สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2561

นักธุรกิจรุ่นใหม่แห่ลงทุนอสังหาฯ พลัสฯ เผยดันพอร์ตลูกค้าแชร์ 40%

“พลัสฯ” ระบุภาพรวมตลาดการขายโครงการในปีนี้ยังเติบโต ตามการขยายตัวของการเปิดโครงการอสังหาฯ ชี้นักธุรกิจรุ่นใหม่สนใจเปิดตัว ลงทุนพัฒนาอสังหาฯมากขึ้น ดันพอร์ตของพลัสฯ สู่ระดับ 40% 
สมสกุล หลิมศุทธพรรณ
นางสาว สมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจการให้บริการตัวแทนขายและทำการตลาดในปีนี้ ถือว่าเติบโตอย่างน่าพอใจ บริษัทสามารถเดินตามแผนที่ตั้งไว้ ตามกลยุทธ์การเป็นที่ปรึกษาขยายการพัฒนาโครงการ เพื่อขายจากโครงการในระดับ C, C+ ไปสู่กลุ่มตลาดบนมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด ซึ่งผลสำเร็จดังกล่าว ทำให้ ณ เดือนกันยายน 2561 พลัสฯ มีลูกค้ารวม 17 โครงการ มูลค่ารวมอยู่ที่ราว 21,500 ล้านบาท โดยเปิดขายในปี 2561 จำนวน 11 โครงการ มูลค่า 17,000 ล้านบาท ที่เหลือจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 1-2 ปีหน้า (2562) จำนวน 6 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่เติบโตขึ้น 40% เนื่องจากกลุ่มนี้มีความสนใจในการลงทุนอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง กลุ่มบริษัทมหาชน 30% และกลุ่มทุนต่างชาติ 30% 

ล่าสุด ได้รับแต่งตั้งให้ดูแลด้านบริหารงานขาย โครงการ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 ของบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ปิดการขาย (SOLD OUT) ได้ตั้งแต่ช่วงพรีเซลโครงการ เป็นผลตอบรับที่ดีเกินคาด ปัจจัยสำคัญมาจากรูปแบบโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทำเลใกล้ BTS เอกมัย เป็นตลาดที่มีดีมานด์สูง และการวางแผนด้านราคาและกลยุทธ์การขายที่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ Sold Out อย่างรวดเร็ว 

โครงการข้างต้นยังเป็นโครงการจากกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นลูกค้าเดิมของพลัสฯ และได้ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่องในลักษณะของพันธมิตรในการวางแผนธุรกิจ ซึ่งพลัสฯ ได้เข้าไปมีส่วนช่วยสนับสนุนลูกค้า ใช้จุดแข็งที่มี คือ ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data เข้ามาช่วยวิเคราะห์โครงการ ทั้งความต้องการของผู้ซื้อที่แท้จริงในด้านทำเล ขนาดห้อง ราคา การออกแบบ รวมทั้งฟังก์ชันต่างๆ ซึ่งข้อมูลเชิงลึกนี้ ทำให้ลูกค้าผู้ประกอบการบางกลุ่มสามารถพัฒนาโครงการใหม่ให้ขยายไปสู่ลูกค้าในกลุ่มระดับบนมากขึ้น 

นอกจากนี้ พลัสฯ ยังได้ใช้กลยุทธ์เพิ่มเติม เพื่อช่วยให้งานขายของลูกค้าสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าต่างชาติ โดยการจับมือกับตัวแทนขาย (เอเยนต์) ที่มีความเชี่ยวชาญตลาดกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งวิธีนี้เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชาวไทย เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าต่างประเทศได้เร็ว และสร้างยอดขายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งพลัสฯ ได้ใช้ความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารราคา และการใช้สายสัมพันธ์กับเอเยนต์ที่มีอยู่อย่างแนบแน่น เข้ามาช่วยเสริมจุดแข็งได้อย่างลงตัว

“กลุ่มลูกค้าของพลัสฯ หลักจะอยู่ที่กรุงเทพฯ และที่ภูเก็ต และหัวหิน ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว โดยเราต้องการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน หากมองในเรื่องตัวเลขแล้ว ในแต่ละปีวางเป้าเติบโต 15-20% ทั้งยอดโครงการ และมูลค่าโครงการ”

ขอบคุณที่มา mgronline.com


ตลาดอาคารสนง.คาดแข่งขันเดือด อุปทานใหม่จ่ออีกกว่า3.5แสน ตร.ม.

