ส่องตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ Q2/2018 โดย Knight Frank
- ในไตรมาส 2 ปี 2561 พื้นที่อาคารสำนักงานในกรุงเทพฯมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 4,603,875 ตารางเมตร
- ณ เดือนมิถุนายน ปี 2561 อัตราการครอบครองพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯโดยรวมอยู่ที่ร้อยละ 91.6 เนื่องจากมีการครอบครองพื้นที่ในบริเวณย่านศูนย์กลางธุรกิจเป็นจำนวนมาก
- ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.12 เปรียบเทียบกับปีก่อนในไตรมาส 2
- ค่าเช่าของอาคารสำนักงานเกรด A เพิ่มขึ้นเป็น 1,045 บาทต่อตารางเมตร ต่อเดือน เป็นเวลา 10 ไตรมาสติดต่อกัน ด้วยอัตราสะสมเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.11 ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2560
มร.มาร์คัส เบอร์เทนชอว์ กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายตัวแทนนายหน้า บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ ในปัจจุบันมีบริษัทมากกว่า 140 แห่งมีสำนักงานใหญ่ระดับนานาชาติและระดับภูมิภาคในกรุงเทพฯ การจัดรูปแบบพื้นที่ภายในสำนักงานที่ไม่ได้ประสิทธิภาพจะกลายเป็นภาระด้านค่าใช้จ่ายที่มีราคาสูง โดยในขณะที่ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานไต่ระดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ผู้เช่าควรศึกษาถึงความจำเป็นด้านการใช้พื้นที่ทำงานเพื่อให้แน่ใจว่ามีการใช้พื้นที่สำนักงานอย่างเป็นประโยชน์และเหมาะสม โดยอาจสังเกตได้อย่างง่ายๆ เช่น ดูจากการความถี่ของการใช้งานโต๊ะทำงานและห้องประชุม แต่อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ค่าอาคารสำนักงานมีราคาสูงอาจเป็นโอกาสดีที่จะลองหาแนวคิดการทำธุรกิจใหม่ๆ อย่างเช่น การทำงานที่รวดเร็วนั้นอาจจะช่วยลดต้นทุนด้านพื้นที่โดยการใช้พื้นที่ทำงานที่เหมาะสมกับการทำงาน ”
อัตราพื้นที่สำนักงานว่างในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำส่งผลให้เกิดการเติบโตด้านค่าเช่า ประกอบกับปริมาณอุปทานใหม่ที่มีจำกัดส่งผลให้เกิดตลาดที่มีความสมดุลเพิ่มมากขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของทรัพย์สิน
อุปสงค์
จากผลวิจัยไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ระบุว่า ณ ไตรมาส 2 ปี 2561 การเติบโตด้านความต้องการของพื้นที่อาคารสำนักงานในกรุงเทพฯยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ครอบครองสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 40,324 ตารางเมตร ไปที่ 4,603,875 ตารางเมตร ซึ่งแสดงอัตราการครอบครองโดยรวมที่ร้อยละ 91.6 สำหรับด้านทำเลที่ตั้ง พื้นที่ที่มีความต้องการสูงสุดอยู่บนถนนสุขุมวิท ช่วงระหว่างพร้อมพงษ์และชิดลม โดยมีปริมาณพื้นที่ครอบครองอยู่ที่ร้อยละ 97.2
กราฟที่ 1
อุปทาน อุปสงค์ และอัตราการครอบครองปี 2556 – ไตรมาส 2 ปี 2561
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
ตารางที่ 1
อัตราการครอบครอง แบ่งตามเกรดของอาคาร
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
หมายเหตุ : ตัวเลขเหล่านี้ไม่นับรวมอาคารที่มีเจ้าของหลายรายและอาคารที่มีพื้นที่น้อยกว่า 5,000 ตารางเมตร.
