เปิดกรุที่ดินรถไฟประมูล 4 ทำเลทอง ดึงเอกชนลงทุนมิกซ์ยูส 3.8 แสนล้านแลกสัมปทาน 50 ปี
การรถไฟฯเร่งล้างท่อที่ดินแปลงใหญ่เปิดประมูล PPP พื้นที่ 4 ทำเลทอง สถานีกลางบางซื่อ ย่าน กม.11 แม่น้ำ มักกะสัน ดึงเอกชนลงทุนโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส กว่า 3.8 แสนล้าน แลกสัมปทาน 50 ปี คาดสิ้นปีนี้กดปุ่มสถานีกลางบางซื่อ 35 ไร่ มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน รับฮับระบบราง ปีหน้าเทกระจาดย่าน กม.11 สถานีแม่น้ำ มักกะสัน ไล่เช็กบิลสัญญาเช่าที่ดินหัวหิน สนามกอล์ฟเบียร์สิงห์ โรงแรมเซ็นทรัล จ่อรื้อค่าเช่าที่ 100 สัญญาริมถนนรัชดาฯ
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจบริหารทรัพย์สินและรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ได้ส่งแผนการพัฒนาโครงการที่ดินแปลงใหญ่ของ ร.ฟ.ท.ที่จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน PPP net cost ระยะเวลา 50 ปี ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556 ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว จำนวน 3 แปลง คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 369,662 ล้านบาท ได้แก่ ย่าน กม.11 เนื้อที่ 359 ไร่ ย่านมักกะสัน 347 ไร่ เหลือจากเอกชนที่ชนะประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไป 150 ไร่ และสถานีแม่น้ำ เนื้อที่ 277 ไร่ คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในต้นปี 2562 เนื่องจากจะต้องผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการ PPP ก่อนถึงจะดำเนินการได้
สิ้นปีกดปุ่มบางซื่อ 35 ไร่
“ส่วนที่ดินโซน A ของสถานีกลางบางซื่อ เนื้อที่ 35 ไร่ บอร์ด PPP อนุมัติแล้ว คาดว่าปลายปีนี้จะเปิดประมูล โดยให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด ภายใต้รูปแบบ BOT คือ สร้าง บริหาร และโอนกรรมสิทธิ์ให้ ร.ฟ.ท. เมื่อครบกำหนดสัญญา ในระยะเวลา 34 ปี ส่วนแผนก่อสร้างใช้เวลา 4 ปี และดำเนินธุรกิจตลอด 30 ปี มีมูลค่าลงทุนรวม 15,400 ล้านบาท”
สำหรับย่าน กม.11 มีมูลค่าลงทุน 80,882 ล้านบาท พัฒนาเป็นมิกซ์ยูส มีคอนโดมิเนียมและพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น สำนักงาน เพราะโดยรอบเป็นที่ตั้งของสำนักงาน ปตท. ศูนย์เอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ และบ้านพักของพนักงาน ร.ฟ.ท. โดยเฉพาะบ้านพักจะสร้างใหม่เป็นรูปแบบคอนโดมิเนียม ส่วนอาคารสำนักงานให้เช่าจะต่อเนื่องกับศูนย์เอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ ยาวไปถึงสถานีรถไฟฟ้าจตุจักร
บูมมักกะสันต่อยอดไฮสปีด EEC
ขณะที่สถานีแม่น้ำ 277.5 ไร่ จะพัฒนาเป็นแลนด์มาร์กริมน้ำ มีศูนย์การค้าและที่อยู่อาศัย มูลค่าลงทุน 88,780 ล้านบาท ส่วนสถานีมักกะสัน ลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท แบ่ง 4 โซน ได้แก่ โซน A 139.82 ไร่ เป็นส่วนธุรกิจการค้า เช่น city air terminal ร้านค้าปลอดภาษี ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ศูนย์ประชุม-สัมมนา สำนักงาน และอาคารจอดรถ ซึ่งส่วนนี้ยกให้เอกชนรับสัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จัดหาประโยชน์ 50 ปีแล้ว อีก 3 โซน ร.ฟ.ท.จะเปิดให้เอกชนเช่า 50 ปี ได้แก่ โซน B 117.31 ไร่ เป็นส่วนธุรกิจสำนักงาน ศูนย์ข้อมูลธุรกิจ อุตสาหกรรมของรัฐ และศูนย์แสดงสินค้า โซน C 151.40 ไร่ เป็นส่วนที่อยู่อาศัยและสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ อาหารระดับโลก ศูนย์แสดงสินค้าและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และโซน D 88.58 ไร่ เป็นพิพิธภัณฑ์ ร.ฟ.ท. โรงแรม