เน็กซัส เผยตลาดอาคารสำนักงานในย่านธุรกิจ มีแนวโน้มในการแข่งดุ ปัจจุบันพบว่าตลาดอาคารสำนักงานในย่านธุรกิจมีอัตราว่างของพื้นที่เช่า อยู่ในระดับต่ำ ค่าเช่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อัตราว่างของพื้นที่เช่า อยู่ในระดับต่ำ ค่าเช่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้า การแข่งขันจะดุเดือดยิ่งขึ้น เนื่องจากมีอุปทานใหม่เกิดขึ้นในตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอุปทานที่เพิ่มขึ้นจะสูงขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ จาก 1.175 ล้านตารางเมตร แนะเจ้าของอาคารเก่าควรปรับปรุงอาคารให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่ออัตราค่าเช่าที่ดีขึ้น

นายธีระวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด กล่าวว่า “หากเรามองย้อนกลับไปในช่วง 10 ปีที่ที่ผ่านมา จะพบว่าอัตราว่างเฉลี่ยของพื้นที่เช่าสำนักงานอยู่ที่ประมาณ  ไม่เกิน 10% ซึ่งถือว่าเป็นอยู่ในระดับที่ต่ำแล้ว แต่ในปัจจุบันพบว่าอัตราว่างกลับน้อยลงไปอีก คือ มีอัตราว่างเพียง  7-8% เท่านั้น และยังมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดเป็นผลมาจากการเกิดขึ้นของบริษัทต่างๆ มีมากขึ้น มีการลงทุนของต่างชาติที่เข้ามาเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานมากขึ้น และการเติบโตของธุรกิจของไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่ออุปทานในตลาดมีอยู่อย่างจำกัดทำให้อัตราว่างของอาคารสำนักงานมีน้อยลงนั่นเอง”   

แต่สถานการณ์ดังกล่าว จะคงอยู่อีกไม่นานนัก เนื่องจากในปัจจุบันมีการเปิดตัวเมกกะโปรเจกต์มากมาย โดยเฉพาะบริเวณถนนพระรามที่ 4 ที่จะมีอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 โครงการ คือ สามย่านมิตรทาวน์ วัน แบงคอก และเดอะ ปาร์ค โดยทั้ง 3 โครงการนี้ คาดว่าจะมีพื้นที่เช่ารวมประมาณ 350,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นประมาณ 30% ของพื้นที่เช่าสำนักงานเกรดเอ ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ โดยแต่ละโครงการจะถูกสร้างเสร็จในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ซึ่งจะ ส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดอาคารสำนักงานจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีก 3-4 ปีข้างหน้า นั่นจะส่งผลกระทบให้ตัวเลขอัตราว่างของพื้นที่เช่าอาคารสำนักงานอาจสูงขึ้นมากกว่า 10% เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี

แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของอัตราการว่างของอาคารสำนักงานเกรดเอที่มีอัตราเฉลี่ยสิบกว่า เป็นตัวเลขระดับค่าเฉลี่ยมาตรฐานที่เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขของทั้งภูมิภาคเอเชีย จากการสำรวจของ Cushman & Wakefield ซึ่งเป็นบริษัทพันธมิตรของเน็กซัสฯ พบว่า อัตราว่างของพื้นที่เช่าอาคารสำนักงานเกรดเอ ในย่านธุรกิจของไตรมาสที่ 2 ยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน และอัตราว่างของกรุงเทพฯ อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับประเทศ ในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ หรือแม้กระทั่งปักกิ่ง  

