แบ่งออกเป็นทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์)จะปรับขึ้นคาผ่านทางรวม 3 ด่าน ประกอบด้วย 1.ด่านบางครุ-บางเมือง เฉพาะรถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 95 บาท 2.ด่านบางครุ-เทพารักษ์ เฉพาะรถ 6-10 ล้อ ปรับเป็น 75 บาท และ3.ด่านบางครุ-บางแก้ว เฉพาะรถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 125 บาท
ส่องผลประกอบการครึ่งปีแรก “แนวราบ” พยุงพอร์ตรายได้บิ๊กแบรนด์
ที่มา : http://www.bkkcitismart.com
“เซ็นทรัล”ทิ้ง”โฮมเวิร์ค”ทุ่มงบ200ล้าน รีแบรนด์ดิ้งเป็น“บ้านแอนด์บียอนด์”
กลุ่มเซ็นทรัลประกาศทิ้งแบรนด์ “โฮมเวิร์ค”หลังสินค้าไม่ตอบโจทย์ลูกค้า ปรับกลยุทธ์ทุ่มงบ 200 ล้านบาท Re-Brandingเป็น “บ้านแอนด์บียอนด์”สู้ศึกคู่แข่ง รวมสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้านแนวใหม่ ให้ทุกอย่างมากกว่าเรื่องบ้าน คาดปลายปีมี 6 สาขาครอบคลุมทุกภาค ตั้งเป้า 5 ปียอดขายแตะ 50,000 ล้านบาท
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในกลุ่มเซ็นทรัล ผู้ดำเนินธุรกิจ “บ้านแอนด์บียอนด์” เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านในปัจจุบันมีแนวโน้มขยายตัวได้ในทิศทางที่ดี ซึ่งมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3.6% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 200,000 ล้านบาท ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลโฮมกรุ๊ปมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 14%โดยการเติบโตนั้นมีปัจจัยมาจากเศรษฐกิจของประเทศที่มีการฟื้นตัวได้ดี ซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้ที่ 4.8% ที่ได้รับแรงหนุนจากโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆของทางภาครัฐ การขยายตัวของสังคมเมือง ส่งผลให้แนวโน้มรายได้ต่อครัวเรือน และจำนวนที่อยู่อาศัยมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นใน 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดมีอายุน้อยลง และมีขนาดครอบครัวที่เล็กลง โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร เมืองธุรกิจ เมืองท่องเที่ยว และเมืองอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) รวมทั้งปัจจัยด้านพฤติกรรมการซื้อของตกแต่งบ้านมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคมีความความต้องการที่หลากหลายเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น รวมถึงประเทศไทยกำลังย่างเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นผู้ที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้า บริการ และข้อมูลที่รวดเร็ว ตอบสนองได้อย่างฉับไว ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีช่องทางของ Social Media ที่เป็นเครื่องมือหลักในการตัดสินใจซื้อสินค้า
ทั้งนี้จากการที่บริษัทเปิดให้บริการร้านค้าโมเดิร์นเทรด “โฮมเวิร์ค”เมื่อปี 2544 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าสินค้าไม่ค่อยตอบโจทย์ผู้บริโภค ขณะเดียวกันการแข่งขันในธุรกิจดังกล่าวก็ค่อนข้างมีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ต้องปิด “โฮมเวิร์ค” ไปหลายสาขา ดังนั้นในปี2561 นี้ บริษัทจึงได้ทุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาทในการรีแบรนด์ดิ้ง (Re-Branding) ใหม่เป็น “บ้านแอนด์บียอนด์” เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์เป็นศูนย์รวมสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้านแนวใหม่ที่ให้ทุกอย่างมากกว่าเรื่องบ้าน คือ ฟังก์ชันการใช้งาน ราคาคุ้มค่าจับต้องได้ มีโซลูชั่นช่วยแก้ทุกปัญหาที่ลูกค้าไม่สามารถทำเองได้ และบริการที่ครบทุกความต้องการ
