สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 13 กันยายน 2561

รถไฟฟ้าสายสีนํ้าตาลคู่ทางด่วนมาแน่! ลุ้นให้บริการปี 2568

สรุปลงทุนสายสีน้ำตาลกว่า 5 หมื่นล้านบาท
 
โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) จะทำหน้าที่เป็นระบบเสริมให้กับเครือข่ายระบบรถไฟฟ้าสายหลัก ซึ่งจะเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) แนวเส้นทางเริ่มต้นจากบริเวณแยกแคราย มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามแนวถนนงามวงศ์วาน ผ่านแยกแคราย จุดตัดทางพิเศษศรีรัช แยกพงษ์เพชร แยกบางเขน แยกเกษตร ต่อเนื่องไปตามแนวถนนประเสริฐมนูกิจ ผ่านจุดตัดถนนลาดปลาเค้า แยกเสนา จุดตัดถนนสุคนธสวัสดิ์ จุดตัดทางพิเศษฉลองรัช (ทางพิเศษสายรามอินทรา-อาจณรงค์) จุดตัด  ทางหลวงหมายเลข 350 จุดตัดถนนนวมินทร์  แล้วเลี้ยวขวาลงไปทางทิศใต้ตามแนวถนนนวมินทร์ ผ่านแยกโพธิ์แก้ว แยกศรีบูรพา แยกแฮปปี้แลนด์ แยกบางกะปิ สิ้นสุดเส้นทางที่ จุดตัดถนนพ่วงศิริกับถนนรามคำแหงระยะทาง 22.1 กิโลเมตร
โครงสร้างเป็นทางยกระดับ มีสถานีรวมทั้งสิ้น  20 สถานี ประกอบด้วย สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี,  รุฬาเกษม, คลองลาดยาว, ชินเขต, แยกบางเขน, ม.เกษตร ประตู 2, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, คลองบางบัว, ลาดปลาเค้า, เสนานิคม, รร.สตรีวิทยา, ต่างระดับฉลองรัช, คลองลำเจียก, นวลจันทร์, แยกนวมินทร์, โพธิ์แก้ว, อินทรารักษ์, นวมินทร์ภิรมย์, สนามกีฬาคลองจั่น และสถานีแยกลำสาลี
โดยจะมีสถานีใต้ทางด่วน 5 สถานี สถานีรายทาง 10 สถานี  และมีสถานีที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ได้ถึง 7 เส้นทางใน 5 สถานี (ดูอินโฟกราฟิกประกอบ 1 ) สถานีจะมี ชานชาลาอยู่ด้านข้างทั้งหมด มี 2 รูปแบบ คือ  รูปแบบสถานีทั่วไปมีชั้นออกบัตรโดยสารอยู่ใต้ชั้นชานชาลา และรูปแบบที่เป็นสถานีอยู่ใต้ทางด่วนมีอาคารชั้นออกบัตรโดยสารเพื่อเข้าออกชั้นชานชาลาจากด้านข้าง รวมถึงมีศูนย์ซ่อมบำรุง เนื้อที่ 44 ไร่ และอาคารจอดแล้วจร พื้นที่ 7 ไร่ จอดรถได้ประมาณ 2,000 คัน ที่บริเวณบริเวณถนนเสรีไทย ใกล้สถานีลำสาลี
สร้างทางด่วนเชื่อมกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก-ตะวันตก
 
ส่วนระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 ส่วนเชื่อมต่อถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก และส่วนทดแทน N1 จะทำหน้าที่เชื่อมโยงโครงข่ายระบบทางด่วน ระหว่างพื้นที่ด้านตะวันตกและตะวันออกของกรุงเทพฯ ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น แนวเส้นทางแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกคือช่วงทดแทน N1 แนวเลียบขนานทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) แนวคลองบางเขนและแนวคลองบางบัว แนวเส้นทางเริ่มจากการต่อเชื่อมกับโครงข่ายทางเชื่อมระหว่างทางยกระดับอุตราภิมุข และทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (Missing link) ที่แยกรัชวิภา มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ไปตามแนวถนนวิภาวดีรังสิต เลี้ยวขวาบริเวณสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกไปตามแนวถนนเลียบคลองบางเขน ข้ามถนนพหลโยธินเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปทางทิศใต้ ไปตามแนวคลองบางบัว ผ่านวัดบางบัว เข้าสู่แนวถนนผลาสินธุ์ ไปจนถึงถนนประเสริฐมนูกิจ แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางทิศตะวันออก ไปตามแนวถนนประเสริฐมนูกิจ และเชื่อมกับทางด่วนตอน N2 ที่บริเวณคลองบางบัว-แยกลาดปลาเค้า ระยะทางประมาณ 6.6 กิโลเมตร
ช่วงที่ 2 คือ ช่วงแนวทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 และส่วนต่อขยายไปยังทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ถนนกาญจนาภิเษก) ระยะทางประมาณ 10.6 กิโลเมตร เริ่มต้นจากบริเวณคลองบางบัว-แยกลาดปลาเค้า ไปตามแนวถนนประเสริฐมนูกิจ ผ่านแยกลาดปลาเค้า แยกเสนา แยกสุคนธสวัสดิ์ จุดตัดทางพิเศษฉลองรัช (ทางพิเศษสายรามอินทรา-อาจณรงค์) แยกนวลจันทร์ แยกนวมินทร์ สิ้นสุดที่ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9
โครงสร้างจะเป็นทางยกระดับตลอดแนวเส้นทาง มีขนาด 4 ช่องจราจร (ทิศทางละ 2 ช่องจราจร) เบื้องต้นกำหนดทางขึ้น-ลงไว้ 7 แห่ง (ดูอินโฟกราฟิกประกอบ 2 ) มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 1 แห่ง ที่บริเวณต่างระดับฉลองรัช ซึ่งจะเป็นด่านเก็บค่าผ่านทางของการใช้บริการทางด่วนของโครงการในทุกทิศทางและมีด่านเก็บค่าผ่านทางของกรมทางหลวงอีก 1 แห่ง ซึ่งเป็นด่านเก็บค่าผ่านทางของการใช้บริการทางหลวงพิเศษถนนกาญจนาภิเษก
ลุ้นเปิดใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าในปี 67-68
 
