ศีลแท้ที่จริงนั้น ศีลของเรา เกิดมาพร้อมกับเรา ศีลห้าบริบูรณ์ตั้งแต่เกิดขาสอง แขนสอง ศีรษะหนึ่ง อันนี้คือตัวศีลห้า เราได้จากมารดาของเราเกิดมาก็มีพร้อมแล้ว เมื่อเรามีศีลห้าบริสุทธิ์อย่างนี้ ก็ให้เรารักษาอันนี้หละ รักษากายของเรา รักษาวาจา รักษาใจให้เรียบร้อยอย่าไปกระทำโทษน้อยใหญ่ ทางกาย ทางวาจา ทางใจของเรา
Q4 คอนโดทะลักจับตาแนวรถไฟฟ้าเขียว-น้ำเงิน-ส้ม
“คอลลิเออร์สฯ-AREA” ประเมินตลาดคอนโดฯไตรมาส 4/61 ซัพพลายใหม่ผุดเพิ่มต่อเนื่องแม้แบงก์ชาติเตรียมออกมาตรการสกัดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ AREA เผย “กันยายน” เดือนเดียวเปิดทะลัก 9.8 หมื่นล้าน คอลลิเออร์สฯประเมินไตรมาส 4/61 ผู้ประกอบการจ่อเปิดใหม่ 1.6 หมื่นยูนิต มูลค่าท่วม 8.3 หมื่นล้าน จับตาทำเลแนวรถไฟฟ้า “สีเขียว-ส้ม” ยอดเปิดตัวโครงการใหม่สูงสุด ส่วน “น้ำเงิน-เขียวเหนือ” ขายดีสุด
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สรุปภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร ณ ไตรมาส 3/61 มีการเปิดตัวใหม่ 46 โครงการ รวม 22,579 ยูนิต นับเป็นสถิตินิวไฮเมื่อเปรียบเทียบรายไตรมาสในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยสูงกว่าไตรมาส 3/60 ประมาณ 20% แต่สูงกว่าไตรมาส 2/61 ถึง 165% มูลค่าโครงการรวม 107,545 ล้านบาท
Q4 เปิดเพิ่ม 8.3 หมื่นล้าน
ในด้านทำเลพบว่า อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน หรือย่านซีบีดี (CBD-central business district) จำนวน 3,086 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 13.7% ในจำนวนนี้เป็นคอนโดฯขนาดใหญ่มูลค่าเกิน 5,000 ล้านบาท เปิดขายจำนวน 4 โครงการ และสามารถปิดการขายรวดเร็ว โดยเน้นราคา 6.5 หมื่น-1.45 แสนบาท/ตารางเมตร ในขณะที่กลุ่มราคา 7 หมื่น-1.4 แสนบาท/ตารางเมตร เป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อในกรุงเทพฯ
ประเด็นน่าสนใจยังรวมถึงกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติมีการจองซื้อจนเต็มโควตา 49% แสดงถึงธุรกิจอสังหาฯเมืองไทยยังเป็นทำเลยอดนิยมสำหรับลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนชาวจีนเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ สนใจซื้อคอนโดฯบนทำเลถนนสุขุมวิท ถนนรัชดาภิเษกที่เรียกว่าเป็นย่านนิวซีบีดี
ประเมินแนวโน้มตลาดคอนโดฯไตรมาส 4/61 ภาพรวมขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ซัพพลายเปิดใหม่น้อยกว่าไตรมาส 3/61 โดยคาดว่ามีการเปิดตัวใหม่ 32 โครงการ 16,417 ยูนิต มูลค่ารวม 83,800 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2561 มีอุปทานเปิดใหม่ทั้งปีสูงถึง 61,557 ยูนิต ถือว่าสูงที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี
ท็อป 3 “เขียว-เขียวเหนือ-ส้ม”
ทั้งนี้ มูลค่าโครงการรวม 107,545 ล้านบาท ของตลาดคอนโดฯมาจากการลงทุนของผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ฯ 76% มูลค่ารวม 87,035 ล้านบาท ที่เหลือ 24% มูลค่ารวม 20,510 ล้านบาท เป็นของผู้ประกอบการนอกตลาดหลักทรัพย์ฯโดยมีสัดส่วน 45% ตั้งอยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายที่กำลังก่อสร้าง โดยมี 3 เส้นทางที่มีความคึกคักสูงสุด ได้แก่ สายสีน้ำเงิน สีเขียว และสีส้ม
นายภัทรชัยกล่าวต่อว่า สำรวจพบมีคอนโดฯตั้งอยู่ในพื้นที่แนวเส้นทางรถไฟฟ้าปัจจุบัน 11,338 ยูนิต สัดส่วน 50.2% ที่เหลือ 9,868 ยูนิต หรือ 43.7% เกาะทำเลแนวรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยมีเพียง 1,373 หรือ 6.1% ที่ตั้งอยู่นอกโซนแนวรถไฟฟ้า