ตารางที่ 2
อุปทานในอนาคต แบ่งตามปี
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
อุปทาน
ในไตรมาส 2 ปี 2561 มีปริมาณพื้นที่อาคารสำนักงานใหม่เพิ่มขึ้น 87,600 ตารางเมตร ทำให้มีปริมาณอุปทานรวมทั้งสิ้น 4,968,458 ตารางเมตร เนื่องจากมีอาคารใหม่ 2 แห่งสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ในไตรมาสนี้ มีพื้นที่อาคารเกรด A เพิ่มขึ้นจาก 50,600 ตารางเมตร ไปเป็น 1,316,952 ตารางเมตร ในขณะที่อาคารเกรด B และ C มีพื้นที่อาคารอยู่ที่ 2,142,127 ตารางเมตร และ 1,509,379 ตารางเมตร ตามลำดับ
ในช่วงเดือนที่เหลือของปี 2561 ไปจนถึงปี 2562 โครงการใหม่ส่วนใหญ่ที่จะเข้าสู่ตลาดจะตั้งอยู่นอกย่านศูนย์กลางธุรกิจ โดยมีปริมาณพื้นที่รวมมากกว่า 240,000 ตารางเมตร ขณะเดียวกัน ในปี 2563- 2566 คาดการณ์ว่าจะมีอาคารสำนักงานใหม่เพิ่มขึ้นอีก 9 แห่ง โดยจะมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 599,185 ตารางเมตร เพิ่มเข้าสู่ตลาด
ตารางที่ 3
อุปทานในอนาคตของอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
อัตราค่าเช่า
อัตราค่าเช่าในปี 2560 และ 2561 แสดงแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ค่าเช่าโดยเฉลี่ยของพื้นที่ว่างของอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นจาก 702 บาทต่อตารางเมตร ต่อเดือน ไปที่ 752 บาทต่อตารางเมตร ต่อเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7.12 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน
จุดที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ ค่าเช่าของอาคารเกรด A เพิ่มขึ้นสูงที่สุดไปอยู่ที่ 1,045 บาทต่อตารางเมตร ต่อเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.77 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2560 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกันด้านการเติบโตของค่าเช่าของอาคารสำนักงานเกรด A ในกรุงเทพฯ
ในขณะที่ อาคารเกรด B และเกรด C ยังแสดงอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าที่ร้อยละ 4.96 และ 5.12 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยมีการปรับค่าเช่าไปที่ 740 และ 472 บาทต่อตารางเมตร ต่อเดือน ตามลำดับ
ตารางที่ 4
ค่าเช่าที่กำหนดไว้ แบ่งตามเกรดของอาคาร
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
ค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน แบ่งตามทำเลพื้นที่
ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ค่าเช่ายังคงปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่าเช่าโดยเฉลี่ยบนถนนสุขุมวิท ระหว่างพร้อมพงษ์และชิดลม มีค่าเช่าโดยเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ที่ 952 บาทต่อตารางเมตร ต่อเดือน เมื่อเทียบกับพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ในขณะที่ค่าเช่าบนถนนพระราม 3 มีค่าเช่าต่ำที่สุดอยู่ที่ 437 บาทต่อตารางเมตร ต่อเดือน
กราฟที่ 2
อัตราค่าเช่า โดยแบ่งตามเกรดของอาคาร ไตรมาส 2 ปี 2558 – ไตรมาส 2 ปี 2561
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
กราฟที่ 3
อัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ย โดยแบ่งตามถนน
ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
ภาพรวมตลาด