โดยได้เริ่มทดลองเปิด “บ้านแอนด์บียอนด์” ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจสินค้าตกแต่งบ้านรูปแบบใหม่ จำนวน 3 สาขา ที่เชียงใหม่ ขอนแก่น และพัทยา ก่อนเป็นลำดับแรก ปรากฏว่าสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 20% ส่งผลให้บริษัทฯ มั่นใจทำรีแบรนด์ดิ้ง (Re-Branding) “โฮมเวิร์ค” เป็น “บ้านแอนด์บียอนด์” โดยตั้งเป้าปรับเปลี่ยนหน้าร้านอีก 3 แห่ง ที่สาขาราชพฤกษ์ สาขารัตนาธิเบศร์ และสาขาภูเก็ต ให้เป็น “บ้านแอนด์บียอนด์” ซึ่งจะทำให้จนถึงปลายปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 6 สาขา ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ครบทุกภาคทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ในปีนี้กลุ่มเซ็นทรัล โฮม มียอดขาย 25,000 ล้านบาท เติบโต 15%
ซึ่งการรีแบรนด์ในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่มูลค่าตลาดโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้านมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เป็นโอกาสที่ดีหากบริษัทฯ สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ตลาดได้ โดยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มองเห็นโอกาสรีแบรนด์ “โฮมเวิร์ค” เป็น“บ้านแอนด์บียอนด์” Home Improvement Store ที่เป็นโมเดลธุรกิจสินค้าตกแต่งบ้านเทรนด์ใหม่ โดยวางตำแหน่งของแบรนด์ให้เป็นศูนย์รวมสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน ที่ให้ทุกอย่างมากกว่าแค่เรื่องบ้าน “BEYOND EXPECTATION” ด้วย 4 หัวใจหลัก คือ สินค้าที่มีสไตล์พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ราคาคุ้มค่าจับต้องได้ มีโซลูชั่นที่ช่วยแก้ทุกปัญหา ทั้งการซ่อมแซมหรือปรับปรุงบ้าน และบริการที่ครบทุกความต้องการ ตอบโจทย์ลูกค้าในยุค 4.0 ด้วยพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร/สาขา พร้อมด้วยสินค้าคุณภาพกว่า 20,000 รายการ โดยมีรูปแบบการจัดเรียงสินค้าที่ต่อเนื่องกัน ซึ่งมีสินค้าที่แตกต่างจากเดิมถึง 30% ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
“ภายในระยะ 5 ปีข้างหน้ากลุ่มเซ็นทรัล โฮม คาดว่าจะมี 100 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็น บ้านแอนด์บียอนด์ 20 สาขา และไทวัสดุ 80 สาขา เพิ่มจากปัจจุบันที่มี 45 สาขา และตั้งเป้ายอดขายรวมของกลุ่มเซ็มทรัลโฮม กรุ๊ป ที่50,000 ล้านบาท”นายสุทธิสาร กล่าว