ทั้งนี้จากผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี ระบุว่าโครงการนี้มีความคุ้มค่าในการดำเนินการ โดยจะให้ผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) 4.21% ผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ 22.30% ซึ่งคาดว่าปีแรกที่เปิดให้บริการจะมีผู้โดยสาร 218,000 เที่ยวคน/วัน และจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเข้าสู่โครงข่ายรถไฟฟ้าเส้นทางอื่นๆ รวม 230,000 เที่ยวคน/วัน สำหรับมูลค่าการก่อสร้างคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 50,441 ล้านบาท (ยังไม่รวมค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 9,000 ล้านบาท) โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ขณะที่ระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ คาดว่าจะมีมูลค่าการก่อสร้าง 22,507 ล้านบาท (ยังไม่รวมค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 6,300 ล้านบาท)  ซึ่งจะมีผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) 1.61% และมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ 38.9% โดยคาดว่าในปีแรกของการเปิดให้บริการ ปี 2567 จะมีรายได้จากการเก็บค่าผ่านทาง 1,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 3,700 ล้านบาทในปี 2597
อย่างไรก็ดี จากผลการศึกษารายละเอียดพบว่า ในการเดินการก่อสร้างทั้งระบบรถไฟฟ้าและทางด่วนจำเป็นต้องมีการเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วย (ดูอินโฟกราฟิกประกอบ 3 ) ส่วนการออกแบบโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงที่จะต้องผ่านบริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะมีการเจรจาขอใช้พื้นที่จากแยกบางเขนถึงแยกเกษตร เนื่องจากมีทางเท้าแคบเพียง 1.50 เมตร จึงจำเป็นต้องขอใช้พื้นที่ด้านในแนวรั้ว ม.เกษตรฯ เพื่อวางเสาของรถไฟฟ้าและทำทางเดิน Sky Walk ด้านบน ซึ่งในเบื้องต้น ม.เกษตรฯ ยินยอมให้ใช้พื้นที่ แต่ต้องนำแบบมาสรุปความชัดเจนกันอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน1เดือน นอกจากนั้นที่บริเวณนี้จะต้องทำสถานีร่วมระหว่างรถไฟฟ้าสายเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลด้วย
หลังจากรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 สำหรับการศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) เสร็จเรียบร้อยแล้ว สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะเร่งสรุปผลเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) กระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติโครงการ โดยจะดำเนินการในรูปแบบร่วมลงทุนเอกชน (PPP) เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู โดยคาดว่าระบบทางด่วนจะเปิดให้บริการได้ในปี 2567 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลจะเปิดให้บริการได้ในปี 2568
ทั้งนี้ เมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล และทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ เปิดให้บริการ จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านการส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนทางรางได้ใช้ประโยชน์จากเสาตอม่อของทางด่วนที่ก่อสร้างไว้ก่อนแล้วบนแนวกึ่งกลางถนนประเสริฐมนูกิจ (ถนนเกษตร-นวมินทร์) จำนวน 281 ต้น และยังสามารถเชื่อมโยงโครงข่ายการจราจรระหว่างพื้นที่ด้านตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ให้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และประหยัดเวลาการเดินทางของประชาชน รวมถึงช่วยลดปัญหาการจราจรบริเวณถนนงามวงศ์วาน ถนนประเสริฐ-มนูกิจได้ดีมากยิ่งขึ้น
__________
คุณชัยวัฒน์ ทองคำคูณ
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
 
“การศึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย – ลำสาลี (บึงกุ่ม) อยู่ในขั้นตอนการสรุปผลการศึกษาแล้ว สิ่งที่ต้องการจะให้เกิดขึ้นคือการที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์มากที่สุด และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งนี้จากผลการศึกษาพบว่ารูปแบบการพัฒนาด้วยระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลและระบบทางด่วนบนสายทางเดียวกัน มีความเหมาะสมที่จะสามารถรองรับการเดินทางได้ดีที่สุด และเนื่องจาก 2 โครงการมีโครงสร้างซ้อนในแนวเส้นทางเดียวกัน จึงจำเป็นต้องวางแผนเพื่อก่อสร้างฐานรากของทางด่วนและรถไฟฟ้าไปพร้อมกัน เพื่อให้ระหว่างก่อสร้างมีผลกระทบต่อการจราจรน้อยที่สุด ภายหลังการศึกษารายละเอียดโครงการแล้วจะนำเสนอต่อที่คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เพื่อขออนุมัติดำเนินโครงการต่อไป โดยคาดว่าระบบทางด่วนจะเปิดใช้บริการได้ในปี 2567 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลจะเปิดใช้บริการได้ในปี 2568”

ขอบคุณที่มา : www.bkkcitismart.com


อสังหาฯชลบุรีโต้โผดึงทุนนอกผุดเมืองใหม่อีอีซีแสนล้าน เจ้าถิ่นผนึก5ชาติสู้ ซีพี

ที่แนวไฮสปีดเทรนจองเกลี้ยง

เปิดผังเมืองตั้งเมืองใหม่ในอีอีซี ขีดวง 10 กม. จาก 10 สถานีรถไฟความเร็วสูง วางศูนย์กลางการเงิน 500 ไร่ เมืองธุรกิจการบิน 2.5 พันไร่ ทุนท้องถิ่นชลบุรี ดึงทุนนอกร่วมลงขันแสนล้าน กลุ่มนายทุน-ซีพี แห่จองที่ดินเต็มพื้นที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ผ่านความเห็นชอบแผนการใช้ประโยชน์ในที่ดินในภาพรวมไปแล้วเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่การจัดทำผังเมืองรวมของกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่คาดว่าจะประการออกมาใช้บังคับในช่วงต้นปี 2562

