สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 20 กรกฎาคม 2561

รถไฟฟ้ามา … คอนโดฯ คึกคัก! จับตา “เขียว-ส้ม-เหลือง” มาแรง

ปรับผัง กทม. น่าจับตาแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-คูคต, สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี มีโครงการแนวสูงผุดจำนวนมาก ยิ่งในย่านชุมชน ทดแทนอาคารดั้งเดิม

ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งแรกปี 2561 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ รวม 22,561 หน่วย ในจำนวนดังกล่าวประมาณ 76% หรือ 17,046 หน่วย เปิดขายตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอก โดยรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากกว่ารถไฟฟ้าแนวเส้นทางอื่น คือ ประมาณ 2,866 หน่วย มีกำหนดเปิดขายในช่วงครึ่งหลังปี 2561

สำหรับเส้นทางที่เริ่มก่อสร้างในปี 2560 หรือ 2561 ไม่ว่าจะเป็นสายสีเหลือง ชมพู และส้ม ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อาจจะยังไม่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการมากนัก แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีคาดการณ์ว่า จะมีผู้ประกอบการหลายรายสนใจและเข้าไปพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก

เมื่อพิจารณาในแต่ละแนวเส้นทาง พบว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่ปี 2558 ที่เริ่มการก่อสร้างรถไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม มีคอนโดมิเนียมเปิดขายมากขึ้น เฉพาะช่วงปี 2558-2560 มีมากถึง 14,700 ยูนิต โดย บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการมากที่สุดของย่านนี้ เปิดขายแล้วกว่า 9 โครงการ ประมาณ 3,810 หน่วย

ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีผู้ประกอบการขนาดใหญ่อีกหลายรายที่ให้ความสนใจและพัฒนาโครงการใหม่ เช่น บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ก็เตรียมที่จะพัฒนาโครงการ พลัม คอนโด สะพานใหม่ , บมจ.แสนสิริ เตรียมพัฒนาโครงการเดอะ เบส สะพานใหม่ และซีพีเอ็น เรสซิเดนซ์ ก็เตรียมที่จะพัฒนาคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก และเลือกที่จะพัฒนาโครงการบริเวณปากซอยพหลโยธิน 34 นอกจากนี้ ยังมี บจก.แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ ก็เตรียมที่จะพัฒนาโครงการแมสซารีน รัชโยธิน ตรงข้ามเมเจอร์ รัชโยธิน และ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) ก็เตรียมที่จะเปิดโครงการ Life Ladprao Valley ตรงข้ามเซ็นทรัล ลาดพร้าว

อีกเส้นทางที่เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง แนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี หลังจากโครงการมีความชัดเจนมากขึ้น ทำเลรถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นทำเลที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีจำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่รวมกันมากกว่า 12,703 หน่วย โดยเฉพาะย่านศรีนครินทร์ ณ ไตรมาส 2 ปี 2561 คอนโดมิเนียมย่านศรีนครินทร์มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 6,210 ล้านบาท ประมาณ 4,541 หน่วย ขายไปแล้วทั้งหมด 3,940 หน่วย หรือขายไปแล้วประมาณ 87% เหลือขายประมาณ 601 หน่วย หรือประมาณ 13% เท่านั้น

 

โดยคอนโดมิเนียมย่านศรีนครินทร์เริ่มมีผู้ประกอบการสนใจพัฒนาคอนโดมิเนียมในย่านนี้ตั้งแต่ประมาณปี 2551 คือ บมจ.ศุภาลัย ที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมย่านนี้แล้วถึง 2 โครงการ ถึงประมาณ 2,734 หน่วย ซึ่งถือว่าเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของย่านนี้ นอกจากนี้ ยังมี บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) ที่เคยสนใจพัฒนาโครงการย่านนี้ในปี 2554 คือ โครงการแอสปาย ศรีนครินทร์ จำนวน 320 หน่วย และในอนาคตยังมีผู้ประกอบการอีก 1 โครงการ จาก บมจ.ริซี่ เพลซ 2002 ที่เตรียมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่บนทำเลย่านศรีนครินทร์อีก 1 โครงการ

