สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561

ที่ดินปรับราคาพรึบ รับอีอีซี-ไฮสปีดเทรน

ที่ดินปรับราคาพรึบ รับอีอีซี-ไฮสปีดเทรน

จากการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามนโยบายรัฐบาลมีความชัดเจนต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาที่ดินใน 3 จังหวัด คือ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง มีความเคลื่อนไหวและคึกคักอย่างมาก

ทั้งนี้เป็นผลมาจากการลงทุนของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรนที่เชื่อม 3 สนามบิน คือ อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง ส่งผลให้มีการซื้อขายที่ดินกันอย่างต่อเนื่อง

วันเพ็ญ ธนธรรมสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวลธ์ ดีเวลลอปเปอร์ เปิดเผยว่า จากแผนการพัฒนาพื้นที่อีอีซีของภาครัฐส่งผลให้ราคาที่ดินปรับขึ้นมากกว่า 100% คาดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้าอาจปรับขึ้นถึง 200-300% โดยเฉพาะแปลงที่ติดทะเล เพราะความต้องการที่จะพัฒนาอสังหาฯ ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านที่อยู่อาศัยเกือบทุกรูปแบบ เพื่อรองรับแรงงานที่จะเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งมีตั้งแต่ระดับพนักงานไปถึงหัวหน้างาน

ขณะที่แนวโน้มจะมีการเติบโตจากการเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของชาวต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น และเชื่อว่าการแข่งขันด้านอสังหาฯ จะรุนแรง โดยอีก 1-2 ปีจากนี้จะมีดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่เข้ามาในพื้นที่มากขึ้น เพราะมีการกว้านซื้อสะสมที่ดินรอการพัฒนาไปเป็นจำนวนมาก

สำหรับบริษัทซึ่งเดิมดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่แล้ว ทั้งนี้ได้ขยายไลน์ธุรกิจโดยพัฒนาโครงการ เดอะซี ศรีราชา คอนโดติดถนนสุขุมวิท ด้านหลังติดชายหาด มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท เป็นอาคารชุดพักอาคารสูง 39 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการกว่า 3 ไร่ ห้องพักอาศัยรวม 585 ยูนิต ขนาดเริ่มต้น 31.70 -400 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 3-60 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม.ที่ 1.29 แสนบาท ปัจจุบันมียอดขาย 80%

ปัจจุบันเดอะซีเป็นคอนโดลักซ์ชัวรี่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ขณะนี้ผู้ซื้อ 80% โอนกรรมสิทธิ์แล้ว ทั้งกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน เนื่องจากมีการการันตีผลตอบแทนการเช่า 7% 3 ปี ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าหลักเป็นคนไทย 90% และลูกค้าต่างชาติ 10% เป็นนักธุรกิจในนิคมฯ กว่า 20 แห่งทั้งชลบุรีและระยอง กลุ่มเป้าหมายหลักทั้งสองกลุ่ม คือ กลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการบ้านพักตากอากาศสำหรับวันพักผ่อน และกลุ่มผู้บริหารระดับสูงที่ต้องการบ้านพักสำหรับวันทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชาวไทยและญี่ปุ่นที่ทำงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกซึ่งมีมากกว่า 20 แห่ง ใน จ.ชลบุรี และระยอง

ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า หลังรัฐบาลประกาศพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ความเคลื่อนไหวซื้อขายที่ดินใน จ.ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง มีความคึกคักขึ้นเป็นอย่างมาก

ขณะที่ราคาที่ดินก็มีการปรับตัวสูงขึ้น ประเมินว่าราคาที่ดินโดยเฉพาะในจุดที่เป็นเขตเศรษฐกิจอีอีซีปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉลี่ยกว่า 30-50% สำหรับราคาที่ดินใน จ.ชลบุรี มีการปรับตัวตั้งแต่ก่อนประกาศพัฒนาอีอีซี โดยเฉพาะ อ.ศรีราชา ปัจจุบันราคาที่ดินติดถนนปรับสูงถึงประมาณ 80-100 ล้านบาท/ไร่

สำหรับที่ดินติดทะเลราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท/ไร่ เพราะที่ดินค่อนข้างหายากและส่วนใหญ่เป็นที่ดินของรัฐ ส่วนที่ดินใน อ.สัตหีบ ขยับตัวสูงไม่แพ้กันจากการทุ่มงบประมาณของรัฐบาลในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3

ในส่วนโซนสวนเสือศรีราชาที่ดินไม่ได้ติดถนน ปัจจุบันไร่ละ 5 ล้านบาท เทียบกับในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไร่ละ 2-3 ล้านบาทส่วนภาคอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันบูมเป็นอย่างมากในพื้นที่ ต.บ่อวิน มีแนวโน้มจะขยายตัวไปทางเขาคันทรง อ.ศรีราชา ไปถึงท่าจาม อ.หนองใหญ่ เพราะยังมีพื้นที่รองรับอีกหลายหมื่นไร่ ราคายังสามารถลงทุนได้ หากเป็นที่ดินแปลงใหญ่ราคาอยู่ที่ประมาณไร่ละ 2-4 ล้านบาท แต่หากเป็นที่ดินแปลงเล็กไม่เกิน 10 ไร่ ราคาขยับไปถึงไร่ละ 15 ล้านบาท