รัศมี 10 ก.ม.จากสถานี

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในแผนการใช้ประโยชน์ในที่ดิน สำหรับการตั้งเมืองใหม่อัจฉริยะ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ เมืองใหม่อัจฉริยะน่าอยู่ที่พัฒนาโดยรัฐ กำหนดพื้นที่ไว้ราว 12,500 ไร่ ขณะนี้ทางสกพอ.อยู่ระหว่างการศึกษา เพื่อกำหนดตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสมในจังหวัดฉะเชิงเทรา

อีกส่วนเอกชนเป็นผู้พัฒนาเมืองใหม่อัจฉริยะ กำหนดให้อยู่ในพื้นที่รัศมีไม่เกิน 10 กิโลเมตรจากโครงสร้างพื้นฐานหลัก เช่น สถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินทั้ง 10 สถานี สนามบินอู่ตะเภา เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซีไอ จังหวัดระยอง เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิตอลหรืออีอีซีดี จังหวัดชลบุรี เป็นต้น

ผุดเมืองการบิน2.5พันไร่

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรองรับการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ได้มีการกำหนดตั้งเมืองใหม่อัจฉริยะไว้ 2 พื้นที่ ประกอบไปด้วยเมืองศูนย์กลางการเงินและศูนย์กลางธุรกิจ มีขนาดพื้นที่ราว 500 ไร่ ซึ่งจะอยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตรจากสนามบินอู่ตะเภา และการจัดตั้งเมืองธุรกิจการบิน ใช้พื้นที่ราว 2,500 ไร่ อยู่ในรัศมี 30 กิโลเมตรจากสนามบินอู่ตะเภาถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่มหานครการบินภาคตะวันออก

ทุนภูธรชลบุรีทุ่มแสนล้าน

นายมีศักดิ์ ชุนหะรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รวบรวมที่ดินราว 600 ไร่ เสนอไปยังสกพอ.เพื่อให้นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการกพอ. พิจารณาจัดตั้งเป็นเมืองใหม่ ซึ่งเข้าใจว่าในเดือนตุลาคม 2561 นี้ น่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของกพอ.เห็นชอบได้ เนื่องจากพื้นที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดห่างจากสถานีศรีราชาเพียง 5 กิโลเมตร

ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร 5 บริษัท จาก 5 ประเทศ มาร่วมลงทุน ได้แก่ อังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน และญี่ปุ่น คาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท เช่น โรงเรียนนานาชาตินอตติงแฮมยูนิเวอร์ซิตี เพื่อดึงคนเข้าพื้นที่ รวมทั้งจะมีการจัดตั้งศูนย์วิจัยแขนกลหุ่นยนต์ และพลังงานทางเลือก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม รวมถึงโรงงานยาเวชภัณฑ์ และที่อยู่อาศัย เป็นต้น โดยในต้นปีหน้าคาดว่าจะลงนามเอ็มโอยูกับทางพันธมิตรและ เริ่มโครงการได้

นอกจากนี้ กลุ่มทุนจาก อังกฤษ ยังซื้อที่ดิน 2,000 ไร่ จัดตั้งโรงเรียนลักบี้สคูล ที่พัทยา ส่วนราคาที่ดินขยับขึ้น 2 เท่า บางทำเลขึ้นถึง 4-5 เท่า จาก 3-5 ล้านขยับเป็น 16 ล้านบาท ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะศรีราชากับบ้านฉาง

ที่ดินถูกจองเต็มพื้นที่

นายจอมพงษ์ ชูทับทิม เลขาธิการหอการค้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนายทุนจับจองที่ดินเต็มพื้นที่ตามแนวรถไฟความเร็วสูงแล้ว โดยจะใช้รูปแบบการเซ็นสัญญากับเจ้าของที่ดิน และวางเงินมัดจำ 1 ปี หากที่ดินแปลงที่รวมได้อยู่ในรัศมีที่ต้องการจะซื้อดำเนินการ แต่หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายพัฒนาเมืองใหม่ หรือพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้จะบอกเลิกสัญญาและให้ยึดเงินประกัน

ซีพีกว้านซื้อที่ขอเปลี่ยนสี

ที่ผ่านมามีนายทุนวิ่งเข้าหาผู้นำชุมชน เช่น ผู้ใหญ่บ้านรวมแปลงที่ดินให้ ขณะที่กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี ได้ใช้นอมินีหรือบริษัทตัวแทนทำหน้าที่รวมแปลงที่ดิน ให้ได้ตามเป้าหมายของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี จำนวน 10,000ไร่ เพื่อสร้างเมืองใหม่ รวมถึงการซื้อที่ดินกว่า 1,000ไร่ ทำเลรอยต่อคร่อมระหว่างจังหวัดสมุทรปราการแปดริ้ว ซึ่งเป็นท้องนาและรอเปลี่ยนสีผังเมืองเป็นพื้นที่สีม่วง

อีกทั้งยังซื้อที่ดินอีก 500-600 ไร่บริเวณสถานี จอมเทียน พัทยา เพื่อสร้างเมืองมิกซ์ยูส และกว้านซื้อที่ดินต่อจาก สถานีจอมเทียนมุ่งหน้าไปตามถนนสุขุมวิท 40 กิโลเมตรจนถึงระยองอีกด้วย

ส่วนกรณีที่นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี ประกาศจะสร้างเมืองใหม่นั้น เข้าใจว่าที่ดินน่าจะถูกล็อกไว้แล้ว หากเป็นบริเวณถนนบ้านโพธิ์จะเข้าไปด้านใน สามารถขอเปลี่ยนสีผังเมืองเป็นสีม่วงได้

“เขตอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ราคาที่ดินไร่ละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท และยังมีที่ว่าง ที่ท้องนา ในอำเภอบ่อไร่ ราคาไร่ละกว่า 5 แสนบาท ที่สามารถจัดซื้อได้ ขณะที่กลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ก็มีที่ดินในแปดริ้วด้วยเช่นกัน”

แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดระยองกล่าวว่า กลุ่มซีพีได้กว้านซื้อที่ดินตำบลมาบข่า จำนวน 20,000 ไร่ตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรม ล่าสุดได้ขอสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเปลี่ยนสีผังจากพื้นที่เกษตร(สีเขียว)เป็นพื้นที่สีม่วง อุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีกระแสต่อต้านจากคนพื้นที่แต่ก็เงียบหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุนอกจากนี้ยังมีกลุ่มทุนการเมืองท้องถิ่น กว้านซื้อที่ดิน ที่อำเภอบ้านค่าย 1,000 ไร่ แต่ไม่แน่ใจว่าจะลงทุนเองหรือ เป็นนอมินีให้นายทุนใหญ่ ปัจจุบันยังปลูกสับปะรดบังหน้าอยู่

ขอบคุณที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ


อยู่อย่างไร แบบผู้สูงวัยญี่ปุ่น

เมื่อญี่ปุ่นนำหน้าไทยในเรื่องจำนวนผู้สูงอายุ ตามไปดูนวัตกรรมที่อยู่อาศัยซึ่งพวกเขารองรับไว้สำหรับสังคมที่เปลี่ยนไป

สังคมผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็พูดถึง โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ที่นำหน้าไปไกลกว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เข้าสู่ ‘สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มขั้น'(Super Ageing Society) อันเป็นผลพวงมาจากการเพิ่มประชากรเพื่อฟื้นฟูประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ผู้สูงอายุที่เป็นคนเจนเนอเรชั่น เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) จึงมีจำนวนมากกว่าร้อยละ 20 ของประเทศ

เว็บไซต์ข่าว The Japan Times อ้างอิงตัวเลขจากกระทรวงกิจการภายในของญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายน 2561 ว่า จำนวนประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 27.7 ซึ่งถือว่าเป็นสังคมที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก ขณะที่สัดส่วนประชากรวัยเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 12.3

ขณะที่ประเทศไทย เว็บไซต์กรมกิจการผู้สูงอายุระบุว่า นับตั้งแต่ พ.ศ.2513 จนถึงปัจจุบัน คนไทยมีอายุยืนยาวมากขึ้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 77 ปี ทำให้โครงสร้างประชากรไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก และคาดว่าในปี พ.ศ. 2579 จะมีสัดส่วนผู้สูงอายุเกือบ 1 ใน 3 ของประเทศ ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องศึกษาบทเรียนจากประเทศอื่นๆ เพื่อรองรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

ถ้าใครติดตามข่าวคราวในวงการอสังหาริมทรัพย์ กระทั่งดูเว็บไซต์นิตยสารที่ว่าด้วยการออกแบบตกแต่งบ้านอยู่บ้าง คงรู้ดีว่าการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้สูงอายุกำลังเป็นเทรนด์และความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ และประเทศญี่ปุ่นคือต้นแบบและอนาคตของไทยในเรื่องการออกแบบด้านที่อยู่อาศัย ด้วยมีความสอดคล้องในเรื่องวัฒนธรรม สภาพความเป็นอยู่ สภาพอากาศส่วนใหญ่ รวมถึงมีความก้าวหน้าทางด้านวิศวกรรมที่อยู่อาศัย

ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ‘จุดประกาย’ ได้มีโอกาสร่วมคณะร่วมกับบมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เพื่อไปศึกษาการจัดการที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ จึงขอนำสาระสำคัญเพื่อเป็นไอเดียสำหรับผู้สนใจที่จะนำไปพัฒนาเป็นแบบอย่างพัฒนา

ที่อยู่อาศัยแบบผู้สูงวัย

ในอดีตรูปแบบครอบครัวไทยอาจคุ้นเคยกับการเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีคนหลายเจนเนอเรชั่นอยู่ร่วมกัน เอื้อเฟื้อดูแลกัน แต่แล้วปัจจุบันครอบครัวเดี่ยวแบบพ่อแม่ลูกก็กลับมากขึ้น ที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีลักษณะเช่นนั้น ธุรกิจการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุจึงมีหลายรูปแบบเพื่อให้ครอบครัวแต่ละแบบได้เลือกตามความเหมาะสม ประกอบไปด้วยหลักๆ 4 รูปแบบ ได้แก่ 1.การพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบ Nursing Home และบริหารจัดการผ่านบริษัท 2. การลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อให้คนทุกวัยสามารถอยู่ร่วมกันได้ มีสถานดูแลผู้สูงอายุ โรงเรียน ที่ทำกิจกรรมสำหรับเด็กในพื้นที่ละแวกเดียวกัน 3.ธุรกิจรีโนเวตที่อยู่อาศัย และ 4. ธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ Home Material and Product Innovation สำหรับผู้สูงวัย

เราเริ่มทริปที่ Charm Premier Fukasawa ซึ่งเป็นตัวอย่างของบ้านพักผู้สูงวัยแบบ Nursing Home ซึ่งบริหารจัดการโดย Charm Care Corporation ซึ่งเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของบริษัท มิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ จำกัดบริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท

Charm Premier Fukasawa

ทาคาฮิโกะ ชิโมะมูระ ประธานบริษัท Charm Care Corporation กล่าวว่า เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 มีห้องพักทั้งสิ้น 85 ห้อง ปัจจุบันมีผู้สูงวัยเข้าพักแล้วประมาณร้อยละ 50 พื้นที่ภายในได้รับการออกแบบให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้สูงวัย โดยมีการจัดสรรให้เป็น ส่วนของห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางเพื่อใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน ภายในประกอบไปด้วย ห้องออกกำลังเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมสันทนาการ โดยภายในอาคารให้บรรยากาศเหมือนแกลเลอรีศิลปะเพราะประกอบไปด้วยงานศิลป์ของนักศึกษามากกว่า 100 ชิ้นที่จัดแสดงไว้ให้ผู้สูงวัยได้เสพงานศิลป์เพื่อการผ่อนคลาย ส่วนด้านนอกจัดเป็นสวน Outdoor พร้อมระเบียงไม้ให้สามารถออกไปนั่งชมสวนในวันที่อากาศดี