ส่วนพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เป็นพื้นที่ที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากที่สุดในช่วงปี 2557 เป็นต้นมา เนื่องด้วยเป็นทำเลที่มีความพร้อมและเป็นชุมชนดั้งเดิมมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว ทั้งเส้นทางรถไฟใต้ดินที่ผ่านส่วนหนึ่งของถนนลาดพร้าว และพื้นที่ตลอดทั้ง 2 ฝั่งของถนนลาดพร้าว ที่มีความเป็นชุมชนและมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน คาดการณ์ปี 2561 นี้ มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่สะสมรวมกัน 9,190 หน่วย

http://www.thansettakij.com


วัสดุก่อสร้างมีลุ้น! ดันพรบ.แร่เข้าครม.

“บิ๊กป้อม” รับลูกกระทรวงทรัพยากรฯ ชงแผนแม่บทและยุทธศาสตร์วัสดุก่อสร้างประเภทแร่ 20 ปีเข้าครม. ภาคเอกชนรอความหวังประกาศใช้เพื่อปลดล็อกพ.ร.บ.แร่หลังธุรกรรมหยุดชะงักมานาน

แหล่งข่าวจากสมาคมอุตสาหกรรมย่อยหินไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้แจ้งผลการพิจารณาทบทวนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี (2560-2579) และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ พ.ศ.2560-2564 กลับไปยังกระ ทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2561 แล้ว ล่าสุดพล.อ.ประวิตร วงษ์-สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ได้มีบัญชาให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งคาดว่าจะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในเร็วๆ นี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างประเภทแร่ที่ได้รับผลกระทบต่อธุรกิจก่อสร้างทั้งระบบ

โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสภาการเหมืองแร่ สมาคมอุตสาหกรรมย่อยหินไทย สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย และชมรมสินแร่อุตสาหกรรมและวัสดุก่อ สร้าง ได้พยายามเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงต่อรัฐบาลถึงผลกระทบหลังการประกาศใช้พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2560 แล้วมีผลในการต่ออายุประทานบัตร และขอประทานบัตรใหม่ไม่ได้  เพราะความล่าช้าในการกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ 5 ปีดังกล่าว

“หากไม่เร่งแก้ไขอาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงถึงโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลที่ต้องใช้วัสดุก่อสร้างต่างๆ จำนวนมากอาทิ รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ ท่าเรือนํ้าลึก การขยายและปรับปรุงสนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ฯลฯ นอกจากนี้นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ให้พิจารณาทบทวนถึงการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับระเบียบวิธีปฏิบัติในการทำเหมืองแร่ในที่ดิน ส.ป.ก.อีกด้วย”

http://www.thansettakij.com


ภารกิจฟื้นประเทศ! สร้างการเติบโตอย่างสมดุล

“ผมมี 2 ภารกิจ 1 คือ ต้องพยายามอย่าให้จีดีพีเราหล่นไปไกลกว่านี้ … ส่วนภารกิจที่ 2 คือ ต้องเปลี่ยนแปลงประเทศให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงสร้างเศรษฐกิจ ที่เราเก็บความรู้ และการเฝ้าสังเกตต่าง ๆ ในต่างประเทศ อยู่ในสมองของเรา และรู้จุดอ่อน จุดแข็ง ของเศรษฐกิจบ้านเรามาตั้งแต่สมัยยุคแรกที่เข้าไปเป็นรัฐมนตรี 6 ปี”

คำกล่าวของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ในงานสัมมนา E-Commerce Big Bang เพื่อบอกถึงความตั้งใจที่จะเข้ามาทำ 2 ภารกิจหลัก ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของไทย หลังจาก 10 ปีที่ผ่านมา เราเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง จนสูญเสียโอกาสในการพัฒนา

ถือเป็น 10 ปี ที่ประเทศสามารถขับเคลื่อนจนกลายเป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ ขณะที่ เวียดนามก็มาแรงมากควบคู่กับอินโดนีเซีย มาเลเซีย มีแต่ไทยเท่านั้น ที่ย่ำเท้าอยู่กับที่ ทั้ง ๆ ที่เรามีศักยภาพเต็มเปี่ยม