จากการสำรวจพบว่าใน อ.ศรีราชา การพัฒนาของพื้นที่ในย่านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดเป็นหลัก รองลงมา คือ การพัฒนาโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งการพัฒนาโครงการรูปแบบนี้จะมีต่อเนื่องไปจนถึงพัทยา ขณะที่มาทางพื้นที่บ่อวินต่อเนื่องไปยังเขาคันทรง อ.ศรีราชา ไปจนถึงท่าจาม อ.หนองใหญ่ นั้นจะเป็นพื้นที่สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรม เนื่องจากยังมีพื้นที่รองรับอีกหลายหมื่นไร่ และราคาที่ดินยังไม่สูงมาก

จ.ฉะเชิงเทรา ที่ดินบริเวณถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา ซึ่งทำเป็นมอเตอร์เวย์ที่ดินแปลงเล็กไม่เกิน 10 ไร่ติดถนนใหญ่ เดิมราคาไร่ละไม่เกิน 10 ล้านบาท ราคาพุ่งขึ้นเป็นไร่ละ 13-15 ล้านบาท แต่หากเป็นที่ดินแปลงใหญ่ราคาซื้อขายจะลดลงไปเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ดินในฉะเชิงเทราส่วนใหญ่อยู่ในเขตผังเมืองพื้นที่สีเขียว จึงไม่มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมมากนัก จะถูกนำมาพัฒนาเป็นเมืองสำหรับพื้นที่ที่อยู่อาศัยมากกว่า โดยเฉพาะในเขตตัวเมือง ครอบคลุม อ.เมือง บ้านโพธิ์ และบางคล้า และนิคมพัฒนา จ.ระยอง

ด้านความเคลื่อนไหวราคาที่ดินใน จ.ระยอง จากกระแสอีอีซียังมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ราคาก้าวกระโดดจากราคา 5 ล้านบาท/ไร่ ช่วงก่อนรัฐบาลประกาศเขตอีอีซีเป็น 20 ล้านบาท/ไร่ ในบริเวณทำเลทางหลวงหมายเลข 36 ซึ่งเป็นถนนสายรอง ส่วนถนนสายหลักติดถนนสุขุมวิทปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ประมาณไร่ละ 40 ล้านบาท จากไร่ละประมาณ 15 ล้านบาท ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ราคาที่ดินปรับขึ้นทุกปีแม้ปัจจุบันการพัฒนาในพื้นที่อีอีซีเพียงแค่เริ่มต้น แต่ราคาพุ่งไปหลายเท่าตัว ทั้งนี้หากโครงการไฮสปีดเทรนพัฒนาแล้วเสร็จ เชื่อว่าจะเปิดพื้นที่ใหม่บริเวณรัศมีรอบสถานีรถไฟอีกเป็นจำนวนมากซึ่งแนวโน้มราคาที่ดินจะปรับไปอีกมากจากนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก www.posttoday.com


ไอคอนสยาม-เกตเวย์บางซื่อบูมรีเทล Q4

ไตรมาส 4/61 พื้นที่รีเทลคึกสุดขีด 3 บิ๊กโปรเจ็กต์ของ 2 เจ้าสัว “ไอคอนสยาม-เกตเวย์ บางซื่อ-เดอะมาร์เก็ต แบงคอก” บูมทำเลริมเจ้าพระยา-บางซื่อ-ราชดำริ ซัพพลายใหม่ทะลัก 6.5 แสนตารางเมตร ลงทุนท่วม 7 หมื่นล้าน

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำรวจภาพรวมพื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วงไตรมาส 3/61 มีโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการใหม่ 3 โครงการ รวม 15,100 ตารางเมตร มูลค่าลงทุนรวมกัน 4,900 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมมีพื้นที่อยู่ที่ 7,968,326 ตารางเมตร

ในขณะที่ภายในไตรมาส 4/61 มีพื้นที่ค้าปลีกสร้างแล้วเสร็จมาเติมซัพพลายอีก 633,600 ตารางเมตร มูลค่าลงทุน 65,400 ล้านบาท ส่งผลให้พื้นที่ค้าปลีกรวมในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลภายในสิ้นปีนี้ เพิ่มเป็น 8,601,926 ตารางเมตร

โดยประเภทศูนย์การค้ามีการลงทุนมากสุด สัดส่วน 56% คอมมิวนิตี้มอลล์ 35% พื้นที่ค้าปลีกสนับสนุน 9% ในด้านทำเลรอบใจกลางเมืองได้รับความนิยมสูงสุด สัดส่วน 60% แม้จะมีความท้าทายจากความนิยมช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้นก็ตาม