ที่มา: Cushman & Wakefield  และ เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่, ไตรมาตรที่ 2, 2561

เมื่อพิจารณาด้านราคาค่าเช่าอาคารสำนักงานเกรดเอ ในกรุงเทพ พบว่าในไตรมาสที่ 3 อัตราค่าเช่าของอาคารสำนักงานเกรดเอ ทั้งในและนอกย่านศูนย์กลางธุรกิจนั้น ยังคงสร้างสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยที่ค่าเช่าสูงสุดในปัจจุบันอยู่ที่1,500 บาท/ตารางเมตร/เดือน และราคาเฉลี่ยที่ 980 บาท/ตารางเมตร/เดือน นอกจากนี้ยังพบว่า อายุเฉลี่ยของอาคารสำนักงานเกรดเอ ในย่านศูนย์กลางธุรกิจจะอยู่ที่ประมาณ 17 ปี ดังนั้นบางอาคารเริ่มมีแผนปรับปรุงอาคารที่ชัดเจน หรือมีแผนสร้างอาคารใหม่ทดแทนของเดิม เพื่อเพิ่มศักยภาพและยกระดับอาคารให้ตอบสนองกับความต้องการที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะอายุของอาคารสำนักงาน จะส่งผลต่อราคาค่าเช่าด้วย โดยเราพบว่าอาคารสำนักงานใหม่ที่อายุไม่เกิน 5 ปี สามารถทำราคาค่าเช่าเฉลี่ยได้สูงถึง 1,200 บาท/ตารางเมตร/เดือน ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มปรับปรุงพื้นที่เพื่อให้ได้ค่าเช่าที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอาคารเกรดบี โดยเฉพาะในย่านสีลม ซึ่งในอนาคต โดยเราคาดว่าในย่านสีลมจะมีการพัฒนาอาคารสำนักงานเกรดเอให้เห็นเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันขอขอบคุณที่มา bangkokbiznews.com


บทเรียนอันเจ็บปวดจากระบบเตือนภัยสึนามิอินโดฯ

ปาลู เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่บริเวณอ่าวแคบ ๆ บนเกาะสุลาเวสี ถูกคลื่นสึนามิถาโถมเข้าใส่เต็มๆ และคลื่นบางลูกมีความสูงถึง 6 เมตร ทำให้อาคารบ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่พังเสียหายยับเยิน

ความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิในเมืองปาลู เมืองเอกของสุลาเวสีกลาง ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเวลา 18.03 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันศุกร์ที่ 26 ก.ย.ที่รุนแรงขนาด 7.5 แมกนิจูด และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายสิบครั้ง ถือเป็นบทเรียนที่เจ็บปวด ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า ทางการอินโดนีเซีย ประเมินสถานการณ์ต่ำกว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้น เพราะมีการเตือนภัยสึนามิแค่ 30 นาที ก่อนที่จะถูกยกเลิกไป 

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์ (บีเอ็มเคจี)ถูกวิจารณ์ว่ายกเลิกประกาศเตือนภัยสึนามิเร็วเกินไป แม้ว่าบีเอ็มเคจี จะชี้แจงว่า คลื่นสึนามิพัดถล่มเกาะขณะที่ยังมีการประกาศเตือนภัยอยู่โดยนางดวิกอริตา การ์นาวาตี ประธานบีเอ็มเคจี ยืนยันว่า ตัดสินใจยกเลิกประกาศเตือนภัย หลังจากสำนักงานได้รับข้อมูลว่าเกิดคลื่นสึนามิแล้ว ซึ่งรวมถึงข้อมูลจากการสังเกตการณ์ภาคสนามของพนักงานสำนักงานฯที่เมืองปาลู

นอกจากนี้ การประกาศเตือนภัยสึนามิสิ้นสุดลงเมื่อเวลา 18.37 น. หลังคลื่นยักษ์ลูกที่ 3 พัดถล่มเพียงไม่กี่นาที และหลังจากประกาศเตือนภัยสิ้นสุดลง ก็ไม่มีการเกิดสึนามิอีก