ความต้องการพื้นที่สำนักงานที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางปริมาณอุปทานที่มีจำกัดส่งผลให้เกิดการเติบโตด้านค่าเช่าอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นไปร้อยละ 73.9 นับตั้งแต่ปี 2547 อย่างไรก็ตาม เมื่ออุปทานใหม่ที่จะเพิ่มเข้าสู่ตลาดในปี 2563 เป็นต้นไปอาจช่วยชะลอการปรับอัตราค่าเช่าลงได้
ที่มา : https://thinkofliving.com
“ศุภาลัย”ไม่คาดหวังผลซื้อหุ้นMKตามคำเสนอ เตรียมเก็บบนกระดานหลังก.ล.ต.ไฟเขียว
บิ๊กศุภาลัยฯเผยไม่คาดหวังผลซื้อหุ้นMK ได้ตามจำนวน 992 หุ้น รอลุ้นหลังวันที่6 ก.ย.เตรียมเก็บหุ้นบนกระดานอีกรอบ มั่นใจ 4.10 บาท/หุ้น เป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว ด้านความคืบหน้าโครงการมิกซ์ยูส“ศุภาลัย ไอคอน”บนที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย ประกาศพัฒนาเองเต็มตัว เมินร่วมทุนพันธมิตร มีเม็ดเงินมากเพียงพอ
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน)หรือ SPALI เปิดเผยถึงความคืบหน้าการทำคำเสนอซื้อหุ้นโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ของบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน)หรือMK จำนวน 992,010,177 หุ้น ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท คิดเป็นมูลค่า 4,067.24 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 25กรกฎาคม 2561 ถึงล่าสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ว่าแม้ว่าจะมีนักลงทุนนำหุ้นMKมาเสนอขายได้ในจำนวนที่น้อยกว่าบริษัทฯต้องการ คือเพียงจำนวน 3 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 0.30 % ของหุ้นทั้งหมด แต่บริษัทฯก็ยอมรับกับจำนวนหุ้นที่ได้มา ซึ่งจะเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้ และไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อถึงวันสุดท้ายที่สามารถทำเสนอซื้อได้ไนวันที่ 5 กันยายน 2561 ที่จะถึงนี้ จะสามารถซื้อได้ครบจำนวน 992 ล้านหุ้น ตามที่ได้แจ้งให้ทราบไปแล้ว โดยที่ยังต้องรอสรุปจำนวนหุ้นที่มีผู้มาเสนอขายอีกครั้งในวันที่ 6 กันยายน นี้อีกครั้ง
โดยที่สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมนเนจเม้นท์ จำกัด (SPM) แม้ว่าจะมีสัดส่วนไม่มากพอที่จะมีอำนาจในการบริหารใน MK แต่บริษัทฯก็มองว่าการถือหุ้นใน MK เป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับที่บริษัทไปลงทุนในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือหุ้นเพียง 25% และก็ไม่มีอำนาจในการบริหาร แต่ก็เป็นการลงทุนที่บริษัทจะได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา ส่วนการจะถือหุ้น MK ในสัดส่วนที่มากขึ้นนั้น ทางบริษัทได้มีการปรึกษากับทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วว่าสามารถเข้าไปซื้อหุ้นMK ในกระดานได้ ซึ่งบริษัทจะเข้าไปเก็บหุ้น MK บนกระดานแทน