ทั้งนี้ การเปิดตัว 3 โครงการของกลุ่มทุนใหญ่สร้างบรรยากาศคึกคึกในช่วงปลายปี 2561 ได้แก่ 1.โครงการไอคอนสยาม ของบริษัท ไอคอนสยาม จำกัด ภายใต้การร่วมทุนของ บมจ.สยามพิวรรธน์ กับ บมจ.แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ทำเลริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่าลงทุน 54,000 ล้านบาท ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561

2.การเปิดตัว Gateway บางซื่อ ของบริษัท แอสเสท เวิรด์ รีเทล จำกัด ในเครือกลุ่ม TCC Land ลงทุน 4,000 ล้านบาท สูง 8 ชั้น บนที่ดิน 9 ไร่ มีพื้นที่ก่อสร้าง 100,000 ตารางเมตร พื้นที่เช่า 40,000 ตารางเมตร และ 3.โครงการ “เดอะมาร์เก็ต แบงคอก” (The Market Bangkok) ศูนย์ค้าปลีกขนาดใหญ่บนถนนราชดำริ มีอาคารสำนักงาน โรงแรม พื้นที่ก่อสร้างรวม 200,000 ตารางเมตร บนที่ดิน 20 ไร่ ลงทุน 5,800 ล้านบาท ตั้งเป้าเปิดเฟสแรกในส่วนพื้นที่ค้าปลีกปลายปีนี้

นายภัทรชัยกล่าวว่า ในด้านซัพพลาย ณ ไตรมาส 3/61 เฉพาะศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีพื้นที่รวมกัน 4,676,520 ตารางเมตร หรือ 58.87% ของพื้นที่ค้าปลีกโดยรวม โดยมีจำนวน 1,205,778 ตารางเมตรอยู่ระหว่างการพัฒนา และมีกำหนดแล้วเสร็จปี 2562-2564

ในด้านอัตราการเช่าเฉลี่ย ไตรมาส 3/61 ยังคงใกล้เคียงกับไตรมาส 2/61 ซึ่งมีอัตราการเช่าสูงกว่า 97% ในทุกทำเล และปรับเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยจากปี 2560 อัตราการเช่าเฉลี่ยในทุกทำเลไม่ได้ลดลง แม้ว่ากำลังซื้อคนไทยช่วงปี 2560-2561 จะลดลงต่อเนื่อง โดยโซนกรุงเทพฯรอบนอกมีอัตราการเช่าสูงสุด เนื่องจากมีไฮเปอร์มาร์เก็ตและศูนย์การค้าจำนวนมาก

“ค่าเช่าเฉลี่ยในทุกทำเลของกรุงเทพฯและปริมณฑลไม่ได้แตกต่างมากนักในช่วงไตรมาส 2-3 แต่ร้านค้าหรือแบรนด์ต่างประเทศยังคงให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนสาขา ซึ่งมองว่าประเทศไทยยังมีช่องทางขยายตัวในอนาคต”

ทั้งนี้ ทำเลใจกลางเมืองมีค่าเช่าสูงสุด 3,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน สำหรับศูนย์การค้าในเมืองและมีสกายวอล์กเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ส่วนค่าเช่าโซนรอบนอกเริ่มที่ 500 บาท/ตารางเมตร/เดือน สำหรับคอมมิวนิตี้มอลล์

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.prachachat.net


ยกระดับท่องเที่ยว-บริการ หนาวนี้ @บึงกาฬ เมืองรองต้องห้ามพลาด

เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวได้ไม่นานสำหรับ “บึงกาฬ” จังหวัดน้องใหม่ลำดับที่ 77 ของประเทศไทย

แต่ด้วยความโดดเด่นในเรื่องแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลายทำให้บึงกาฬ ซึ่งเป็น 1 ใน 55 เมืองรองด้านการท่องเที่ยว สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีเวลาน้อย หรือคนที่มีวันหยุดยาวก็สามารถเที่ยวบึงกาฬได้อย่างเต็มอิ่มและคุ้มค่าเหมือนกัน

ง่ายๆ แค่เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขงก็สามารถเที่ยวเพลินได้ครึ่งค่อนวัน หรือถ้ามีเวลามากกว่านั้นก็สามารถเดินขึ้น ภูทอก จุดชมวิวทะเลหมอกยามเช้าและวิวแม่น้ำโขงยอดนิยม เพิ่มเติมด้วย หินสามวาฬ ที่ ภูสิงห์ จุดชมวิวสุดอันซีน โดดเด่นด้วยหินยักษ์ขนาดใหญ่มีรูปร่างคล้ายวาฬ 3 ตัวติดหน้าผาสูง จุดนี้บอกเลยว่าห้ามพลาด!

