สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2561

5 เทรนด์อสังหาฯ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ส่งท้ายปี 2018

5 เทรนด์อสังหาฯ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ส่งท้ายปี 2018

การก้าวเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 นับเป็นอีกก้าวย่างสำคัญของคนไทยทั้งประเทศ เพราะนวัตกรรมทางเทคโนโลยี จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ และเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน ให้มีความทันสมัย สะดวก และง่ายดายมากยิ่งขึ้นไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนจากภาครัฐ แต่การขยายตัวของเมือง การเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันทางธุรกิจทั้งในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กลุ่มธุรกิจ Startup กลุ่ม SME ด้านการแพทย์ การเกษตร การค้า การโรงแรม การบริการ การท่องเที่ยว ไปจนถึง ภาคอสังหาริมทรัพย์ ก็ต้องมีการปรับตัวตามให้ทันทั้งกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงต้องตามให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อที่จะเลือกนำมาใช้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในเทรนด์ใหม่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 4.0 นั่นเองสำหรับ 5 เทรนด์ ที่ผู้ประกอบการยังต้องให้ความสนใจ ในปี 2561 นี้ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์และทำให้เขาถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้สูงสุง ประกอบด้วย1) สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ที่ได้กลายมาเป็นเทรนด์ใหม่มาแรงในกรุงเทพฯ และหัวเมืองตามต่างจังหวัด 
2) เทคโนโลยีการบริการในบ้านที่ออกแบบมาเพื่อลดขั้นตอน และเพื่อความสะดวกสบายที่ควบคุมได้จนกลายเป็นเรื่องปกติของทุกคน (Automation Becoming The New Norm) 
3) รสนิยมที่ยกระดับความหรูหราของสินค้า และการบริการ (Ultra – High – Net – Worth – Individuals meets Ultra Luxury real estate market) 
4) การมองหาชีวิตที่ดี เข้าใกล้ธรรมชาติ เน้นสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น (Seek for Green & Clean Living) 
5) งานบริการหลังการขาย ที่กลายมาเป็นเรื่องหลักในการตัดสินใจซื้อบ้าน (Life At Home Begins After Sales)IMG_8067ซึ่งเทรนด์สุดท้ายนี้จะเห็นชัดที่สุดในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อผู้บริโภคมีการใส่ใจในบริการหลังการขายที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่มีขึ้นเพื่อลดขั้นตอนที่ไม่สำคัญ แต่ก็ยังคงชอบการใส่ใจจากนิติบุคคลและพนักงานที่ให้บริการหลังการขาย นอกจากนี้ ในเรื่องการรับประกันบ้านก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกเรื่องหนึ่งทั้งนี้ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เป็นผู้ประกอบการชั้นนำ ที่มีความพร้อมที่จะปรับตัวและก้าวให้ทันตามเทรนด์ของผู้บริโภคในทุกยุคทุกสมัย โดยจะมีการเปิดตัว 8 โครงการใหม่ มีมูลค่าการลงทุนรวม 7,275 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ The Village บางนา, โครงการ COMO PRIMO บางนา, โครงการ The Colors บางนา และบางบัวทอง, โครงการ Mandarina เอกมัย – รามอินทรา, โครงการคอนโดมิเนียม A Space Mega บางนา 2, โครงการ The Parti เกษตร – นวมินทร์ และ โครงการ Busaba บ้านเดี่ยวแห่งเดียวติดถนนเสรีไทยพร้อมเปิดตัวแคมเปญใหม่ “ความสุขมีตัวตน” เพื่อต้องการสื่อสารให้สอดรับกับความทันสมัยของผู้บริโภค รับกับรสนิยม และการใส่ใจสุขภาพกายและใจของสังคมเมือง ขณะเดียวกันก็ยังคงชูคอนเซ็ปต์เรื่อง Sustainable Happiness อย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาผสานการใช้ชีวิตประจำวันไว้อย่างลงตัว 

ขอขอบคุณที่มา  ddproperty.com


ที่อยู่อาศัยผู้สูงวัยคึก รายใหญ่เปิดศึกชิงแชร์

ที่อยู่อาศัยผู้สูงวัยคึก รายใหญ่เปิดศึกชิงแชร์

โดย…โชคชัย สีนิลแท้

จากตัวเลขประชากรผู้สูงอายุทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปี 2561 จำนวนประชากรผู้สูงอายุไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วน 20% ซึ่งมากกว่าประชากรเด็ก จึงทำให้เห็นถึงรูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับกับกลุ่มดังกล่าวนั้นขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

จอห์น ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ ในเครือธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับความต้องการของผู้สูงอายุมีถึง 1 ใน 5 ของประชากรคนไทย แต่โครงการที่พัฒนาเพื่อจับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวนั้นยังมีไม่ถึง ซึ่งตลาดกลุ่มดังกล่าวจะใหญ่มากขึ้น คาดว่าภายในระยะเวลา 5-10 ปี จะมีสัดส่วน 20% จากปัจจุบันสัดส่วนการพัฒนาที่อยู่อาศัยกลุ่มดังกล่าว ยังมีไม่ถึง 10%

ทั้งนี้ บริษัทได้ซื้อโครงการที่ก่อสร้างค้างตั้งแต่ปี 2535 จากบริษัท ซุปเปอร์ พี แอนด์ เอส ตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ในราคา 250 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการธนบุรี เฮลท์ วิลเลจ ประชาอุทิศ มูลค่าโครงการประมาณ 849 ล้านบาท เพื่อให้เป็นคอมมูนิตี้ที่พักอาศัยของคนรักสุขภาพที่ผนวกเข้ากับระบบการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันแบบบูรณาการในรูปแบบ Active Wellness Society เป็นการนำแพทย์แผนปัจจุบันมาผสมผสานกับภูมิปัญญาและเทคโนโลยี เพื่อดูแลสุขภาพในระยะยาว รองรับกลุ่มคนทำงานไปจนถึงกลุ่มวัยเกษียณ

