่ ใช่ ที่มีคุณภาพเหมาะกับผู้บริโภคทั้งเรื่องของรายได้และความเป็นอยู่
https://www.ddproperty.com
วัสดุก่อสร้างมีลุ้น! ดันพรบ.แร่เข้าครม.
“บิ๊กป้อม” รับลูกกระทรวงทรัพยากรฯ ชงแผนแม่บทและยุทธศาสตร์วัสดุก่อสร้างประเภทแร่ 20 ปีเข้าครม. ภาคเอกชนรอความหวังประกาศใช้เพื่อปลดล็อกพ.ร.บ.แร่หลังธุรกรรมหยุดชะงักมานาน
แหล่งข่าวจากสมาคมอุตสาหกรรมย่อยหินไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้แจ้งผลการพิจารณาทบทวนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี (2560-2579) และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ พ.ศ.2560-2564 กลับไปยังกระ ทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2561 แล้ว ล่าสุดพล.อ.ประวิตร วงษ์-สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งคาดว่าจะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในเร็วๆ นี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างประเภทแร่ที่ได้รับผลกระทบต่อธุรกิจก่อสร้างทั้งระบบ
โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสภาการเหมืองแร่ สมาคมอุตสาหกรรมย่อยหินไทย สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย และชมรมสินแร่อุตสาหกรรมและวัสดุก่อ สร้าง ได้พยายามเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงต่อรัฐบาลถึงผลกระทบหลังการประกาศใช้พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2560 แล้วมีผลในการต่ออายุประทานบัตร และขอประทานบัตรใหม่ไม่ได้ เพราะความล่าช้าในการกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ 5 ปีดังกล่าว
“หากไม่เร่งแก้ไขอาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงถึงโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลที่ต้องใช้วัสดุก่อสร้างต่างๆ จำนวนมากอาทิ รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ ท่าเรือนํ้าลึก การขยายและปรับปรุงสนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ฯลฯ นอกจากนี้นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ให้พิจารณาทบทวนถึงการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับระเบียบวิธีปฏิบัติในการทำเหมืองแร่ในที่ดิน ส.ป.ก.อีกด้วย”
http://www.thansettakij.com
เศรษฐกิจโลกเสี่ยงสูง! ‘สหรัฐฯ’ ฟัดจีน ธุรกิจต้นทุนพุ่ง
‘ทรัมป์’ ยัน! หลังเที่ยงคืนสู่เช้าวันศุกร์ที่ 6 ก.ค. (เวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 25% รวมมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งฝ่ายจีนก็เตรียมพร้อมจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในมูลค่าเท่าเทียมกันตามที่ได้เคยประกาศไว้ทันทีที่สหรัฐฯ เริ่มก่อน นับเป็นการยกระดับสงครามการค้าครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่ทั้ง 2 ฝ่าย ขู่โต้กันไปมา และหลังจากนี้อีก 2 สัปดาห์ สหรัฐฯ อาจเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมอีกระลอก มูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์ สินค้าจีนที่อยู่ในกลุ่มจะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นรอบแรก 25% ครอบคลุม 818 ประเภทสินค้า มีตั้งแต่อุปกรณ์ไถนา เซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึงชิ้นส่วนอากาศยาน นับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีเจาะจงโดยตรงที่สินค้าจีน หลังจากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้กล่าวหาจีนมีพฤติกรรมการค้าไม่เป็นธรรม ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าอย่างหนักถึง 335,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งยังกล่าวหาจีน ‘ปล้น’ ทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ มาโดยตลอด ทางการจีนโต้กลับว่า เตรียมเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในมูลค่าไม่น้อยไปกว่ากัน ครอบคลุมสินค้าที่มีความสำคัญต่อกลุ่มฐานเสียงของรัฐบาลสหรัฐฯ อาทิ ถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง เนื้อสุกร เนื้อโค เนื้อไก่ ปลา นม รวมทั้งรถยนต์ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการยั่วยุให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ขณะเดียวกัน จีนได้หาแหล่งจัดซื้อใหม่เป็นการทดแทน เช่น ถั่วเหลืองจากบราซิล ที่จีนสั่งซื้อถึง 19 ตู้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ เตือนว่า ผลกระทบจากสงครามการค้าที่ส่อแววลุกลาม จะมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและอันตรายยิ่งขึ้น ก็เมื่อมาตรการเหล่านี้ส่งผลโดยตรงที่ทำให้ภาคธุรกิจเอกชนและผู้บริโภคทั่วโลกมีต้นทุนใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น นายโรเบิร์ท ฮอลลีย์แมน อดีตรองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) สมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ให้ความเห็นว่า ถ้าหากไม่มองหาทางออกของเรื่องนี้ให้ไว ความขัดแย้งก็จะยิ่งบานปลายและเพิ่มแรงกระทบมากขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่าง การเปิดศึกการค้าจากกรณีการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม ทำให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ อย่าง สหภาพยุโรป (อียู) แคนาดา และเม็กซิโก พากันงัดมาตรการทางภาษีมาตอบโต้สหรัฐฯ และกำลังลุกลามไปสู่การขึ้นภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ที่จะสร้างผลกระทบเสียหายแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบริษัทเอกชนของสหรัฐฯ เอง อย่าง ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์หรู เมื่อถูกอียูเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ก็จำเป็นต้องโยกย้ายการผลิตออกไปสู่โรงงานที่อยู่นอกสหรัฐฯ มากขึ้น นับเป็นผลลัพท์ที่สวนทางกับนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องการดึงทุนอเมริกันกลับประเทศ ส่วนบริษัทอเมริกันที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในจีน อย่าง แอปเปิล วอลมาร์ต และเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ต่างก็หวาดหวั่นอาจเจอข้อจำกัดในการขยายธุรกิจในจีน หากความขัดแย้งทวีความรุนแรง
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตกอยู่ในทิศทางปรับดิ่งลง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า และไม่มั่นใจเกี่ยวกับความสามารถของรัฐบาลจีนในการแก้ไขปัญหาหนี้ท่วมและการรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่ ดัชนีหลักทรัพย์ฯ ของสหรัฐฯ ปีนี้ มีการขยายตัวมากกว่า 2% เล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวค่อนข้างแข็งแกร่งชดเชยความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้า แต่ถ้ามองในแง่การเมือง ความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้น จะมีผลต่อกลุ่มเกษตรกรที่เป็นฐานเสียงสำคัญในมลรัฐที่เป็นแหล่งผลิต และถ้าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สามารถกปกป้องพวกเขาจากผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสงครามการค้า เชื่อว่าที่นั่งของพรรครีพับลิกันในสภาก็คงจะลดลงอย่างแน่นอน หลังการเลือกตั้งกลางเทอมที่กำลังจะมีขึ้นในเดือน พ.ย. ที่จะถึงนี้
การเปิดศึกการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะทำให้การค้าขายระหว่างบริษัทของทั้ง 2 ฝ่าย มีต้นทุนสูงขึ้น เมื่อราคาสูงขึ้น ความต้องการซื้อระหว่างกันก็จะลดน้อยลง … กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกโรงเตือนว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายหาการเผชิญหน้าที่ยืดเยื้อจะส่งผลเชิงลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ขณะนี้ถือได้ว่ามีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีนจะตอบโต้กันไปถึงจุดไหน หากขึ้นภาษีรอบแรกกันไปแล้วทั้ง 2 ฝ่าย ผ่อนคลายท่าทีลง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจก็จะมีเพียงเล็กน้อย แต่ถ้ามีการตอบโต้กันเต็มอัตราศึก โดยขยายไปถึงการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า 10% สินค้าจากทุกประเทศจะมีการขึ้นภาษีตอบกลับจากประเทศคู่ค้าเหล่านั้น ก็จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงในอัตรา 0.8% ภายในปี 2563
นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค. ให้ความเห็นว่า ความเสี่ยงมากที่สุดจะมาจากผลกระทบทางอ้อมของการที่ภาคธุรกิจมีความมั่นใจน้อยลง การปล่อยสินเชื่อมีเงื่อนไขข้อจำกัดมากขึ้น ทำให้มีการลงทุนและการจ้างงานน้อยลง ปัจจัยเหล่านี้มีผลลดทอนความคึกคักในตลาดการเงินด้วย
https://www.terrabkk.com
บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัว 33.27 บาทต่อดอลลาร์
ตลาดยังไม่มีทิศทางชัดเจน คาดตลาดหุ้นน่าจะโดนแรงกดดัน จากราคาน้ำมันปรับตัวลง
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.27บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดสิ้นวันทำการก่อน ในคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินยังไม่มีทิศทางชัดเจน ราคาน้ำมันปรับตัวลง 4% ไปแตะระดับต่ำที่สุดในรอบสี่เดือน ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญของสหรัฐอย่าง S&P500 ปรับตัวลง 0.1% แม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นกลุ่มค้าปลีกในสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นตามรายได้
ฝั่งตลาดตราสารหนี้ก็ยังคงผันผวน บอนยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้น 0.3% ไปที่ระดับ 2.86% บนความคาดหวังว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ในช่วงครึ่งหลังของปี ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโร แต่ยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนและปอนด์สเตอร์ลิง
ฝั่งเศรษฐกิจกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ยังคงประมาณการว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ระดับ 3.9% ในปีนี้และปีหน้า แต่ฉายภาพความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าว่าจะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลดลงแน่นอน ขณะที่ไอเอ็มเอฟมองว่า มีเพียงตลาดเกิดใหม่บางกลุ่มในยุโรปและตะวันออกกลางเท่านั้นที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น