“ตอนนี้จะได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เพราะว่าราคาเสนอซื้อที่4.10 บาท/หุ้น เป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว และสูงกว่าราคาช่วงก่อนที่ศุภาลัยทำคำเสนอซื้อมากกว่า 20% เพราะช่วงก่อนหน้านั้นราคาหุ้น MK อยู่ที่ 3.20 บาท และมีต่ำกว่านั้นอีก แม้ว่าจะไม่ได้มีอำนาจในการบริหารในมั่นคงฯ แต่ก็ถีอเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง และการที่เรามีความต้องการเข้าไปบริหาร เพราะเป็นบริษัทที่เคยทำมาร่วมกับคุณชวน มติธรรม ผู้เป็นพี่ชาย และคุณชวนกับลูกๆก็อยากพักแล้ว อีกทั้งผมก็เข้าไปถือหุ้นในมั่นคงฯด้วย ก็เลยคิดว่าควรเข้าไปบริหาร ซึ่งหลังจากครบกำหนดทำคำเสนอซื้อแล้วเราก็คงจะเข้ามาเก็บหุ้น MK ในกระดานแทน ส่วนจะได้จำนวนหุ้นที่มาเสนอขายเท่าไหร่และจะมีสัดส่วนการถือหุ้นเท่าไหร่คงต้องรอสรุปในวันที่ 6 กันยายนนี้อีกครั้ง”นายประทีป กล่าว
ส่วนแผนการลงทุนโครงการมิกซ์ยูส “ศุภาลัย ไอคอน”บนที่ดินสถานฑูตออสเตรเลียนั้น บริษัทฯยืนยันที่จะไม่ร่วมทุนกับพันธมิตรรายใดทั้งสิ้น เพราะมั่นใจว่ามีเม็ดเงินในการลงทุนที่มากพอ ประกอบกับก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการเจรจากับพันธมิตรรายหนึ่งที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในส่วนของโรงแรมและจะเข้ามาบริหารโรงแรมในโครงดังกล่าว รวมไปถึงต้องการผลประโยชน์จากการลงทุนที่มากกว่าที่บริษัทฯคาดคิดไว้ จึงมองว่าจะเสียเปรียบในการลงทุนให้กับพันธมิตร และไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะที่ดินดังกล่าวบริษัทเป็นผู้ลงทุนในการประมูลที่ดินมาได้ และเป็นเงินลงทุนของบริษัทเอง จึงได้ตัดสินยกเลิกการร่วมมือพัฒนาโครงการกับพันธมิตรไป และเดินหน้าพัฒนาเองทั้งโครงการซึ่งประกอบด้วยคอนโดมิเนียม โรงแรม และศูนย์การค้า ซึ่งบริษัทฯมีความมั่นใจในความสามารถในการพัฒนาและการบริหารโครงการ
ที่มา : http://prop2morrow.com
แผนลงทุนรถไฟฟ้ารางเบาเมืองภูเก็ต ดันราคาที่ดิน-บ้านรีเซลพุ่งเท่าตัว
การเคหะแห่งชาติ ชี้ตลาดที่อยู่อาศัยมีความต้องการสูง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากจำนวนประชากรแฝงสูง เมืองขยายตัว ราคาที่ดินปรับเพิ่มสูง ราคารีเซลปรับเพิ่มเป็นเท่าตัว รับแผนลงทุนในโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ตเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเบา
นายบัญชา บัญชาดิฐ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยถึงความต้องการที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ตว่า ตลาดมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะฯนั้นได้รับการตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ต การเคหะแห่งชาติได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2530 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 15 โครงการ 8,391 ยูนิต แบ่งออกเป็น โครงการเคหะชุมชน 4 โครงการ 1,887 ยูนิต โครงการบ้านเอื้ออาทร 6 โครงการ 5,148 ยูนิต โครงการอาคารเช่า 2 โครงการ 86 ยูนิตโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1 โครงการ 853 ยูนิตและโครงการที่อยู่ระหว่างจัดหาผู้รับจ้างก่อสร้าง 2 โครงการ 417 ยูนิต
ทั้งนี้ โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนจังหวัดภูเก็ต (เทพกระษัตรี) เป็น 1 ใน 15 โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่บนถนนเทพกระษัตรี ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง ห่างจากใจกลางเมืองภูเก็ตเพียง 16 กิโลเมตร พัฒนาภายใต้แนวคิดในการออกแบบ โดยใช้เกณฑ์ประเมิน ‘โครงการชุมชนน่าอยู่น่าสบายอย่างยั่งยืน’ หรือ ECO – VILLAGE บนพื้นที่ 8.45 ไร่ ในรูปแบบ ‘อาคารพาณิชย์’ สไตล์โมเดิร์น สูง 3 ชั้นเนื้อที่ต่อหน่วย 20 ตารางวา(ตร.