“คอนเซปต์ของที่นี่ต้องการให้เป็นชุมชนของผู้สูงอายุ ให้ผู้อยู่อาศัยได้มีปฏิสัมพันธ์กัน ไม่อยู่โดดเดี่ยว เราเลยเน้นพื้นที่ส่วนกลางมาก นอกจากนี้ ยังได้จัดบริการให้ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล เช่น มีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างความสุข อย่างร้องเพลง โชว์คอนเสิร์ต การแสดงมายากล ยิมนาสติกเพื่อการฟื้นฟูร่างกาย การออกกำลังกาย กิจกรรมทางวัฒนธรรม หรือแม้แต่เมนูอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ และอาหารมื้อพิเศษ”

การทำธุรกิจนี้ในประเทศญี่ปุ่นจะเน้นยึดทำเลเมืองใหญ่อย่าง โตเกียว โอซากา เกียวโต เพื่อให้บ้านพักผู้สูงวัยไม่ถูกตัดขาดไปจากวิถีชีวิตคนเมืองตามปกติ ลูกหลานมาเยี่ยมได้ง่าย ขณะเรื่องราคาค่าเช่าเมื่อรวมค่าอาหารและบริการทั้งหมด จะถูกคำนวณเข้ากับลักษณะทำเล ขนาดความกว้างของห้องการใช้จ่ายเพื่อเข้าพักใน Nursing Home จึงมีตั้งแต่ระดับ 8 หมื่นเยนถึงระดับ 9 แสนเยนต่อปี

3 ประตูที่ปรับองศาการเปิดให้ได้ระยะกว้างขึ้น สำหรับผู้ใช้ wheelchair

6

ชุมชนแห่งความสุข

แบบจำลองการอยู่อาศัยในรูปแบบที่ 2 ถูกเรียกว่า Wellness Square อาคารพักอาศัยเพื่อผู้สูงวัย ซึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการ Fujisawa Sustainable Smart Town ถูกพัฒนาขึ้นโดย Panasonic Corporation ซึ่งต้องการพัฒนาให้เป็นพื้นที่โดยรอบให้เป็น Wellness Community หรือชุมชนที่ตอบสนองการอยู่อาศัยของทุกช่วงวัย

Wellness Square นี้ประกอบด้วย 2 อาคาร คือฝั่งเหนือและฝั่งใต้ พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่า การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีย่อมส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี ที่นี่จึงพัฒนาให้สามารถรองรับบุคคลได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงวัย โดยมีแนวคิดส่งเสริมการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ลดช่องว่างระหว่างวัย โดยพื้นที่หลักของ Wellness Square มุ่งเน้นไปที่การใช้สอยของผู้สูงวัย และยังประกอบไปด้วยบริการอื่นๆ ที่สามารถเชื่อมโยงคนทุกเพศทุกวัยเข้าไว้ด้วยกัน เช่น บ้านพักผู้สูงวัย คลินิกตรวจรักษาสุขภาพ ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ศูนย์ดูแลผู้สูงวัย ห้องจัดกิจกรรม และอื่นๆ

8

ความน่าสนใจของที่นี่คือพวกเขาใช้เทคโนโลยีบันทึกและเชื่อมโยงทุกข้อมูลของผู้พักอาศัย ทั้งจากโรงพยาบาล ศูนย์กีฬา ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลเกี่ยวกับยา และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นไว้ในฐานข้อมูลที่สามารถนำมาเรียกใช้งานได้ตลอดเวลา เพื่อแก้ปัญหาการขาดความเชื่อมโยงของข้อมูล ที่จำเป็นและข้อจำกัดต่างๆ ที่ทำให้การรักษาล่าช้า เป็นแหล่งชุมชนของครอบครัวที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลายช่วงวัยโดยไม่แยกออกจากกัน

ห้องสันทนาการที่Wellness Square

ขณะที่รูปแบบที่ 3 ซึ่งเป็นรูปแบบรีโนเวทบ้านเพื่อผู้สูงวัยนั้น เราได้เดินทางไปดูที่ Mitsubishi Estate Home (MEH)ซึ่งดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านและรีโนเวทที่อยู่อาศัยโดยมีมาตรฐานการออกแบบที่เป็นมิตรสำหรับผู้สูงวัย

แน่นอนว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยมีความซับซ้อนมากกว่าการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป เนื่องจากจำเป็นต้องคำนึงถึงการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัยในการดำรงชีวิต ทีมงานของ Mitsubishi Estate Home (MEH) บอกว่า การรีโนเวทบ้านเพื่อให้เหมาะกับผู้สูงวัยจึงประกอบไปด้วย 3 หลักสำคัญ ได้แก่ 1. ลดสิ่งกีดขวางให้ได้มากที่สุด จึงออกแบบให้ทุกห้องทุกโซนเชื่อมหากันได้ ทางเดินและพื้นที่ทุกส่วนต้องมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เหมาะกับผู้สูงอายุที่เริ่มเดินไม่ถนัด รวมถึงผู้ที่จำเป็นต้องใช้รถเข็น

 2. ตำแหน่งต้องถูกต้อง ในที่นี้หมายถึงเรื่องของประตู หน้าต่าง อ่างน้ำ ไปจนถึงจุดเล็กๆ อย่างปลั๊กไฟ เต้าเสียบ ต้องดีไซน์ใหม่เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่สูงไม่ต่ำเกินไป เหมาะแก่การใช้งานของผู้สูงอายุ 3. เรื่องอุณหภูมิ ซึ่งสำคัญมากเพราะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ อีกทั้งยังส่งผลไปถึงเรื่องการเจ็บไข้ ดังนั้นทุกห้องในบ้านจึงต้องมีอุณหภูมิที่เท่ากันเพื่อป้องกันการเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างฉับพลัน เทคโนโลยีอย่างระบบปรับอากาศแบบส่วนกลางทั้งบ้านจึงถูกนำมาใช้ในจุดนี้