เมื่อเรียงลำดับทำเลที่มีการเปิดตัวใหม่มากที่สุด พบว่า “สายสีเขียวอ่อน” หรือรถไฟฟ้าบีทีเอสปัจจุบัน เป็นแนวเส้นทางที่ผู้ประกอบการเปิดขายโครงการใหม่มากที่สุด 6,587 ยูนิต สัดส่วน 29.2% รองลงมา “สายสีเขียวเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต” มีจำนวน 3,825 ยูนิต หรือ 17% และ “สายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี” 2,797 ยูนิต หรือ 12.4%
“น้ำเงิน-เขียวเหนือ” ขายดีสุด
ในด้านอัตราการขาย พบว่า แนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางแค, บางซื่อ-ท่าพระ มีอัตราการขายสูงที่สุด 90% อาจเป็นเพราะไตรมาส 3/61 ทำเลนี้มีคอนโดฯเปิดขายใหม่เพียง 1 โครงการเดียวรองลงมารถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือมีอัตราการขาย 70.6% หรือ 2,699 ยูนิต จากหน่วยเปิดขายใหม่ทั้งหมด 3,825 ยูนิต และสายสีเขียวใต้ แบริ่ง-สมุทรปราการ มีอัตราการขาย 70% หรือ 407 ยูนิต จากหน่วยขายทั้งหมด 581 ยูนิต
ส่วนคอนโดมิเนียมตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม มีอัตราการขายต่ำที่สุดอยู่ที่ 54% หรือ 1,523 ยูนิต จากหน่วยเปิดขายทั้งหมด 2,802 ยูนิต บางโครงการสามารถขายได้เพียง 20% จากหน่วยที่เปิดขายเท่านั้น
“แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วง 9 เดือนแรกมีแนวโน้มเป็นบวก แต่กำลังซื้อคอนโดฯกลับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ยูนิตเหลือขายในตลาดอยู่ที่ 36,000 ยูนิต ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายกังวลมากพอสมควร เพราะจำเป็นต้องขยายตัวทุก ๆ ไตรมาสจึงไม่สามารถชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ รวมทั้งต้องหันมาเร่งระบายยูนิตเหลือขายก่อน”
ราคาเฉลี่ยคอนโดฯพุ่ง 26.4%
นายภัทรชัยกล่าวด้วยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ที่สำรวจโดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ณ เดือนสิงหาคม 2561 อยู่ที่ 74.7 สูงที่สุดในช่วง 43 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นคนไทยต่อภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยในระยะยาว รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่มีสัญญาณบวกและขยายตัวในปี 2561
ในด้านอัตราการขายเฉลี่ยของคอนโดฯที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2558-ไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 81% ในขณะที่อัตราการขายไตรมาส 3/61 อยู่ที่ 64% จาก 22,579 ยูนิต โดยบางโครงการขายไปเกือบ 100% ภายในเวลาไม่กี่วัน และมีคอนโดฯหลายโครงการที่มีอัตราการขายไม่ถึง 50%
“เหตุผลที่ยอดขายต่ำไม่ใช่เรื่องภาวะเศรษฐกิจไม่ดีและกำลังซื้อเท่านั้น แต่บางโครงการตั้งอยู่ในทำเลไม่น่าสนใจหรือราคาขายสูงกว่าราคาเฉลี่ยในพื้นที่”
โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 137,933 บาท/ตารางเมตร เพิ่มขึ้น 26.4% จากไตรมาส 2/61 ซึ่งหมายถึงเทรนด์ปรับราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 15-20% ต่อปี ณ ระดับราคา 7 หมื่น-1.5 แสนบาท/ตารางเมตร
เปรียบเทียบกับคอนโดฯราคาขาย 200,000 บาท/ตารางเมตร ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 มีจำนวนมากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560 บางโครงการอาจจะเคยเปิดขายมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่มีการกลับมาเปิดขายใหม่อีกครั้งหลังจากหลายปีผ่านไปและพบด้วยว่า ไตรมาส 3/61 มีคอนโดฯราคาเฉลี่ยต่ำกว่า 100,000 บาท/ตารางเมตร เปิดเพิ่มมากกว่าไตรมาส 2/61 อยู่ที่ 11% และสูงกว่าไตรมาส 3/60 อยู่ที่ 8.6%
กันยายนเปิดเฉียดแสนล้าน