อย่างไรก็ตาม ปัญหาอีกส่วนหนึ่งที่น่าจะถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าที่ควรจะเป็นจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้คือ แม้ว่าอินโดนีเซียจะมีระบบเตือนภัยสึนามิล่วงหน้าที่ประกอบไปด้วยเครือข่ายสถานีตรวจวัดความสั่นสะเทือน 170 สถานี สถานีวัดคลื่นแผ่นดินไหว 238 สถานี และอุปกรณ์วัดระดับน้ำทะเล 137 จุด แต่ประสิทธิภาพการทำงานของระบบทั้งหมดมีจำกัดมาก 

“อุปกรณ์ของเราในทุกวันนี้มีข้อจำกัดมาก ถึงแม้เราจะมีตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับแผ่นดินไหว 170 ตัว แต่มีงบการบำรุงรักษาอุปกรณ์แค่ 70 ตัวเท่านั้น” นายราห์มัต ตรีโยโน หัวหน้าศูนย์แผ่นดินไหวและสึนามิของบีเอ็มเคจี เผย

ขอขอบคุณที่มา  bangkokbiznews.com


เรื่องต้องรู้ของอัลไซเมอร์

เรื่องต้องรู้ของอัลไซเมอร์

เรื่อง วรธาร ภาพ เอพี

              วันอัลไซเมอร์ไลกตรงกับวันที่ 21 ก.ย.ของทุกปี เชื่อไหมว่าหลายคนสงสัยโรคอัลไซเมอร์กับสมองเสื่อมโรคเดียวกันหรือเปล่า? อาการของโรคอัลไซเมอร์ต่างจากอาการหลงลืมของผู้สูงวัยอย่างไร? และอัลไซเมอร์ป้องกันได้หรือไม่? ศ.นพ.วีรศักดิ์  เมืองไพศาล และ รศ.พญ.ศิวาพร จันทร์กระจ่าง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย พร้อมตอบข้อสงสัย

โรคสมองเสื่อมกับอัลไซเมอร์

โรคสมองเสื่อมเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความเสื่อมของความจำ การคิดอ่าน การวางแผน ตัดสินใจการใช้ภาษา ทักษะในการทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมหรืออาชีพที่เคยทำได้ตามเดิม  และอาจมีพฤติกรรมและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย 

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการสมองเสื่อม 60-70% ได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเกิดจากการเซลล์สมองเสื่อม สมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง พบในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจผสมกันทั้งสองอย่าง

ส่วนสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ สมองเสื่อมจากโรคพาร์กินสัน สมองเสื่อมจากเซลล์สมองเสื่อมชนิดต่างๆ

อาการอัลไซเมอร์กับอาการหลงลืมในผู้สูงวัย

อาการหลงลืมเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะมีอาการหลงลืมในเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นในระยะสั้นหรือหลงลืมความรู้ใหม่ แต่เหตุการณ์ในอดีตจะจำได้ดี และอาการหลงลืมนี้จะรวมไปถึงเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น งานแต่งงาน แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยอาจจะลืมเรื่องชื่อหรือการนัดหมาย แต่มักจะนึกออกได้ในภายหลัง

1.การแก้ไขปัญหาและการวางแผน ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะพบความเสื่อมในเรื่องการวางแผน การทำงาน การแก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิต  รวมถึงการบริหารจัดการเกี่ยวกับตัวเลขและเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนผู้สูงอายุอาจมีปัญหาเรื่องการบริหารบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นบางครั้งหรือเกี่ยวกับการเขียนเช็คเป็นบางครั้ง

2.การทำกิจกรรมในบ้าน ที่ทำงานหรือการพักผ่อน ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะมีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขับรถหลงทาง แม้จะเป็นเส้นทางประจำ  การทำงบดุล รายจ่ายประจำตัว หรือเล่นเกมที่เคยเล่น ส่วนผู้สูงวัยอาจมีปัญหาเรื่องการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านที่ยุ่งยาก เช่น ปรับไมโครเวฟหรือเปิดโทรทัศน์ที่มีโปรแกรมหลากหลาย