“บึงกาฬ” ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกมากมาย เช่น บึงโขงหลง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสัมผัสความงดงามของธรรมชาติด้วยการล่องเรือชมบัวแดงและนกนานาชนิด มี แก่งอาฮง หรือจุดชมสะดือแม่น้ำโขงที่ วัดอาฮงศิลาวาส ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง เป็นต้น

ไม่เพียงแต่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น จุดเด่นอีกอย่างของ “บึงกาฬ” คือสภาพอากาศที่เย็นสบายโดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวเช่นในขณะนี้

จึงไม่แปลกที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้าสู่บึงกาฬจำนวนมาก ส่งผลให้จังหวัด โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและบริการต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับผู้คนที่เข้ามา

                                                  หินสามวาาฬ ภูสิงห์
                                       แก่งอาฮง หรือจุดชมสะดือแม่น้ำโขง
                                                      บึงโขงหลง

 

บำเพ็ญพร สุริยกมล ผู้อำนวยการ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬ เล่าว่า ช่วงนี้อากาศที่บึงกาฬกำลังเย็นสบายทำให้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมาก ประกอบกับบึงกาฬเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังสดใหม่ไม่ได้รับการปรุงแต่งมาก อากาศก็บริสุทธิ์ คนที่มาส่วนใหญ่จึงรู้สึกประทับใจ จนมีลักษณะบอกกันปากต่อปากของนักท่องเที่ยว

“แต่ด้วยความที่บึงกาฬเป็นเมืองขนาดเล็ก ทำให้การเปิดตัวของจังหวัดเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งวันนี้ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งแบบเหมารถตู้บ้าง แบบรถครอบครัวบ้าง กลุ่มคนวัยเก๋าก็เริ่มเข้ามาจำนวนไม่น้อย” บำเพ็ญพรกล่าว

สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวบึงกาฬในขณะนี้ บำเพ็ญพรบอกว่า ช่วงนี้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาจากกรุงเทพฯ เข้ามามากขึ้น เนื่องจากช่วงประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เราได้ปล่อยภาพโฆษณาของจังหวัดบึงกาฬ ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่ ทางการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬยังได้เชิญกลุ่มบริษัททัวร์เข้ามาสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ ยังมีการเข้ามาใช้สถานที่เพื่อถ่ายทำโฆษณา และมีรายการจากต่างประเทศมาใช้พื้นที่ในบึงกาฬถ่ายทำรายการ พอภาพออกไปก็ยิ่งทำให้เกิดความสนใจและรู้จักจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้มากขึ้น

“เรายังมีการส่งเสริมเรื่องของชุมชนนวัตวิถีเพื่อการท่องเที่ยวของพัฒนาชุมชน ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกจากทางยุโรป จากประเทศเยอรมนีและสวีเดน จะนิยมเข้ามาเที่ยวที่ชุมชนบ้านห้วยเล็บมือ เป็นชุมชนดาวรุ่งที่กำลังมาแรง ในตำบลหนองเดิ่น อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ เนื่องจากเป็นชุมชนสองศาสนาคือ คริสต์และพุทธ”

ชุมชนบ้านห้วยเล็บมือยังมี “ภูทอกน้อย” ที่ค้นพบ “สิรินธรวัลลี” เป็นครั้งแรกด้วย

“เราได้ลงไปสอนให้ชาวบ้านนำดอกสิรินธรวัลลีมาคั่วทำเป็นชา แล้วใช้ชาดอกสิรินธรวัลลีมาต้อนรับแขกที่มาเยือน ซึ่งได้รับความนิยมและมีนักท่องเที่ยวชื่นชอบเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ บนภูทอกน้อยจะเห็นวิวเมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ ประเทศลาว ซึ่งสวยมาก” บำเพ็ญพรอธิบาย พร้อมแนะนำว่า หากมาเยือนบึงกาฬให้ลองขึ้นภูทอกน้อย จิบชาดอกสิรินธรวัลลี เชื่อว่าจะเพลิดเพลินไม่น้อย

และบอกอีกว่า นอกจากแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นหลายแห่ง บึงกาฬยังมีชุมชนท่องเที่ยวที่ทำของพื้นเมือง เช่น ชุมชนบ้านสะง้อ ตำบลหอคำ อำเภอเมือง มีการทำผ้าขาวม้าหมักโคลนนาคี ซึ่งขายดีมากและมีออเดอร์จากต่างประเทศด้วย

“ทิศทางที่เราวางแนวทางไว้เป็นการท่องเที่ยวสีเขียวโดยชุมชน เป็นการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ เราพยายามสอนให้ชาวบ้านเข้าใจว่าเรื่องของการท่องเที่ยวจะต้องสะอาด ปลอดภัยและรักษาสิ่งแวดล้อม”

บำเพ็ญพรแนะนำอีกหนึ่งกิจกรรมโดดเด่นของบึงกาฬคือ “บั้งไฟพญานาค”

“หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าบึงกาฬก็มีบั้งไฟพญานาคขึ้นเหมือนกัน ซึ่งที่หนองคายอาจจะมีคนเยอะมากหรือเต็มแล้ว แต่ทางโซนอำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย และอำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งและเป็นโอกาสที่ดี สำหรับคนที่อยากชมบั้งไฟพญานาค ซึ่งในช่วงออกพรรษาที่ผ่านมาก็เป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจและมีนักท่องเที่ยวเข้ามารอชมจำนวนมาก โดยในปีนี้เทียบกับห้วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซ็นต์” บำเพ็ญพรบอก