ว.) โดยมีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 200 ตารางเมตร ประกอบด้วย 2 ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว จำนวน 66 ยูนิต ในราคาเริ่มต้นที่ 3.79 – 3.97 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าผู้มายได้ปานกลางที่กำลังสร้างครอบครัวและยังสามารถตกแต่งปรับพื้นที่ให้สามารถรองรับการประกอบธุรกิจและการใช้ประโยชน์ ในเชิงพาณิชย์ได้อีกด้วย ปัจจุบันมีลูกค้าจองหมดแล้ว
“ตลาดมีความต้องการที่อยู่อาศัยมาก แต่ติดปัญหาที่ดินหายากราคาแพง วัสดุและค่าแรงก็ปรับขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นตาม ทำให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ยาก”นายบัญชา กล่าว
ความเห็นดังกล่าว สอดคล้องกับนางสาวอำพรรณี ชูสุวรรณ หัวหน้าสำนักงานเคหะชุมชนภูเก็ต ความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภูเก็ตเป็นเมืองที่มีประชากรแฝงจำนวนมาก ขณะที่ที่ดินทั้งในอำเภอเมือง อำเภอกระทู้ ราคาแพงราคาสูง ประกอบกับจะการลงทุนในโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ตเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเบา ทำให้เมืองขยายตัวมายังอำเภอถลาง นอกจากความต้องการที่อยู่อาศัยจะเพิ่มขึ้นแล้วราคาที่ดินกับปรับเพิ่มขึ้นทำให้ราคาขายกันในปัจจุบันอยู่ที่ 7.45 ล้านบาทต่อไร่ ในขณะเดียวกันราคารีเซลของที่อยู่อาศัยในโครงการที่สร้างใหม่ก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เห็นได้จากโครงการของการเคหะฯที่พัฒนาและขายราคาเริ่มต้นที่ 3.79 – 3.97 ล้านบาท ก็มีการขายต่ออยู่ในราคากว่า 7 ล้านบาท กลุ่มคนที่ซื้อเพื่อเก็งกำไรนี้มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 20 %
ที่มา : http://prop2morrow.com
เมื่อบริษัทข้ามชาติหรือชาวอาเซียนไปมาหาสู่ติดต่อธุรกิจกันมากขึ้น การเข้าประชุมกับชาวต่างชาติเป็นสถานการณ์หนึ่งที่คนทำงานจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษอย่างมืออาชีพ เพื่อที่จะสามารถสื่อสารเข้าใจกันได้ สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในที่ประชุมได้ ทำให้การทำธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ปัญหาที่มักพบเสมอ คือคนไทยไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ยิ่งเป็นภาษาอังกฤษด้วยแล้ว ยิ่งอยากจะทำตัวให้เล็กที่สุด เพื่อที่จะไม่ต้องพูดอะไร ชอบที่จะหลบมุม นั่งฟังเงียบ ๆ มากกว่า และปล่อยให้คนที่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นตัวเอกเสมอ ลองคิดดูว่า หากคุณไม่กล้าฉายแววให้ตัวเองโดดเด่นออกมาจากคนอื่น ๆ คุณก็จะกลายเป็นคนไม่สำคัญ และอาจถูกลืมในที่สุด แล้วต่อไปในอนาคตข้างหน้า คนที่ถูกลืมอย่างคุณจะมีโอกาสเติบโตไปได้มากน้อยสักแค่ไหน?
วันนี้ jobsDB จึงนำตัวอย่างสำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้ในการประชุม เพื่อให้คนทำงานสามารถมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมได้อย่างง่าย ๆ มาฝากค่ะ
เมื่อต้องการแสดงความคิดเห็น
- (Mister/Madam) chairman. เรียกท่านประธาน
- May I have a word? ขออนุญาตพูด
- Excuse me for interrupting. ขอโทษที่ขัดจังหวะ
เสนอความคิดเห็น
- I’m positive that …ฉันมั่นใจว่า…….
