สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561

18 โปรเจ็กต์ร้อน 8 แสนล้าน ตั้งแท่น ครม.ไฟเขียวก่อนเลือกตั้ง

เหลือเวลาอีก 3 เดือนเศษ ๆ ที่ประเทศไทยของเราจะเข้าสู่โหมด “เลือกตั้ง” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 หากไม่มีอะไรพลิกล็อก

นับเป็นช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ที่น่าจับตา ! โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่เตรียมรอเข้าคิวและขอแทรกคิวเป็นกรณีพิเศษ เพื่อชาติบ้านเมือง

“ประชาชาติธุรกิจ” จึงขอปัดฝุ่น “โพย” เมกะโปรเจ็กต์ที่สำคัญ ๆ ที่คาดว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พิจารณาอนุมัติ

18 โครงการ 7.3 แสนล้าน

เมื่อกางบัญชีรายชื่อโครงการ มูลค่าการลงทุนรวมจะมีมากถึง 2.4 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้จะมี 5 โครงการที่รอจ่อคิวประมูลแบบเร่งด่วน คิดเป็นมูลค่าราว 5 แสนล้านบาท

ซึ่งไม่รวมอีก 18 โครงการ มูลค่ากว่า 7.3 แสนล้านบาท ที่คมนาคมเตรียมทยอยเสนอ ครม.ขออนุมัติ เมื่อคิดเป็นเม็ดเงินลงทุนทั้งหมดในอินฟราสตรักเจอร์ของรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ที่ 1.25 ล้านล้านบาท

เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้า “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี มือเศรษฐกิจรัฐบาล คสช. ได้เดินทางไปยังกระทรวงคมนาคมด้วยตัวเอง พร้อมสั่งให้ “อาคม” เจ้ากระทรวง สับเกียร์เหยียบคันเร่ง ลุยงานโครงการที่ล่าช้าอยู่โดยเร็วที่สุด โดยประกาศให้กดปุ่มประมูลทันที หลัง ครม.อนุมัติ ภายในเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นการประชุม “ครม.นัดสุดท้าย” ณ แดนอีสาน จ.หนองคาย

“ระยะเวลาที่เหลือก่อนจะเลือกตั้งในต้นปีหน้า ไม่อยากให้ปล่อยไว้เฉย ๆ ไปตามกระบวนการ ได้เร่งรัดคมนาคมประมูลโครงการขนาดใหญ่ที่ค้างให้แล้วเสร็จ เพราะโครงการใหญ่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามแผน ถ้าโครงการไหนจะต้องจัดซื้อจัดจ้าง เปิดประมูล หรือเสนอคณะรัฐมนตรี ขอให้คมนาคมเร่งให้เสร็จสิ้นในปีนี้ ห้ามล่าช้าอีกเด็ดขาด เพราะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่เติบโตในวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากโครงการของคมนาคม จึงไม่อยากให้ชักช้า” แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคมกล่าวถึง “คำกำชับ” ของ ดร.สมคิด

ล่าสุด นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงความคืบหน้าว่า นับจากนี้ถึงเดือนมกราคม 2562 กระทรวงเตรียมโครงการลงทุนที่อยู่ในแผนเสนอขออนุมัติจาก ครม.แล้วจำนวน 18 โครงการ รวมมูลค่าลงทุน 738,885 ล้านบาท

ส่วนใหญ่เป็นโครงข่ายคมนาคมการขนส่ง ครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ต่างจังหวัด และเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ถ้าได้รับการอนุมัติแล้วจะดำเนินการเปิดประมูลก่อสร้างได้ทันที ทั้งเปิดประมูลทั่วไปและเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน PPP

ทยอยอนุมัติ พ.ย.-ม.ค. 62

ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน มี 7 โครงการ วงเงินรวม 230,442 ล้านบาท ได้แก่ โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 วงเงิน 114,047 ล้านบาท ศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) วงเงิน 10,588 ล้านบาท มอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ วงเงิน 79,006 ล้านบาท ศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม วงเงิน 1,200 ล้านบาท ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย วงเงิน 1,360 ล้านบาท

รถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ วงเงิน 6,570 ล้านบาท สายสีแดงอ่อนช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช เงินลงทุน 7,469 ล้านบาท และช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา วงเงิน 10,202 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดสภาพัฒน์) ได้เห็นชอบโครงการแล้ว เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา

ช่วงเดือนธันวาคม มี 6 โครงการ เงินลงทุนรวม 204,258 ล้านบาท มีรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 4 เส้นทาง ช่วงจิระ-อุบลราชธานี วงเงิน 37,523 ล้านบาท ช่วงขอนแก่น-หนองคาย เงินลงทุน 26,654 ล้านบาท ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เงินลงทุน 8,116 ล้านบาท และช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม เงินลงทุน 67,965 ล้านบาท ยังมีโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ วงเงิน 42,000 ล้านบาท และก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 3 วงเงิน 22,000 ล้านบาท

อีก 5 โครงการที่เหลือจะเสนอ ครม.ภายในเดือนมกราคม 2562 รวมเงินลงทุน 304,185 ล้านบาท เป็นโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 4 เส้นทาง คือ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย วงเงิน 62,614 ล้านบาท ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี วงเงิน 24,287 ล้านบาท ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา วงเงิน 57,369 ล้านบาท และช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ วงเงิน 59,915 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อเครื่องบิน 23 ลำ ของ บมจ.การบินไทย วงเงินกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมตามความเห็นของ สศช. (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)

จ่อประมูล 5 แสนล้าน

นายชัยวัฒน์ย้ำว่า กำลังเร่งรัดการเปิดประมูลโครงการที่ ครม.อนุมัติไปแล้ว 5 โครงการ รวมมูลค่า 519,505 ล้านบาท ให้ได้ตามแผนที่กล่าวไป ซึ่งจะมีการยื่นซองในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท ที่จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนรูปแบบ PPP net cost สัมปทาน 50 ปี ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี และบริหารโครงการ 45 ปี

ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 2562 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จะเปิดประมูลทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก วงเงิน 31,244 ล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 128,235 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายเอกสารได้ในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้

เดือนมกราคม-มีนาคม 2562 มีรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง เงินลงทุนรวม 50,137 ล้านบาท และรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 85,345 ล้านบาท

คลอดงานด่วนปี”62

นอกจาก “เร่งงานเก่า” ที่ค้างคา ล่าสุด คมนาคมเตรียมทำคลอด “แผนปฏิบัติการเร่งด่วน” หรือ action plan ในปี 2562 ด้วย

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า เพื่อเร่งขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำลังคัดเลือกโครงการลงทุนเร่งด่วนที่เป็นโครงการใหม่ เพื่อขออนุมัติ จะเริ่มได้ภายในปี 2562 ซึ่งเป็นโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท และพร้อมในการดำเนินการทั้งหมดตามขั้นตอนแล้ว นั่นคือได้ศึกษาเรื่องความเหมาะสม การออกแบบรายละเอียด การได้รับอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ในเบื้องต้นจะมีประมาณ 43 โครงการ เป็นโครงการในแผนเร่งด่วนปี 2561 ที่ยังไม่ได้รับอนุมัติและมีโครงการใหม่ 12 โครงการ ที่ สนข.ทำเสร็จแล้ว

โดยกระทรวงคมนาคมจะตรวจสอบความคืบหน้าในโครงการต่าง ๆ พร้อมแจ้งไปยังหน่วยงานเจ้าของโครงการที่เกี่ยวข้อง

ก่อนจะรายงานบอร์ด สศช. และเสนอ ครม.ไฟเขียว คาดว่าจะมีผลบังคับทันที ภายในเดือนมกราคมปีหน้า

ขอบคุณที่มา  prachachat.net


ปรับFARเกิน10เท่า

เอื้อคนรายได้ปานกลางซื้อคอนโดฯในเมือง

กูรูอสังหาฯ เห็นพ้องปรับ FAR สูงสอดคล้องราคาที่ดิน ปัจจัยสำคัญหนุนให้คนรายได้ปานกลางและรายได้น้อย สามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในเมืองได้ พร้อมพัฒนาศูนย์ชุมชนกระจายหลายพื้นที่