ไม่เพียงเท่านี้บึงกาฬยังเป็นจังหวัดที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สปป.ลาว และเวียดนามด้วย

 

บำเพ็ญพรบอกว่า บึงกาฬมีเส้นทางเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาพอสมควร โดยหลักๆ จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาว สปป.ลาว รองลงมาเป็นชาวเวียดนาม

“นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในจังหวัดบึงกาฬ สามารถเที่ยวได้ 3 ประเทศ ทั้งแบบไปกลับใน 1 วัน หรืออาจจะไปนอนค้างที่เวียดนาม 1 คืนแล้วค่อยกลับมาที่บึงกาฬก็ได้ เพราะระยะทางจากบึงกาฬ ผ่านลาวไปเวียดนามแค่ 220 กิโลเมตรเท่านั้น”

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดบึงกาฬยังคาดการณ์ไว้ว่าหาก สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) สร้างเสร็จจะพลิกโฉมและพัฒนาบึงกาฬไปไกลแบบก้าวกระโดด

“ตอนนี้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 ลงตัวในเรื่องของสัญญาและข้อตกลงแล้ว กำลังอยู่ในช่วงของการจะดำเนินการก่อสร้าง หากสะพานเสร็จน่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ยังมีกลุ่มที่ผ่านแล้วมาพักบึงกาฬเพื่อเดินทางต่ออีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ทำให้เราต้องมาคิดกันแล้วว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วจับจ่ายใช้สอยในจังหวัดอย่างไรได้บ้าง รวมถึงความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนของโรงแรมที่พักขณะนี้ยังรองรับนักท่องเที่ยวได้เรื่อยๆ อาจจะมีช่วงเทศกาลที่ไม่เพียงพอ เช่น บั้งไฟพญานาค ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะมาก แต่คนที่จองไม่ทันสามารถเดินทางไปพักจังหวัดใกล้เคียงได้เพราะการเดินทางจากบึงกาฬสะดวก มีเส้นทางระบายรถเป็นระยะ ทำให้รถไม่ติด แต่อนาคตอาจจะต้องมีการขยายโรงแรม รวมถึงกลุ่มรีสอร์ตต่างๆ เพิ่มขึ้นต่อไป” บำเพ็ญพรระบุ

ด้วยศักยภาพทั้งหมดนี้ทำให้มุมมองของบำเพ็ญพรต่อ “บึงกาฬ” คือเพชรเม็ดงามรอการเจียระไน

ขณะที่ ณัฐณิชา รุ่งจินดารัตน์ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมเดอะวัน ระบุว่า ภาพรวมของจังหวัดบึงกาฬตลอดทั้งปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาต่อเนื่อง โดยช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากที่สุดจะเป็นช่วงออกพรรษา เพื่อชมบั้งไฟพญานาค กับช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีอากาศหนาวจัด

“มองว่าภาพรวมด้านการท่องเที่ยวดีขึ้นเรื่อยๆ มีโรงแรมและรีสอร์ตเพิ่มขึ้นเยอะ แต่ส่วนใหญ่เป็นการพัฒนามาจากอพาร์ตเมนต์เดิมมากกว่า อย่างไรก็ตาม โรงแรมเดอะวัน เราก็ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา และพยายามดูแลลูกค้าให้ครอบคลุมที่สุด ในมาตรฐานที่วางไว้”

เช่นเดียวกัน ณัฐณิชาประเมินว่า ถ้ามีการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและโรงแรมของบึงกาฬเยอะมาก และมั่นใจว่าจะทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวบึงกาฬดีขึ้นแบบพลิกโฉมไปเลย เพราะนักท่องเที่ยวจะสามารถเดินทางไป สปป.ลาว หรือเวียดนาม ได้สะดวก จึงหวังว่าสะพานเชื่อมทั้ง 2 ประเทศนี้จะเสร็จในเร็ววัน

สำหรับโครงการสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ปัจจุบันได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบแล้วเสร็จ และได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนสำหรับการก่อสร้างโครงการแล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2559 โดยกรมทางหลวงมีแผนจะเสนอของบประมาณปี 2562 เพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อไป

                                                                 ภูทอก

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.matichon.co.th


ตรวจสอบเวลาใช้ “มือถือ” กับผลกระทบต่อ “การนอน”

ใครที่รู้สึกว่า ตัวเองอาจจะมีปัญหา “ติดมือถือ” แล้วอยากลองหาทางแก้ไขดู ด้วยการเช็กเวลาในการใช้งาน คุณพี่จะบอกว่า ตอนนี้ระบบปฏิบัติการไอโอเอส 12 ของอุปกรณ์แอปเปิลทั้งหลาย มีการตั้งค่า “สกรีนไทม์” เอาไว้เป็นฟีเจอร์ที่จะคอยบอกเราว่า เราใช้ไอโฟน หรือไอแพด ในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์เท่าไหร่ แล้วใช้อะไรมากที่สุด