เร่งสรุปสัญญาเช่าขาใหญ่
แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างเจรจาสัญญาเช่าที่ดินแปลงใหญ่ ๆ ที่ครบกำหนดสัญญาไปแล้ว โดยประเมินมูลค่าทรัพย์สินใหม่ให้เป็นปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท และต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556 รูปแบบ PPP โดยจะเจรจาผลตอบแทนบนพื้นฐานใหม่ให้เป็นราคาปัจจุบัน ในเบื้องต้นจะเจรจารายเดิมก่อน หากไม่ได้ข้อยุติถึงจะเปิดประมูลใหม่
ประกอบด้วย สัญญาเช่าของ บจ.บุญรอดบริวเวอรี่ (เบียร์สิงห์) เป็นการเช่าอาคารและสนามกอล์ฟรถไฟหัวหิน อยู่ติดสถานีรถไฟหัวหิน เนื้อที่ 500 ไร่ ครบกำหนด 30 ปี เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2558 ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 2,000-3,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาผลตอบแทน เนื่องจาก ร.ฟ.ท.จะขอพื้นที่คืนประมาณ 1 ไร่เศษ ก่อสร้างสถานีของรถไฟทางคู่นครปฐม-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน ที่จะเบี่ยงแนวเข้าไปในสนามกอล์ฟ ต้องให้เอกชนลงทุนเพิ่ม 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ ซึ่งระหว่างรอต่อสัญญารอบใหม่ ทางเบียร์สิงห์จ่ายค่าเช่าให้ ร.ฟ.ท.เป็นรายปีในอัตราค่าเช่าเท่ากับปีสุดท้ายอยู่ที่ 476,000 บาท
นอกจากนี้มีโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล หัวหิน เนื้อที่ 71.65 ไร่ มีมูลค่าทรัพย์สินเกิน 1,000 ล้านบาท โดย บจ.เซ็นทรัลหัวหินบีช รีสอร์ท ครบสัญญาเช่า 30 ปี ช่วงต้นปี 2559 แต่ได้ต่อสัญญาโดยอัตโนมัติ 3 ปี จะครบกำหนดกลางปี 2562 ซึ่งการศึกษาผลตอบแทนได้ข้อสรุปเบื้องต้นจะต่อสัญญาเช่าให้ 30 ปี จากสัญญาเดิมกำหนดต่อได้ 15 ปี 2 ครั้ง
กำลังจะครบสัญญา 30 ปี ในปี 2564 มีโรงแรมเดอะทวินทาวเวอร์ เนื้อที่ 6.53 ไร่ ย่านรองเมือง ของ บจ.โกลเด้น แอสเซ็ท โดย ร.ฟ.ท.ได้ค่าเช่าปีสุดท้ายอยู่ที่ 3.29 ล้านบาท ขณะนี้ศึกษาผลตอบแทนตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนเสร็จแล้ว มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 700 ล้านบาท คาดว่าจะต่อสัญญาเช่าให้อีก 20 ปี
รื้อค่าเช่ารัชดาฯ 100 สัญญา
อีกทั้งจะทยอยปรับสัญญาเช่าย่านถนนรัชดาภิเษกกว่า 100 แปลง หรือ 100 กว่าสัญญา ตั้งแต่แยกห้างสรรพสินค้าโรบินสันเก่า ไปตลอดแนวถนนจนถึงสำนักงานใหญ่ SCB และจุดตัดถนนวิภาวดีรังสิต จะครบกำหนดปี 2563-2565 อาทิ ลานจอดรถของโรบินสันเก่า ที่จอดรถโรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ สถานบริการอาบอบนวดโพไซดอน ศาลอาญา เป็นต้น จะประเมินค่าเช่าใหม่ก่อนต่อสัญญาเช่า เนื่องจากสัญญาเช่าเดิมทำไว้เมื่อ 20-30 ปีและมีรายได้เฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาทเท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