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เปิดเผยว่า ผลสำรวจเดือนกันยายน 2561 เพียงเดือนเดียวมีการเปิดตัวโครงการอย่างคึกคัก โดยมีโครงการเปิดขายใหม่ 60 โครงการ รวม 21,357 หน่วย มูลค่าโครงการ 98,778 ล้านบาท
อาคารชุดมีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากสุด 13,132 หน่วย สัดส่วน 61.5% รองลงมา ทาวน์เฮาส์ 4,206 หน่วย สัดส่วน 19.7%, บ้านเดี่ยว 2,707 หน่วย สัดส่วน 12.7%
ในด้านกลุ่มราคาพบว่า ส่วนใหญ่เป็นอาคารชุดราคาปานกลาง-แพง แบ่งเป็นราคาขายต่ำกว่า 3 ล้านบาท สัดส่วน 50% ราคา 3-5 ล้านบาท 23% และราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วน 27% โดยอาคารชุดมีการเปิดตัวมูลค่ารวมกัน 51,185 ล้านบาท สัดส่วน 52% รองลงมา บ้านเดี่ยวมูลค่ารวมกัน 28,838 ล้านบาท 29% และทาวน์เฮาส์มูลค่ารวมกัน 12,059 ล้านบาท
ผู้ลงทุนหลักเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ 13 บริษัท คือ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ศุภาลัย, แสนสิริ, เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, กรุงเทพบ้านและที่ดิน, แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, สิงห์ เอสเตท, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, เอพี (ไทยแลนด์), อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, อารียา พรอพเพอร์ตี้
ในด้านทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯชั้นใน 9 โครงการ อยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมือง (intermediate area) 47 โครงการ เช่น ถนนราชพฤกษ์ ถนนกาญจนาภิเษก ถนนพระราม 2 ถนนประชาอุทิศ ถนนสรงประภา ถนนหทัยราษฎร์ ถนนบางนา-ตราด เป็นต้น
นอกจากนี้มี 4 โครงการอยู่ในพื้นที่รอบนอกซึ่งเป็นย่านชุมชน เช่น ย่านกรุงเทพฯ-ปทุมธานี ย่านพุทธมณฑล-ศาลายา เป็นต้น
“ฟองสบู่ไม่จบอยู่เฉพาะเดือนกันยายน 2561 ยังมีโครงการที่รอเปิดขายใหม่ในอนาคตอีกหลายร้อยโครงการ ส่วนเหตุผลที่มีการเปิดตัวจำนวนมหาศาลในเดือนกันยายนเดือนเดียว พอ ๆ กับการเปิดตัวถึง 1 ไตรมาส และคาดว่าไตรมาส 4/61 น่าจะมีการเปิดตัวอีกนับร้อยโครงการ”
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ท็อป 10 ชาติขอวีซ่าลองสเตย์
ในภาวะที่ประเทศไทยกำลังพะวักพะวนอยู่กับปัญหานักท่องเที่ยวจีนลดน้อยลง จนกังวลว่ากระทบต่อรายได้ประเทศจะถดถอยลง
มุมมองของภาคอสังหาริมทรัพย์ บ้านเราเป็นที่หมายปอง (destination) ในการพักอาศัยระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะเป็นบ้านของคนวัยเกษียณจากทั่วโลก
สถิติในรอบ 10 ปี ระหว่างปี 2551-2561 (ประมาณการ) โดย “ตม.-สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง” พบว่า มีประชาชน 10 ประเทศที่ขอวีซ่าเข้าใช้ชีวิตบั้นปลาย ดังนี้
อันดับ 1 อังกฤษ รองลงมาคือ อเมริกัน เยอรมัน จีน สวิส ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นอร์เวย์ และฮอลแลนด์
โดยเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านสำหรับตลาดลองสเตย์ พบว่ามีทั้งไทย มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ทั้งนั้น คะแนนรวมของประเทศไทยเป็นรองเพียง “มาเลเซีย” ประเทศเดียว
เจาะลึกลงรายละเอียดด้านที่ไทยเสียเปรียบ คือ วีซ่าเพื่อการอยู่อาศัย, ค่าเช่า, ด้านสุขภาพ และด้านการกำกับดูแล ในขณะที่ไทยได้เปรียบมี 2 ปัจจัยหลัก คือ ด้านต้นทุนกับค่าใช้จ่ายการอยู่อาศัย