- I (really) feel that …ฉันรู้สึก (จริง ๆ) ว่า……
- In my opinion …ในความเห็นของฉัน…
- If you ask me … ถ้าคุณถามฉัน…
- I tend to think that…ฉันมักจะคิดว่า
ถามความคิดเห็น
- Are you positive that…? คุณแน่ใจนะว่า….?
- Do you (really) think that…? คุณคิดว่า….(จริง ๆ) หรือ?
- How do you feel about…? คุณมีความรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับ…?
แสดงความคิดเห็นเมื่อมีผู้เสนอขึ้นมา
- That’s interesting. ความคิดของคุณน่าสนใจ
- I never thought about it that way before. ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นได้มาก่อนเลย
- Good point! เป็นความคิดที่ดี
- I get your point. ฉันเข้าใจความคิดคุณ
- I see what you mean. ฉันเข้าใจว่าคุณหมายความว่าอย่างไร
เห็นด้วย
- I totally agree with you. ฉันเห็นด้วยกับคุณอย่างยิ่ง
- Exactly! แน่นอน!
- That’s (exactly) the way I feel. ฉันก็รู้สึกอย่างนั้น
- I have to agree with (name of participant). ฉันเห็นด้วยกับ (ชื่อผู้ร่วมประชุม) อย่างที่สุด
ไม่เห็นด้วย
- Unfortunately, I see it differently. น่าเสียดาย ที่ฉันมีความเห็นแตกต่าง
- Up to a point I agree with you, but… ณ จุดนี้ ฉันเห็นด้วย แต่…
- (I’m afraid) I can’t agree ฉันเกรงว่า ฉันไม่สามารถเห็นด้วย…
แนะนำและเสนอแนะ
- Let’s … เรามา…
- We should… เราควร…
- Why don’t you…. ทำไมเราไม่…
- How/What about … แล้ว…ล่ะ
- I suggest/recommend that… ฉันขอเสนอ/ขอแนะนำว่า…
ฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยรูปประโยคง่าย ๆ ก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษเพื่อแสดงความคิดเห็นได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ศัพท์สำนวนยาก ๆ โชว์พาวหรอกค่ะ ในเบื้องต้นควรเน้นที่การสื่อสารเข้าใจกันได้เป็นหลักมากกว่า ลองฝึกดูนะคะ
ที่มา : https://th.jobsdb.com
10 วิธี จัดการกับความโกรธ ก่อนมันจะย้อนมาทำร้ายเรา
จัดการกับความโกรธ นับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ และส่งผลต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นอย่างมาก ฉะนั้น มาเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์โกรธกัน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ความโกรธคืออะไร
ความโกรธคือการโต้ตอบตามธรรมชาติต่อภัยคุกคามต่างๆ ที่เรารับรู้ได้ ซึ่งนั่นจะทำให้ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมา ทำให้กล้ามเนื้อตึงตัว หัวใจเต้นเร็ว และมีความดันโลหิตพุ่งขึ้นสูง ความรู้สึกจะเกิดขึ้นรุนแรง ใบหน้าจะมีเลือดสูบฉีดจนเป็นสีแดง และความโกรธจะกลายเป็นปัญหา ถ้าหากเราไม่สามารถควบคุมมันเอาไว้ได้
ความโกรธอาจไม่ใช่เรื่องแย่ก็ได้
ความรู้สึกโกรธอาจไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป เพราะความโกรธอาจช่วยให้ใครๆ รับรู้ถึงความวิตกกังวลของคุณได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นมาเหยียบย่ำคุณได้ นอกจากนี้ยังการกระตุ้นให้คุณทำอะไรในทางที่ดีด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคุณต้องจัดการกับความโกรธให้ถูกวิธี