ทางด้านตลาดการเงินไทย เชื่อว่าวันนี้ตลาดหุ้นน่าจะโดนแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทอาจไม่อ่อนค่าลงมากนัก เนื่องจากดอลลาร์ชะลอการแข็งค่าลง ปัจจัยหลักที่ยังต้องติดตามในวันนี้คือการให้ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐต่อรัฐสภา เรามองว่าเฟดไม่สามารถเร่งการขึ้นดอกเบี้ยได้มากกว่านี้แล้ว ดังนั้นปัจจัยนี้อาจเป็นมุมลบกับดอลลาร์ระยะสั้นได้ถ้าการเมืองของสหรัฐเข้าแทรกแซงจนส่งผลให้การขึ้นดอกเบี้ยชะลอลง มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 33.20-33.30 บาทต่อดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
อย.ลั่นม.ค. 62 ประเทศไทยไม่มี ‘ไขมันทรานส์’ ในอาหารอีก
อย.ลั่นม.ค. 62 ประเทศไทยไม่มี “ไขมันทรานส์” ในอาหารทั้งที่ผลิตเอง และนำเข้า หลังออกประกาศห้ามชัดเจน เชื่อช่วยคนไทยห่างไกลโรคหัวใจมากขึ้น แนะระหว่างนี้ให้เลี่ยงอาหารหวานมันเค็ม โดนัท พัฟฟ์ พายที่ใช้ไขมันทรานส์ในการผลิต
เมื่อวันที่ 16 ก.ค.61 นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอารและยา (อย.) กล่าวถึงการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนหรือไขมันทรานส์ และอาหารที่มีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบ เป็นอาหารห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย โดยมีผลบังคับใช้ใน 180 วัน ว่า ไขมันทรานส์เป็นไขมันประเภทอิ่มตัว มักใช้กับอาหารกลุ่มของทอด เช่น โดนัท พัฟฟ์ พาย เป็นต้น โดยมีการเอามาใช้ในทางอุตสาหกรรม เพราะทำให้กลิ่นหืนหายไป และเก็บอาหารได้นานขึ้น แต่ภายหลังมีข้อมูลว่า เมื่อรับประทานไปนานๆ จะเกิดการสะสมและเพิ่มความเสี่ยงเรื่องโรคหัวใจ ซึ่งในสหรัฐอเมริกามีการยกเลิกไม่ใช้ใช้ไขมันทรานส์ไปแล้ว
นพ.วันชัย กล่าวว่า ส่วนในประเทศไทย ที่ผ่านมา อย.ได้หารือร่วมกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และอาจารย์ด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากไขมันทรานส์ เพื่อวางแผนยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์ในกระบวนการผลิตอาหารมา 2-3 ปีแล้ว หลังจากที่มีการหารือกับผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมการผลิตอาหารจนลงตัว โดยทางผู้ผลิตขอเวลาประมาณ 6 เดือนในการปรับตัวเพื่อยกเลิกการผลิตที่มีการใช้ไขมันทรานส์นั้น จึงได้มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ. 2561 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2561 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วันที่ประกาศ ซึ่งก็คือ 6 เดือน โดยจะเริ่มได้ในช่วงปีหน้าคือ ม.ค. 2562 ประเทศไทยจะไม่มีการการใช้ไขมันทรานส์ในการผลิตอาหารอีก เพื่อเป็นการคุ้มครองสุขภาพประชาชน และน่าจะลดเรื่องโรคหัวใจในคนไทยลงไปได้จำนวนมาก
“เชื่อว่าผู้ประกอบการบางส่วนมีการเตรียมตัวมานานแล้ว บางรายอาจใช้เวลา 3-4 เดือน ก็สามารถเปลี่ยนการผลิตโดยไม่ใช้ไขมนัทรานส์ได้ ส่วนระหว่างนี้ก็ขอให้ประชาชนเลี่ยงอาหาร เช่น พวกโดนัท พัฟฟ์ พาย ต่างๆ หรืออาหารหวานมาก มันมาก เค็มมาก เพื่อหลีกเลี่ยงการรับไขมันทรานส์ ส่วนตั้งแต่ ม.ค. 2562 เป็นต้นไป ก็ไม่จำเป็นต้องมาดูฉลากว่ามีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบหรือไม่ เพราะเราห้ามทั้งหมดทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า ต้องไม่มีการใช้ไขมันทราส์เป็นส่วนประกอบอีกต่อไป” นพ.วันชัย กล่าว
http://www.bangkokbiznews.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 17/07/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,500.00 |
19,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,263.00 |
19,147.08 |
20,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,136.70 |
17,232.37 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
568.00 |
8,610.88 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
442.00 |
6,700.72 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,309.00 |
19,844.44 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 17/07/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
29.15
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
|
26.24
|
26.24
|
26.24
|
26.24
|
– |
26.24
|
26.24
|
26.24
|
26.24
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.84 |
20.84 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.84 |
20.84 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
28.88 |
28.88 |
28.88 |
28.88 |
28.88 |
28.88 |
28.88 |
28.88 |
28.88 |
28.88 |
เบนซิน 95 |
36.26 |
– |
– |
– |
36.71
|
– |
36.76 |
36.26 |
36.26 |
36.26 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
31.59 |
32.46 |
32.96 |
32.46 |
32.46 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
17 Jul 05:00 |
17 Jul 05:00 |
17 Jul 05:00 |
17 Jul 05:00 |
17 Jul 05:00 |
17 Jul 05:00 |
17 Jul 05:00 |
17 Jul 05:00 |
17 Jul 05:00 |
17 Jul 05:00 |