นายสุทธิสารกล่าวเพิ่มเติมว่า หนึ่งใน Pain point ของลูกค้า คือ เรื่องการซ่อมแซมบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ “บ้านแอนด์บียอนด์” จึงเปิดบริการ vFIX บริการปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน ติดตั้ง เปลี่ยนหรือย้ายจุดอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน จากช่างผู้เชี่ยวชาญผ่านการทดสอบตามมาตรฐานกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมรับประกันผลงานนานสูงสุด 180 วัน ในราคาที่จับต้องได้ ผ่านContact Center 1308 เพื่อบริการลูกค้าฉับไว โดยจะเริ่มให้บริการ vFIX ภายใน 31 สิงหาคม2561 และ vFIX Application ในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้บริษัทฯเตรียมให้บริการช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.baanandbeyond.com เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไร้รอยต่อด้วยการเชื่อมโยงช่องทางหน้าร้าน กับออนไลน์ ตามแนวคิด OMNI Channel ภายในเดือนกันยายน 2561
“เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ในแบรนด์และเป็นการฉลองเปิดตัว“บ้านแอนด์บียอนด์” อย่างเป็นทางการ บริษัทฯ กำหนดจัดงาน baan & BEYOND Expo 2018งานมหกรรมสินค้าตกแต่ง ซ่อมแซมบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี พร้อมสินค้าราคาลดสูงสุด 80% จากกว่า 500 แบรนด์ชั้นนำ รวมทั้งกิจกรรมและรายการส่งเสริมการขายพิเศษมากมายภายในงาน ระหว่างวันที่ 28 กันยายน -7 ตุลาคม 2561 ณ ไบเทค บางนา Hall 101-104”นายสุทธิสาร กล่าวในที่สุด
ที่มา : http://prop2morrow.com
ข่าวดีคนกรุง ได้ใช้แน่ โมโนเรล 2สายแรกของไทย เปิดให้บริการ ปี64
ที่มา : http://www.bkkcitismart.com
ดีเดย์ 1 ก.ย.ปรับขึ้นราคาทางด่วน 2 เส้น
รายงานข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งว่าตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2561 เป็นต้นไป กทพ. จะปรับขึ้นค่าผ่านอีก 5 บาท สำหรับทางพิเศษ 2 สายทาง คือทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) โดยจะปรับขึ้นเฉพาะในบางด่าน รวมทั้งสิ้น 14 ด่าน ซึ่งจะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทางทั้ง 2 ทิศทาง ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก
ทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ปรับขึ้นค่าผ่านทางรวมทั้งสิ้น 11 ด่าน ประกอบด้วย 1.ด่านบางนา กม.6-บางเสาธง เฉพาะรถ 6-10 ล้อ ปรับเป็น 65 บาท 2.ด่านบางนา-กม.6-บางสมัคร รถ 4 ล้อ ปรับเป็น 50 บาท, รถ 6-10 ล้อ ปรับเป็น 100 บาท และมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 150 บาท 3.ด่านบางนา กม.6-บางปะกง 1 เฉพาะรถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 185 บาท
4.ด่านบางนา กม.6-ชลบุรี เฉพาะรถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 220 บาท 5.ด่านวงแหวนรอบนอก (บางแก้ว)-บางสมัคร รถ 6-10 ล้อ ปรับเป็น 85 บาท ,รถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 125 บาท 6.ด่านวงแหวนรอบนอก (บางแก้ว)-บางปะกง 1 รถ 6-10 ล้อ ปรับเป็น 105 บาท ,รถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 160 บาท 7.ด่านวงแหวนรอบนอก (บางแก้ว)-ชลบุรี รถ 4 ล้อ ปรับเป็น 65 บาท ,รถ 6-10 ล้อ ปรับเป็น 130 บาท และรถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 195 บาท
8.ด่านบางพลี 2-บางพลีน้อย รถ 4 ล้อ ปรับเป็น 30 บาท, รถ 6-10 ล้อ ปรับเป็น 60 บาท และรถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 90 บาท 9.ด่านบางพลี 2-บางปะกง 1 เฉพาะรถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 140 บาท 10.ด่านสุวรรณภูมิ 2-บางสมัคร รถ 4 ล้อ ปรับเป็น 35 บาท, รถ 6-10 ล้อ ปรับเป็น 70 บาท และรถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 105 บาท และ11.ด่านสุวรรณภูมิ 2-ชลบุรี เฉพาะรถมากกว่า 10 ล้อ ปรับเป็น 175 บาท
รายงานข่าวจาก กทพ.แจ้งว่า การปรับขึ้นค่าผ่านทางครั้งนี้ได้รับการพิจารณาอนุมัติจากบอร์ด กทพ.ไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เป็นการปรับขึ้นตามราคาดัชนีผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งตามสัญญาสัมปทานกำหนดให้พิจาณราทบทวนการจัดเก็บค่าผ่านทางทุก 5 ปี เมื่อครบกำหนดสัญญา โดยขณะนี้ กทพ. ส่งรายละเอียดเรื่องการปรับขึ้นค่าผ่านทางเสนอให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาเพื่อออกประกาศอัตราค่าผ่านทางพิเศษและลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2561 เป็นต้นไป
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กล่าวว่า กรณีที่กทพ.จะปรับราคาค่าผ่านทางนั้น หากเป็นไปตามสัญญาที่ภาครัฐทำกับเอกชน ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามสัญญา ไม่สามารถไปดำเนินการอะไรได้ เพราะในอนาคตภาครัฐต้องทำสัญญากับเอกชนอีกในหลายๆ โครงการ หากไม่ดำเนินการตามสัญญาจะส่งผลให้การดำเนินการในอนาคตอาจมีปัญหาได้
นอกจากการดำเนินการตามสัญญาที่ กทพ.ทำไว้กับเอกชนแล้ว ทางภาครัฐไม่นิ่งนอนใจมีนโยบายที่กระตุ้นให้ประชาชนที่เดินทางโดยทางด่วนหันมาใช้บัตรเก็บเงินอัตโนมัติ(อีซี่พาส)มากขึ้น ล่าสุดบอร์ด กทพ.มีมติให้ลดค่าผ่านทางกับผู้ที่ใช้บัตรอีซีพาส 5 บาท กับผู้ใช้บัตรผ่านด่านอโศก ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 กันยายน เป็นต้นไป และภายใน 1 เดือนทาง กทพ.จะสรุปและประเมินว่าประชาชนหันมาใช้บริการจ่ายค่าผ่านทางผ่านบัตรอีซี่พาส มากขึ้นหรือไม่ หากมากขึ้นจะเพิ่มจุดการใช้บัตรอีซีพาส และลด 5 บาท เพิ่มขึ้น ทั้งนี้มั่นใจว่าการลดราคาผ่านการใช้บัตรจะช่วยกระตุ้นให้คนหันมาใช้มากขึ้นและลดจุดคอขวดหน้าด่านลง
ที่มา : https://www.khaosod.co.th
ใช้ชีวิตที่ชอบ ทำงานที่ใช่ ไร้กังวลกับการเงิน
คนทำงานทุกคนย่อมต้องการมีอิสระในการเลือกสิ่งที่ดีให้กับชีวิตของเรา ทำงานที่รักไปด้วย ใช้ชีวิตได้อย่างที่ชอบ ไปเที่ยวได้ ช็อปปิ้งได้ โดยไร้ปัญหาหรือกังวลเรื่องการเงิน jobsDB มีเคล็ดลับมาบอก … รับรองว่าไม่ยากเกินความสามารถ หากอยากก้าวสู่ความมั่งคั่งและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างที่ทุกคนปรารถนา
ทำอย่างไรให้เงินออมของเราเติบโต
1. ปลดหนี้ระยะสั้น : ก่อนจะคิดทำการใหญ่ อันดับแรกต้องหาทางปลดฤทธิ์หนี้สั้นให้ได้ หนี้สั้นที่ว่านี้ก็คือหนี้ที่ต้องรีบใช้คืนภายในระยะเวลา 1 ปี หรือน้อยกว่า เช่น หนี้จากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดทั้งหลาย หรือผ่อนสินค้า 0% 10 เดือน 12 เดือน ฯลฯ ซึ่งหนี้เหล่านี้ต้องมีการชำระทุกเดือน และวิธีที่ดีที่สุดในการปลดหนี้ก็คือการชำระเงินให้เต็มจำนวน จำไว้ว่ายิ่งปล่อยไว้นาน ดอกเบี้ยยิ่งมาก และพยายามอย่าก่อหนี้เพิ่มเติม เพื่อเริ่มขยับ step ต่อไป
2. ขยันเก็บเงิน : มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา หากไม่มีแผนลาออกจากงาน หรืออยู่ในภาวะเสี่ยงตกงาน ย่อมมีรายได้ที่แน่นอนเข้ามาทุกเดือน หลังจากหักค่าใช้จ่ายประจำ รวมถึงหนี้สินต่าง ๆ ก็ยังอยู่ได้สบาย ๆ จนอาจเผลอใช้ชีวิตแบบเลื่อนลอย เดือนไหนค่าใช้จ่ายน้อย เหลือเงินเยอะ ก็หมดไปกับการใช้จ่ายสิ่งฟุ่มเฟือย ส่งผลให้ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่มีเงินเก็บสักที สำหรับมือใหม่หัดออม แนะนำคาถาประจำตัวง่าย ๆ นั่นก็คือ รายได้ – ค่าใช้จ่าย = เงินออม
3. ควบคุมการใช้จ่าย สร้างวินัยทางการเงิน : ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้เหมาะสมกับ lifestyle ของตัวเรา แน่นอนว่าเงินเก็บยิ่งเยอะ ก็ยิ่งดีกับตัวเรา แต่การประหยัดอดออมมากเกินไปจนใช้ชีวิตลำบาก อาจทำให้ไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิต ส่งผลให้ท้อแท้และล้มเลิกความตั้งใจที่จะออมเงินไปได้ในที่สุด เงินออมที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 10 – 20% ของรายได้ เมื่อเริ่มทำบัญชีรายรับรายจ่ายเต็มรูปแบบ เราก็จะเริ่มเห็น list รายการการใช้จ่ายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน จากนั้นให้ปรับแต่งรายการในเดือนต่อ ๆ มา ตั้งธงให้ตัวเองว่าทำอย่างไรก็ได้ให้เงินออมเพิ่มมากขึ้น เช่น ลดค่าใช้จ่ายบางรายการ หรือรับ job หารายได้เสริม ก็น่าสนใจไม่น้อย เมื่อเริ่มปรับ lifestyle ได้ สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือ การมีวินัย ทุกครั้งที่ได้รับเงินเดือนหรือรายได้พิเศษต้องหักเก็บเป็นเงินออมทันที เหลือเท่าไหร่ค่อยนำไปใช้จ่าย
4. ลดความเสี่ยง อุดรอยรั่วทางการเงิน : ความเสี่ยงที่ว่าก็คือเหตุการณ์ไม่แน่นอนใด ๆ ก็ตาม ที่หากเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลให้เกิดปัญหาทางการเงิน เช่น ตกงาน อุบัติเหตุ การเจ็บป่วยต่าง ๆ ทางแก้ก็คือ ต้องเตรียมเงินฉุกเฉิน โดยเตรียมเงินในส่วนนี้ไว้ 3 – 6 เท่าของรายได้ในแต่ละเดือน เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ จะได้มีเงินไว้พร้อมแก้ปัญหา อีกวิธีหนึ่งที่เป็นตัวช่วยที่ดีก็คือ การทำประกันภัย โอนความเสี่ยงเหล่านี้ไปให้กับบริษัทประกันภัยต่าง ๆ เป็นผู้ดูแลเราเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
5. ลงทุนเพื่อเป้าหมายที่สำคัญ แล้วยกระดับผลตอบแทน : เป้าหมายที่สำคัญในชีวิต จะมีทั้งระยะยาว กลาง และสั้น ควรให้ความสำคัญจากเป้าหมายระยะยาวไปสู่ระยะสั้น เช่น วางแผนเตรียมเงินเพื่อใช้หลังเกษียณ ก่อนการวางแผนเพื่อซื้อรถยนต์ การท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ หรือช็อปปิ้งให้รางวัลกับตัวเอง เพราะเงินหลังเกษียณนั้นมีความสำคัญมาก ส่วนใหญ่เมื่อถึงเวลานั้นเราก็จะไม่มีรายรับเป็นกอบเป็นกำอีกต่อไป ขณะที่รายจ่ายนั้นมีอยู่ตลอดเวลา การกู้ยืมเงินเพื่อใช้จ่ายนั้นเป็นอันว่าอย่าหวัง และการหารายได้เพิ่มเติมอื่น ๆ ก็ยิ่งลำบาก คิดดูให้ดีว่า หากตอนนี้เรายังไม่มีเงินซื้อรถ ไปเที่ยว หรือช็อปปิ้ง ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่เทียบกันไม่ได้เลยกับความลำบากจากการไม่มีเงินใช้ในวัยเกษียณ
ลงทุนเพื่อเป้าหมายสำคัญในชีวิตกันไปแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อก็คือการลงทุนเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดผลตอบแทนที่มากขึ้น ภายใต้ความเสี่ยงที่รับได้ เช่น หากรับความเสี่ยงได้น้อย ก็อาจลงทุนกับหุ้นกู้ที่มีผลตอบแทนมากกว่าเงินเฟ้อ หรือกองทุนต่าง ๆ แต่หากรับความเสี่ยงได้มากก็อาจจะลงทุนในหุ้น หรืออนุพันธ์ เป็นต้น
6. สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อตัวเองและคนที่เรารัก : การวางแผนการเงินนอกจากช่วยให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าในทุกช่วงเวลาของชีวิต ช่วยให้เราสามารถเอาเวลาไปใช้กับกิจกรรมต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์และเกิดความสุขได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองมากนัก หรือต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินจนแทบไม่มีเวลาใช้ชีวิต ความมั่งคั่งทางการเงินที่เราได้สร้างขึ้นมายังส่งผลถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของคนรอบข้าง ครอบครัว คนที่เรารัก อีกทั้งยังสามารถส่งต่อเป็นมรดกได้จากรุ่นสู่รุ่น
การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต ท้ายที่สุดผลดีก็ย่อมตกอยู่กับตัวเราเอง นอกจากมีเงินเหลือเก็บแต่ละเดือน ยังสามารถเพิ่มพูนรายได้โดยไม่ต้องเหนื่อยหลายทาง ต่อยอดลงทุนให้เงินทำงานแทนเรา ลงมือทำแล้วจะรู้ว่าการออมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยหัวใจที่มุ่งมั่นและความมีวินัยอย่างสูง เพิ่มเติมอีกนิดสำหรับคนที่มองหาโอกาสสู่การสร้างความมั่นคงทางการเงิน คือการเลือกทำงานที่ใช่ รายได้ดี มีสวัสดิการที่มั่นคง เพียงแค่อัปเดตโปรไฟล์กับ jobsDB ให้โอกาสงานใหม่ที่ดีกว่าเดิมตามหาตัวเรา แล้วชีวิตที่ดีก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป
ที่มา : https://th.jobsdb.com
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 30 สิงหาคม 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 18,700.00 | 18,600.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,200.00 | 18,267.80 | 1,205.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 18,934.84 | 1,249.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,441.02 | 1,084.50 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 14,614.24 | 964.00 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,216.72 | 542.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,397.52 | 422.00 |
ราคาน้ำมันพฤหัสบดี 30 สิงหาคม 2561
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 30.15 | 30.15 | 30.25 | 30.15 | 30.15 | 30.15 | 30.15 | 30.15 | 30.15 | 30.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.88 | 29.88 | 29.98 | 29.88 | 29.88 | 29.88 | 29.88 | 29.88 | 29.88 | 29.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.14 | 27.14 | 27.14 | 27.14 | 27.14 | – | 27.14 | 27.14 | 27.14 | 27.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.39 | 21.39 | – | – | – | – | – | 21.39 | 21.39 | – |
เบนซิน 95 | 37.26 | – | – | – | 37.71 | – | 37.76 | 37.56 | 37.36 | 37.56 |
ดีเซล | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.59 | 33.46 | 33.46 | 33.46 | 33.46 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 14.58 | 14.58 | – | – | – | – | – | – | – | – |