วันนี้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีความเจริญอย่างมากนับแต่มีรถไฟฟ้าเข้ามา สิ่งที่ตามมาคือราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯค่อนข้างแพง ตามราคาที่ดินที่ขยับตัวเพิ่มขึ้น ในอดีตคอนโด มิเนียมขายราคาต่อตารางเมตรไม่กี่หมื่นบาท หรือยูนิตละ 2-3 แสนบาท แถมขนาดห้องขนาดใหญ่กว่าเริ่มต้นที่ 26 ตารางเมตร ปัจจุบันราคาขายคอนโด มิเนียมปรับราคาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด กลายเป็นราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 1-3 แสนบาทต่อตารางเมตร แล้วแต่ทำเล

ขณะที่ราคาขายคอนโด มิเนียมเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด สวนทางรายได้ของผู้ซื้อที่ไล่ตามไม่ทัน จนกลุ่มรายได้ปานกลางและรายได้น้อย ซึ่งเป็นผู้ซื้อกลุ่มใหญ่ต้องออกไปซื้อที่อยู่อาศัยย่านชานเมืองหรือปริมณฑลเรื่องนี้เป็นประเด็นที่วงเสวนาในงานสัมมนา “ผังเมืองใหม่ เมกะโปรเจ็กต์ พลิกโฉม กทม.” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หยิบยกขึ้นมากล่าวถึงอย่างกว้างขวาง

โดยนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวถึงปัจจัยที่ผลักดันให้คนรายได้ปานกลางและรายได้น้อยไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยในเมืองได้เพราะผังเมืองกรุงเทพฯ ไม่มีการจัดโซนหรือกำหนดศูนย์กลางชุมชน ต่างจากประเทศที่เจริญแล้ว ได้กำหนดให้มีศูนย์กลางชุมชน โดยให้ดีเวลอปเปอร์ที่สนใจจะพัฒนาโครงการในชุมชน ต้องบรรจุเรื่องนี้ลงไป เช่น ที่ออสเตรเลีย มีการกำหนดให้มีทาวน์เซ็นเตอร์ ถ้าดีเวลอปเปอร์จะพัฒนาโครงการศูนย์การค้า ก็ต้องมีสถานออกกำลังกายสาธารณะ หรือสิ่งอื่นๆ ซึ่งการกำหนดโซนช่วยให้รัฐบาลประหยัดเวลาและงบประมาณในการพัฒนาเมือง

การมีศูนย์กลางชุมชนหรือทาวน์เซ็นเตอร์ กระจายหลายๆพื้นที่ ยิ่งดีคนจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล ทั้งคนทำงานและนักเรียนนักศึกษา ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

นอกจากนี้ ควรมีการปรับ เอฟเออาร์ (FAR) ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่ดิน ปัจจุบันที่ดินในกรุงเทพฯ บางทำเลล่าสุดซื้อขายตารางวาละ 3 ล้านบาท ถ้าเอฟเออาร์ 10 เท่า สุดท้ายราคาขายต่อตารางเมตรจะเป็นเท่าไร ทุกวันนี้คอนโดมิเนียมราคาขายต่อตารางเมตรต่ำกว่า 1 แสนบาท เริ่มหายาก ถ้าดีเวลอปเปอร์ทำคอนโดฯราคาต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อตารางเมตร คนจะเกิดความสงสัยว่าของไม่ดีหรือไม่ ดังนั้น ราคา 1 แสนบาทต่อตารางเมตรกลายเป็นเรื่องปกติของตลาดไปแล้ว

“เมื่อประมาณปีกว่าๆ ผมไปดูงานคอนโดมิเนียมที่มิวนิก ประเทศเยอรมนี เทียบกับในกรุงเทพฯ วันนี้คอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ราคาขายต่อตารางเมตร เท่ากับที่มิวนิก แต่รายได้ของคนไทยต่างจากคนเยอรมัน ก็ไม่รู้ว่าคนไทยจะซื้อได้อีกนานแค่ไหน ฉะนั้นต้องปรับเอฟเออาร์ เพื่อให้มีพื้นที่ก่อสร้างเพิ่ม และคนรายได้น้อยและปานกลางไม่ถูกไล่ให้ไปอยู่สุดขอบปริมณฑล”

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวเสริมว่า วันนี้ราคาขายคอนโดมิเนียม ในกรุงโซล เกาหลี ขนาด 2 ห้องนอน 80 ตารางเมตร ราคา 100 ล้านบาท เฉพาะปีนี้ปรับขึ้นมา 30% โดยที่ประชากรในกรุงโซลมีประมาณ 10 ล้านคน ใกล้เคียงกรุงเทพฯ แต่พื้นที่กรุงโซลเล็กกว่า อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาคอนโดมิเนียมของเราก็อาจจะถึง 1 ล้านบาทต่อตารางเมตรได้ เพราะราคาที่ดินแพงไม่หยุด ขณะที่พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็ยังไม่ประกาศใช้

ส่วนนายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทยฯ กล่าวว่า การกำหนดโซนศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่มีประโยชน์ เพราะจะเป็นแนวทางในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่เอกชนก็ต้องลงไปพัฒนา ซึ่งไม่ง่ายในการจะไปตัดถนน ซอกซอยให้เกิดขึ้นการพัฒนาเป็นโซนพาณิชย์ เพราะการกำหนดโซนใหม่ยังเป็นไปตามแนวรถไฟฟ้าควบคู่ไปกับพื้นที่ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ อย่างที่สยาม จะเห็นว่า ตามซอยเล็กๆ มีร้านค้าเกิดขึ้นมากมาย ซึ่ง กทม.จะต้องไปทำเพิ่มในการตัดถนน เปิดพื้นที่ให้เกิดการพัฒนา

นอกจากนั้น ผังเมืองฉบับใหม่ยังให้สิทธิประโยชน์ในการพัฒนาด้วยการเปลี่ยนสีโซน แต่ไม่ได้ช่วยให้เกิดการพัฒนา อย่างเช่น บางพื้นที่เปลี่ยนจากสีเหลือง เป็นส้ม หรือจากส้มเป็นน้ำตาล ซึ่งจะทำให้ FAR เพิ่ม แต่ในบางพื้นที่ไม่ได้ติดถนน ไม่ได้ติดแนว รถไฟฟ้า จึงไม่ใช่พื้นที่ของการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวสูงประเภทคอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่ ยังเป็นแนวราบ ก็จะไม่มีประโยชน์อะไร

อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนสีชัดเจน อย่างพุทธมณฑล จากสีเหลืองเป็นสีน้ำตาล จะทำให้เกิดการพัฒนาบ้านขนาดเล็กทาวเฮาส์ จะทำให้ราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นชัดเจนกว่า จึงเป็นพื้นที่ที่สามารถนำมาพัฒนา หรือซื้อเพื่อเก็งกำไรได้ ทำให้เปิดโอกาสในการพัฒนาที่ดินมากขึ้น แต่ไม่น่าจะเกิดประโยชน์กับนักลงทุนรายย่อยนัก น่าจะสนับสนุนนักลงทุนรายใหญ่หรือการรถไฟฯที่มีพื้นที่แปลงใหญ่หลายแห่งที่สามารถนำมาพัฒนาได้ ซึ่งจะเกิดการพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองขนาดย่อม

“เรื่องสิทธิประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงโซนนิ่ง ถ้ามองในการพัฒนา ยังไม่มีประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญ อย่าง เอฟเออาร์ 1 ต่อ 7 เป็น 1 ต่อ 7.5 หรือ 1 ต่อ 8 ไม่ได้ทำให้ต้นทุนพัฒนาลดลง อย่างเป็นนัยสำคัญหรือทำให้ราคาคอนโดมิเนียมถูกลง เพราะต้นทุนพัฒนาเพิ่ม จากราคาที่ดินเพิ่มขึ้น ซึ่งต้นทุนที่ดินอยู่ที่ 30-35% ของโครงการ ดังนั้นควรให้ FAR เพิ่ม เป็น 1 ต่อ 7.5 หรือ 8 ไม่ได้ทำให้ต้นทุนเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นนัยสำคัญ ที่จะทำให้ราคาคอนโดฯ ถูกลงควรเพิ่มเป็น 1 ต่อ 12 และไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวที่ราคาที่อยู่อาศัยสูงกว่าราคาอาคารสำนักงาน”

ขอบคุณที่มา  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ


พรุ่งนี้ได้ใช้! รถโดยสารรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองโฉมใหม่

ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นำรถโดยสารรุ่นใหม่ให้บริการผู้โดยสารเปลี่ยนถ่ายสายการบินระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) และท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) (Airport Bus Link) เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่ใช้บริการทั้ง 2 ท่าอากาศยาน โดยไม่คิดค่าบริการ รถรุ่นใหม่นี้ เป็นรถแบบ Low Floor ขนาด 23 ที่นั่ง ภายในโอ่อ่ากว้างขวาง มีที่วางสัมภาระโดยเฉพาะ รวมทั้งมีอุปกรณ์และระบบควบคุมการเดินรถที่ทันสมัย ปลอดภัยได้มาตรฐานสากล ผู้โดยสารที่ประสงค์จะใช้บริการจะต้องนำตั๋วโดยสารแสดงแก่เจ้าหน้าที่ ณ เคาน์เตอร์ให้บริการ โดย ทสภ. สามารถขึ้นรถได้ที่ หน้าชานชาลา ชั้น 2 บริเวณประตู 3 และ ทดม. ขึ้นรถได้ที่โถงผู้โดยสารขาเข้า อาคาร 1 บริเวณประตู 6 ระหว่างเวลา 05.00-24.00 น.

ขอบคุณที่มา  prachachat.net


นักวิทย์ชี้ ใช้ส้วมสาธารณะอย่าเอา “กระดาษทิชชู” มารองนั่ง สกปรกกว่าเดิม!

เดอะซัน รายงานว่า การใช้ห้องน้ำสาธารณะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากหลีกเลี่ยง เนื่องจากกลิ่นและความสกปรก คนส่วนใหญ่จึงหลีกเลี่ยงสิ่งสกปรกโดยใช้ กระดาษทิชชู มาวางบนที่รองนั่งของชักโครก แต่ผลวิจัยล่าสุดกลับพบว่า การกระทำดังกล่าวกลับทำให้สัมผัสกับเชื้อโรคมากกว่าเดิม

ฟิลลิป เทียร์โน ศาสตราจารย์คลินิกในภาควิชาจุลชีววิทยาและพยาธิวิทยา ของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวว่า “ความจริงแล้วที่รองนั่งชักโครกสะอาดกว่าอ่างล้างจานในครัวด้วยซ้ำ” เนื่องจากที่รองนั่งชักโครกถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันเชื้อโรค ด้วยรูปร่างและพื้นผิวที่เรียบลื่น อีกทั้งแบคทีเรียชนิดที่พบบนที่รองนั่งมักจะเป็นแบคทีเรียที่ตายอย่างรวดเร็ว

ในทางกลับกัน กระดาษทิชชูมีพื้นผิวที่หยาบและถูกออกแบบมาเพื่อดูดซึม จึงทำให้มีแบคทีเรียจำนวนมากอาศัยอยู่ งานวิจัย แสดงให้เห็นว่าทุกครั้งที่มีการกดชักโครก แบคทีเรียจะกระจายตัวอยู่ในอากาศ และไปติดอยู่ที่กระดาษทิชชูได้ การนำกระดาษทิชชูไปวางฝารองนั่งจึงทำให้เราสัมผัสเชื้อโรคมากกว่าเดิม

สิ่งที่ควรทำเมื่อใช้ห้องน้ำเสร็จคือการล้างมือและถูสบู่โดยใช้เวลาในการล้างมืออย่างน้อย 20 วินาที

ขอบคุณที่มา  prachachat.net


ผลลัพธ์ที่ดี เริ่มจากทัศนคติที่ดี

ทัศนคติเปรียบเหมือนแว่นตาที่คุณสวมใส่ไว้มองโลกรอบตัว เป็นรากฐานของทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวในชีวิต มันสามารถสร้างและทำลายคุณได้ในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ทัศนคติจะเป็นสิ่งที่คอยควบคุมทิศทางชีวิตของคุณ แต่ข่าวดีก็คือ คุณเองนั่นแหละ “คือผู้ที่ควบคุมทัศนคติของตนเอง”

ทัศนคติคือตัวกำหนดความรู้สึกของคุณ ที่มีต่อคนและสถานการณ์รอบข้าง เป็นเหตุให้คุณกระทำในสิ่งที่ต่างกันออกไป ซึ่งแน่นอน ว่าย่อมจะได้รับปฏิกิริยาตอบกลับมาจากคนรอบข้างด้วย ทัศนคติที่คุณมีต่อสิ่งรอบตัวเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะถูกมองด้วยทัศนคติแบบไหนตอบแทน ดังนั้นจงคิดบวกเข้าไว้ แล้วคุณก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ดีกลับคืนมา และในทางกลับกัน แค่คุณคิดลบก็ทำให้คุณล้มเหลวก่อนจะเริ่มลงมือทำเสียด้วยซ้ำ  สรุปง่ายๆ ก็คือ คิดเช่นไรก็จะได้รับผลตามมาเช่นนั้นนั่นเอง

ทัศนคติเชิงลบมาจากไหน?