3.การมองเห็นและการปรับระยะทาง ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะมีปัญหาเรื่องการอ่านหนังสือ การกะระยะทาง ความแตกต่างของสี ซึ่งอาจเกิดปัญหาในการขับรถหรือทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ส่วนผู้สูงวัยปัญหาเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้แต่สาเหตุมาจากโรคทางจักษุวิทยา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน หรือการเสื่อมของม่านตา

4.ปัญหาเกี่ยวกับการพูดและการเขียน ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะมีปัญหาการเลือกใช้คำพูด ซึ่งทำให้ขาดการเชื่อมต่อของประโยคจึงทำให้พูดไม่ปะติดปะต่อหรือพูดไม่จบประโยคเนื่องจากหาคำที่เหมาะสมไม่ได้ บางครั้งทำให้หงุดหงิดเพราะหาคำพูดที่ถูกต้องไม่ได้

บางทีเรียกชื่อสิ่งของผิด เช่น เรียกปากกาเป็นดินสอ แว่นตาเป็นนาฬิกา ส่วนผู้สูงวัยอาจมีปัญหาในการหาคำพูดที่ถูกต้องบ้างเป็นบางครั้ง

5.การวางของผิดที่หรือหาของไม่เจอ ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะวางของในที่ที่ไม่เคยวางหรือไม่ถูกต้อง เช่น ใส่แว่นตาในตู้เย็น และลืมสนิทไม่สามารถคิดย้อนกลับได้เลย บางครั้งกล่าวหาผู้ใกล้ชิดขโมยของไปเพราะหาไม่เจอ ส่วนผู้สูงวัยอาจวางของผิดที่ได้แต่ส่วนใหญ่มักจะนึกออกในภายหลัง

6.การตัดสินใจผิดพลาด ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะเริ่มมีการตัดสินใจผิดพลาดและเป็นมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการเงินและการลงทุน  การตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง การรักษาความสะอาดตัวเอง ส่วนผู้สูงวัยการตัดสินใจผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้บ้างแต่ไม่บ่อย ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

7.การเข้าสังคมและการทำงาน ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะเริ่มเก็บตัวลดงานอดิเรกกิจกรรมทางสังคม แม้แต่กีฬาที่ชื่นชอบ เพราะไม่สามารถจะทำได้ดีแบบเดิม ส่วนผู้สูงวัยบางทีอาจเก็บตัวเนื่องจากเบื่องาน เบื่อครอบครัว กิจกรรมทางสังคม หรือมีปัญหาด้านสุขภาพทางกาย

8.การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์และบุคลิกภาพ ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะเริ่มมีอาการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระยะแรกๆ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พบบ่อย ที่สุดคือภาวะซึมเศร้า มึนงง วิตกกังวล หวาดกลัว นอนไม่หลับ เห็นภาพหลอนไม่มีสาเหตุ ผู้สูงวัยอาจมีสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือหงุดหงิดได้บ้างถ้ามีสาเหตุ เช่น กิจกรรมที่ทำเป็นประจำถูกเปลี่ยนแปลง

การป้องกันภาวะสมองเสื่อม

การป้องกันอัลไซเมอร์สามารถทำได้ตั้งแต่วัยเด็กโดย

1.มีการศึกษาที่เหมาะสมตามเกณฑ์

2.รักษาโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดทั้งหลาย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคอ้วนโดยการควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินตั้งแต่วัยหนุ่มสาว 

3.แก้ไขโรคหูตึง โรคซึมเศร้าตั้งแต่วัยกลางคน

4.ปรับปรุงการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง เช่น วิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยานเดินเล่น รำมวยจีน กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นต้น