9 ผนังกันความร้อน ผลิตจากแร่ใยหิน ไดรับรางวัล Good Design Award 2013

4 พื้นที่ระหว่างห้องที่เป็น Barrier Free

นวัตกรรมใหม่ในญี่ปุ่น

ถึงตรงนี้ คำถามอาจไม่ใช่แค่ว่าแล้วอะไรที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับผู้สูงอายุ แต่กลับเป็นคำถามที่ว่าเราจะจัดสรรชีวิตอย่างไรสำหรับรองรับสังคมที่เปลี่ยนไป และที่ประเทศญี่ปุ่น การออกแบบที่เหมาะกับผู้อยู่อาศัยทุกวัย คือแนวคิดที่เกือบทุกสถานที่สาธารณะล้วนนำเอาไปใช้ และมีหลายบริษัทที่พยายามออกแบบวัสดุเพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ

 NODA SHOWROOM by NODA Corporation ซึ่งเราไปเยี่ยมเยียนเป็นที่สุดท้าย เป็นบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุปูพื้นชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น พวกเขาได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการอยู่อาศัยของผู้สูงวัยขึ้น อันเริ่มต้นจากการทำวิจัยและพัฒนาโดยได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ นำนวัตกรรมวัสดุปูพื้นที่ช่วยลดแรงกระแทก (Shock Absorbing Floor) ซึ่งถือเป็นพื้นฐานของที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงวัยด้วยคุณสมบัติพิเศษในการรองรับแรงกระแทกมาใช้

 ภายในโชว์รูมยังจำลองประสบการณ์สูงวัยให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัส ด้วยการสวมชุดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อคนแต่ละวัยสัมผัสประสบการณ์เสมือนเป็นผู้สูงวัย ทั้งนี้รายงานของ NODA บอกว่า ผู้สูงอายุในญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ ภายในบ้านของตนเอง ร้อยละ 77.1 และสถานที่เกิดยังไม่ใช่ห้องน้ำหรือห้องครัวเหมือนกับช่วงอายุวัยทำงาน แต่กลับไปเกิดที่บริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอน พวกเขาจึงคิดว่านวัตกรรมต้องอยู่กับทุกๆ สัดส่วนที่ผู้สูงอายุใช้ชีวิต

สำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้น นอกจากการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีแล้ว ผู้สูงวัยในญี่ปุ่น (อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป) จะได้รับการ์ดที่สามารถนำไปใช้บริการเกี่ยวกับสุขภาพ จำแนกผู้สูงอายุที่มีระดับการพึ่งพาออกเป็น 5 ระดับ เพื่อนำไปยื่นใช้บริการเกี่ยวกับสุขภาพได้อย่างเหมาะสม โดยจะเสียค่าใช้จ่ายเพียงร้อยละ 10 ส่วนที่เหลือรัฐจะเป็นผู้ออกให้ ซึ่งเงินนี้มาจากโครงการประกันสุขภาพระยะยาว โดยการเก็บเงินจากผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปเข้ากองทุนเป็นประจำต่อเนื่อง และอีกส่วนมาจากเงินภาษี 

นี่เองจึงทำให้ผู้สูงวัยสามารถเข้าถึงบริการ Nursing Home หรือ Nursing Care ได้อย่างสบาย ทำให้ผู้เล่นซึ่งพร้อมให้บริการทั้งรัฐและเอกชนเกิดขึ้นจำนวนมาก

1 อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิภายในบ้าน

8 บันไดที่ปรับให้ความชันลดลง หน้ากว้างมากขึ้น พร้อมแถบเรืองแสงสำหรับยามกลางคืน

Gen X ผู้สูงอายุกลุ่มใหม่

เมื่อเรื่องผู้สูงอายุในประเทศญี่ปุ่นรุดหน้าไปมาก แล้วการเตรียมพร้อมของประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง

ตัวอย่างจากนักพัฒนาโครงการของไทย วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) มองว่า การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของภาคธุรกิจในการปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าและบริการให้สามารถตอบโจทย์และเข้าถึงความต้องการของกลุ่มผู้สูงวัยได้อย่างตรงจุด ขณะที่โครงสร้างของกลุ่มผู้สูงอายุเอง ยังสามารถแบ่งแยกย่อยออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้

  1. The Young Old อยู่ในช่วงอายุ 60-69 ปี ซึ่งจะเป็นกลุ่มในวัยเพิ่งเริ่มต้นเกษียณ ทำให้อยู่ในช่วงของการปรับตัว จากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในชีวิต จากไลฟสไตล์ที่เคยทำก่อนหน้านั้น เช่นเคยไปทำงาน หรือบางคนอาจอยู่ในระดับบังคับบัญชาที่มีลูกน้องในสายงาน ทำให้จะพยายามให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าในชีวิต เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ขณะเดียวกันร่างกายก็ยังมีความแข็งแรงอยู่
  2. The Middle Old อยู่ในช่วงอายุ 70-79 ปี ซึ่งคนกลุ่มนี้มีการปรับตัวเข้าสู่ภาวะหลังวัยเกษียณได้มากพอสมควร แต่อาจมีข้อจำกัดในไลฟ์สไตล์ที่หวือหวาหรือทำไม่ได้หลากหลายมากนัก เนื่องจากลักษณะทางกายภาพที่เริ่มถดถอยลงตามวัย ซึ่งโดยปกติของมนุษย์ที่สมรรถภาพของร่างกายจะเริ่มถดถอยรวดเร็วกว่าเดิมหลังอายุมากกว่า 75 ปีขึ้นไป
  3. The Old Old หรือในกลุ่มที่มีอายุมากกว่า 80 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลในเรื่องของสุขภาพอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษเพิ่มมากขึ้น