วิธีจัดการกับความโกรธ
เวลาที่มีความรู้โกรธเกิดขึ้นนั้น คุณก็ควรจัดการกับความโกรธนั้นด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1. คิดก่อนพูด
ในช่วงที่เรากำลังมีอารมณ์เดือดดาลอยู่นั้น เราอาจจะพูดจาอะไรที่ฟังดูรุนแรงออกไปได้ง่าย ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เราต้องมานั่งเสียใจทีหลังก็ได้ ฉะนั้นก็ใช้เวลารวบรวมความคิดซักแปล๊บนึง ก่อนจะพูดอะไรออกไป รวมทั้งให้คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์มีโอกาสได้ทำแบบเดียวกับคุณด้วย
2. เมื่อรู้สึกสงบ ค่อยแสดงความโกรธ
ทันทีที่คุณคิดได้แล้ว ก็แสดงความขับข้องใจของคุณออกไปอย่างแน่วแน่ แต่ไม่ใช่ในแบบท้าตีท้าต่อย ระบุความกังวลและความต้องการของคุณออกไปให้ชัดเจนและตรงไปตรงมา โดยไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ หรือพยายามจะควบคุมอีกฝ่ายให้อยู่ภายใต้ความเดือดดาลของคุณ
3. ออกกำลังกายบ้าง
กิจกรรมที่ได้ใช้ร่างกายนั้นสามารถช่วยลดความเครียด ที่อาจก่อให้เกิดเป็นอารมณ์โกรธขึ้นมาได้ ฉะนั้นถ้าคุณรู้สึกว่าอารมณ์กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นล่ะก็ ออกไปเล่นเร็วๆ หรือวิ่งซะ หรือทำกิจกรรมอะไรที่ได้ใช้ร่างกาย และสร้างความเพลิดเพลินให้คุณได้
4. ขอเวลาสงบอารมณ์
การขอเวลาสงบอารมณ์ไม่ได้ไว้ใช้กับเด็กที่ชอบอาละวาดเท่านั้นนะ ฉะนั้น ก็ขอเวลาพักใจซะในช่วงที่ดูเหมือนจะมีเรื่องเครียดๆ เกิดขึ้น การได้สงบอารมณ์คนเดียวเงียบๆ อาจช่วยให้คุณรู้สึกพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ทำให้เกิดความบาดหมางหรือความโกรธ
5. หาวิธีแก้ไขที่เป็นไปได้
แทนที่จะมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธ ก็คิดหาวิธีแก้ไขปัญหาในเรื่องนั้นจะดีกว่า ห้องนอนรกๆ ของลูกน้อยทำให้คุณเป็นบ้าใช่มั้ย? ปิดประตูซะ คนรักมาดินเนอร์กับคุณช้าเป็นประจำเหรอ? ก็ขยับเวลาดินเนอร์ออกไปให้ช้าขึ้นอีกนิด หรือตกลงกันว่าต่างคนต่างกินในวันธรรมดา จงเตือนตัวเองเอาไว้เสมอว่า ความโกรธไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้อะไรๆ แย่ลง
6. ใช้คำว่า “ฉัน” ในการอธิบาย
หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์หรือการตำหนิ ซึ่งนั่นอาจทำให้สถานการณ์เต็มไปด้วยความรุนแรงมากขึ้น ใช้คำว่า “ฉัน” ในการชี้แจงให้เห็นถึงปัญหาดีกว่า โดยควรจะอยู่ในขอบเขตของความยำเกรงและมีรายละเอียด ยกตัวอย่างเช่น การพูดว่า “ฉันรู้สึกโกรธที่คุณลุกออกจากโต๊ะกินข้าว โดยไม่เสนอตัวที่จะช่วยฉันล้างถ้วยล้างชามเลย” แทนที่จะพูดว่า “คุณไม่เคยช่วยทำงานบ้านอะไรเลย”
7. อย่าเก็บงำความโกรธเอาไว้
การให้อภัยคืออาวุธลับที่ทรงพลัง ถ้าคุณปล่อยให้ความโกรธหรือความรู้สึกทางด้านลบ มามีอนุภาพเหนือความรู้สึกทางด้านบวกล่ะก็ คุณอาจจะพบว่าคุณเองนั่นแหละที่ต้องนั่งระทมทุกข์อยู่กับความขมขื่น หรือความรู้สึกไม่ยุติธรรม แต่ถ้าคุณให้อภัยคนที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธได้ คุณทั้งคู่ก็อาจจะได้บทเรียน และช่วยให้ความสัมพันธ์กระชับแน่นกันมากขึ้น
8. ใช้อารมณ์ขันสลายความเครียด