“สภาวิศวกร” เผยกฎหมายควบคุมอาคารไม่ครอบคลุมปัญหารถตกอาคารซ้ำซาก แนะรัฐออกกฎบังคับขนาดแรงกระแทกแผงกั้นรถยนต์
ตะลึง ! “สภาวิศวกร” เผยกฎหมายควบคุมอาคารไม่ครอบคลุมปัญหารถตกอาคารซ้ำซาก แนะรัฐออกกฎบังคับขนาดแรงกระแทกแผงกั้นรถยนต์
จากเหตุการณ์รถกระบะตกลงมาจากอาคารจอดรถชั้น 6 ภายในกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 10 ตค. ที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต เหตุการณ์รถยนต์ตกจากอาคารจอดรถเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากหลายครั้งในอดีต เช่น เหตุรถยนต์พุ่งชนแผงกั้นรถยนต์ชั้น 3 อาคารห้างสรรพสินค้าแห่งในหนึ่งในเขตบางกะปิ ปี 2558 มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และรถยนต์ตกอาคารอพาร์ตเมนต์ ชั้น 4 ถนนพระราม 4 เมื่อปี 2560 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
ศ.ดร. อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ปัจจุบันปัญหารถยนต์ตกอาคารจอดรถยังคงเป็นปัญหาที่กระทบต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ภายในอาคาร และยังมีอาคารจอดรถอีกเป็นจำนวนมากที่ยังมีแผงกั้นรถยนต์ที่ไม่ปลอดภัย
ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตกอาคารมาจาก 3 สาเหตุหลักคือ 1. การประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์ 2. สภาพการขับขี่ภายในอาคารจอดรถไม่ปลอดภัย เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ ความชันทางขึ้นลง และรัศมีโค้งของทางวิ่ง 3. ความแข็งแรงของแผงกั้นรถยนต์
โดยพบว่าบริเวณที่อันตรายของอาคารจอดรถ คือ 1. บริเวณซองที่รถถอยหลังเข้าจอด และ 2. บริเวณปลายทางวิ่ง
ในแง่มาตรฐานความปลอดภัยของแผงกั้นรถยนต์ ปัจจุบัน ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอาคารที่ระบุขนาดของแรงกระแทกที่แผงกั้นรถยนต์ จึงเป็นสาเหตุให้อาคารจอดรถหลายแห่ง ยังมีแผงกั้นที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย
ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม จึงมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1. รัฐควรออกกฎหมายกำหนดค่าแรงกระแทกในการออกแบบและก่อสร้างแผงกั้นรถยนต์ 2. รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรออกมาตรฐานการแบบและก่อสร้างแผงกั้นรถยนต์สำหรับอาคารจอดรถที่จะก่อสร้างขึ้นใหม่
สำหรับมาตรฐานการออกแบบแผงกั้นรถยนต์ในต่างประเทศ มีการกำหนดค่าแรงกระแทกที่ใช้ในการออกแบบ เช่น มาตรฐาน IBC 2006 ของสหรัฐอเมริกา และมาตรฐาน AS/NZS1170.1 ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ สาระสำคัญคือ 1.กำหนดค่าแรงกระแทก 3 ตันสำหรับบริเวณที่มีการจราจรไม่มาก และ 4 ตันสำหรับบริเวณที่มีการจราจรปานกลาง 2.กำหนดค่าแรงกระแทก 24 ตัน สำหรับแผงกั้นที่บริเวณปลายทางวิ่งที่มีระยะทางเกิน 20 เมตร
เลขาธิการสภาวิศวกรกล่าวอีกว่า ประเทศไทยควรเร่งออกกฎหมายควบคุมอาคารและมาตรฐานการออกแบบแผงกั้นรถยนต์โดยเร็ว และการออกแบบและก่อสร้างแผงกั้นรถยนต์ควรดำเนินการโดยวิศวกรโยธาที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกร
ส่วนแผงกั้นรถยนต์ในอาคารจอดรถที่ก่อสร้างแล้วนั้น พบว่า มีหลายรูปแบบที่เข้าข่ายเสี่ยงอันตราย โดยมีข้อสังเกตแผงกั้นรถยนต์ที่อาจไม่ปลอดภัยดังนี้
1. แผงกั้นที่ทำขึ้นจากอิฐมอญ หรือ คอนกรีตบล๊อกที่ไม่มีการเสริมเหล็ก 2. แผงกั้นรถยนต์ที่ทำจากผนังสำเร็จรูป ซึ่งมีจุดยึดระหว่างผนังกับพื้นไม่แข็งแรง เช่นใช้กับการเชื่อมแท็คเวลดิ้งเพียง 2-3 ตำแหน่ง 3. แผงกั้นรถยนต์ที่ทำจากผนังคอนกรีตเสริมเหล็กที่บางและมีเหล็กเสริมไม่ได้มาตรฐาน
แนวทางแก้ไขปัญหาในทางวิศวกรรมนั้น ควรเร่งดำเนินการ 2 แนวทางสำหรับอาคารจอดรถก่อสร้างใหม่ และอาคารจอดรถเดิม ดังนี้
ประเภท “อาคารจอดรถก่อสร้างใหม่” ควรดำเนินการ 5 ข้อ ได้แก่ 1. แผงกั้นควรมีความสูงจากพื้นอย่างน้อย 130 เซนติเมตร 2. ควรก่อสร้างจากผนังคอนกรีตเสริมเหล็กชนิดเทในที่ มีเหล็กเดือยฝังยึดแผงกั้นกับพื้นอย่างแน่นหนา 3. ออกแบบแผงกั้นเป็นผนังยื่นจากพื้น โดยใช้ค่าแรงกระแทกตามที่มาตรฐานกำหนด
4. การเสริมเหล็กในแผงกั้นชนิดคอนกรีตเทในที่ ควรเสริมเหล็ก 2 ชั้นที่ผิวด้านนอกและผิวด้านในของแผ่นพื้น ห้ามเสริมเหล็กชั้นเดียวตรงกลางผนัง และ 5. คอนกรีตที่ใช้ทำผนังแผงกั้นควรมีกำลังรับแรงอัดไม่ต่ำกว่า 280 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
ประเภท “อาคารจอดรถเดิม” ซึ่งแผงกั้นอาจไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย สามารถเสริมความแข็งแรงแผงกั้นให้ได้มาตรฐานได้ เจ้าของอาคารควรจัดหาวิศวกรโยธาเข้าตรวจสอบและประเมินความแข็งแรงของแผงกั้นรถยนต์ในอาคารเก่า และ เสริมความแข็งแรง เช่น การเสริมผนังคอนกรีตเสริมเหล็กเข้ากับผนังเดิม หรือ วิธีอื่นตามที่วิศวกรเห็นสมควร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
4 คำถามยอดฮิต ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องการรีโนเวทอลูมิเนียมคอมโพสิต
สำหรับผู้ประกอบการทุกท่าน ที่มีการใช้อลูมิเนียมคอมโพสิต(หรือแผ่นแซนด์วิช) ตกแต่งสถานประกอบการนั้น ย่อมจะต้องประสบกับปัญหาตัวแผ่นสีซีดจาง หรือชำรุดได้เป็นธรรมดา ตามเวลาและสภาพการใช้งาน จึงทำให้เกิดข้อสงสัยและความกังวลตามมาว่า “จะทำอย่างไรดี? ตกลงต้องติดตั้งใหม่เท่านั้นใช่หรือไม่? ต้องทุ่มเงินมหาศาลเลยใช่หรือไม่?”
คำตอบคือ การติดตั้งใหม่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาเพียงทางเดียว! เพราะด้วยความที่อลูมิเนียมคอมโพสิตเป็นแผ่นอลูมิเนียมซึ่งประกบไส้กลางเป็นวัสดุเนื้อยืดหยุ่นนั้น มันจึงต้องติดตั้งเข้ากับตัวอาคารด้วยการใช้โครงเหล็กยึด ไม่ใช่แค่แปะธรรมดาง่ายๆ เหมือนเอากระดาษแปะฝาผนัง และถ้าหากจะติดตั้งแผ่นใหม่ไปแทนนั้น นั่นแปลว่าจะต้องรื้อของเก่าไปจนถึงโครงเหล็ก ซึ่งทั้งยุ่งยาก ใช้เวลานาน และมีค่าใช้จ่ายสูงด้วย
ดังนั้น จึงมีอีกหนทางหนึ่งสำหรับแก้ปัญหาอลูมิเนียมคอมโพสิตชำรุด/ทรุดโทรม นั่นคือการ “รีโนเวท” นั่นเอง เป็นการซ่อมแซมตัวแผ่นให้สวยงาม ดูดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการหลายท่านอาจไม่เคยได้ยินเรื่องการรีโนเวทแผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิตมาก่อน และคงเกิดคำถามมากมายในใจ ดังนั้นวันนี้เราจึงยกข้อคำถาม Top4 เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่คิดว่าทุกท่านน่าจะสงสัยมากที่สุดมานำเสนอ พร้อมให้คำตอบที่ถูกต้องด้วย มาดูกันเลย
คำถามที่ 1: การรีโนเวทแผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิต ช่วยแก้ปัญหาการชำรุดได้ทุกรูปแบบเลยหรือไม่?
คำตอบ: ไม่ใช่ การรีโนเวทแผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิต จะทำได้ก็ต่อเมื่อการชำรุดอยู่แค่ภายในขอบเขตของสีซีด จาง หรือด่างเท่านั้น แต่ถ้าหากบิ่น บิดเบี้ยว หรือเผยอแล้วจะไม่สามารถแก้ได้ ต้องติดตั้งใหม่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรหมั่นทะนุผนอมตัวแผ่น ดูแลรักษา และทำความสะอาดให้ถูกวิธี เพื่อที่อายุการใช้งานจะได้ยาวนาน และไม่เสียรูปทรงง่ายๆ
คำถามที่ 2: การรีโนเวทแผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิต จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากแค่ไหน?
คำตอบ: ประหยัดกว่าการติดตั้งใหม่ถึง 70% นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยมากกว่าด้วย เนื่องจากไม่ต้องมีการรื้อถอนชิ้นส่วนใดๆออก จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีเศษวัสดุตกหล่นไปโดนใครหรือวางเกะกะภายในพื้นที่สถานประกอบการ
คำถามที่ 3: เมื่อรีโนเวทแผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิตไปแล้ว ตัวแผ่นจะอยู่ในสภาพนั้นอีกนานแค่ไหน?
คำตอบ: ไม่มีคำตอบที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการทะนุถนอมล้วนๆ แต่ถ้ามีการดูแลและรีโนเวทอย่างถูกวิธี สามารถอยุ่ได้เกิน 24 เดือนอย่างแน่นอน
คำถามที่ 4: รีโนเวทแล้วตัวแผ่นจะสวยขึ้นจริงใช่หรือไม่?
คำตอบ: แน่นอนที่สุด สวย สะอาดเหมือนใหม่อย่างแน่นอน เพราะการรีโนเวทจะมุ่งเน้นไปที่การขัดสีและการทำความสะอาดพื้นผิว แต่หลังจากรีโนเวทเสร็จแล้ว อย่างที่บอกก็คือต้องมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเองด้วย แนะนำให้ใช้ผ้าที่นุ่มๆ ผสมน้ำ สบู่ หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่สารทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง เนื่องจากจะทำให้พื้นผิวเสียหายได้
สรุป การรีโนเวทแผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิต เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วถ้าหากเป็นวัสดุที่ใช้ตกแต่งสถานประกอบการของคุณ ถึงแม้ว่าจะใช้ทะนุถนอมอย่างไร แต่วัสดุก็สามารถสีซีด จางได้ไปตามกาลเวลา แต่เพื่อที่จะไม่ต้องรีโนเวทบ่อย และประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากขึ้นกว่าเดิม การใช้งานตัวแผ่นอย่างทะนุถนอม และหมั่นบำรุงรักษาให้ถูกวิธี เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com
นายจ้าง ลูกจ้าง เฮ! พ.ร.บ.เงินทดแทนฉบับใหม่ จ่ายเพิ่มเป็นร้อยละ 70
“นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ” รักษาการเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2561 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป โดยพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับใหม่) นี้ได้มีการปรับปรุงค่ารักษาและขยายความคุ้มครองให้ลูกจ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงแรงงานที่ให้ความสำคัญในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม สร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ ลูกจ้างได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น และนายจ้างได้รับความเป็นธรรม
พระราชบัญญัติเงินทดแทน(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 มีสาระ สำคัญ คือ ได้มีการขยายความคุ้มครองแก่ลูกจ้างของส่วนราชการ ขยายความคุ้มครอง ให้ครอบคลุมไปถึงลูกจ้างซึ่งทำงานในองค์กรของนายจ้างที่มิได้มีวัตถุประสงค์ เพื่อแสวงหากำไรทางเศรษฐกิจ รวมถึงการออกกฎหมายบังคับใช้เกี่ยวกับขอบเขตการคุ้มครองลูกจ้างซึ่งได้รับการจ้างงานในประเทศ (Local staff) ของสถานเอกอัครราชทูตและองค์การระหว่างประเทศ เพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ภัยพิบัติ” เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับความหมายหรือลักษณะของภัยพิบัติ ลดการจ่ายเงินเพิ่มตามกฎหมายในท้องที่ประสบ ภัยพิบัติตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
ทั้งนี้ ได้มีการเพิ่มอัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน และค่าทำศพกรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตาย หรือสูญหาย โดยออกเป็นกฎกระทรวงเพื่อให้ลูกจ้างได้รับประโยชน์ ดังนี้ เพิ่มอัตราค่าทดแทนกรณีต่างๆ จากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือน เพิ่มระยะเวลาการจ่ายค่าทดแทนกรณีลูกจ้าง ทุพพลภาพเป็นไม่น้อยกว่า 15 ปี (เดิมไม่เกิน 15 ปี) เพิ่มระยะเวลาการจ่ายค่าทดแทนกรณีลูกจ้าง ถึงแก่ความตายหรือสูญหายมีกำหนด 10 ปี (เดิมกำหนด 8 ปี) อีกทั้งกำหนดการจ่ายค่าทดแทนสำหรับกรณีลูกจ้าง ไม่สามารถทำงานได้ให้ได้รับตั้งแต่วันแรกที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้ (เดิมจ่ายค่าทดแทนกรณีลูกจ้าง ไม่สามารถทำงานติดต่อกันเกิน 3 วัน) เพิ่มการจ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้าง ตามอัตราที่กำหนด ในกฎกระทรวง (เดิมจ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้างเป็นจำนวน 100 เท่า ของอัตราสูงสุดของค่าจ้างขั้นต่ำรายวันตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน)
ในส่วนของนายจ้างก็จะได้รับประโยชน์จากร่างพระราชบัญญัติเงินทดแทนนี้เช่นกัน กล่าวคือกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน (ฉบับใหม่นี้) ได้มีการปรับลดเงินเพิ่มตามกฎหมายจากเดิมร้อยละ 3 ต่อเดือน ลดลงเหลือร้อยละ 2 ต่อเดือน และกำหนดเกณฑ์ การคำนวณเงินเพิ่ม กรณีนายจ้างค้างชำระเงินสมทบ โดยกำหนดให้จำนวนเงินเพิ่มต้องไม่เกินจำนวน เงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่าย (เดิมไม่ได้กำหนดเพดานเงินเพิ่มไว้) เป็นต้น
พระราชบัญญัติเงินทดแทน(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 นี้ จะส่งผลให้ลูกจ้างมีหลักประกันของชีวิตดีขึ้น รวมถึงค่าทดแทนการขาดรายได้ และระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นเพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตในกรณีไม่สามารถทำงานได้ มีความจำเป็นต้องหยุดงาน และในส่วนของนายจ้างเองก็จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราเงินเพิ่ม ส่งผลให้สถานภาพด้านการเงินของนายจ้าง มีความมั่นคง เสริมสร้างสังคมประเทศชาติให้มีเสถียรภาพเป็นปึกแผ่น มีความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
พัฒนาสกิลภาษาอังกฤษได้ง่ายๆ ด้วยการเล่นเกม!
เมื่อความสามารถด้านภาษาไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาแบบปุ๊บปั๊บ แต่เกิดจากการฝึกใช้ภาษาอย่างต่อเนื่อง จนแทบจะหายใจออกมาเป็นภาษานั้นๆ เราจึงต้องหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองได้คลุกคลีอยู่กับภาษาดังกล่าวอยู่เสมอ กรณีของภาษาอังกฤษก็เช่นกัน หากไม่คลุกคลีอยู่กับภาษาอังกฤษอยู่เสมอ เราจะใช้มันอย่างคล่องแคล่วก็คงเป็นไปได้ยาก
วิธีแบบนี้เราเรียกว่า Language Immersion Method คือการทำให้ตัวเองมีโอกาสได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษรอบตัวและทุกย่างก้าว (เท่าที่จะสามารถทำได้) Language Immersion Method สามารถแบ่งออกแยกย่อยได้หลายวิธี แต่วิธีที่ผมจะนำเสนอในวันนี้เป็นวิธีที่หลายๆ คนอาจนึกไม่ถึง วิธีที่ว่านี้คือ (วิดีโอ) เกม
ผมมองว่าเกมคืออีกหนึ่งช่องทางสำหรับพัฒนาภาษาอังกฤษของเราให้ดีขึ้นได้หากรู้จักใช้ให้เป็น เพราะเวลาเล่นเกม ทุกคนต้องคอยอ่านทำความเข้าใจความหมายของข้อความที่ปรากฏในเกมเพื่อทำภารกิจอะไรสักอย่างให้สำเร็จลุล่วง การเข้าใจข้อความดังกล่าวจะช่วยให้ทำภารกิจนั้นๆ สำเร็จได้เร็วขึ้น ต่างจากคนที่เล่นเกมแบบ “คลำหาทางออกไปเรื่อย” นอกจากนี้ เกมยังเป็นสิ่งที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้เล่น (และผู้เรียนรู้ภาษา) ได้ดีกว่าสื่อหลายๆ ประเภทอีกด้วย เพราะเล่นแล้วเพลิน ดังนั้น เกมจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาภาษาในแบบ Language Immersion Method และเป็นสิ่งที่ทำได้เรื่อยๆ ไม่น่าเบื่อ
เกมที่ทำให้จดจำคำศัพท์ได้มาก ได้แก่ เกมแนวจำลอง (Simulation) แบบเล่นซ้ำได้ไม่รู้จบ (Sandbox) และเกมแนวยุทธศาสตร์ (Strategy) เพราะเราจะได้เจอคำศัพท์หลากหลายคำและคำศัพท์เหล่านั้นก็จะปรากฏให้เราเห็นอยู่เรื่อยๆ
เกมที่ช่วยให้เราพัฒนาทักษะการเดาความหมายของคำศัพท์จากบริบทในเวลาอันรวดเร็ว ได้แก่ เกมแนวแอ็คชั่น (Action) เกมแนวยิงศัตรู (Shooting) ทั้งแบบบุคคลที่หนึ่ง (First-person) และบุคคลที่สาม (Third-person) และเกมแนวระทึกขวัญ (Thriller) เป็นต้น เพราะผู้เล่นต้องเอาตัวรอดหรือปฏิบัติภารกิจอยู่ตลอดเวลา คำศัพท์ที่ปรากฏก็มาเร็วไปเร็ว บางครั้งอาจเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย และไม่มีเวลาสืบค้นความหมายจากพจนานุกรม ผู้เล่นจึงต้องรีบทำความเข้าใจความหมายของคำศัพท์หรือข้อความในเกมโดยอาศัยบริบทเท่าที่มีอยู่ ทักษะนี้ถือว่าเป็นอีกทักษะหนึ่งที่สำคัญที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษจำเป็นต้องฝึก เพราะในชีวิตจริง ย่อมมีบ้างบางครั้งที่เราไม่รู้ความหมายของคำทุกคำที่ปรากฏในสื่อต่างๆ จึงต้องเดาความหมายจากบริบทรอบข้าง
ในแง่ของคำศัพท์ ข้อดีของการเล่นเกมนั้นมีอยู่ว่าการป้อนคำศัพท์ต่างๆ เข้าสู่คลังสมองนั้นเกิดจากความสมัครใจของเราเอง ต่างจากคนที่ไปเทคคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตามสถาบันต่างๆ ซึ่งเนื้อหาที่ครูป้อนมาให้นั้นอาจเป็นสิ่งที่เราไม่ได้สมัครใจที่จะรับเข้ามาในสมอง ณ เวลานั้น เช่น เราไม่ชอบอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการเมือง แต่ครูก็ป้อนคำศัพท์ที่เกี่ยวกับการเมืองมาให้ เป็นต้น แน่นอนว่านักเรียนในคลาสมีหลากหลายประเภท ความต้องการก็แตกต่างกัน การที่ครูจะตอบโจทย์ความต้องการของนักเรียนได้ครบทุกคนนั้นเป็นไปได้ยากมาก
นอกจากเกมจะช่วยให้เราย่อยคำศัพท์ได้ดีแล้ว ยังช่วยให้เราพัฒนาทักษะการอ่านและ/หรือการฟังด้วย แน่นอนว่าผู้เล่นจะได้พยายามอ่านทำความเข้าใจข้อความต่างๆ อยู่เรื่อยๆ และบางครั้งอาจต้องพยายามฟังเสียงสนทนาของตัวละครประกอบไปด้วยเพื่อให้เข้าถึงเนื้อหาของเกมได้ดีขึ้น (หรือรู้สึก “อิน” กับเกมได้มากขึ้นนั่นเอง)
ผมจะขอยกตัวอย่างการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบ Language Immersion โดยอาศัยเกมเป็นเครื่องมือนะครับ ในกรณีนี้จะพูดถึง 2 เกมซึ่งเป็นเกมที่ผมเคยเล่น เกมแรกคือ The Sims 4 ของค่าย Electronic Arts เกมนี้เป็นเกมแนวจำลอง ประเภทเล่นซ้ำได้ไม่รู้จบ หรือเรียกว่า Sandbox เพราะอุปมาเหมือนกระบะทรายที่เด็กๆ สามารถใช้ทรายสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาได้ เช่น ปราสาททราย พอเบื่อก็ทำลายทิ้ง แล้วสร้างอย่างอื่นขึ้นมาแทน เล่นได้ไม่รู้จบ
เกม The Sims 4 ถือว่าดีมากๆ เพราะเป็นการจำลองชีวิต คำศัพท์ส่วนใหญ่จึงเป็นคำศัพท์ที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน หรือเป็นคำศัพท์ใกล้ตัวเรานั่นเอง ไม่ว่าจะตู้เย็น โต๊ะ อาหาร ห้องครัว สวนสาธารณะ การออกเดท การท่องเที่ยว หรือการทำงาน เป็นต้น ผู้เล่นสามารถตอบสนองกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ตลอดไม่รู้จักจบจักสิ้น จึงมีโอกาสจำคำศัพท์เหล่านี้ได้ดี คำศัพท์เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเข้าไปฝังอยู่ในความจำระยะยาว (long-term memory) ของเราได้ นอกจากนี้ เรายังได้ฝึกทักษะการอ่านไปด้วยในบางครั้ง เพราะจะมีข้อความปรากฏขึ้นมาให้ผู้เล่นตอบสนองอยู่บ้างเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นจะไม่ได้ฝึกทักษะการฟังจากเกมนี้ เพราะเสียงสนทนาของตัวละครไม่ใช่ภาษามนุษย์ทั่วไป แต่เป็นภาษาของชาวซิมส์ในเกมนี้โดยเฉพาะ
เกมที่สองที่จะพูดถึงคือ Far Cry Primal ของค่าย Ubisoft เป็นเกมแนวแอคชั่นกึ่งผจญภัย (Action-adventure) โดยมีทั้งการต่อสู้กับศัตรูและผจญภัยไปในโลกที่เราไม่รู้จัก ซึ่งในกรณีนี้คือโลกยุคดึกดำบรรพ์ ผู้เล่นจะได้เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงสัตว์ต่างๆ และวิถีชีวิตของมนุษย์ในยุคนั้น เกมนี้สามารถใช้พัฒนาทักษะการอ่านได้พอสมควร และยังสามารถใช้พัฒนาทักษะการฟังได้ด้วย เพราะเราจะได้ยินเสียงสนทนาของตัวละครอยู่เรื่อยๆ
จะเห็นได้ว่าเกมนั้นมีประโยชน์มากถ้ารู้จักใช้ให้ถูกวิธี ผู้เล่นต้องตั้งเป้าไว้ว่าจะเน้นใช้เกมเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ และที่สำคัญ ต้องเล่นเกมต่อพอควร อย่าเล่นนานจนเกินไป รวมถึง “ต้องติดตั้งเกมเป็นภาษาอังกฤษ” ด้วยนะครับ ข้อนี้สำคัญมาก มิฉะนั้นแล้วก็จะไม่ได้ประโยชน์ในด้านนี้จากเกม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 18,950.00 | 18,850.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,450.00 | 18,510.36 | 1,221.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 19,177.40 | 1,265.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,659.32 | 1,098.90 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 14,808.29 | 976.80 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,322.84 | 549.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,473.32 | 427.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2561
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.94 | 27.94 | 27.94 | 27.94 | 27.94 | – | 27.94 | 27.94 | 27.94 | 27.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.74 | 21.74 | – | – | – | – | – | 21.74 | 21.74 | – |
เบนซิน 95 | 38.06 | – | – | – | 38.51 | – | 38.56 | 38.36 | 38.16 | 38.36 |
ดีเซล | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.89 | 33.76 | 33.76 | 33.76 | 33.76 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.13 | 15.13 | – | – | – | – | – | – | – | – |