“เราไม่ได้มองเพียงแค่การพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันเท่านั้น แต่เรามองไปถึงการตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยในอนาคตด้วย สำหรับคอนโดมิเนียมในเมืองสำหรับผู้สูงวัยรุ่นใหม่ที่เรากำลังจะพัฒนาขึ้นนั้น กลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ผู้สูงวัยที่เป็นกลุ่มคนในยุค Baby Boom แต่คือกลุ่มคน “เจนเนอเรชั่น เอ็กซ์” ในวันนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอายุประมาณ 37-57 ปี (เกิดระหว่าง พ.ศ. 2504 – 2524) และกำลังจะก้าวย่างเข้าสู่การเป็น ‘ผู้สูงวัยรุ่นใหม่’ (The Young Old) ซึ่งวิธีการออกแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยรุ่นใหม่นี้ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ รวมถึงการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าที่ส่งมอบ อีกทั้งที่พักอาศัยหรือชุมชนสำหรับผู้สูงวัยในปัจจุบัน มักจะตั้งอยู่ห่างไกลหรืออยู่ในต่างจังหวัด เราจึงพบช่องว่างและเล็งเห็นโอกาสที่จะพัฒนาคอนโดมิเนียมที่ตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้สูงวัยรุ่นใหม่นี้  โดยจะมีความโดดเด่นด้วยการออกแบบ และทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง”

5

ทั้งนี้คาดว่า เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) จะเปิดตัวคอนโดฯเพื่อผู้สูงอายุได้ในปี 2563 ทำเลสาทร-ตากสิน ใกล้รถไฟฟ้าสถานีวุฒากาศ เป็นคอนโด High rise อาจจะเป็นแบรนด์ใหม่หรือแบรนด์เดิมที่มีอยู่แล้วโดยเพิ่มแบบห้องและส่วนกลางที่รองรับกลุ่มผู้สูงอายุเข้าไป พื้นที่ขนาด 35-40 ตร.ม.ขึ้นไป ฟังก์ชันที่จะใส่เพิ่ม คาดว่าจะมีประตูห้องที่กว้างขึ้น ห้องน้ำที่ต้องมีส่วนราวจับเพิ่ม พื้นที่ไม่ลื่น และล้มไม่เจ็บ เพื่อตอบรับตลาดผู้สูงอายุโดยเฉพาะ

ขอบคุณที่มา : www.judprakai.com


ไมเนอร์’ แจง! “หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์” ผลตอบแทนสูง

‘ไมเนอร์’ แจงออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ 1.5 หมื่นล้าน บริษัทมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดหลัง 5 ปี ยัน! อัตราผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล

กลุ่มผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ , ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ชี้แจงกรณี “ไมเนอร์ระดม 1.5 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้นเชนดังโรงแรมสเปน ขายหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์” ระบุว่า หุ้นกู้ที่จะออกในครั้งนี้ ที่ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนแก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คือ หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ซึ่งบริษัทสามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด ณ วันครบรอบ 5 ปี นับแต่วันที่ออกหุ้นกู้ หรือ ในวันชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้แต่ละครั้ง ภายหลังจากวันแรกที่สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนได้

“หุ้นกู้ที่ออกในครั้งนี้ จะมีรอบชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน ดังนั้นแล้ว บริษัทมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดได้ ณ วันครบรอบ 5 ปี นับแต่วันที่ออกหุ้นกู้ และทุกรอบ 6 เดือน หลังจากนั้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะปีที่ 5 ปีที่ 25 ปีที่ 50 หรือว่าปีที่ 100”

ส่วนอัตราผลตอบแทนการลงทุนในกรณีที่บริษัาชำระดอกเบี้ยทุกงวด อัตราผลตอบแทนในปีที่ 1-5 อัตราผลตอบแทน 5.85% ต่อปี , ปีที่ 6-25 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี + 3.81% ต่อปี , ปีที่ 26-50 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี + 4.56% ต่อปี , ปีที่ 51 เป็นต้นไป อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี + 5.56% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยจะปรับทุก ๆ 5 ปี อ้างอิงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ณ สิ้นสุดวันทำการของ 2 วันทำการ ก่อนวันเริ่มต้นของงวดการปรับดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้อง

ในกรณีที่บริษัทเลื่อนชำระดอกเบี้ยทุกงวดตั้งแต่วันออกหุ้นกู้ จนถึงวันใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด อัตราผลตอบแทนการลงทุน 5 ปี เท่ากับ 5.27% , 25 ปี เท่ากับ 3.75% , 50 ปี เท่ากับ 2.92% และ 100 ปี เท่ากับ 2.24% จนถึงวันใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด ซึ่งสมมติเป็นกรณีต่าง ๆ คือ ในวันครบกำหนด 5 ปี 25 ปี 50 ปี และ 100 ปี พร้อมยืนยันว่า หุ้นกู้ที่ออกในครั้งนี้ มีเงื่อนไขว่าในกรณีที่บริษัทใช้สิทธิเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ย บริษัทจะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thansettakij.com


5 ไอเท็มสุดกรีนที่ชาวออฟฟิศต้องมี  

ในปี 2560 ปริมาณขยะมูลฝอยในประเทศมีประมาณ 27.40 ล้านตัน เท่ากับคนไทยสร้างขยะกันถึงวันละ 75,000 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีปริมาณขยะประมาณ 27.06 ล้านตัน  ขยะส่วนใหญ่มักจะเป็นขยะพลาสติกต่างๆ เช่น ถุงพลาสติก ซองพลาสติก ขวดน้ำ แก้วน้ำพลาสติก ที่เกิดจากการใช้แล้วก็ทิ้งตามห้างสรรพสินค้า ตลาดสด หรือ สถานที่ต่างๆ ช่วงนี้ใครๆ จึงหันมาใช้กรีนไอเท็ม สินค้าเป็นมิตรต่อโลกกันมากขึ้น เพื่อลดปริมาณขยะ ลดโลกร้อน วันนี้เลยขอหยิบยก 5 ไอเท็มรักษ์โลกสุดกรีน #ของมันต้องมี ใช้แล้วดูดีสำหรับหนุ่มสาวชาวออฟฟิศมาให้ได้ดูกัน จะเด็ดจะปังแค่ไหน เราไปดูกันเลย