ความร่าเริงอาจช่วยลดความตึงเครียดลงได้ ใช้อารมณ์ขันในการช่วยให้คุณเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธได้ และอย่าได้คาดหวังให้อะไรๆ คลี่คลายแบบไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง นอกจากนี้ก็หลีกเลี่ยงการใช้คำเสียดสี ซึ่งจะทำร้ายความรู้สึก และทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายเข้าไปกันใหญ่
9. ฝึกทักษะการผ่อนคลาย
เมื่อความรู้สึกโกรธผุดขึ้นมา ก็ใช้ทักษะการทำให้รู้สึกผ่อนคลายยับยั้งเอาไว้ซะ โดยฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ หรือจินตการถึงฉากหลังที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย หรือท่องคำหรือวลีที่ชวนให้รู้สึกสงบซ้ำไปซ้ำมา เช่นท่องวลีทีว่า “ใจเย็นๆ เอาไว้” นอกจากนี้ก็อาจใช้วิธีฟังเพลง เขียนบันทึก หรือเล่นโยคะซักสองสามท่า หรือทำอะไรก็ได้ที่ช่วยให้คุณรู้สึกสงบเยือกเย็นลงได้
10. รู้ว่าเมื่อไรที่ต้องขอความช่วยเหลือ
การเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์โกรธนั้นเป็นเรื่องท้าทาย แต่ถ้าความรู้สึกโกรธนั้นเกินจะควบคุมไหว คุณก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือแล้วล่ะ เนื่องจากความโกรธที่เกินจะควบคุมนั้น อาจก่อให้คุณทำอะไรที่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง หรือทำอะไรให้คนรอบข้างต้องชอกช้ำระกำใจได้
ที่มา : https://www.sanook.com
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 3 กันยายน 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคาขาย/บาท |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% |
18,700.00 |
18,600.00 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
19,200.00 |
18,267.80 |
1,205.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
n/a |
18,934.84 |
1,249.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
n/a |
16,441.02 |
1,084.50 |
ทองรูปพรรณ 80% |
n/a |
14,614.24 |
964.00 |
ทองรูปพรรณ 50% |
n/a |
8,216.72 |
542.00 |
ทองรูปพรรณ 40% |
n/a |
6,397.52 |
422.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 3 กันยายน 2561
|
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
แก๊สโซฮอล์ 95 |
30.55 |
30.55 |
30.65 |
30.55 |
30.55 |
30.55 |
30.55 |
30.55 |
30.55 |
30.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 |
30.28 |
30.28 |
30.38 |
30.28 |
30.28 |
30.28 |
30.28 |
30.28 |
30.28 |
30.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 |
27.54 |
27.54 |
27.54 |
27.54 |
27.54 |
– |
27.54 |
27.54 |
27.54 |
27.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 |
21.59 |
21.59 |
– |
– |
– |
– |
– |
21.59 |
21.59 |
– |
เบนซิน 95 |
37.66 |
– |
– |
– |
38.11 |
– |
38.16 |
37.96 |
37.76 |
37.96 |
ดีเซล |
29.59 |
29.59 |
29.99 |
29.59 |
29.59 |
29.59 |
29.59 |
29.59 |
29.59 |
29.59 |
ดีเซลพรีเมี่ยม |
32.59 |
33.46 |
33.86 |
33.46 |
33.46 |
– |
– |
– |
– |
– |
แก๊ส NGV |
14.58 |
14.58 |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |