สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2561

‘แบงก์ชาติ’ เปิดประมูลที่ดิน 299 ไร่ กลางเมืองใหม่บางพลี

ธปท.เปิดประมูลที่ดินกลางเมืองใหม่บางพลี รอบที่ 3 จำนวน 299 ไร่ ยื่นวันสุดท้ายพรุ่งนี้ เปิดซอง 19 ต.ค. เผยราคาประเมินธนารักษ์ล่าสุดไร่ละ 10 ล้านบาท

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งประกาศขายทรัพย์สิน 1 รายการ ซึ่งเป็นที่ดินเปล่า โฉนดที่ดินเลขที่ 67056 อ.บางพลี (บางพลีใหญ่) จ.สมุทรปราการ เนื่อที่ 299-2-10 ไร่ โดยวิธีเชิญชวนทั่วไป และจะเปิดซองในวันที่ 19 ต.ค.นี้

โดยผู้สนใจซื้อใบเสนอราคาได้ที่ส่วนพัสดุและบริการ ฝ่ายการบัญชีและพัสดุ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย อาคารอำนวยการและบริการ ชั้น 1 เลขที่ 18 หมู่ 2 ถนนบรมราชชนนี ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ในวันและเวลาทำการระหว่างวันที่ 14 ก.ย.-17 ต.ค.2561

ผู้เสนอราคาต้องวางหลักประกันการเสนอราคาซื้อทรัพย์สินด้วย แคชเชียร์เช็ค สั่งจ่าย“ธนาคารแห่งประเทศไทย” จำนวนเงิน 5,000,000 บาท

สำหรับที่ดินผืนดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยซื้อมาจากการเคหะแห่งชาติ เมื่อปี 2534 ในราคา 90 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับสร้างโรงพิมพ์ธนบัตร เนื่องจากเห็นว่าเป็นทำเลที่ดี อยู่กลางไข่แดงเมืองใหม่บางพลี แต่ต่อมาในปี 2538 นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ให้ย้ายที่ตั้งโรงพิมพ์ธนบัตรใหม่ไปอยู่ที่ถนนปิ่นเกล้านครชัยศรี ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงพิมพ์ธนบัตรในปัจจุบัน

ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงได้เก็บที่ดินไว้โดยไม่ได้ทำประโยชน์ ต่อมาการเคหะแห่งชาติขอซื้อที่ดินคืน ในราคาบวกดอกเบี้ยราว 300 ล้านบาท แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยปฏิเสธ เนื่องจากราคาที่เสนอมาต่ำเกินไป

ในปี 2553 ธนาคารแห่งประเทศไทยนำที่ดินผืนดังกล่าวออกมาจำหน่ายอีก 2 ครั้ง ในปี 2553 โดยกำหนดเปิดรายชื่อผู้ชนะประมูลภายในวันที่ 27 ก.ย.2553 และในปี 2559 กำหนดเปิดรายชื่อผู้ชนะประมูลวันที่ 14 ธันวาคม 2559 กำหนดให้ผู้ชนะประมูลต้องเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดและเป็นราคาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยพอใจด้วย

ตามแผนที่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุถึงตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินดังกล่าว อยู่ในโครงการเมืองใหม่บางพลี 2 จะอยู่ใกล้บริเวณซอยการเคหะแห่งชาติบางพลี ซึ่งราคาประเมินที่ดินล่าสุดที่ประเมินโดยกรมธนารักษ์ จะอยู่ที่ตารางวาละ 23,000-25,000 บาท หรือตกไร่ละประมาณ 10 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก  bangkokbiznews.com


Mega FoodWalk คว้ารางวัลชนะเลิศสถาปัตยกรรม Architizer A+ Awards

สำรวจแนวความคิดและแรงบันดาลใจในการออกแบบ Mega FoodWalk ที่สามารถคว้ารางวัล Architizer A+ Awards : Popular Choice Winner ในหมวดศูนย์การค้า (Commercial Shopping Center) ประจำปีพ.ศ.2561

HIGHLIGHTS

  • การประกวด Architizer A+ Awards เป็นงานประกวดผลงานด้านสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติ เพื่อส่งเสริมงานด้านสถาปัตยกรรมที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คน

  • Mega FoodWalk ออกแบบเป็นอาคาร ชั้น ด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้แนวคิดมาจากสุนทรีย์ของหุบเขา (Valley) 

  • ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกไทย ฟาวน์ดรี ออฟ สเปซ จำกัด (Foundry of Space Company Limited-FOS)

สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าและการมี ‘พื้นที่’ สำหรับครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน หรือเพื่อนๆ รวมตัวพบปะสังสรรค์ ยังคงเป็นเทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ ‘คนเมือง’ มองหาเมื่อออกไปจับจ่ายใช้สอยยังศูนย์การค้า

ศูนย์การค้าเมกาบางนา (Megabangna) ใช้แนวคิดดังกล่าว ประสานการทำงานออกแบบของบริษัทสถาปนิก ฟาวน์ดรี ออฟ สเปซ จำกัด (Foundry of Space Company Limited-FOS) สร้างอาคารส่วนต่อขยายใหม่ชื่อ เมกา ฟู้ดวอล์ค (Mega FoodWalk) และสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศด้วยคะแนนโหวตสูงสุดจากเวทีประกวดสถาปัตยกรรมระดับโลก Architizer A+ Awards : Popular Choice Winner ในหมวดศูนย์การค้า (Commercial Shopping Center)ประจำปีนี้

M

สถาปัตยกรรมอาคาร เมกา ฟู้ดวอล์ค(Mega FoodWalk)

“อาร์คิไทเซอร์ เอพลัส อะวอร์ดส์ (awards.architizer.com) เป็นเว็บไซต์สถาปัตยกรรมชั้นนำของโลก มีคนเข้าชมมากทั่วโลก ทุกปีจัดประกวดงานสถาปัตยกรรมประเภทต่างๆ ให้งานที่สร้างเสร็จแล้วในแต่ละปีส่งเข้าประกวด ไม่รวมงานย้อนหลังหลายปีหรืองานที่ยังไม่เสร็จ รางวัลแบ่งเป็นสองประเภทคือ พ็อพพูลาร์โหวต กับ จูรี่อะวอร์ด (jury award) มีงานจากทั่วโลกนับพันผลงานส่งเข้าประกวดแต่ละประเภท” มฆไกร สุธาดารัตน์ ประธาน FOS  กล่าวและว่า ผลงานสถาปัตยกรรมประเภทที่เราส่งเข้าประกวดคือ ‘คอมเมอร์เชียล-ชอปปิง เซ็นเตอร์’ 

“มีชอปปิงมอลล์จากทั่วโลก ทั้งยุโรป มิดเดิลอีสต์ และเอเชีย ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดมากมายในรอบแรก และคัดเหลือ 5 ผลงานสุดท้ายเพื่อการโหวต ซึ่ง ”เมกา ฟู้ดวอล์ค’ ชนะพ็อพพูลาร์โหวต ได้คะแนนการโหวตสูงสุดจากคนทั่วโลกที่เข้าดูข้อมูลในเว็บไซต์อาร์คิไทเซอร์ และในจำนวนห้าผลงานสุดท้ายนี้มีงานของ ซาฮา ฮาดิด (Zaha Hadid) ที่มิลานด้วยที่เข้ามาแล้วแพ้พ็อพพูลาร์โหวต แต่เขาไปได้รางวัลจูรี่” มฆไกร กล่าว

เมกา ฟู้ดวอล์ค เป็นอาคาร 3 ชั้น ประกอบด้วยร้านอาหาร 30 ร้าน, ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต, เลมอนฟาร์ม(ออร์แกนิค) และร้านเพื่อสุขภาพ-ความงามจากญี่ปุ่น มัตสึโมโตะ คิโยชิ Matsumoto Kiyoshi) รวมพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร และอาคารสำหรับจอดรถอีก 38,000 ตารางเมตร สร้างเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2560 ใช้เวลาก่อสร้าง 12 เดือน

M4

ปพิตชญา สุวรรณดี และมฆไกร สุธาดารัตน์

“เมกา ฟู้ดวอล์ค เกิดมาจากงานที่เราฟังเสียงลูกค้าอยากได้อะไรเพิ่มขึ้น อะไรที่ยังขาด โจทย์หลักๆ ของเรามีสองส่วน ส่วนแรกคือร้านอาหารที่ลูกค้ามาถาม ว่าร้านนั้นร้านนี้มีไหม บางคนถึงกับบอกให้ช่วยเชิญมาเปิดหน่อย กับในกลุ่มประเภทซูเปอร์มาร์เก็ต ลูกค้าจำนวนมากอยากได้สินค้าพรีเมียมมากขึ้น มีความกระจาย(range)ประเภทสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการทุกคนในครอบครัวมากขึ้น ตึกนี้ที่เราจะขยายจึงมีร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นตัวหลัก เป็นการเก็บข้อมูลช่วงสอง-สามปีก่อนเราออกแบบ” ปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวและว่า กับในส่วนที่สอง คือความจำเป็นเรื่อง ‘พื้นที่จอดรถ’

การออกแบบกำหนดโจทย์ไว้ 3 ข้อใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับประโยชน์ใช้สอยของอาคารแห่งใหม่ 

“ข้อแรก พื้นที่ต้องเหมาะกับร้านอาหารผู้เช่า ข้อสอง-การเชื่อมต่อ (connectivity) ที่จอดรถร้านอาหารตึกเดิม เดินสบาย ไม่ตากแดดตากฝน โจทย์สุดท้ายเป็นเรื่อง บรรยากาศ(ambience) จะออกแบบอย่างไรให้บรรยากาศมีความแตกต่างจากการเดินศูนย์การค้าทั่วไป แตกต่างอย่างไรได้บ้าง จากที่เดินในห้างที่มีระบบปรับอากาศ ห้างเราก็มีพื้นที่นั้นอยู่แล้ว ตึกใหม่เราจะลองอะไรที่ไม่เหมือนเดิม คือไม่แอร์(ระบบปรับอากาศ) สิ่งที่ได้ชดเชย(compensate)กลับมา คือความเขียวของต้นไม้ ระบบการระบายอากาศ(ventilation)ที่ดีเป็นธรรมชาติ” คุณปพิตชญา กล่าวพร้อมกับยกตัวอย่าง

“ในสายตาสถาปนิกที่มองภาพใหญ่ เรามองว่าเมืองขาดอะไร คือขาดพื้นที่สีเขียว เป็นความตั้งใจที่เราจะใส่พื้นที่สีเขียวให้กับโครงการ และน่าเดิน ใช้งานได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เขียวด้วยการปลูกต้นไม้อย่างเดียว แต่คนเข้าไปใช้งานแล้วไม่สนุก” คุณมฆไกร กล่าวถึงการออกแบบบรรยากาศอาคาร ‘เมกา ฟู้ดวอล์ค’ ให้มีความเป็นธรรมชาติจริงๆ โดยอธิบายเพิ่มเติมต่อไปว่า

“ด้วยจำนวนคนเข้ามาใช้งานขึ้นไปถึงแสนคนต่อวันก็มี..และบ่อยครั้งด้วย เหมือนตำบลหนึ่งที่มีคนอยู่อาศัยเต็มไปหมด เรามองว่า ถ้าศูนย์กลางของเมกาบางนาที่เป็นอาคารเดิมเป็นเหมือนตัวเมือง(downtown) ส่วนที่ต่อขยายไปรอบนอกก็เหมือนกับค่อยๆ มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อห่างจากตัวเมือง เราก็ตีความว่า ส่วนที่เป็นฟู้ดวอล์คอันใหม่นี้นำเสนอความเป็นธรรมชาติจริงๆ” 

คุณมฆไกรนำสุนทรีย์ของ หุบเขา (Valley) ถ่ายทอดออกมาเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมของ ‘เมกา ฟู้ดวอล์ค’ ซึ่งคลี่คลายความยากของโจทย์ ‘การเชื่อมต่อ’ ของพื้นที่

10 (30)

M3

การออกแบบทางเดินภายใน ‘หุบเขา’ 

“ไม่ว่าจะเป็นค่าระดับของลานจอดรถที่ลาดเอียงเข้ามา มีอุโมงค์ลอดใต้ไปหาลานจอดรถเดิม ค่าระดับชั้นหนึ่ง-ชั้นสอง ค่าระดับต่างๆ เราแก้ปัญหา(workout)โดยทำให้กลายเป็นพื้นที่ลาดเอียง (slope) เชื่อมโยงระหว่างชั้นล่างสุดขึ้นไปถึงชั้นสาม โดยคนไม่รู้เลยว่ามีการเปลี่ยนระดับอย่างค่อยเป็นค่อยไป เราวางลานกว้าง(courtyard)ไว้ตรงกลางเหมือนหุบเขา แล้วจัดวางร้านรอบๆ ขอบคอร์ดยาร์ดอย่างกลมกลืนไร้รอยต่อที่สุดกับโครงการเดิมในแง่ของการเดินและระบบการสัญจร พอตรงกลางมีคอร์ดยาร์ด เราก็อยากใส่กิจกรรมเข้าไป เป็นพลาซ่า ไว้จัดมินิคอนเสิร์ต จัดตลาดนัด จัดงานประชาสัมพันธ์ขององค์กรท้องถิ่นหรืองานของชุมชนก็ได้ครับ”

พื้นที่ส่วนที่เป็นธรรมชาติจริงๆ เป็นการทำงานร่วมกับนักออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม ทำให้พื้นที่ลาดเอียงชั้นล่างกลายเป็น ป่าที่มีความชุ่มชื้น มีเครื่องเล่นของเด็กๆ ที่เข้ามาเล่นได้จริง กินข้าวเสร็จ ลงมาเดินย่อยอาหาร คุยกัน ถ่ายรูป หยุดนั่งเล่นได้ เกิดเสียงหัวเราะ ไม่ใช่แค่ชอปปิงแล้วกลับบ้าน 

M9

“ระบบการให้น้ำกับต้นไม้ก็สำคัญ ถ้าเอามือไปจุ่มในน้ำที่เป็นลำธารจะรู้สึกเย็นกว่าปกติ เราใช้วิธีการเอาน้ำธรรมดาผ่านการทำความเย็น แล้วส่งให้ไหลออกมาเป็นลำธารที่มีไอเย็น อยู่ใกล้ลำธารจะรู้สึกเย็น ให้อุณหภูมิในบริเวณนั้นลดลงโดยธรรมชาติ นอกเหนือจากระบบพ่นละอองน้ำที่มีอยู่แล้ว เป็นความตั้งใจของการออกแบบ”

M2

หลังคาโพลีคาร์บอเนตขนาดมหึมาคลุมอาคาร ‘เมกา ฟู้ดวอล์ค’ และลานกลางอาคาร การไล่ระดับความลาดเอียงของชั้นต่างๆ การปลูกต้นไม้ตามธรรมชาติ ถ่ายทอดคอนเซปต์ความสุนทรีย์ของ ‘หุบเขา’

ต่อเนื่องไปถึง ‘โครงสร้างอาคาร’ โดยเฉพาะ หลังคา ที่คลุมเหนือพื้นที่ขนาดใหญ่ และต้องมีส่วนของหลังคาใสให้แสงธรรมชาติลงมาที่ต้นไม้ เพื่อให้ต้นไม้ไม่ตายและโตเป็นธรรมชาติ กับส่วนหลังคาทึบเหนือพลาซ่าสำหรับจัดงานอีเวนต์ ไม่ให้คนเปียกฝนและไม่รู้สึกร้อน จึงเลือกใช้วัสดุ แผ่นโพลีคาร์บอเนต แทนกระจกที่มีน้ำหนักมาก รวมทั้งระบบอื่นๆ ที่คิดร่วมกับทีมวิศวกรเมกาบางนา เช่น การแก้ปัญหาเรื่องความร้อน การระบายอากาศ การระบายลม 

ระหว่างดำเนินงานก่อสร้างมีความยากหลายอย่าง 

“มีร้านอาหารที่เป็นแนวอาคารเดิม แต่เราต้องสร้างอาคารที่มองจากภาพข้างนอกไปประกบ ทำอย่างไรให้การก่อสร้างไม่กระทบการเปิดบริการของร้านเดิม และร้านตั้งอยู่บนแนวถังน้ำใต้ดิน เราไม่สามารถตอกเสาเข็มลงไปได้ เราต้องสร้างอาคารใหม่ แล้วยื่นอาคารใหม่เข้าไปประกบกับอาคารเขา โดยไม่ปักเสาลงไปในถังน้ำ ยากมากเหมือนกันในแง่ดีไซน์และการก่อสร้าง” คุณมฆไกรยกตัวอย่าง

เมกาบางนาเป็นศูนย์การค้าที่มีวิสัยทัศน์พัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ การติดตั้ง แผงโซลาร์ (solar panel) เต็มพื้นที่ 8,000 ตารางเมตรบนหลังคาอาคารเดิม และ โรงบำบัดน้ำเสียมาตรฐานสากล ด้วยเทคโนโลยีเมมเบรนไม่ใช่สารเคมี และการเปลี่ยนหลอดไฟส่องสว่างในอาคารและป้ายโฆษณาเป็น หลอดแอลอีดี ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น

“ตอนเราสร้างอาคารเมกาฟู้ดวอล์ค เรานำโปรเจคโซลาร์พาเนลมาใส่ด้วย ปัจจุบันกำลังดำเนินงานกันอยู่ ถ้าแล้วเสร็จจะป้อนพลังงานไฟฟ้ามาที่ระบบควบคุมอุณหภูมิที่เราใส่ไว้ในแลนด์สเคปด้านล่าง(ระบบทำน้ำเย็น) โดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานจากไฟฟ้า ถึงแม้เป็นพลังงานหน่วยเล็กๆ หน่วยหนึ่ง  แต่เป็นสิ่งที่เราคิดว่าเราทำได้และเราก็อยากทำ” คุณปพิตชญา กล่าวและว่า ขณะที่การบำบัดน้ำเสีย เริ่มตั้งแต่การกำหนดให้ร้านค้า-ร้านอาหารมีระบบบำบัดน้ำเสียภายในร้านให้มีน้ำเสียมีคุณภาพเบื้องต้นก่อนส่งไประบบบำบัดนำเสียส่วนกลางของโครงการ ซึ่งเป็นระบบที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมเลย ตั้งแต่การเลือกใช้สารเคมี อุปกรณ์ในระบบ ทำให้คุณภาพน้ำที่บำบัดแล้วมีคุณภาพดีมากสำหรับการนำกลับมาใช้ในระบบรดน้ำต้นไม้ และตั้งใจนำมาใช้ในระบบห้องน้ำทั้งหมดต่อไป

“รางวัลที่โหวต ไม่ได้มองถึงความสวยเท่านั้น ความสวยเป็นเรื่องความชอบแต่ละคน(subjective) สวยในสายตาแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่มันจะต้องมีอะไรมากไปกว่านั้น คือ การมอบอะไรให้สังคม(social contribution) พื้นที่สีเขียว การประหยัดพลังงาน การช่วยให้สถาบันครอบครัว สถาบันชุมชน แข็งแรงมากขึ้น คือมองข้ามไปถึงระดับที่จะทำให้เมืองดีขึ้นและคนในเมืองมีความสุขมากขึ้นด้วย นอกเหนือจากความสวยงามของตัวอาคาร” คุณมฆไกร กล่าวถึงรางวัลทางสถาปัตยกรรม Architizer A+ Awards ที่ ‘เมกา ฟู้ดวอล์ค’ ได้รับ

งานออกแบบของ เมกา ฟู้ดวอล์ค ยังเข้ารอบสุดท้ายของการประกวด World Architecture Festival 2018 ประเภทชอปปิงเซ็นเตอร์ ซึ่งเมกาบางนาเตรียมนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการในงานที่จะจัดขึ้นที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เดือนพฤศจิกายนนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก judprakai.com


ด้วยรักและเทิดทูลพระองค์ อย่างสุดหัวใจ

เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอุดยเดช” ขอเชิญชมงานนิทรรศการศิลปะ “วาดด้วยหัวใจ”

HIGHLIGHTS

  • ลุงน้อย ผู้ก่อตั้ง สวนซ่อนศิลป์ เขาใหญ่ ผู้หลงใหล การวาดภาพสีน้ำ โดยได้นำเงินจากการจำหน่ายผลงานภาพวาดของตนเอง บริจาคเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนด้อยโอกาสในชนบทมากว่า 20 ปี ครั้งนี้ลุงน้อยวาดภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 ใช้เวลาวาดกว่า 1 ปี จำนวน 99 ภาพ ด้วยความจงรักภักดี และเพื่อเตือนตนเองว่า ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป 
  • นิทรรศการศิลปะ วาดด้วยหัวใจ ผลงาน ลุงน้อย-สุรินทร์ สนธิระติ ศิลปินวาดภาพสีน้ำ  เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ บริเวณล็อบบี้ ชั้น 23 ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 22 มกราคม 2562 

น้อมรำลึกถึงพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอุดยเดช” โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ จัดงานนิทรรศการศิลปะ วาดด้วยหัวใจ  แสดงผลงานโดยศิลปินผู้คร่ำหวอดในวงการศิลปะ ลุงน้อย-สุรินทร์ สนธิระติ ณ บริเวณล็อบบี้ ชั้น 23 ของโรงแรม ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 22 มกราคม 2562 โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายผลงานศิลปะ “ร่วมสมทบทุนแก่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก”  หน่วยงานที่มีสถานรองรับเด็กด้อยโอกาสทางสังคม ให้ได้รับการศึกษาและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม

10

ลุงน้อย ผู้ก่อตั้ง สวนซ่อนศิลป์ เขาใหญ่ ผู้หลงใหล การวาดภาพสีน้ำ โดยได้นำเงินจากการจำหน่ายผลงานภาพวาดของตนเอง บริจาคเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนด้อยโอกาสในชนบทมากว่า 20 ปี ครั้งนี้ลุงน้อยวาดภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 ใช้เวลาวาดกว่า 1 ปี จำนวน 99 ภาพ ด้วยความจงรักภักดี และเพื่อเตือนตนเองว่า ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

ที่ผ่านมา”ลุงน้อย”วาดภาพทิวทัศน์ (Land Scape)  ไม่ได้เขียนภาพแนว Portrait หลังจากพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตจึงเกิดแรงบันดาลใจอันแรงกล้าในการวาดภาพครั้งนี้  ด้วยความรักและเทิดทูลพระองค์อย่างสุดหัวใจ ลุงน้อยเริ่มศึกษาเรื่องการวาด  รวมทั้งไปเรียนเพิ่มเติมเฉพาะทาง  จากนั้นเริ่มตั้งใจวาดภาพแรกออกมา

4

 “วาดภาพแรกสำเร็จ รู้สึกพอใจมาก เพื่อนๆชอบมาก ก็เลยเกิดความคิดว่า จะทำบุญเพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน จึงคิดจะวาดทั้งหมด 99 ภาพ นำรายได้มอบให้เป็นทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาส สิ่งที่เกิดแรงบันดาลใจก็คือ อยากจะทำด้วยตัวเราเอง เริ่มวาดภาพแรกในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560(ภาพในหลวงร.9เมื่อทรงพระเยาว์) ได้ภาพที่ 99 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2561เป็นภาพคู่ของสองพระองค์ ฉลองพระองค์เต็มยศ ระหว่างวาดมีความสุขมาก คิดถึงพระองค์ท่านตลอด พอวาดภาพที่ 99เสร็จรู้สึกปีติมาก ก็เลยตั้งชื่อโปรเจคนี้ว่า “วาดด้วยหัวใจ” อยากจะบอกคนไทยทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไร ถ้าเราทำด้วยหัวใจ ก็จะสำเร็จในทุกเรื่อง อยากจะใช้โอกาสนี้คล้ายๆเป็นตัวอย่างให้กับสังคมว่า ไม่ว่าพวกเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ทำด้วยหัวใจ แล้วเราจะสำเร็จครับ”

6

 “ลุงน้อย” เล่าต่อไปว่า พระองค์ท่านได้เสด็จขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ และมองดูพวกเราอยู่เสมอ  เขาจึงเตือนตัวเอง และขอให้คนไทยทุกคนระลึกว่า เราจะขอเป็นข้ารองพระบาทพระองค์ทุกชาติไป และขอให้ช่วยกันทำความดีเพื่อพระองค์ท่านซึ่งสอนพวกเราไว้เยอะมาก เช่นการคืนชีวิตให้กับธรรมชาติด้วยการปลูกป่า ปลูกต้นไม้ การอยู่อย่างพอเพียง การทำอะไรที่รู้ตัวเอง อย่าทำอะไรที่เกินตัวเราเอง คำที่พ่อ(ในหลวงร.9)ได้พูดไว้ มีความลึกซึ้งอยู่ในตัวเอง เขาคิดว่าสิ่งที่ท่านสอนเป็นประโยชน์สำหรับปวงชนชาวไทยมาก เพราะฉะนั้นขอให้รำลึกถึงท่าน รำลึกถึงสิ่งที่ท่านสอน และทำความดีเพื่อถวายท่าน

ลุงน้อยทำตามคำของพ่อโดยสร้างป่าที่เขาใหญ่ “สวนซ่อนศิลป์” บนพื้น 120 ไร่ มากว่า 30 ปี(ปลูกตั้งแต่ปีพ.ศ.2529)แล้ว มีต้นไม้ใหญ่กว่า 1 หมื่นต้น เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือนแล้วกลับไปปลูกป่าบนผืนดินของตนเองต่อๆไป

8

“การวาดภาพ Portrait  ผมเริ่มจากการสเก็ตซ์ด้วยดินสอก่อน เพื่อเป็นการกำหนดแสงเงา แล้วเอามาเป็นต้นแบบในการใส่แสงเงาในภาพวาดสีน้ำ รูปแรกที่วาดที่เป็นรูปขาวดำ(ในหลวงทรงพระเยาว์) ตั้งชื่อเทคนิคการวาดนี้ว่า ชวนคุณสีไปเที่ยว จะใช้น้ำละบายลงไปก่อน  แล้วก็ใช้หมึกญี่ปุ่น  หยดลงไป หมึกก็จะวิ่งไปตามน้ำที่ระบายไว้แล้ว เทคนิคนี้เขียนกี่ภาพๆก็จะออกมาไม่เหมือนกัน  เพราะสีจะวิ่งไปทางที่แตกต่างกัน เป็นวิธีที่สนุก ลุงน้อยชอบเรื่องแสงเงา เวลาวาดภาพสีน้ำก็จะเน้นแสงเงา ด้านหนึ่งแสงเข้า อีกด้านอาจจะมืดหน่อย ทำให้ภาพมีเสน่ห์ ภาพวาดครั้งนี้ก็เหมือนกัน ก็จะพยายามเลือกภาพถ่ายต้นแบบที่มีแสงเงานี่คือสไตล์ของลุงน้อย”

3

ลุงน้อยและภรรยา(ป้าเล็ก) ชอบภาพคู่ที่สวมฉลองพระองค์ชุดใหญ่ จึงขอเก็บภาพนี้ไว้เป็นสมบัติของศิลปิน ทว่าจะนำไปจัดแสดงในงานให้ทุกคนได้ชื่นชมกัน  จากนั้นลุงน้อยจึงวาดภาพคู่ขึ้นมาอีก 1 ภาพ เป็นภาพขณะที่ทั้งสองพระองค์ยังหนุ่ม-สาว เลือกวาดภาพนี้เพราะดูแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งสองพระองค์ดูรีแลกซ์  เป็นภาพที่สดใสราวกับหนุ่มสาวในวัยที่เริ่มมีความรัก

2

“เลือกภาพนี้เพราะอยากจะมีภาพของพระองค์ท่านแบบที่ไม่ใช่ทรงงานเหนื่อยๆ เพราะมีภาพแทบทุกช่วงเวลาของชีวิตพระองค์ท่านมาแล้ว ภาพคู่ที่สวมฉลองพระองค์ชุดใหญ่ ใช้เวลาวาดประมาณ 10 วัน จุดยากก็คือฉลองพระองค์ต้องมีความระเอียดสวยงามก็เลยค่อยๆวาดไปเรื่อยๆ การวาดภาพของผมวาดต่อเนื่องได้ไม่เกิน 2-3 ชั่วโมงก็ต้องพัก เพราะจะเมื่อยตา แต่บางภาพก็ใช้ความรวดเร็วได้ วาดเสร็จภายใน 2-3 ชั่วโมงก็มี ตอนนี้ผมวาดเกิน 99 ภาพไปแล้ว เพื่อนๆหลายคนก็อยากจะร่วมทำบุญ  รับไปแขวนไว้ที่บ้านเพื่อกราบไหว้ท่าน  มีหลายภาพที่เค้าเอาไปแล้วก็มี  ที่จะแสดงงานครั้งนี้น่าจะเหลืออยู่ประมาณ 30 กว่าภาพ”

5

ลุงน้อยปฏิเสธการวาดภาพซ้ำ เช่น มีคนชอบภาพเดียวกันขอให้วาดเพิ่มอีกสัก 1-2 ภาพ ศิลปินจะไม่วาดให้ เพราะต้องการทิ้งความทรงจำไว้ที่ภาพเดียว ใครที่ซื้อไปก็จะรู้สึกภูมิใจได้ว่ามีเพียงภาพเดียวเท่านั้น  ทว่าช่วงแรกๆเพื่อนๆขอให้วาดภาพเดียวกัน 2-3 ภาพ แต่ก็ขอหยุดแค่นั้น

13

ลุงน้อยกล่าวทิ้งท้ายว่า “เราทำด้วยหัวใจ เพื่อให้เป็นที่เตือนใจตัวเราเองตลอดเวลาว่า จะขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป และขอทำตามที่พระองค์ท่านสอนในทุกๆสิ่ง ผมเชื่อว่าคำสอนเหล่านั้นมีคุณค่า มีมูลค่าสำหรับคนไทยทุกๆคน ในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการปลูกชีวิตคืนให้กับธรรมชาติ เพราะมนุษย์เราทำลายธรรมชาติไปเยอะมาก อยากแนะนำทุกคนว่า คุณยังไม่ต้องคิดว่าจะไปปลูกป่าในป่า คุณปลูกป่าในใจคุณให้ได้ก่อน ปลูกต้นไม้ในที่ของคุณเองก่อน ถ้าคุณรักมันแล้วทุกอย่างก็จะกลับมาเองธรรมชาติก็จะดีเอง อีกอันก็คือ ความพอเพียง  ผมตีความว่า เราต้องรู้จักตัวเอง ถ้าเรารู้ตัวตนของเรา แล้วทำออกไปก็จะมีความสุขและอยู่ได้สบาย  ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาก็เพราะเราไปเห็นคนอื่นมี เราก็อยากมี  ไปเห็นต่างประเทศมี เราอยากก็มี ต้องดูว่าเรามีศักยภาพแค่ไหน  เราควรอยู่แบบไหน อยู่อย่างไร ตามที่พระองค์ท่านบอกว่าพอเพียง ”

 ส่วนหนึ่งของความจงรักภักดีต่อพ่อหลวงของแผ่นดิน (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอุดยเดช) สะท้อนอยู่ในงาน นิทรรศการศิลปะ “วาดด้วยหัวใจ” เป็นแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณของศิลปินที่ชื่อ “ลุงน้อย”  

ขอบคุณข้อมูลจาก  judprakai.com


บ้าน-คน‘อัจฉริยะ’ ตอบไลฟ์สไตล์ดิจิทัล

ภายในปีหน้า “บ้านอัจฉริยะ” จะเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่พบเห็นทั่วไป ทั้งปลดล็อคประตูด้วยระบบจดจำใบหน้า สั่งเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านสมาร์ทโฟน รวมถึงการพัฒนาวิศวกรที่พร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ ล้วนเป็นแนวโน้มที่แวดวงวิศวกรรมไทยกำลังเร่งมือพัฒนา

“โลกปัจจุบันหมุนไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีบทบาทและเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต นอกจากประชาชนทั่วไปต้องปรับตัว วิศวกรก็เช่นกันเพราะความรู้ทางด้านวิศวกรรมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จึงต้องรู้ เข้าใจและพร้อมที่จะหยิบใช้ให้เกิดประโยชน์” ทศพร ศรีเอี่ยม ประธานการจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2561 กล่าว

งานวิศวกรรมแห่งชาติ 2561 เป็นงานสัมมนาวิชาการและแสดงเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์วิศวกรรม รวมทั้งเทรนด์ในอนาคต โดยมีไฮไลต์สำคัญคือ เทคโนโลยีบ้านปลอดภัยสไตล์อัจฉริยะ นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานทางเลือก (EV Car) หุ่นยนต์เพื่อใช้ในการทดแรงงานในภาคอุตสาหกรรม พร้อมการปาฐากถาพิเศษ “ยุทธศาสตร์ชาติขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมอัจฉริยะ” จากรัฐมนตรี 4 กระทรวง กำหนดการจัดงานระหว่างวันที่ 1-3 พ.ย.2561 ณ อิมแพค ฟอรั่ม ฮอลล์ 9 เมืองทองธานี

สมาร์ทโฮม เรื่องใกล้ตัว

เทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะเป็น 1 ในไฮไลต์ของงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2561 โดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ภายใต้แนวคิด “วิศวกรรมอัจฉริยะ เพื่อชีวิตทันสมัย สู่ประเทศไทยแห่งอนาคต” ขานรับนโยบายรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศไทยยุคใหม่ขับเคลื่อนด้วยปัญญา ยกระดับสังคมสู่สมาร์ทไลฟ์ สมาร์ทเนชั่น อย่างยั่งยืน และเพื่อเป็นศูนย์กลางอัพเดทเทรนด์วิศวกรรม แลกเปลี่ยน ทบทวนและพัฒนามาตรฐานวิศวกรรม

วชิระชัย คูนำวัฒนา ผู้อำนวยการสำนักงาน Business Transformation และกรรมการผู้จัดการธุรกิจ Innovative Solution บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า เมื่อพูดถึงสมาร์ทโฮมหรือบ้านอัจฉริยะ หลายคนกลัวที่จะเปลี่ยนเพราะมองว่าเป็นเรื่องใหญ่และราคาสูง แต่แท้จริงแล้วเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมกลืนอยู่กับชีวิตเราโดยที่ไม่รู้ตัว ยกต้วอย่างที่เอสซีจีทำอยู่

เช่น Active AirFlow ระบบระบายความร้อนใต้โถงหลังคาด้วยพัดลมเล็กที่ใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์และควบคุมด้วยโทรศัพท์มือถือ ที่ช่วยลดความร้อนอบอ้าวภายในบ้าน, WellAir อุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในบ้าน และล่าสุดคือ B Well ที่จะเชื่อมอุปกรณ์ตรวจวัดความดันกับแอพพลิเคชั่นเพื่อเก็บข้อมูลความดันทุกวัน ระบบยังสามารถตรวจสอบได้ด้วยว่า ตรวจวัดทุกวันหรือไม่ ตัวอย่างเหล่านี้ชี้ให้เห็นเทคโนโลยีเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามาก ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต และไม่ใช่เรื่องยาก 

นอกจากภาคธุรกิจเอกชนที่ต้องปรับตัวแล้ว หน่วยงานรัฐวิสาหกิจต้องต้องขยับเช่นกัน ศรัณพงศ์ อาชว์สุนทร ผู้ช่วยผู้ว่าการวางแผนและพัฒนาระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า เพื่อรองรับนโยบาย PEA 4.0 ในยุคแห่งนวัตกรรม กฟภ.ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า PEA HiVE Platform ระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะภายในบ้านที่ทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ

“เราสามารถเชื่อมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อควบคุมการทำงาน เช่น เชื่อมต่อระบบโซลาร์รูฟและแบตเตอรี กล้องวงจรปิด วิเคราะห์และเก็บข้อมูลการใช้พลังงานภายในบ้าน และยังเป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดเพื่อเอื้อให้นักพัฒนาสามารถต่อยอดพัฒนาระบบที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม เช่น ฟังก์ชั่นระบบล็อคอัจฉริยะ โดยใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าที่ทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์” ศรัณพงศ์ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก  bangkokbiznews.com


ปัดใจ(ให้ใส) ตอน นกปากซ่อมกับหอยกาบ

ปัดใจ(ให้ใส) ตอน นกปากซ่อมกับหอยกาบ

ในวันที่ฟ้าโปร่งอากาศแจ่มใส มีหอยกาบตัวหนึ่งนอนผึ่งแดดอยู่ที่หาดทรายชายทะเล มันเปิดเปลือกหอยทั้ง 2 ข้างออกรับแสงแดดอันอบอุ่นอย่างสุขสบาย ในขณะนั้นเองมีนกปากซ่อมตัวหนึ่ง เดินหาอาหารอยู่ในบริเวณใกล้เคียง มองเห็นเนื้อสีแดงของหอยกาบตัวนั้นสะท้อนแสงเป็นประกายวับๆ นกปากซ่อมดีใจมากรีบตรงแน่วเข้าไป ใช้ปากจิกหมายจะกินเนื้อหอย หอยกาบเจ็บปวดแสนสาหัส รีบหุบเปลือกหอยทั้ง 2 ข้างเข้าหากันอย่างรวดเร็ว หนีบเอาจะงอยปากของนกปากซ่อมติดอยู่ในเปลือกหอยด้วย นกปากซ่อมพยายามดึงจะงอยปากของตนออกสุดแรงเกิดแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะหอบกาบหนีบไว้อย่างสนิทแน่นนกปากซ่อมเริ่มรู้สึกสำนึกเสียใจบ้างแล้ว แต่ก็แสดงท่าทีทำเป็นไม่แยแส พูดกับหอยกาบว่า

     “แกช่างเป็นสัตว์ที่โง่จริงๆ แกมาหนีบจะงอยปากของฉันไม่ยอมปล่อยอย่างนี้ ตัวแกเองก็เคลื่อนที่ไม่ได้ ถ้าวันนี้ฝนไม่ตก พรุ่งนี้ฝนก็ไม่ตก แกก็จะต้องแห้งตายแน่ๆ ฉันคิดว่าทางที่ดีแกยังคงรีบคลายเปลือกหอยของแก แล้วกลับลงน้ำไปจะดีกว่า

     หอบกาบยิ้มอย่างเย็นชา ตอบกลับมาว่า

     “แกไม่ต้องมาทำพูดดี ฉันไม่หลงกลของแกแน่นอน ปากของแกถูกฉันหนีบอยู่อย่างนี้ วันนี้ก็กินอะไรไม่ได้ พรุ่งนี้ก็กินอะไรไม่ได้ แกก็จะต้องอดตายในไม่ช้า

     สัตว์สองตัวนี้ เถียงกันไปมาอยู่ครึ่งค่อนวัน ไม่มีใครยอมใคร พอดีมีชายชาวประมงคนหนึ่งกำลังจะกลับบ้านเดินผ่านมา เห็นสัตว์ 2 ตัวนี้หนีบติดอยู่ด้วยกัน เขาพูดขึ้นอย่างดีใจว่า

     “โชคของฉันวันนี้ไม่เลวทีเดียว เมื่อแกทั้งคู่ตกลงกันไม่ได้ ฉันก็ต้องคว้าเอาโอกาสอันนี้ไว้แล้ว”

     และแล้วชายชาวประมงก็จับเอาสัตว์ทั้ง 2 ตัวนั้นขึ้นมาใส่ลงในชะลอมไม้ไผ่ด้วยกัน วางแผนการไว้ว่าพรุ่งนี้จะเอาไปขายในตลาด

 ท่านสาธุชนทั้งหลาย…

     เราอย่าเป็นคนถือทิฏฐิมานะ ดื้อดึงจะเอาชนะให้ได้ คนอย่างนั้นเป็นคนไม่น่ารัก ไม่มีใครอยากคบด้วย และจะทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วตัวต้องมานั่งเสียใจภายหลัง ขอให้เราเป็นคนที่รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว รู้จักประนีประนอม มีหลักการชัดเจน เมื่อใดที่รู้ว่าตัวเองทำพลาดไปแล้ว ก็มีความกล้าหาญพอที่จะยอมรับผิดและปรับปรุงแก้ไข ไม่ดันทุรังเถียงข้างๆ คูๆ ไม่กลัวหน้าแตก คนที่รู้จักแพ้รู้จักถอยอย่างนี้ แทนที่จะเป็นการบั่นทอนศักดิ์ศรีของตัว ตรงกันข้ามกลับจะเป็นที่รักที่เคารพเกรงใจของคนอื่นๆ

น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ อวชิยฺยติ

ความชนะใดที่ชนะแล้วกลับแพ้ได้  ความชนะนั้นไม่ดี

 (ขุ. ชา. เอก. 27/22)

จากหนังสือ มังกรสอนใจ 
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ M.D., Ph.D.

ขอบคุณข้อมูลจาก winnews.tv


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 18,900.00 18,800.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,400.00 18,464.88 1,218.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,131.92 1,262.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,618.39 1,096.20
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,771.90 974.40
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,307.68 548.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,458.16 426.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95 30.95
แก๊สโซฮอล์ 91 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68 30.68
แก๊สโซฮอล์ E20 27.94 27.94 27.94 27.94 27.94 27.94 27.94 27.94 27.94
แก๊สโซฮอล์ E85 21.74 21.74 21.74 21.74
เบนซิน 95 38.06 38.51 38.56 38.36 38.16 38.36
ดีเซล 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.89 33.76 33.76 33.76 33.76
แก๊ส NGV 15.73 15.73
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า