กระบอกน้ำ หรือ แก้วน้ำส่วนตัว อีกหนึ่งไอเท็มที่ทำให้บรรยากาศออฟฟิศสดชื่นขึ้นมาได้ เพราะนอกจากสีสันของแก้วน้ำที่ช่วยให้เราเพลินตาบนโต๊ะทำงานแล้ว เครื่องดื่มที่อยู่ในแก้วก็ยังช่วยให้เราสดชื่นได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า น้ำหวาน หรือกาแฟ อีกทั้งยังช่วยให้ชาวออฟฟิศประหยัดเงินไปได้อีกมาก ไม่ต้องลงไปซื้อน้ำขวดจากร้านสะดวกซื้อ และ ร้านกาแฟบางร้านก็ให้ส่วนลดกับผู้ที่ถือแก้วของตนเองไปใส่กาแฟด้วย


สมุดโน้ตรักษ์โลก จากกระดาษรีไซเคิล เป็นไอเท็มที่ใครคงคิดว่าเรียบๆธรรมดาๆ แต่เดี๋ยวนี้ สมุดโน้ตรักษ์โลกมีทั้งแบบเรียบหรู เหมาะสำหรับหนุ่มออฟฟิศ และแบบสีสัน เหมาะสำหรับสาวออฟฟิศ ชาวออฟฟิศทั้งหลายควรมีติดโต๊ะไว้ ใช้จดบันทึก จดงานต่างๆ นอกจากจะทำให้รวมข้อมูลไว้ด้วยกันในเล่มเดียวแล้ว ยังช่วยให้ขอมูลที่จดไว้ไม่หายอีกด้วย

กล่องใส่เครื่องเขียนรักษ์โลก เชื่อว่าชาวออฟฟิศทุกคนส่วนใหญ่ชอบโต๊ะทำงานที่ไม่รก ไอเท็มนี้จะช่วยจัดระเบียบ ความเรียบร้อยของโต๊ะทำงานได้เป็นอย่างดี ทำให้โต๊ะทำงานไม่มีเครื่องเขียน ของใช้ต่างๆ มาวางเกะกะเต็มโต๊ะ ช่วยให้หยิบของใช้ได้ง่ายโดยไม่ต้องเสียเวลาหา ชาวออฟฟิศต้องมีไว้

แฟ้ม หรือ ซองใส่เอกสารรักษ์โลก เนื่องจากเอกสารเป็นสิ่งที่ทุกออฟฟิศจะต้องมี ชาวออฟฟิศเกือบทุกคนมีเอกสารต่างๆ ที่ต้องส่งบ้าง ต้องเก็บไว้บ้าง ต้องถือไปที่ต่างๆ บ้าง เพราะฉะนั้นกรีนไอเท็มนี้จะทำให้การส่ง การเคลื่อนย้าย และ การจัดเก็บเอกสารต่างๆ เป็นเรื่องง่ายและเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น

ถุงผ้ารักษ์โลก ช่วงเที่ยงๆ เดินไปไหนมาไหน ก็เป็นอันต้องสงสัยว่าทำไมใครก็ถือถุงผ้าสุดชิค ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เราไม่ต้องถือของพะรุงพะรังแล้ว ยังถือเป็นการช่วยลดโลกร้อน ลดการใช้ถุงพลาสติกอีกประการหนึ่งด้วย

ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวถึง การเริ่มต้นใช้ถุงผ้า จากการได้เข้าร่วม โครงการเพื่อสังคม “วันชุมชนซิตี้”  (Citi Global Community Day)  เพื่อเปิดโอกาสให้อาสาสมัครซิตี้ได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยการเป็นผู้ให้ ซึ่งในปี 2561 นี้เป็นปีที่ 13  และหนึ่งในโครงการดังกล่าวคือกิจกรรม  “ถุงผ้ารักษ์โลกซิตี้”      เพื่อรณรงค์ให้ชาวออฟฟิศร่วมกันลดโลกร้อนและมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยถุงผ้าดังกล่าวเหมาะสำหรับชาวออฟฟิศ เพราะเป็นถุงผ้าที่มีขนาดใหญ่  จุเยอะ น้ำหนักเบา เก็บง่าย และที่สำคัญพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก โดยกิจกรรมนี้ได้ผลตอบรับที่ดีมาก  ไม่ว่าจะเดินไปไหนทั้งตอนกลางวันหรือตอนเย็นก็เห็นคนใช้กันมากมาย  โดยเราในฐานะพนักงานบริษัทก็สามารถช่วยบรรเทาปัญหาโลกร้อนและมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมให้ลดลงได้ไม่ยาก เพียงเริ่มต้นจากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการมีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมได้
ขอบคุณที่มา : www.terrabkk.com


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13 กันยายน 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 18,650.00 18,550.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,150.00 18,222.32 1,202.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 18,889.36 1,246.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,400.09 1,081.80
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,577.86 961.60
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,201.56 541.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,382.36 421.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 13 กันยายน 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95
แก๊สโซฮอล์ 91 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68
แก๊สโซฮอล์ E20 27.94 27.94 27.94 27.94 27.94 27.94 27.94 27.94 27.94
แก๊สโซฮอล์ E85 21.79 21.79 21.79 21.79
เบนซิน 95 38.06 38.51 38.56 38.36 38.16 38.36
ดีเซล 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.89 33.76 33.76 33.76 33.76
แก๊ส NGV 14.58 14.58

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า