ล่าสุด “วสันต์ คงจันทร์” เอ็มดีค่ายโมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ ระบุว่า ตลาดโครงการที่อยู่อาศัยผู้สูงวัยในประเทศไทยในปี 2561 สิริรวมกันแล้วมีมูลค่าเกิน 1 แสนล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว แบ่งเป็น โครงการเต็มรูปแบบที่ต้องมีบริการทางการแพทย์ร่วมกับการบริการสุขภาวะผู้สูงวัย มูลค่า 40,000 ล้านบาท มีสัดส่วนลูกค้า 10%
ในขณะที่ผู้สูงวัยคนไทยมีพฤติกรรมชอบพักอาศัยอยู่กับลูกหลาน-ครอบครัว-ญาติพี่น้อง ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยทั่วไปที่อาศัยจังหวะของการปรับดีไซน์+ฟังก์ชั่นให้รองรับการใช้ชีวิตของผู้สูงวัย มีมูลค่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนลูกค้า 90% ของตลาดผู้สูงวัยในภาพรวม
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
เปลี่ยนขยะเป็นถนน Recycled Plastic Road
ปัจจุบันประเทศไทยติดอันดับ 6 จาก 192 ประเทศทั่วโลกที่มีขยะในทะเลมากที่สุดในโลก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจ ทั้งนั้น เพราะจากข้อมูลของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme-UNEP) ระบุว่า ทั่วโลกมีปริมาณขยะที่ไหลลงสู่ทะเล ประมาณ 13 ล้านตัน โดยประเทศไทยติดอันดับ 6 จาก 10 ประเทศที่ทิ้งขยะพลาสติกในทะเลมากที่สุดในโลกถึงกว่า 1.03 ล้านตัน
โดยขยะทะเลกว่าร้อยละ 80 เกิดจากกิจกรรมบนบก ส่วนอีกร้อยละ 20 จะมาจากกิจกรรมในทะเล
จากข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังระบุอีกว่า 23 จังหวัดชายฝั่งทะเลของไทยมีปริมาณขยะประมาณ 11.5 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 1.55 ล้านตัน เป็นขยะพลาสติก
ขณะที่รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี 2560 กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (มีนาคม 2561) มีการระบุถึงปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในปี 2560 มีประมาณ 27.40 ล้านตัน หรือ 75,046 ตันต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.26 จากปี 2559 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของประชากรและการขยายตัวของชุมชนเมือง
จากตัวเลขและข้อมูลดังกล่าว ทำให้ที่ผ่านมามีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ตลอดจนภาคประชาชนต่างให้ความสนใจ และให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีการรณรงค์ สร้างความเข้าใจ สร้างจิตสำนึกผ่านโครงการ และแคมเปญต่าง ๆ มากมาย เพื่อร่วมกันแก้ไขและลดปัญหาขยะที่เกิดขึ้น
อย่างเรื่องที่จะมาพูดในวันนี้ คือ การนำเอาขยะพลาสติกมาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างถนน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นการลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้น ยังสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular econo-my) ที่กำลังถูกพูดถึงในปัจจุบัน
ที่มาที่ไปของเทคโนโลยีการสร้างถนนจากพลาสติกรีไซเคิล เกิดจากการที่ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทยและ เอสซีจี ที่ร่วมมือกันในการเปลี่ยนขยะพลาสติกให้มาเป็นส่วนประกอบในการทำถนนยางมะตอย ซึ่งโครงการนี้จะช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกในทะเล และในชุมชน อีกทั้งคุณสมบัติของพลาสติกยังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของถนน พร้อมลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกจากการทำถนนอีกด้วย
ทั้งนี้ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทดาวฯยังร่วมกับประเทศอินเดีย และอินโดนีเซีย ในการนำพลาสติกรีไซเคิลมาใช้ทำถนนยางมะตอย โดยอินเดียได้สร้างถนนยางมะตอยจากพลาสติกรีไซเคิล ในเมืองบังคาลอร์ และเมืองปูเณ่ ไปแล้วกว่า 40 กิโลเมตร โดยใช้ขยะพลาสติกจำนวนกว่า 100 ตัน
ส่วนอินโดนีเซีย เริ่มสร้างถนนจากพลาสติกรีไซเคิลในเมืองเดป๊อค ความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9,781 ตารางเมตร โดยใช้ขยะพลาสติกจำนวนกว่า 3.5 ตัน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่พลาสติกก่อนจะถูกนำไปฝังกลบ และลดการไหลลงสู่ทะเลอีกด้วย
ล่าสุดมีการเปิดตัวต้นแบบถนนพลาสติกรีไซเคิล (recycled plastic road) ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการนำพลาสติกที่ใช้แล้ว ทั้งถุงพลาสติกหูหิ้ว ถุงใส่อาหาร จากการคัดแยกขยะภายในเอสซีจี และครัวเรือนในชุมชน ที่รวบรวมโดยเทศบาลเมืองมาบตาพุด จ.ระยอง มาใช้ทดสอบเป็นส่วนผสมสำหรับสร้างถนนยางมะตอยภายในนิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล
จากการทดสอบพบว่า คุณสมบัติของพลาสติกช่วยให้ถนนแข็งแรงและต้านทานการกัดเซาะของน้ำได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการสร้างคุณค่าให้กับพลาสติกที่ใช้แล้ว และเป็นการใช้ประโยชน์สูงสุด ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย
ถือว่าเป็นการหาโซลูชั่นในการเพิ่มคุณค่าให้กับขยะพลาสติก ด้วยการนำกลับไปใช้ใหม่ เพื่อลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในทุก ๆ วัน ในอีกทางหนึ่ง นอกจากการรณรงค์สร้างจิตสำนึก สร้างความตระหนักแล้ว การหาทางออกหรือวิธีการใหม่ ๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยี หรือทักษะ ความเชี่ยวชาญ และทรัพยากรที่มีอยู่ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ททท.ชวนท่องเที่ยวงานช้างสุรินทร์ ครั้งที่ 58 วันที่ 17-18 พ.ย.61
ททท. เชิญหลงรักประเทศไทยกับงาน “มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ ประจำปี2561 และงานเลี้ยงอาหารช้างที่ยิ่งใหญ่ของโลก”
นางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานสุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนดจัดงาน “มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์” ประจำปี 2561 ครั้งที่ 58
รายละเอียดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2561 และชมการแสดงช้างในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน ณ บริเวณสนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ และวัฒนธรรมประเพณี เสริมสร้างความเป็นชาวสุรินทร์ โดยในปีนี้มีการจัดฉากการแสดงที่สมจริงยิ่งใหญ่
“มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 58 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดใกล้เคียง และร่วมอนุรักษ์วิถีชีวิตคนกับช้างจังหวัดสุรินทร์ที่มีความผูกพันธ์กันมาช้านาน”
โดยมีกิจกรรมที่สำคัญและยิ่งใหญ่ ดังนี้
วันที่ 15 พ.ย. เวลา 08.45 น. ซ้อมใหญ่งานแสดงช้าง ณ สนามแสดงช้าง เวลา 18.30 น. การประกวดรถอาหารช้าง บริเวณหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง
วันที่ 16 พ.ย. เวลา 08.30 น. งานต้อนรับและเลี้ยงอาหารช้าง บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง ซึ่งเป็นการจัดโต๊ะจีนเลี้ยงหารช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความยาวกว่า 400 เมตร ช้างเข้าร่วมกว่า 250 เชือก
วันที่ 16–17 พ.ย. เวลา 20.00 น. ชมงานแสดง แสง สี เสียง ณ บริเวณปราสาทศีขรภูมิ อ.ศีขรภูมิ
วันที่ 17-18 พ.ย. เวลา เวลา 08.45 น. การแสดงช้าง ณ สนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ จำนวน 9 ฉากหรือ 9 องก์
สำหรับราคาบัตรเข้าชมการแสดงของช้างจังหวัดสุรินทร์แบ่งออกเป็นดังนี้ วันซ้อมใหญ่ วันที่ 16 พฤศจิกายน เข้าชมฟรีทุกที่นั่ง