โครงการตั้งอยู่บนถนนประชาอุทิศ 60/1 ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) สถานีประชาอุทิศ และสถานีรถไฟฟ้าบางปะกอก สามารถเดินทางเข้าออกได้ทั้งถนนสุขสวัสดิ์ ถนนพระราม 2 และถนนพุทธบูชา ภายในโครงการด้วยคอนโดมิเนียม 11 ชั้น จำนวน 2 อาคาร อาคารละ 206 ยูนิต รวม 412 ยูนิต โดยมี 2 ขนาดห้อง คือ 32 ตารางเมตรและ 64 ตารางเมตร ราคา 2-4 ล้านบาท ซึ่งจะก่อสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ได้ในเดือน มี.ค. 2562 ตั้งอยู่บนเนื้อที่รวม 8 ไร่ โดยนำมาพัฒนาในเฟสแรก 4 ไร่ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าการขายไว้ 50% ภายในช่วง 5 เดือนแรกหลังจากเปิด ขายโครงการ 12 ต.ค.นี้ โครงการดังกล่าวออกแบบภายใต้แนวคิดยูนิเวอร์ซัล ดีไซน์ ภายในโครงการยังมีศูนย์สุขภาพไว้บริการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อให้บริการทั้งลูกบ้านในโครงการและบุคคลภายนอก ก่อสร้างเป็นอาคารสูง 8 ชั้น นอกจากนี้ยังมีแผนจะก่อสร้างโรงพยาบาลธนบุรีบูรณา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่เน้นการฟื้นฟูสุขภาพ ใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ บริเวณพหลโยธิน รังสิต คอนโดมิเนียมเพื่อจับกลุ่มผู้ซื้อสูงอายุ จำนวน 5 อาคาร 494 ยูนิต โดยมียอดขายแล้ว 50% ขณะเดียวกันบริษัทยังมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการรูปแบบดังกล่าวในทำเลอื่นที่มีศักยภาพ

จักรพงศ์ ธรรมวิเศษศรี ประธานกรรมการ บริษัท ควินท์ เรล์ม ผู้พัฒนาโครงการควินทิลเลียนเบิร์ก สมาร์ทโฮมสำหรับผู้สูงอายุ จ.ราชบุรี กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการควินทิลเลียนเบิร์กขึ้นเพื่อสร้างเมืองให้คนเกษียณอายุ โครงการดังกล่าวมาจากการหาความต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุชาวยุโรป ที่พบว่า ประเทศไทยสามารถสร้างโครงการเพื่อผู้สูงอายุดังกล่าวขึ้นมา กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อมาอยู่อาศัยในโครงการนี้เดือนละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 แสนบาท รวมค่าอยู่อาศัยและค่าอาหาร จึงเริ่มวางแนวคิดสมาร์ทซิตี้สำหรับผู้สูงอายุ บนที่ดินกว่า 3,000 ไร่ ใน จ.ราชบุรี

สำหรับแนวทางการพัฒนานั้นจะแบ่งออกเป็น 10 เฟส มูลค่าลงทุนกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท โดยจะก่อสร้างเป็นหมู่บ้าน เบื้องต้นในเฟสแรกจะก่อสร้างประมาณ 950 ยูนิต ใช้เวลาประมาณ 6-7 ปี จึงจะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ โดยอาศัยความร่วมมือกับ บริษัท ไชน่า เรียลเวย์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น ที่ได้เซ็นสัญญาเพื่อพัฒนาโครงการร่วมกันตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเฟสแรกจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 4 ปี 2561

สุธี ลิมปนชัยพรกุล ประธานกรรมการ บริษัท นายณ์ เอสเตท กล่าวว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อจับกลุ่มผู้สูงอายุมีมากขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท แอล.พี.เอ็น. ชีวาทัย และ ช.การช่าง พัฒนาโครงการกมลา ซีเนียร์ ลิฟวิ่ง จ.ภูเก็ต บนหาดกมลา เนื้อที่ 50 ไร่ ก่อสร้างเป็นคอนโดมิเนียม 200 ยูนิต และวิลล่า 30 ยูนิต จะเริ่มก่อสร้างช่วงไตรมาส 2 ปี 2562

วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า บริษัทศึกษาการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศญี่ปุ่นมาเป็นแนวทางการพัฒนาคอนโดกลางเมืองในกรุงเทพฯ เพื่อผู้สูงอายุ เนื่องจากพิจารณาแล้วพบว่าผู้สูงอายุรุ่นใหม่ในอนาคตอาจไม่ต้องการอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุด้วยกันหรืออยู่อาศัยกับลูกหลาน บริษัทจึงมีแนวคิดจะเริ่มโครงการดังกล่าวได้ภายใน 2 ปีข้างหน้า

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการอสังหาฯ อย่างแสนสิริ ได้วางแผนเพื่อจะพัฒนาโครงการเพื่อจับกลุ่มผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน จะเห็นได้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยเจาะกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นที่น่าจับตามอง เพราะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเจาะตลาดกลุ่มนี้จะต้องเน้นบริการทั้งการแพทย์และหลังการขายที่ดี