นายสมคิด ย้ำว่า ภารกิจในข้อแรก คือ การทำไม่ให้จีดีพีติดลบตอนนี้ผ่านพ้นไปแล้ว จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ระบุ จีดีพีไตรมาสแรกของไทยในปีนี้ โต 4.8% สูงสุดในรอบ 5 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่า เศรษฐกิจของเราดีแล้ว เพราะว่า  4 ปีที่ผ่านมา ภาคเกษตรยังลำบากมาก ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาโดยตลอด มันคือ ข้อเท็จจริงที่ทุกคนต้องยอมรับ ก็คือว่า มันยังกระจายไม่ทั่วถึงไปข้างล่าง

“ในช่วงเวลาที่ผ่านมา 4 ปี โครงการที่ลงไปจากแบงก์รัฐลงไปช่วยเหลือภาคเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท และงบที่ลงมาสู่เอสเอ็มอีไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท อันนั้นเป็นการประคอง ประคับประคองเป็นการบรรเทา แต่ถ้าเราจะพลิกประเทศจริง ๆ มันต้องมีวิธีการอื่นที่ช่วยให้เขาเข้มแข็งขึ้นมา สิ่งที่ผมย้ำแล้วย้ำอีก ก็คือว่า สิ่งที่เราต้องการ คือ ต้องการเปลี่ยนประเทศนี้ให้เป็นประเทศที่เน้นเรื่องของการเพิ่มมูลค่าของผลผลิต จะทำอย่างไรในเชิงของมาตรฐานเชิงคุณภาพ เชิงของการแปรรูป เชิงของการใช้เทคโนโลยี นี่คือ สิ่งสำคัญที่สุด”

นายสมคิด ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2562 รัฐบาลได้ตั้งงบเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประมาณ 4 แสนล้านบาท และงบสำหรับสร้างความเท่าเทียมกันในเศรษฐกิจฐานรากหญ้าอีกประมาณ 4 แสนล้านบาท รวม 2 ก้อน 8 แสนล้านบาท โดยจะมีการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ควบคู่กับการกระจายความมั่งคั่ง หรือที่เรียกว่า Balanced Growth ด้วยการเพิ่มมูลค่าของการผลิต สร้างอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่เราสามารถเพิ่มมูลค่าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมต่อกับภาคเกษตรให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร กระจายการท่องเที่ยวไปยังเมืองรอง

สิ่งสำคัญถัดมา คือ เรื่องของเทคโนโลยีแห่งอนาคตด้วยการอาศัยดิจิตอล เน้นในเรื่องนวัตกรรม การสร้างผู้ประกอบการใหม่ ให้สามารถมองโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มในสายโซ่ของแวลู เชน ในธุรกิจที่จะทำได้ เพราะยังมีช่องว่างที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็มอีกมหาศาล มีโอกาสทางธุรกิจ ขณะที่ การพัฒนา อี-คอมเมิร์ซ ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสร้างโอกาสให้กับคนตัวเล็ก ต้องดึงเอายักษ์ชนยักษ์ มีอาลีบาบา ต้องมี JD ต้องมี Amazon เข้ามาต้องทำแบบธุรกิจที่เขาทำกัน อีกเรื่องที่สำคัญ คือ การผลักดันให้ประเทศไทยต้องมี 5จี ในปี 2020 เพื่อดึงดูกอุตสาหกรรมไฮเทค

“ดิจิตอลเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งเรื่องพฤติกรรม ทั้งเรื่องการค้าออนไลน์ ทั้งเรื่องของการไปสู่การสร้างความเจริญในเมืองต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ คือ ความคิดอ่านที่อยู่ในสมองของเราออกมาทีละตอน ๆ เหมือนกับเวลาเขียนหนังสือ ผมบอกว่า ผมเป็นนักเขียนหนังสือนะ ผมเขียนหนังสือได้เป็นบท ๆ เลย ผมออกมาทีละตอน ๆ ถ้าท่านเย็บเล่มเข้าด้วยกัน ท่านจะเข้าใจเลยว่า