ทัศนคติเชิงลบเกิดจากการที่เรามีความคิดลบอยู่บ่อยครั้ง จนมันเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึก กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเรา และติดเป็นนิสัยถาวร คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คุณมีทัศนคติเชิงลบเพราะมันอยู่กับคุณมาโดยตลอดเป็นระยะเวลานาน การมีทัศนคติเชิงลบจะกระตุ้นให้คุณคาดหวังแต่ความล้มเหลวและภัยพิบัติในชีวิต และความคาดหวังดังกล่าวนี่แหละที่ดึงดูดความล้มเหลวและภัยพิบัติเข้ามา จนคุณไม่อาจหนีพ้น

มันจะกลายเป็นวงจรที่ไม่จบสิ้น คุณคิดถึงแต่สิ่งแย่ๆ – ทำให้ได้รับแต่สิ่งแย่ๆ ซึ่งนั่นก็ยิ่งไปเสริมความคิดลบที่มีอยู่ก่อนแล้ว ทำให้คุณยังคงคิดถึงแต่สิ่งแย่ๆ และได้รับแต่สิ่งแย่ๆ ต่อไปอีก แล้วคุณจะเปลี่ยนแปลงความคิดและสร้างทัศนคติเชิงบวกได้อย่างไร?

แล้วเราจะแก้มันได้ยังไง?

ไม่มีสิ่งมีค่าใดจะได้มาง่ายๆ โดยปราศจากความพยายาม  คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงไปจนถึงจิตใต้สำนึกเพื่อจะสร้างทัศนคติใหม่ ทำอย่างไรน่ะหรือ? วิธีการก็คือ ให้คุณวิเคราะห์ความคิดทุกอย่างที่คุณมี ค่อยๆ แยกเอาความคิดในแง่บวกออกมา จนการคิดบวกกลายเป็นนิสัยติดตัวของคุณ  มันคือการแทนที่นิสัยเก่า ด้วยนิสัยใหม่ที่ดีกว่าเดิม เหมือนกับการเลิกสูบบุหรี่ ด้วยการออกกำลังกายนั่นเอง คุณไม่สามารถเลิกคิดในแง่ลบได้ในทันทีทันใดหรอก แต่จะต้องค่อยๆ แทนที่ความคิดเหล่านั้นด้วยความคิดบวก

หลายคนอาจแย้งว่า “อ้าว แต่สถานการณ์แย่ๆ มันคือความเป็นจริงที่เราต้องเจออยู่ทุกวันนิ” 
ถ้าคุณคิดเช่นนั้น คุณคิดผิด  จริงอยู่ที่สถานการณ์ต่างๆ คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต แต่ตัวชี้วัดสถานการณ์เหล่านั้นคือทัศนคติของคุณต่างหาก  ชีวิตจะดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณคิดกับมันอย่างไร?

ถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะรู้ว่า คุณมีพลังในการควบคุมความคิดและความรู้สึกของตัวเอง ไม่มีใครในโลก ที่จะมาควบคุมความคิดของคุณได้ นอกจากว่าคุณปล่อยให้เขามามีอิทธิพลเหนือคุณ

จงออกแบบทัศนคติและความคิดด้วยตนเอง แล้วผลลัพธ์ที่ตามมาก็ย่อมจะเป็นไปดังที่คุณปรารถนาเช่นกัน

ขอบคุณที่มา  sumrej.com


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,100.00 19,000.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,600.00 18,661.96 1,231.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,344.16 1,276.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,795.76 1,107.90
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,929.57 984.80
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,398.64 554.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,533.96 431.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85
แก๊สโซฮอล์ 91 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58
แก๊สโซฮอล์ E20 26.84 26.84 26.84 26.84 26.84 26.84 26.84 26.84 26.84
แก๊สโซฮอล์ E85 21.14 21.14 21.14 21.14
เบนซิน 95 36.96 37.41 37.46 37.26 37.06 37.26
ดีเซล 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.89 33.76 33.76 33.76 33.76
แก๊ส NGV 15.73 15.73
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า