ขอขอบคุณที่มา posttoday.com


ทย. ผุดสนามบินใหม่ ที่สตูล ทุ่ม 6 ล้าน ศึกษาความเหมาะสม คาดสรุป ก.ย. 62

รายงานข่าวจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า ทย. ได้จัดงบประมาณปี 2562 วงเงิน 6 ล้านบาท เพื่อเตรียมจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างท่าอากาศยานสตูล เนื่องจากก่อนหน้านี้นักธุรกิจภาคเอกชนจากสภาหอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมในท้องถิ่นและเรียกร้องให้มีการสร้าง เนื่องจากมีความต้องการในการเดินทางโดยเครื่องบินจำนวนมาก

นอกจากนี้ สตูล ยังเป็นจังหวัดมี่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เช่น เกาะหลีเป๊ะ และล่าสุดองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ยังได้ประกาศให้พื้นที่แหล่งธรณีวิทยาของ จ.สตูล เป็นอุทยานธรณีโลก ซึ่งจะเป็นอุทยานธรณีระดับโลกแห่งแรกในไทยอีกด้วย เชื่อว่าจะสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวสตูลมากขึ้นหากมีการเดินทางโดยเครื่องบินได้โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ

รายงานข่าวจาก ทย. ระบุว่าจะเริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้ในเดือนพ.ย. 2561 โดยขั้นตอนในการศึกษานั้น จะเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ จากนั้นจะศึกษาทางด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม เช่น พื้นที่ที่จะก่อสร้าง, งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้าง และความคุ้มค่าในการลงทุน เป็นต้น คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จประมาณเดือนก.ย. 2562 จากนั้นจะเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์การศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างท่าอากาศยานสตูลให้กระทรวงคมนาคม ก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป หากเห็นชอบจะเสนอให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) พิจารณาเห็นชอบให้มีการจัดตั้งสนามบินแห่งใหม่ต่อไป

นอกจากนี้ ในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2561 ทย. จะเปิดประมูลการพัฒนาท่าอากาศยาน 2 แห่ง วงเงิน 3,800 ล้านบาท ประกอบด้วย ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช วงเงิน 1,800 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ และท่าอากาศยานตรัง วงเงิน 2,000 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ และลานจอดเครื่องบิน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสนามบินนครศรีธรรมราช และสนามบินตรัง นอกจากปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (เอสอีซี) ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และระนอง ซึ่งรัฐบาลเตรียมผลักดันให้เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน กับอ่าวไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า และการบริการ โดยจะเชื่อมโยงการค้า และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญบริเวณชายแดนภาคใต้ ที่เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างเอเชียตะวันออก กับเอเชียใต้ หรือประตูสู่สองฝั่งของเอเชีย รวมทั้งเป็นประตูส่งออกไปยังฝั่งตะวันตกภูมิภาคBIMSTEC ประกอบด้วยบังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล ศรีลังกา และไทย

รายงานข่าวจาก ทย. แจ้งว่า รัฐบาลต้องการให้เอสอีซี เชื่อมโยงกับ BIMSTEC ให้ได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ ทย. ที่ต้องเดินสายประชาสัมพันธ์เพื่อทำตลาดในประเทศต่างๆ เพื่อแนะนำให้แต่ละประเทศทราบว่าประเทศไทยมีสนามบินอยู่ที่ใดบ้าง และแต่ละแห่งเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างไร เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และเชิญชวนให้สายการบินต่างๆ มาเปิดทำการบิน โดยขณะนี้เบื้องต้นเริ่มมีสายการบินจากประเทศอินเดีย ศรีลังกา และจีน สนใจที่จะมาเปิดทำการบินเพิ่มเติมหลายเส้นทาง อาทิ จากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย มายังท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี เป็นต้น

ขอขอบคุณที่มา prachachat.net


Exclusive “แจ็ก หม่า” ไขปริศนาคำพูดก้องโลก “ผมจะกลับไปเป็นครูอีกครั้งในวันหนึ่ง

ในการประชุม XIN Philanthropy ประจำปี 2018 ณ เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อไม่กี่วันผ่านมา “ประชาชาติธุรกิจ” เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ฉบับเดียวจากเมืองไทยที่มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ พร้อม ๆ กับสื่ออีกหลายประเทศทั่วโลก

ทั้งนี้ เพราะประเด็นของการพูดคุยไม่เพียงกล่าวถึงหัวข้อ “The Power of Small” หรือ “พลังจากสิ่งเล็ก ๆ”  ที่มี “แจ็ก หม่า” ประธานกรรมการบริหาร และหนึ่งในผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป มาร่วมพูดคุยถึงเรื่อง “ความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนบนโลกใบนี้”

หากเขายังพูดถึงเรื่องมูลนิธิแจ็ก หม่า ในบทบาทของการผลักดัน “โครงการครูใหญ่ชนบท” ที่ไม่เพียงเกี่ยวโยงกับเรื่องการศึกษาของเยาวชน และครูในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญ

“แจ็ก หม่า” ยังจุดประเด็นเรื่องการกลับไปเป็นครูอีกครั้งในวันหนึ่ง จนกลายเป็นเหตุให้สำนักข่าวต่างประเทศต่างประโคมข่าวว่า “แจ็ก หม่า” จะลาออกจากอาลีบาบา กรุ๊ป เพื่อหลีกทางให้ผู้บริหารรอง ๆ ลงมาเข้าบริหารอาลีบาบา กรุ๊ปแทน

ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ทั้งหมด

เพราะวันนั้น “แจ็ก หม่า” อภิปราย 2 ช่วง โดยช่วงแรกก่อนที่จะจบสัมมนาภาคเช้า เขาขยายความในหัวข้อ “The Power of Small” โดยเขาพูดถึงเรื่องบทบาทของพลังจากสิ่งเล็ก ๆ ในการขับเคลื่อนกิจการเพื่อสังคม โดยในส่วนนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” ตัดลงข่าวออนไลน์ไปก่อนหน้าแล้ว ส่วนช่วงที่ 2 ก่อนปิดงานสัมมนาในตอนบ่าย เขาพูดถึงเรื่อง “โครงการครูใหญ่ในชนบท” ที่มีมูลนิธิแจ็ก หม่า เป็นผู้ขับเคลื่อน


“ผมทิ้งเส้นทางอาชีพครูมาหลายปี และกลายเป็นมือสมัครเล่นในสาขาการศึกษา แต่การฝึกอบรมวิชาชีพครูนั้นมีประโยชน์ต่อเส้นทางของผมกับอาลีบาบาเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงรู้สึกอยู่เสมอว่า ตัวผมนั้นยังเป็นมือสมัครเล่นในภาคธุรกิจ ผมแค่เลือกเส้นทางการเป็นเจ้าของธุรกิจโดยบังเอิญ และกลายเป็นนักธุรกิจมาตลอดช่วง 20 ปี ผมคิดว่าผมจะกลับไปเป็นครู

อีกครั้งในวันหนึ่ง เพราะการเป็นครูเป็นสิ่งที่ทำให้ผมสบายใจ ในอนาคตผมจะหวนคืนสู่สาขาการศึกษา พร้อมกับอุทิศความคิด และพลังงานของผมให้สาขานี้”

คำพูดดังกล่าวเป็นคำพูดฉบับเต็มที่ “แจ็ก หม่า” พูดบนเวทีสัมมนา “The Power of Small” จนทำให้สำนักข่าวต่างประเทศตีความ และนำไปถามเขาจนทำให้เกิดกระแสข่าวตามมามากมายว่า เขาจะลงจากตำแหน่งประธานอาลีบาบา กรุ๊ป เพื่อไปเป็นครูจริง ๆ หรือฉะนั้น คำพูดต่อจากนี้ไป คือ สิ่งที่ “แจ็ก หม่า” อภิปรายผ่านบนเวทีสัมมนาในตอนบ่ายที่ “ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมมาแบบ “คำต่อคำ” เพื่อให้เห็นชุดความคิดของเขาทั้งหมดเกี่ยวกับความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาเยาวชน และครูชนบทต่อเรื่องการพัฒนาการศึกษาในอนาคตของสาธารณรัฐประชาชนจีน

เบื้องต้น “แจ็ก หม่า” กล่าวว่า การที่เราสามารถโน้มน้าวใจคนคนหนึ่งด้วยคำพูด และความคิด เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ยิ่งถ้าคุณสามารถโน้มน้าวใจครูใหญ่ และครูใหญ่ท่านนี้สามารถโน้มน้าวใจครูอื่น ๆ ได้อีก 20-30 คน ครูแต่ละคนจะสามารถโน้มน้าวใจนักเรียนได้ อาจจะหลายสิบคน หรือหลายร้อยคน

“ผมทิ้งเส้นทางอาชีพครูมาหลายปี และกลายเป็นมือสมัครเล่นในสาขาการศึกษา แต่การฝึกอบรมวิชาชีพครูนั้นมีประโยชน์ต่อเส้นทางของผมกับอาลีบาบาเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงรู้สึกอยู่เสมอว่า ตัวผมนั้นยังเป็นมือสมัครเล่นในภาคธุรกิจ ผมแค่เลือกเส้นทางการเป็นเจ้าของธุรกิจโดยบังเอิญ และกลายเป็นนักธุรกิจมาตลอดช่วง 20 ปี ผมคิดว่าผมจะกลับไปเป็นครูอีกครั้งในวันหนึ่ง เพราะการเป็นครูเป็นสิ่งที่ทำให้ผมสบายใจ ในอนาคตผมจะหวนคืนสู่สาขาการศึกษา พร้อมกับอุทิศความคิด และพลังงานของผมให้สาขานี้”

“เพราะการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ และยังมีความสำคัญยิ่งขึ้นไปอีก เพราะยุคแห่งการปฏิวัติทางเทคโนโลยีทำให้เกิดความกังวลว่า เทคโนโลยีและเครื่องจักรจะเข้ามาแทนที่ และถึงขั้นควบคุมมนุษย์ในวันหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ความกังวลเช่นนั้นไม่สำคัญ เพราะมนุษย์จะกล้าแกร่งขึ้นไปตลอดกาล เครื่องจักรไม่สามารถเข้ามาแทนที่มนุษย์ได้ เครื่องจักรมีชิป แต่มนุษย์มีหัวใจ หัวใจนี้คือที่มาของปัญญา มนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยไป”

“ถึงกระนั้น สิ่งหนึ่งที่แน่นอน คือ วิธีจัดการศึกษา ที่ดำเนินมาตลอด 200-300 ปีนั้น มีไว้เพื่อรองรับยุคอุตสาหกรรม แต่สำหรับยุคข้อมูล ข่าวสาร เราควรให้การศึกษาลูกหลานของเราในวิธีที่แตกต่างไป เยาวชนในอนาคตควรเรียนรู้ที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ เปี่ยมล้ำนวัตกรรม และมีความคิดริเริ่ม ซึ่งต่างจากการศึกษาตามแบบแผนเดิม หากเครื่องจักรสามารถทำในสิ่งที่เราเรียนมาได้ดีกว่าแล้ว เราจะถูกผลักห่างออกไป”