ซึ่งนอกจากจะสามารถดูเวลาของเราเองแล้ว ถ้าเป็นเครื่องของบุตรหลานทั้งหลาย ก็จะสามารถเข้าไปตั้งค่าบล็อกแอพพ์ หรือจำกัดการใช้งานเครื่องก็ได้

ตอนนี้ ในแต่ละสัปดาห์ เครื่องไอโฟนของคุณพี่ ก็จะคอยแจ้งเตือนว่า คุณพี่นั้น ใช้งานไอโฟนไปในมากน้อยแค่ไหน มากขึ้น หรือลดลงก็จริงๆ มันก็ไม่ได้ดูว่าจะอะไรมาก เพียงแต่ว่า มันก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือนครูผู้ปกครอง ที่คอยเตือนเรา แต่ไม่ได้ดุเรา เท่านั้นเอง

พูดเรื่องเวลาในการใช้มือถือ ก็บังเอิญให้ไปเจอบทความเกี่ยวกับผลการศึกษาเรื่องความเกี่ยวข้องกันระหว่างการเล่นมือถือหรือแท็บเล็ตของเด็กๆ กับเวลานอนของเด็ก เป็นผลการศึกษาของสถาบันอินเตอร์เน็ต ออกซ์ฟอร์ด ที่อ้างอิงข้อมูลของสุขภาพเด็กๆ ในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2016 โดยการสอบถามจากผู้ปกครอง ก็พบว่า

ระยะเวลาในการเล่นมือถือของเด็ก หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ นั้น แทบจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ “เวลา” ในการนอนของเด็กเลย

อย่างเช่น เด็กวัยรุ่นที่ใช้เวลาในการเล่นมือถือในแต่ละวันไม่มากนัก จะนอนกันวันละประมาณ 8 ชั่วโมง 51 นาที ส่วนวัยรุ่นที่ใช้เวลาในการเล่นมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ มากถึง 8 ชม./วัน จะนอนวันละ 8 ชั่วโมง 21 นาที ต่างกันเพียงแค่ 30 นาที หรือครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

ผลการศึกษาพบว่า ทุกๆ 1 ชม.ของการอยู่กับหน้าจอทั้งหลาย จะทำให้เรานอนน้อยลงราว 3-8 นาทีเท่านั้น

แม้จะมีผลกระทบน้อยนิดในเรื่องเวลานอน หากแต่มูลนิธิการนอนแห่งชาติ ของสหรัฐ ก็ออกมาเตือนว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือไม่ควรจะให้ลูกหลานเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน เนื่องจากแสงสีฟ้าที่ออกมาจากหน้าจออาจจะทำให้ชะลอการปล่อยสารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารที่จะถูกหลั่งออกมาทำให้เรารู้สึกง่วง

อันนี้สิ ปัญหาใหญ่ที่แท้จริง เพราะหากสารเมลาโทนินไม่ถูกหลั่งออกมา เราก็จะนอนไม่หลับ พอนอนไม่หลับ เราก็จะพักผ่อนไม่เพียงพอ

อย่าว่าแต่เด็กเลย พวกผู้ใหญ่ที่เล่นมือถือกันก่อนนอน หรือตื่นมาเช้าๆ ก็เปิดมือถือดูแล้ว ก็ได้รับผลกระทบเหล่านี้เหมือนกัน

เพราะฉะนั้น ก็ย้อนกลับไปที่เรื่องแรก หมั่นคอยเช็กเวลาการใช้มือถือ เพื่อสุขภาพของเรากันเถอะ …นะ พี่ขอร้อง

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.prachachat.net


10 นิสัยของคนที่มีความสุขสุดๆ

คนเรานั้นมักจะวิ่งตามอะไรบางอย่างอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมทตำแหน่ง รถใหม่ หรือคนรัก จนกลายเป็นความเชื่อที่ว่า “เมื่อเรามี…… เราก็จะมีความสุข”

   ความสุขนั้นคือสิ่งที่สังเคราะห์ – คุณสร้างมันขึ้นมาเอง และความสุขที่ยั่งยืนนั้นคือความสุขที่คุณได้มาจากอุปนิสัยของคุณเอง คนที่มีความสุขสุดๆนั้นสามารถคงความสุขของตัวเองอยู่ได้ตลอดเวลา ลองเปลี่ยนลักษณะนิสัยของตัวเองโดยเริ่มจาก นิสัย 10 ประการนี้คุณจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ

1.ใช้ชีวิตให้ช้าลง และใช้ทุกช่วงเวลาอย่างมีคุณค่า

   โดยธรรมชาติ เราทุกคนล้วนทำสิ่งต่างๆอย่างเป็นกิจวัตร ในทางหนึ่งนี่เป็นสิ่งที่ดีมันช่วยในการประหยัดำพลังสมองและสร้างความสบายใจ แต่ในหลายๆครั้งคุณอาจจะยึดติดกับกิจวัตรมากเกินไปจนพลาดที่จะรู้สึกมีความสุขกับสิ่งเล็กๆในชีวิต คนที่มีความสุขนั้นจะรู้ว่ามันสำคัญแค่ไหนที่จะละเลียดชิมรสชาติของอาหาร และรู้สึกสนุกไปกับบทสนทนาที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือแค่ออกไปสูดอากาศสดชื่นยามเช้า