1.ต้อง Sustain เศรษฐกิจของเราไม่ให้ทรุด 2.ต้องสร้าง Balanced Growth 3.ต้องปฏิรูปเศรษฐกิจของเราให้ทันสมัย สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างเถ้าแก่ สร้างเมืองที่มันทันสมัย ให้ความเจริญกระจายออกไปเมืองใหญ่ ๆ ขึ้นมา ให้มันมีสัก 15 เมือง 20 เมือง ดูสิว่า จีดีพี 5% มันไม่ครณาเลย ถ้าไม่ทำอะไรเลย จำนำลูกเดียว ท่านคิดว่า ในโลกแห่งอนาคตข้างหน้าอยู่ได้มั้ย ถ้ามัวแต่บอกว่า ละทิ้งชาวนา ไม่จำนำ ไม่ช่วยเหลือ ไม่รดน้ำที่ราก อนาคตจะมีไหม”

นายสมคิด บอกว่า รัฐบาลนี้เหลือเวลาอย่างมากอีก 8 เดือน ในช่วง 8 เดือนที่เหลืออยู่นี้ ทุกคนที่เป็นข้าราชการต้องทำงานแข่งกับเวลา ทำให้ได้มากที่สุด รวมทั้งจะต้องทำงานประสานกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่าทำงานแบบเจ้าขุนมูลนาย ต้องเข้าไปหามวลชน ต้องออกไปโรดโชว์ต่างประเทศ ทำให้ อี-คอมเมิร์ซ อี-แพลตฟอร์ม thaitrade.com มีความน่าเชื่อถือ เพราะไม่อยากให้ไปพึ่งต่างชาติอย่างเดียว เราต้องมีของเราเอง แต่ขณะเดียวกัน เราต้องเชื่อมกับเขา แล้วคนตัวเล็กจะได้ประโยชน์

http://www.thansettakij.com


บาทเปิดตลาดเช้านี้ ทรงตัว 33.45 บาทต่อดอลลาร์

บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัว33.45บาทต่อดอลลาร์ ตลาดยังกังวลสงครามการค้าสหรัฐกับจีน สกุลเงินเอเชียยังอ่อนค่า

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงิน ตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.45บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดสิ้นวันทำการก่อน

ในคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินมีแนวโน้มผันผวนหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐแสดงความไม่พอใจที่เฟดปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเพราะจะทำให้สหรัฐเสียความสามารถในการแข่งขัน ค่าเงินดอลลาร์จึงอ่อนค่าลงทันทีราว 0.1% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ อย่างไรก็ตามบอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10ปียังทรงตัวที่ระดับ 2.85% และ S&P500 ปรับตัวลงเพียง 0.4%

เราเชื่อว่าฝั่งการเมืองยังคงเป็นความเสี่ยง เพราะไม่มีความชัดเจนระหว่างสหรัฐและจีนในเรื่องการค้า ตลาดจึงตกอยู่ในความกังวลส่งผลให้สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ไม่สามารถแข็งค่ากลับขึ้นมาได้

นอกจากนี้เรายังมองว่าภาวะความเสี่ยง (Risk Sentiment) จะเริ่มมีทิศทางชัดเจนขึ้นหลังช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ความกังวลของตลาด ไม่ใช่การขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่อาจเป็นการทำกำไรของบริษัทที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ขณะที่ในอนาคตยังจะถูกกดดันจากแนวโน้มการกีดกันทางการค้าและดอกเบี้ยสหรัฐ

ในฝั่งไทย วันนี้จะมีการรายงานตัวเลขการค้าจากกระทรวงพาณิชย์ การส่งออกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การนำเข้ายังคงขยายตัวแรงที่ 15% ส่งผลให้การเกินดุลการค้าของไทยจะค่อยๆ ลดลง และไม่ได้เป็นตัวช่วยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าได้เร็วเหมือนปีที่ผ่านมา มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com


ตรวจเนื้อไก่พบ ‘อก-ตับ’ ตกค้างยายาปฏิชีวนะ คนกินมากเสี่ยงดื้อยา

เปิดผลตรวจ อกไก่ เครื่องในไก่ ตับไก่ พบมีการตกค้างยาปฏิชีวนะ 26 ตัวอย่าง จากทั้งหมด 62 ตัวอย่าง ซึ่งถ้ารับประทานในปริมาณที่มากอาจะทำให้เกิดการดื้อยาหรือแพ้ยาได้

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ทำการสุ่มทดสอบการ อกไก่ เครื่องในไก่ ตับไก่. ทั้งหมด 62 ตัวอย่าง ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จากห้างสรรพสินค้า ตลาดสด และห้างออนไลน์ ระหว่างวันที่ 9-15 มิถุนายน 2561 เพื่อตรวจหาการปนเปื้อนของยาปฏีชีวนะ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มฟลุออโรควิโนโลน คือ เอนโรฟลอคซาซิน / กลุ่มเตตราไซคลิน คือ ด็อกซีไซคลิน และกลุ่มเบต้า-แลคแทม คือ อะม็อกซีซิลลิน

พบการตกค้างของยาปฏิชีวนะ 26 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 41.93 พบตกมาตรฐานการใช้ยาปฏิชีวนะ จำนวน 5 ตัวอย่าง ในยาเอนโรฟลอคซาซิน เนื่องจากเป็นยานอกเหนือบัญชีแนบท้ายประกาศ ซึ่ง อย. อนุญาตให้ใช้ยานี้ได้แต่ต้องไม่พบการตกค้างของยานี้ โดยมีความผิดตามมาตรา 60 โทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ของพรบ.อาหาร พ.ศ.2522 ส่วนของยาด็อกซีไซคลิน พบ 21 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 33.87 ส่วนอีก 36 ตัวอย่างไม่พบยาปฏิชีวนะทั้งสามกลุ่ม

ขณะที่ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) บอกว่า ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในสัตว์ มีอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์คือ การดื้อยา แพ้ยา และอาการไม่พึ่งประสงค์ โดย อันตรายจากยากลุ่มแรก ด็อกซีไซคลิน จะทำให้ฟันมีสีคล้ำ สามารถพบเห็นในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ / มีอาการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร และมีผื่นคันบริเวณผิวหนัง.

กลุ่ม 2 อันตรายจาก เอนโรฟลอคซาซิน จะทำให้มีอาการอาเจียน ท้องเสียในบางรายที่ใช้ยาตัวนี้สูงกว่าบนาดที่แนะนำ 10 เท่า ทำให้กระดูกอ่อนตามข้อต่างๆเกิดความเสียหายจากผลของยา

กลุ่ม 3 อะม็อกซีซิลลิน จะทำให้เกิดผื่นคัน ลมพิษ มีอาการหอบหื่น

นอกจากนี้ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเสนอว่า ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาต้องปรับปรุงมาตรฐานการตกค้างให้ยอมรับได้น้อยที่สุด และต้องเข้มงวดและติดตามการใช้ยาปฏิชีวนะไม่ให้ตกค้างเกินกำหนดเพราะ ส่วนมากตอนนี่ยังมีฟาร์มเลี้ยงไก่ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อเร่งการเจริญเติบโต และ รักษาโรคของไก่ในปริมาณที่มาก ส่วนที่นำไปประกอบอาหารแล้วจะส่งผลต่อผู้บริโภคหรือไม่ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 20/07/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,250.00 19,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,247.00 18,904.52 19,850.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,122.30 117,014.07 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 561.00 8,504.76 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 436.00 6,609.76 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,295.00 19,586.72 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  20/07/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
แก๊สโซฮอล E-20
26.24
26.24
26.24
26.24
26.24
26.24
26.24
26.24
26.24
แก๊สโซฮอล E-85 20.84 20.84 20.84 20.84
แก๊สโซฮอล 91 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88
เบนซิน 95 36.26
36.71
36.76 36.26 36.26 36.26
ดีเซลหมุนเร็ว
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.59 32.46 32.96 32.46 32.46
มีผลตั้งแต่ 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า