5.การพูดคุยพบปะผู้อื่นบ่อยๆ เช่น ไปวัด ไปงานเลี้ยง เข้าชมรมผู้สูงอายุ และ

6.พยายามมีสติในสิ่งต่างๆ ที่กำลังทำและฝึกสมาธิอยู่ตลอดเวลา

ขอขอบคุณที่มา  posttoday.com


เลือก เคสมือถือ อย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

มือถือ อุปกรณ์สื่อสารเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิตของคนเรา และดูเหมือนว่ามือถือจะกลายเป็นเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ 5  ไปแล้ว และด้วยราคาที่แพง(ในบางรุ่น)

การดูแลมือถือจึงเป็นเรื่องสำคัญ เคสมือถือ จึงเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับต้นๆ เพราะด้วยลวดลาย การป้องกันดูแลความกระทบกระเทือนของโทรศัพท์ได้ดี แต่จะมีวิธีเลือกเคสอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละคน เอาเป็นว่าเราไปดูกันดีกว่าค่ะ

เคสโทรศัพท์

เคสมือถือ มีแบบไหนบ้าง??

1. เคสแบบแข็ง และแบบอ่อน(ซิลิโคน) ทั้งแบบขุ่น และแบบใส

หากใครที่หมดงบไปกับการซื้อโทรศัพท์แล้ว การซื้อเคสมือถือแบบที่ 1 นี้เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเคสแบบนี้มีราคาที่ค่อนข้างถูก หาซื้อได้ง่ายในตลาดทั่วไป ซึ่งเคสแบบแข็งจะเป็นเคสที่ได้รับความนิยมมากกว่าแบบอ่อนที่เป็นซิลิโคนเหตุผลอาจมาจากการที่เคสแบบแข็งเมื่อจับอาจมีความถนัดมือกว่า

ข้อดี

สามารถป้องกันมือถือจากการถูกกระทบกระเทือนได้ในระดับดี  เพราะตัวเคสจะหุ้มตัวสมาร์ทโฟนไว้เกือบทั้งหมด ยกเว้นในส่วนหน้า

ข้อเสีย

เคสประเภทนี้ไม่ค่อยมีความสวยงามมากนัก และมีน้ำหนักมาก ทำให้ดูแล้วโทรศัพท์มีขนาดใหญ่ และหากโทรศัพท์ที่เราซื้อเป็นเครื่องที่มีเอกลักษณ์ เคสอาจทำให้รูปร่างโทรศัพท์เปลี่ยนไป

เลือกเคสมือถือ

2. เคสซิลิโคนอย่างดี พิมพ์ลาย

เคสมือประเภทที่ 2 เป็นเคสซิลิโคนเนื้อดี มีลักษณะลื่น จับกระชับมือ ภายนอกพิมพ์รวดลายการ์ตูน หรือมีสีสันที่สดใส เหมาะกับวัยรุ่น ซึ่งเคสประเภทนี้สามารถนำไปใช้ทำเป็นงานแฮนด์เมค เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าได้

ข้อดี

เคสแบบนี้สามารถป้องกันโทรศัพท์ได้ทั้งด้านหลังและขอบข้างทั้งหมด เพราะตัวเคสจะหุ้มตัวของโทรศัพท์ไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกับเคสประเภทที่ 1 อีกทั้งยังมีความสวยงาม ซิลิโคนเป็นรูปเป็นร่าง

ข้อเสีย เป็นเคสที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก และหนา เมื่อใช้ไประยะเวลานาน ภาพสกรีนอาจจะหลุดร่อนได้

3. เคสแบบ 2 ส่วน

เคสมือถือแบบที่ 3 นี้ เป็นเคสที่ค่อนข้างมีจำกัดเฉพาะรุ่น เป็นเคสที่มีดีไซน์เรียบง่าย มีลักษณะแข็ง  อาจจะทำตัวพลาสติก โลหะ กึ่งโลหะ หรือวัสดุเสมือนโลหะ ด้วยความแข็งจึงต้องออกแบบออกมาให้มี 2 ส่วนเพื่อให้ง่ายต่อการใส่เข้ากับมือถือ