2.ออกกำลัง

   การขยับร่างกายอย่างน้อย 10 นาทีเป็นการช่วยให้ร่างกายปลดปล่อย GABA สารในร่างกายที่ช่วยให้สมองของคุณรู้สึกสบาย และเป็นการควบคุมความดัน คนที่มีความสุขนั้นจะทำการกำหนดเวลาเพื่อการออกกำลังกายและปฏิบัติตามนั้น เพราะพวกเขารู้ว่ามันช่วยในการยกระดับอารมณ์ของพวกเขา

3.พวกเขาให้แก่ผู้อื่น

   การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายเพื่อผู้อื่นหรือการทำสิ่งต่างๆให้ผู้อื่นนั้นสามารถทำให้คุณมีความสุขมากกว่าการทำเพื่อตัวเอง โดยเฉพาะการทำสิ่งเล็กๆที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง อย่างเช่นการที่คุณออกไปหาซื้อหนังสือที่คุณแน่ใจว่าเพื่อนของคุณจะต้องชอบ ให้กับเพื่อนของคุณ

4.พวกเขาอยู่กับคนที่ถูก

   ความสุขนั้นถูกแพร่ผ่านผู้คน การที่คุณนั้นถูกล้อมรอบด้วยคนที่มีความสุข จะช่วยในการสร้างความมั่นใจ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และสนุกสุดๆ ส่วนการอยู่กับคนที่คอยแต่จะติหรือคิดลบนั้นให้ผลในทางตรงกันข้าม พวกเขามักจะพยายามดึงให้คุณมาคิดลบและไม่มีความสุขเป็นเพื่อนเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ลองคิดง่ายๆ หากคูณต้องอยู่กับคนที่สูบบุหรี่ คุณจะรู้สึกโอเคที่จะต้องสูดควันบุหรี่เข้าไปหรือ? ทางที่ดีที่สุดคืออยู่ให้ห่างเขาเข้าไว้

5.พวกเขาคิดบวก

   เรื่องแย่ๆสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน รวมถึงคนที่มีความสุข แต่แทนที่จะนั่งบ่นว่าสิ่งต่างๆควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คนที่มีความสุขจะยอมรับและคิดบวกกับทุกสิ่ง พวกเขาจะหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น จัดการมัน และก้าวต่อไป ไม่มีอะไรที่จะเป็นเชื้อเพลิงให้กับความทุกข์ได้ดีเท่าความคิดลบ ปัญหาที่สำคัญของความคิดลบก็คือ มันไม่เพียงแต่เป็นปัญหาด้านทัศนคติ และกระทบต่ออารมณ์ของคุณเท่านั้น มันยังเป็นการทำนายอนาคตของคุณอีกด้วย หากคุณคาดหวังว่าเรื่องร้ายๆจะต้องเกิดขึ้นในชีวิตคุณ มันก็เป็นไปได้มากที่คุณจะได้ประสบพบเจอกับเรื่องร้ายๆในชีวิต ความคิดลบนั้นเป็นสิ่งที่สลัดทิ้งไปได้ยาก จนกระทั่งคุณคุณรู้ว่ามันเป้นเรื่องที่ผิดปกติมาเพียงใด ลองบังคับตัวเองให้มองความเป็นจริง แล้วคุณจะรู้ว่าเรื่องราวมันก็ไม่ได้แย่มากอย่างที่คุณคิด

6.พวกเขาพักผ่อนอย่างเพียงพอ

   ความสำคัญของการได้พักผ่อนอย่างเพียงพอนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยในเรื่องอารมณ์ของคุณเท่านั้น มันยังช่วงเรื่องสมาธิ และการควบคุมตนเองอีกด้วย เมื่อคุณนอนหลับ สมองของคุณก็จะถูกเติมพลังงาน และโปรตีนไม่ดีที่อยู่ในร่างกายที่ถูกสะสมมาในร่างกายทั้งวันก็จะค่อยๆถูกนำออกไป นี่จะทำให้คุณตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นและปลอดโปร่ง หากคุณพักผ่อนไม่เพียงพอนั้น พลังงาน สมาธิ และความทรงจำของคุณ ล้วนแต่ลดลง นอกจากนี้การนอนหลับไม่เพียงพอยังส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเครียดเพิ่มขึ้น แม้จะไม่มีอะไรมาทำให้คุณรู้สึกเครียดก็ตาม คนที่มีความสุขนั้นให้ความสำคัญกับการนอนหลับพักผ่อน เพราะพวกเขารู้ว่ามันจะทำให้พวกเขารู้สึกดี และพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขารู้สึกแย่อย่างไรเมื่อนอนไม่พอ