วันแสดงจริง 17 – 18 พฤศจิกายน 2561 บัตรราคา 1,000 , 500, 300 บาท นั่งตามเลขที่บัตร ติดต่อจองบัตร และซื้อบัตรได้ที่สำนักงานจังหวัดสุรินทร์ พร้อมทั้งสามารถ โอนเงินได้ที่ชื่อบัญชี งานแสดงช้างสุรินทร์ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 310-0-71191-2 ธนาคารกรุงไทย จำกัดสาขาสุรินทร์ หรือสามารถ ดาวน์โหลด ใบจองได้ที่ www.surin.go.th
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ชาวพุทธส่วนใหญ่เพียงแต่รับศีลไม่ได้รักษาศีลเข้าใจว่า ศีลนั้นเป็นของพระ
ถ้าเราไม่ได้ทำความผิดห้าอย่างนี้ อยู่ที่ไหนเราก็มีศีล อยู่ในป่าในดง ก็มีศีล อยู่ในรถในรา เราก็มีศีลให้เข้าใจศีลตามนี้ ที่คอยจะรับจากพระ นั่นไม่ใช่ ท่านก็บอกว่า อย่าไปทำ ห้าอย่างนั้นให้ละเว้น เมื่อเราละเว้นแล้ว อยู่ที่ไหนก็มีศีล
ไม่ใช่ศีลอทินนาทานา นั่นก็เป็นโทษ ไม่ใช่ศีล
กาเมสุมิจฉาจารา นั่นก็ไม่ใช่ศีล เป็นแต่โทษ
มุสาวาทา ท่านให้งดเว้น มันเป็นโทษ ไม่ใช่ศีล
สุราเมรยมชฺชฯ อันนี้ก็เป็นแต่โทษ
ถ้าเราไม่ได้ทำความผิดห้าอย่างนี้ อยู่ที่ไหนเราก็มีศีล อยู่ในป่าในดง ก็มีศีล อยู่ในรถในรา เราก็มีศีลให้เข้าใจศีลตามนี้ ที่คอยจะรับจากพระ นั่นไม่ใช่
ท่านก็บอกว่า อย่าไปทำ ห้าอย่างนั้นให้ละเว้น
เมื่อเราละเว้นแล้ว อยู่ที่ไหนก็มีศีล
เราก็เป็นคนบริสุทธิ์ บริบูรณ์ ศีลห้า อย่างนั้น เราไม่อยากได้ ไม่ปรารถนาเหตุฉันใด จึงว่าไม่อยากได้ พิจารณาดูซี่ สมมติว่ามีคนมาฆ่า หรือ มาฆ่าพี่ฆ่าน้อง ญาติพงษ์ ของเรา เราดีใจไหมล่ะ เราไปฆ่าเขาล่ะ เขาดีใจไหม พิจารณาดูซี่ เราไม่ต้องการอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้นแล้ว โทษของเรา ก็ไม่มี
เกิดมาอายุก็ยืนนาน ไม่ตายแต่น้อย แต่หนุ่มก็เพราะเราไม่ได้ทำปาณาติบาตไว้ ในหลายภพหลายชาติ
แม้ในชาตินี้ก็เหมือนกัน เราฟังธรรม ก็ฟังในชาตินี้ แล้วก็ปฏิบัติในปัจจุบันนี้ เราไม่ต้องคำนึงถึงอดีตอนาคต เรากำหนดให้รู้เดี๋ยวนี้ เรานั่งอยู่นี่ ก็เป็นศีลอยู่ นี่ข้อสำคัญ
โอวาทธรรม…
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
ที่มา:ต่อธรรมจักรบุญวัฒนา
ขอบคุณข้อมูลจาก เพจชาวพุทธ
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 26 ตุลาคม 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 19,250.00 | 19,150.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,750.00 | 18,798.40 | 1,240.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 19,480.60 | 1,285.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,918.56 | 1,116.00 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 15,038.72 | 992.00 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,459.28 | 558.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,579.44 | 434.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 26 ตุลาคม 2561
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 | 29.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 | 29.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 26.84 | 26.84 | 26.84 | 26.84 | 26.84 | – | 26.84 | 26.84 | 26.84 | 26.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.14 | 21.14 | – | – | – | – | – | 21.14 | 21.14 | – |
เบนซิน 95 | 36.96 | – | – | – | 37.41 | – | 37.46 | 37.26 | 37.06 | 37.26 |
ดีเซล | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.89 | 33.76 | 33.76 | 33.76 | 33.76 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.73 | 15.73 | – | – | – | – | – | – | – | – |