ข้อดี  

เคสมีความแข็งแรง และสวยงามดูมีลูกเล่นแปลกตา ป้องกันโทรศัพท์ได้ทั้งด้านหลังและด้านข้าง

ข้อเสีย  

เมื่อเป็นเคสที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรงมาก เวลาถอดเข้าถอดออก อาจทำให้โทรศัพท์เป็นรอยได้หากไม่ระวังให้ดี

4. เคสแบบ 3 ส่วน

เคสแบบที่ 4 เป็นเคสที่มีด้วยกัน 3 ส่วนด้วยกัน คือ เคสที่เป็นด้านข้าง 2 ชิ้น และแผ่นหลัง อีก 1 ชิ้น  ซึ่งเคสประเภทนี้ในส่วนของแผ่นหลังสามารถที่จะนำมาตกแต่งเพิ่มเติมได้

 

ข้อดี 

ด้วยดีไซน์ที่แปลก แตกต่าง ทำให้มีความโดดเด่นสวยงาม เป็นเคสมือถือที่ป้องกันโทรศัพท์ครอบคลุมรอบเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

ข้อเสีย  

มีความหนาและใหญ่กว่าเคสประเภททที่ 3 และอาจถูกขูดได้เช่นเดียวกับเคสประเภทที่ 3 และอาจจะหนักกว่าพราะการประกอบเคสที่ต้องสไลด์เข้าโดยเฉพาะแผ่นหลังของโทรศัพท์

เคสมือถือ

5. ซอฟเคส เคสเกาะแบบแข็ง

ถือเป็นเคสมือถืออีกแบบที่ได้รับความนิยมสูง ลักษณะเคสทำมาจากพลาสติก หรือวัสดุกึ่งโลหะ จะคลุมมือถือทุกด้านยกเว้นด้านบนและด้านล่าง ซึ่งที่ได้รับความนิยมก็เพราะว่ามีราคาถูก หาซื้อได้ง่าย

ข้อดี

สามารถหาซื้อ สวมใส่ได้ง่าย มีรวดลายหลากหลาย กระทัดรัด มีความบางน้ำหนักเบา สามารถพิมพ์ลายลงไปในเคสได้

ข้อเสีย

เคสประเภทนี้ชอบดันขอบของฟิล์มกันรอยขึ้น ทำให้ฟิล์มกันรอยของเรามีฟองอากาศที่ด้านขอบอยู่บ่อยๆ และหากเลือกซื้อไม่ดีเคสที่ได้มาอาจจะไม่มีคุณภาพ ไม่หมาะกับโทรศัพท์ของเราเอง

6. บั้มเปอร์ เคสข้าง

ลักษณะเคสจะคลุมเฉพาะด้านข้างเท่านั้น ไม่คลุมด้านหลัง เพราะผู้ผลิตเชื่อว่า เมื่อโทรศััพท์ร่วงหล่นสิ่งที่กระทบพื้นเป็นลำดับแรกก็คือขอบของโทรศัพท์นั่นเอง

ข้อดี   

เป็นเคสมือถือที่มีความบางมาก เพราะคุมแค่ด้านข้าง เคสแบบนี้จะส่งผลให้มือถือของคุณมีความกว้างมากขึ้น

ข้อเสีย 

ด้วยความที่ด้านหลังของโทรศัพท์ไม่มีเคสป้องกัน ก็อาจจะทำให้ ด้านหลังโทรศัพท์เกิดรอยได้

เคสประเภทนี้มีทั้งแบบมีขาตั้ง ใส่บัตรต่างๆที่ด้านหลังได้ ใส่เงินได้ มีไฟฉาย สามารถชาร์ตได้ในตัว หรือจะเป็นเคสแบบกันน้ำได้ แหม่ สารพัดประโยชน์เสียจริงๆ

ข้อดี  ก็มีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ประโยชน์ที่ผู้ซื้อต้องการจะใช้ ซึ่งเคสมือถือสักอันก็มักจะมีประโยชน์ใช้สอยไม่เกิน 1-2 อย่าง

ข้อเสีย แน่นอนว่าต้องค่อนข้างหนักและราคาค่อนข้างสูง เพราะมันอัพค่าประโยชน์ใช้สอยเพิ่มขึ้น แต่ดีไซน์ก็ไม่ได้สวยมากมายอะไร

8. กระเป๋าใส่สมาร์ทโฟน

จะเรียกว่าเคสมือถือ ก็คงจะเรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะไม่ว่าจะดีไซน์ การใช้งาน มันก็คือ กระเป๋า ดีๆนี่เอง ซึ่งคงไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นแน่นอน

ข้อดี  แน่นอนว่าโทรศัพท์มือถือของคุณจะได้รับการดูแล ปกป้องอย่างดีแน่นอน

ข้อเสีย  ด้วยการที่เป็นกระเป๋า เมื่อมีสายเข้า หรือข้อความเตือนอาจจะได้ยินไม่ชัดเจนนัก และโดยเฉพาะคนที่ชอบเล่นโทรศัพท์คงรำคาญเต็มที กับการต้องเปิดเข้าเปิดออกเพื่อหยิบโทรศัพท์

เคสมือถือ

9. เคสผ่าพับ ทรงโทรศัพท์ฝาพับ

เป็นอีกเคสมือถือที่ใช้งานง่าย และเป็นที่นิยม เพราะเคสแบบนี้จะไม่เกะกะเวลาใช้งาน ทั้งยังป้องกันตัวเครื่องโทรศัพท์ทั้งหมด ถึงปลอดภัยจากรอยขีดข่วนทั้งหลายแน่นอน แต่ทั้งนี้แม้เคสมือถือจะปกป้องโทรศัพท์ได้ดีแค่ไหน แต่การขับรถไปเล่นโทรศัพท์ไปก็อาจจะทำให้ได้รับอันตรายเกินไป

ข้อดี

เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการความหรูหรา ดูไฮโซสามารถพกไปไหนมาไหนได้สะดวก

ข้อเสีย 

ในส่วนฝ่าเปิดส่วนหน้า บางครั้งอาจทำให้เกิดความลำคาญได้

10. เคสฝาพับ แบบสมุดโน้ต

เคสแบบสุดท้ายมีลักษณะแบบฝาพับโทรศัพท์ แต่จะพับที่ด้านข้างเหมือนสมุดโน้ต แน่นอนว่าได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนจอใหญ่

ข้อดี

เป็นการป้องกันโทรศัพท์ได้อย่างครอบคุม ใครที่มักจะทำโทรศัพท์หล่นบ่อยๆ เคสแบบนี้เหมาะกับคุณทีเดียว

ข้อเสีย 

เป็นเคสมือถือที่ค่อนข้างมีน้ำหนักมาก และอาจทำให้ไม่สามรถจับมือถือได้ถนัดมือเมื่อพับเคสไปด้านหลังของโทรศัพท์

เห็นไหมค่ะ ว่าเคสมือถือแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันทั้งรูปร่าง ดีไซน์ วัสดุ ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลโทรศัพท์มือถือ ให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุดก็ควรซื้อให้เหมาะกับการใช้งานของเราเอง

ขอขอบคุณที่มา rabbitfinance.com


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 18,250.00 18,150.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 18,750.00 17,828.16 1,176.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 18,480.04 1,219.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,045.34 1,058.40
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,262.53 940.80
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,110.60 529.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,245.92 412.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15
แก๊สโซฮอล์ 91 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88
แก๊สโซฮอล์ E20 28.14 28.14 28.14 28.14 28.14 28.14 28.14 28.14 28.14
แก๊สโซฮอล์ E85 21.94 21.94 21.94 21.94
เบนซิน 95 38.26 38.71 38.76 38.56 38.36 38.56
ดีเซล 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.89 33.76 33.76 33.76 33.76
แก๊ส NGV 15.13 15.13
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า