7.พวกเขามีบทสนทนาที่ลึกซึ้ง

   คนที่มีความสุขนั้นรู้ดีว่าความสุขกับเรื่องต่างๆนั้นอยู่คู่กัน พวกเขาหลีกเลี่ยงการนินทา การพูดลับหลังและการตัดสินผู้อื่น และแทนที่ด้วยการพูดคุยในบทสนทนาที่มีความหมายและลึกซึ้ง พวกเขามีความเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆในระดับที่ลึกกว่า เพราะพวกเขารู้ว่านี้คือสิ่งที่จะทำให้ทุกคนมีความสุข พวกเขาจะสร้างสายสัมพันธ์ทางอารมณ์ และเรียนรู้จากบทสนทนาที่พวกเขามี

8.พวกเขาคอยช่วยเหลือผู้อื่น

   การใช้เวลาที่มีในการช่วยเหลือผู้อื่นนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้พวกเขามีความสุข แต่ยังทำให้ตัวคุณเองมีความสุขด้วย การช่วยเหลือผู้อื่นจะช่วยในการสร้าง oxytocin, serotonin และ dopamine ในร่างกาย ซึ่งทำให้คุณรู้สึกดี ในการศึกษาของ Harvard พนักงานบริษัทที่คอยช่วยเหลือผู้อื่นนั้นดูจะมีความสุขมากกว่าพนักงานที่มุ่งความสนใจไปที่การทำงานเพียงอย่างเดียวถึง และมีความน่าจะเป็นที่จะได้รับการโปรโมทเลื่อนขั้นมากขึ้นถึง 40% การศึกษาที่คล้ายกับยังแสดงให้เห็นด้วยว่าคนที่คอยช่วยสังคมนั้นจะมีความสุขมากกว่าในช่วงเวลาที่เครียดเป็นอย่างมาก ตราบเท่าที่คุณแน่ใจว่าคุณไม่ทุ่มเทมากจนเกินไป การช่วยเหลือผู้อื่นนั้นเป็นการเสิรมสร้างพลังด้านบวกให้กับตัวคุณเอง

9.พวกเขาพยายามที่จะมีความสุข

   ไม่มีคนที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีความสุขสุดๆตลอดเวลา แม้แต่คนที่มีความสุขก็เช่นกัน พวกเขาเพียงทำงานหนักกว่าทุกคน พวกเขารู้ว่าตัวเองสามารถที่จะถูกดูดเข้าไปในวังวนกิจวัตรของตัวเองได้ง่ายเพียงใดหากพวกเขาละเลยอารมณ์บวกและความสุขของตัวเอง ความที่มีความสุขนั้นจะคอยสำรวจอารมณ์ของตัวเองและตัดสินใจโดยมีความสุขของพวกเขาเป็นหลัก

10.พวกเขาเปิดทัศนคติของตัวเองให้กว้าง

   ทัศนคติของคนสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทคือ แบบเปิดและแบบปิด เมื่อเรามีทัศนคติแบบปิด คุณจะเชื่อว่าตัวคุณคือแบบนี้และมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ นี่จะสร้างปัญหาให้ตัวคุณเองเมื่อคุณเจอกับสิ่งที่ท้าทาย เพราะอะไรก็ตามที่ดูจะใหญ่เกินตัวจะทำให้คุณรู้สึกท่วมท้นและทนไม่ได้ ในขณะที่คนที่มีทัศนคติแบบเปิดนั้นเชื่อว่าพวกเขาสามารถที่จะพัฒนาได้หากพยายาม นี่ทำให้พวกเขามีความสุขมากกว่า เพราะพวกเขามักจะเก่งกว่าในการรับมือสิ่งยากๆ พวกเขาเปิดรับความท้าทาย และทำเหมือนมันเป็นโอกาสที่จะช่วยให้พวกเขาได้พัฒนา เติบโต และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

นำทุกอย่างมาไว้ด้วยกัน

   ความสุขอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะรักษาเอาไว้ แต่การลงทุนไปกับนิสัยที่ดีนั้นสามารถให้ผลตอบแทนคุณได้เป็นอย่างดี การปรับนิสัยตัวเองตามรายการด้านบนนั้นสามารถที่จะส่งผลที่แตกต่างให้กับอารมณ์ของคุณได้

ขอบคุณข้อมูลจาก www.forbes.com


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 18,850.00 18,750.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,350.00 18,419.40 1,215.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,086.44 1,259.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,577.46 1,093.50
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,735.52 972.00
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,292.52 547.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,443.00 425.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15
แก๊สโซฮอล์ 91 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88
แก๊สโซฮอล์ E20 26.14 26.14 26.14 26.14 26.14 26.14 26.14 26.14 26.14
แก๊สโซฮอล์ E85 20.79 20.79 20.79 20.79
เบนซิน 95 36.26 36.71 36.76 36.56 36.36 36.56
ดีเซล 29.59 29.59 29.59 29.59 29.59 29.59 29.59 29.59 29.59 29.59
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.89 33.46 33.46 33.46 33.46
แก๊ส NGV 15.73 15.73
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า