นอกจากนั้น “แจ็ก หม่า” ยังยกตัวอย่างเรื่องการแข่งขันระหว่าง Alpha Go กับมนุษย์ อย่าเล่นเกมโกะ (หมากรุก) กับเครื่องจักร เพราะคุณจะแพ้แน่นอน เครื่องจักรมีความจำที่ยอดเยี่ยมมาก พวกมันสามารถคำนวณได้เร็วกว่าคุณ และพวกมันจะไม่รู้สึกขุ่นเคือง นับตั้งแต่วันแรกที่มีการคิดค้นรถยนต์ขึ้นมา คุณก็รู้อยู่แล้วว่าคุณจะไม่มีวันแซงรถยนต์ได้ การเล่นเกมโกะกับเครื่องจักรเองก็ไม่แตกต่างจากการทำให้ตัวเองขายหน้า

“แล้วมีสาขาไหนที่มนุษย์จะเป็นที่ชนะตลอด คำถามนั้นคือสิ่งที่ทำให้เราต้องพิจารณาถึงการศึกษาในอนาคต เราเคยพูดกันถึงเรื่องความฉลาดทางความรัก (love quotient-LQ) ที่เพิ่มเข้ามา นอกเหนือจาก IQ และ EQ คนที่มี LQ ที่ดีเท่านั้น ถึงจะดึงดูดคนและทรัพยากร”

ผลตรงนี้ จึงทำให้ “แจ็ก หม่า” มองว่า จีนไม่ใช่ประเทศที่กำลังประสบปัญหาด้านการศึกษาอยู่ประเทศเดียวทั่วโลกก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน อะไรคือทรัพยากรยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศเรา ไม่ใช่ถ่านหิน ไม่ใช่น้ำมัน แต่เป็นมันสมองของเด็กที่เกิดขึ้นในแต่ละปี จำนวน 20 ล้านคนทุกปี ประเทศจีนมีเด็กเกิด 20 ล้านคน และอาจมีจำนวนเด็กทั่วโลกที่เกิดในแต่ละปีถึง 100-200 ล้านคน เราพัฒนามันสมองของเด็กเหล่านี้อย่างไร เราควรใช้แนวทางการศึกษาแบบใดเพื่อพัฒนา IQ, EQ และ LQ ของพวกเขา สิ่งนี้คือความท้าทายยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา และยังเป็นโอกาสยิ่งใหญ่ที่สุด ณ ตอนนี้ด้วย

“ไม่มีใครสามารถพรากสิ่งที่อยู่ในสมองของเราไปได้ คนรวยอาจล้มละลาย อาจถูกหลอกเงิน แต่ไม่มีใครสามารถขโมยความรู้จากมันสมองของลูกหลานเราได้ ร่างกายที่ดี ควรมาพร้อมกับการศึกษาที่ดี ถ้าเช่นนั้นเราสามารถดูแลเด็ก 20 ล้านคน ที่เกิดขึ้นในจีนในแต่ละปีได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ เราลงทุนทรัพยากรจำนวนมากไปกับการศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโท”

“ซึ่งในความเห็นของผม นี่ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง เราควรลงทุนทรัพยากรไปกับอนุบาล, ประถม, มัธยมต้น และมัธยมปลายมากกว่า เพื่อพัฒนานิสัยการเรียนรู้ที่ดีของเด็กตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม เมื่อมาถึงคำถามที่ว่าเราควรจะลงทุนทรัพยากรด้านการศึกษาในเมือง หรือในพื้นที่ด้อยโอกาส ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าระดับการศึกษา และการพัฒนาของประเทศนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนชั้นนำ แต่อยู่ที่คนระดับล่าง สิ่งที่เป็นเครื่องแสดงให้เห็นระดับการพัฒนาของประเทศหนึ่ง ๆ คือ เราพัฒนาการศึกษา และการพัฒนาในหมู่บ้านห่างไกลได้ดีเท่าใด และขึ้นอยู่กับว่ามีทรัพยากรการศึกษาที่เพียงพอในพื้นที่ด้อยโอกาสหรือไม่”

“การศึกษาในชนบทจะต้องพัฒนา ประเทศจึงจะก้าวหน้าไปได้ดี เป้าหมายที่แท้จริงของการบรรเทาความยากจน คือ สนับสนุนการพัฒนาผู้คน เพื่อที่พวกเขาจะสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีความมั่นใจ และมีความสามารถ ผมไม่ดูฟุตบอล แต่ผมสนใจในสปิริตของความเป็นทีม เหตุผลที่ให้เด็ก ๆ เล่นกีฬาก็เพื่อให้พวกเขาได้สัมผัสกับความผิดพลาด ไม่มีใครชนะไปได้ตลอด กีฬาที่แท้จริงเป็นเรื่องของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งหมายถึงการขจัดความเป็นปัจเจกออกไป”

“เราจะช่วยเด็กที่เกิดในแต่ละปีจำนวน 20 ล้านคน ให้เป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุดได้อย่างไร เราควรให้พวกเขาพัฒนาในด้านที่แต่ละคนทำได้ดี เพราะปัญหาการศึกษาของจีน และของโลก ทุกคนนั้นแตกต่างกัน ทุกคนมีพรสวรรค์แตกต่างกันออกไป การศึกษาควรคำนึงถึงวิธีช่วยให้แต่ละคนสามารถปลดปล่อยความสามารถของตนเอง และได้รับการยอมรับ”

“แจ็ก หม่า” จึงมองว่า ผมไม่คิดว่าการนั่งทำการบ้าน 3 ชั่วโมง จะทำให้การเรียนของเด็กสมบูรณ์ ถ้าเขา, เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ หลังจากใช้เวลา 6 ชั่วโมง ในแต่ละวันที่โรงเรียน เด็กไม่เหมือนกันก็ควรทำกิจกรรมที่แตกต่างกันไปหลังเลิกเรียน พวกเขาควรเล่นกีฬา พวกเขาควรลองเข้าสู่โลกของศิลปะผู้ปกครองชาวจีนบางคนคิดว่าการเล่นกีฬาส่งผลต่อการเรียน จริง ๆ แล้วกีฬามีประโยชน์ต่อการเรียน

“ผมทราบมาว่า หลักวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่า กีฬาสามารถเพิ่มระดับออกซิเจนในสมอง และพัฒนาความจำ รวมถึงความสามารถในการตั้งสมาธิการเรียน และกีฬาไม่ขัดกันและกัน สิ่งที่เรากำลังหาในแวดวงการศึกษาจริง ๆ แล้ว คือ คนที่เก่งทั้งด้านการเรียนและกีฬา เมื่อไม่นานมานี้ ผมเสนอการรื้อถอนและการบูรณาการโรงเรียนชนบท แล้วก็พบกับกระแสคัดค้าน แต่ครั้งหนึ่งผมไปเยี่ยมหมู่บ้านในชนบทที่เกิดความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในมณฑลเสฉวน เมื่อปี 2008 และพบว่าไม่มีอะไรเหลือในหมู่บ้านเลย ทางการท้องถิ่นให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบพักอยู่ในพื้นที่ต่อ”

“ซึ่งผมไม่เห็นด้วย ชาวบ้านอาจตั้งรกรากที่นั่นเมื่อหลายร้อยปีก่อนเพราะมีวิกฤต และเมื่อก่อนมีเพียงสองครัวเรือนเท่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หมู่บ้านอาจจะขยายตัวออกเป็นหลายร้อยครัวเรือน และก็มีทรัพยากรท้องถิ่นไม่พอต่อการเลี้ยงดูครัวเรือนเหล่านี้อีกต่อไป ผู้คนจึงควรย้าย เมื่อมีเหตุผลให้ย้าย เมื่อเด็กย้าย ผู้ใหญ่จึงจะย้ายตามมา”

“มีปัญหาในการศึกษาชนบทของเราเป็นจำนวนมาก แต่สาขานี้ก็เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโอกาส ตอนที่ผมเข้ามหาวิทยาลัยครั้งแรก 23 จาก 24 คนในชั้นเรียนของผมมาจากหมู่บ้านในชนบท แต่ปัจจุบันมีนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่เป็นชาวบ้านชนบทแท้ ๆ น้อยลงเรื่อย ๆ เราต้องหาสาเหตุให้พบ เด็กในชนบทมีพรสวรรค์หลายประการ ทั้งด้านดนตรี, ศิลปะ, กีฬา ดังนั้น ในด้านการศึกษามูลนิธิแจ็ก หม่า ให้ความสำคัญกับการพัฒนาของเด็กในด้านดนตรี, ศิลปะ และกีฬา นักเรียนควรเริ่มพัฒนาทั้ง 3 ด้านนี้ตั้งแต่ชั้นอนุบาล”

“เพราะคำว่าการศึกษาในภาษาจีน ประกอบด้วย ตัวอักษรที่แปลว่าสอน และอบรมเลี้ยงดู โรงเรียนของเราสมัยนี้ให้ความสำคัญกับการสอนมากเกินไป และไม่ได้สนใจการอบรมเลี้ยงดู ผมมองว่าการอบรมเลี้ยงดูเป็นเรื่องของศีลธรรม และลักษณะ เสน่ห์ของคนคนหนึ่งขึ้นอยู่กับว่า เขา, เธอได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างไร คนที่ฉลาดอาจจะขาดการอบรมเลี้ยงดู”

ผลตรงนี้จึงทำให้ “แจ็ก หม่า” เชื่อว่า เด็ก ๆ ของเราต้องการกีฬาเพื่อที่พวกเขาจะได้พัฒนาความชื่นชอบในการทำงานเป็นทีม ถ้าพวกเขาไม่รู้จักการทำงานเป็นทีม พวกเขาจะสามารถทำงานร่วมกับผู้คนจากที่ต่าง ๆ ของโลกได้อย่างไร พวกเขาจะเป็นที่ยอมรับของคนอื่นได้เช่นไร ไม่มีประโยชน์ในการอบรมเลี้ยงดูคนที่คนอื่น ๆ ไม่ชอบ เราต้องให้ความสนใจกับส่วนการอบรมเลี้ยงดู ในการศึกษาของจีน การศึกษาไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของโรงเรียนเท่านั้น ครอบครัว และสังคม ยังมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องการศึกษาด้วย

“ด้านพัฒนาการศึกษาชนบท โรงเรียนประถมหลายแห่งในพื้นที่ยากไร้ของจีนนั้นว่างเปล่า ใครกันจะเต็มใจไปสอนในโรงเรียนที่มีนักเรียนแค่ 6-7 คน ในชั้นที่แตกต่างกัน 4 ชั้น เราต้องการให้ครูชนบทได้รับการนับถือ เราไม่สามารถให้พวกเขาเดินทางไปหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลเพื่อไปสอนนักเรียนแค่ 4-5 คน โดยไม่มีเงินเดือนให้ ผมคิดว่าสภาพแวดล้อมที่ขัดสนของการสอนในชนบทเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมต่อครูชนบทเลย”

“ด้วยจำนวนนักเรียนที่น้อย และการขาดครูที่เต็มใจจะไปสอนในหมู่บ้านเหล่านั้น ผมสนับสนุนการบูรณาการโรงเรียนชนบทเพื่อรวมทรัพยากรการสอน กระทั่งทรัพยากรทางสังคม แม้จะมีเสียงคัดค้าน เราจะยืนหยัดเพื่อสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องต่อไป เหมือนกับที่อาลีบาบาพัฒนามาตลอด 19 ปี ผมจึงขอให้พวกท่านทุกคนให้ความสำคัญแก่ครูชนบท การปฏิรูปครูชนบทจะแสดงถึงความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ของประเทศเรา”

“คุณสามารถบอกได้ทันทีว่า ใครขาดสารอาหาร แต่ถ้าคุณสามารถบอกได้ว่า ใครกันที่ขาดการศึกษา คุณจะประหลาดใจทันทีที่เห็นว่าประเทศของเรากำลังประสบปัญหาการขาดไร้ประสิทธิภาพด้านการศึกษา การขาดไร้ประสิทธิภาพเช่นนั้นจะนำมาซึ่งปัญหาแก่สังคมอย่างแน่นอน การดูแลลูกของคุณให้ดีนั้นยังไม่พอ ในอนาคตในหมู่เด็กรุ่นเดียวกันจะมีกลุ่มคนจำนวนมากที่ขาดการศึกษา เพื่อลูกของคุณ และอนาคตของเรา กรุณาให้ความสำคัญกับครูชนบท”

ดังนั้น “แจ็ก หม่า” จึงมองว่าการแก้ปัญหาของโรงเรียนในชนบทเป็นปัญหาที่น่ากังวลอย่างแท้จริง เราต้องการใครสักคนที่อย่างน้อยก็พยายามทำผิดพลาด และช่วยรับมือกับปัญหานั้น เพราะครูคือวิศวกรทางจิตวิญญาณ แต่มีกี่คนกันที่รับเงินเดือนเท่ากับวิศวกร มีกี่คนกันที่รู้สึกว่าพวกเขากำลังทำอะไรที่ยิ่งใหญ่อยู่ มูลนิธิแจ็ก หม่าจึงบอกว่าการศึกษาคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่เราเคารพ เราจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากคุณจะมีส่วนร่วมในการกระทำครั้งนี้

“ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ด้วยการฟัง, สังเกต และให้ความสำคัญแก่เด็กที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง และครูชนบท จะเป็นสิ่งที่คุณสามารถมีส่วนร่วมในการศึกษาของจีนได้”

อันเป็นคำตอบของ “แจ็ก หม่า” ที่มองโลกการศึกษาของสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่น่าจะนำมาเชื่อมโยงกับโลกการศึกษาของประเทศอื่น ๆ ในโลกได้อย่างน่าสนใจจริง ๆ

ขอขอบคุณที่มา prachachat.net


สารพัดโรคตาที่มากับวัย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดวงตา

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ดวงตาเป็นอวัยวะที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนเราเป็นอย่างมาก หากตาบอด ก็ส่งผลให้เราใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น และเมื่ออายุยิ่งมากขึ้น อวัยวะหลาย ๆ อย่างในร่างกายเริ่มเสื่อมสมรรถภาพลง รวมถึงดวงตาด้วย ส่วนจะมีโรคอะไรบ้าง เป็นแล้วมีอาการอย่างไร รักษาได้หรือไม่ และเราควรดูแลตัวเองอย่างไรนั้น  

นพ.พรเทพ พงศ์ทวิกร มีข้อมูลและคำแนะนำดี ๆ มาฝาก เริ่มด้วยโรคฮอตฮิตที่มาพร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้น ที่คุณหมอพรเทพบอกว่า เมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป

สิ่งแรกที่มีโอกาสเกิดคือ ภาวะสายตาสูงอายุ ซึ่งเป็นคนละโรคกับสายตายาว โดยภาวะสายตาสูงอายุจะมีอาการคือ เมื่ออ่านหนังสือ ต้องเขยิบหนังสือออกไปจากตัวมากขึ้น หรือต้องการแสงสว่างในการอ่านหนังสือมากขึ้น วิธีแก้ปัญหาคือต้องใส่แว่นสายตาสูงอายุ และควรเปลี่ยนแว่นทุก 2-4 ปี เพราะสายตามีการเปลี่ยนแปลง

ส่วนโรคที่ 2 ที่มักเจอในผู้สูงวัย คือ โรคตาแห้ง มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในวัยทอง ที่ฮิร์โมนจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และฮอร์โมนบางอย่างอาจะส่งผลกระทบต่อดวงตาได้ ซึ่งวิธีแก้ไขนั้น คุณหมอแนะนำว่า ง่ายสุดคือใช้น้ำตาเทียมหยอดตา แต่หากจะให้ดีให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นมาประคบเปลือกตาสัก 10 นาที ทำวันละ 3 ครั้ง หรืออาจจะใช้ไข่ต้มมาประคบก็ได้ เพราะสำคัญคือต้องการใช้ความร้อนมากระตุ้นไขมันที่ตาให้มาเคลือบกระจกตา นอกจากนี้ ควรใส่แว่นกันแดดใหญ่ ๆ เพื่อกันแดด กันลม และกันรังสี UV ด้วย

ขณะที่โรคที่ 3 เป็นโรคที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนตาบอด และเป็นโรคที่มาพร้อมกับคำว่าสูงวัยจริง ๆ โรคนั้นคือ โรคต้อกระจก นั่นเอง ที่คุณหมอพรเทพบอกว่า เหตุที่ทำให้โรคต้อกระจกเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนตาบอดก็เพราะว่าโรคนี้ทุกคนต้องเป็น เนื่องจากเป็นความเสื่อมของเลนส์ตาที่พอเราแก่ตัวลง เลนส์ตาก็จะเริ่มขุ่นขึ้น จนทึบ เมื่อทิ้งไว้นานขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้มองไม่เห็นในที่สุด โดยวิธีการรักษานั้นจะใช้การผ่าตัดสลายต้อกระจก แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียม ที่มีอายุการใช้งานถึง 50 ปี

โรคถัดมาที่เมื่อก่อนอาจยังพบไม่มากเท่าไหร่นักในประเทศไทย แต่ปัจจุบันเริ่มพบได้มากขึ้น โรคนั้นก็คือ โรคต้อหิน ที่เกิดจากการทำลายเยื่อประสาทตาอย่างถาวร ทำให้เมื่อเป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้หายได้ น่ากลัวไปกว่านั้นคือ หากเป็นในระเริ่มต้นจะไม่มีอาการ จะพบอาการตามัวเมื่อเป็นระยะท้าย ๆ แล้ว ทำให้การรักษาอายจทำได้ไม่ค่อยดีนัก ส่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้ คุณหมอบอกว่า ให้ดูประวัติครอบครัวว่าเคยมีใครในครอบครัวเป็นต้อหินหรือไม่ ซึ่งอาจจะตรวจสอบได้ยากพอสมควร คำแนะนำคือเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป ควรไปตรวจวินิจฉัยต้อหินทุกปี หากพบโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ จะรักษาง่าย ด้วยการหยอดตาตลอดชีวิต

ขณะที่ในไทย สาเหตุที่ทำให้ตาบอดนั้นมาจากโรคต้อกระจก แต่สำหรับสหรัฐอเมริกา สาเหตุที่ทำให้ตาบอดมากที่สุดนั้นมาจากโรคจุดศูนย์กลางของจอประสาทตาเสื่อม พบในคนอายุ 55 ปีขึ้นไป ซึ่งเกิดขึ้นในบางคน แต่ระยะหลังมา ในประเทศไทยเริ่มพบมากขึ้น ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้ยังไม่แน่ชัด แต่ปัจจัยหนึ่งมาจากการสูบบุหรี่ ปัจจัยที่ 2 คือแสงแดด แสง UV ส่วนปัจจัยอื่นที่มีพูดถึงกันมากคือแสงสีฟ้า (blue light) แต่ยังไม่มีการทดลองในคน พบเพียงงานวิจัยในสัตว์ทดลองเท่านั้น

โดยโรคจุดศูนย์กลางของจอประสาทตาเสื่อมนั้น ผลการวิจัยบอกว่าหากเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถป้องกันได้ถึง 94.6% แต่คนไข้ก็มักจะไปหาหมอก็ตอนที่สายตามองไม่เห็นแล้ว ทำให้รักษาได้ไม่ทันท่วงที ส่วนวิธีเช็คง่าย ๆ ว่าเราเป็นหรือไม่ คุณหมอพรเทพแนะว่า ให้ใช้มือปิดตาข้างหนึ่ง แล้วมองไปที่เส้นตรงในบ้าน เช่น ขอบประตู แล้วดูว่าขอบเส้นตรงนั้นเบี้ยวหรือไม่ ถ้าเห็นว่าเริ่มเบี้ยว ให้รีบไปพบจักษุแพทย์ทันที

นอกจากนี้ ในยุคปัจจุบันที่โซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น โดยเฉพาะวัยสูงวัยที่นิยมเล่นไลน์ หรือเฟซบุ๊ก ทำให้ต้องใช้สายตาเยอะ คุณหมอจึงแนะนำ ดังนี้

1.เวลาเล่นโซเชียลมีเดีย จะเป็นการอ่านอะไรในระยะใกล้ เพราะต้องโฟกัสในภาพเล็ก ๆ จึงควรใช้แว่นผู้สูงอายุขณะใช้งานสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต

2.เมื่อจ้องมาก ๆ เราจะลืมกะพริบตา ทำให้ตาแห้งได้ จึงควรกะพริบตาบ่อย ๆ

3.เมื่อมองใกล้นาน ๆ ตาเราจะยึดโฟกัสแค่ที่เดียวเป็นเวลานาน จึงควรพักสายตาบ้าง โดยอาจเล่นโซเชียล 2 ชั่วโมง พักสายตา 15 นาที ด้วยการมองไปที่ไกล ๆ ให้ดวงตาเลิกจากการมองใกล้ เพื่อให้เลนส์ตาได้ผ่อนคลาย ส่วนแสงสีฟ้าที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้น มีงานวิจัยพบว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เราล้าสายตาได้ง่าย จึงควรติดฟิล์มบางอย่างที่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต เพื่อกรองแสง แต่หากจะให้ดีที่สุดคือ อย่าใช้อะไรนานเกินไป ควรใช้แต่พอดีก็พอ

คุณหมอทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันคนเราอยู่กับโทรศัพท์มือถือมากขึ้น จึงอยากให้ตระหนัก และอย่ามองว่าตาเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่าคิดว่าตามัวเป็นแค่ความชราที่มาเยือน แนะนำให้ผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ไปตรวจตาปีละครั้ง แต่คนที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวาน อาจจะต้องตรวจบ่อยกว่า เพื่อให้รู้ทันโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ และรักษาได้อย่างทันท่วงที

ขอขอบคุณที่มา  2.thaihealth.or.th


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 18,500.00 18,400.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,000.00 18,070.72 1,192.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 18,722.60 1,235.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,263.65 1,072.80
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,456.58 953.60
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,125.76 536.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,321.72 417.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 31.55 31.55 31.55 31.55 31.55 31.55 31.55 31.55 31.55 31.55
แก๊สโซฮอล์ 91 31.28 31.28 31.28 31.28 31.28 31.28 31.28 31.28 31.28 31.28
แก๊สโซฮอล์ E20 28.54 28.54 28.54 28.54 28.54 28.54 28.54 28.54 28.54
แก๊สโซฮอล์ E85 22.14 22.14 22.14 22.14
เบนซิน 95 38.66 39.11 39.16 38.96 38.76 38.96
ดีเซล 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.89 33.76 33.76 33.76 33.76
แก๊ส NGV 15.13 15.13
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า