สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561

ภาษีไม่ระคายทุนยักษ์! ชี้ชัดที่รกร้างใช้เวลา 28 ปี เต็มเพดานเรียกเก็บ 3%

ทุนยักษ์สะสมแลนด์แบงก์ไม่ระคายภาษีที่ดิน รอช็อปที่แปลงใหญ่ สมาคมอสังหาฯ ระบุ อัตราเบาหวิว 3 ปี ไม่ทำประโยชน์ เสีย 0.03% เชื่อใช้เวลา 28 ปี ถึงเต็มเพดาน

ยังเป็นประเด็นพูดถึงเป็นวงกว้าง กรณีการกำหนดอัตราจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยเฉพาะประเภทที่ดินรกร้าง ไม่ทำประโยชน์ ปัจจุบัน เริ่มมีเจ้าของที่ดินนำที่ดินออกให้เช่า-ขาย แต่ในทางกลับกัน นายทุนใหญ่ที่สะสมที่ดินกลับไม่ได้รับผลกระทบ เพราะอัตราภาษีตํ่า และเชื่อว่า ทุนยักษ์เหล่านี้ยังคงเดินหน้าเก็บที่ดินราคาถูกต่อไป

นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ อุปนายกและเลขาธิการ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นักลงทุนรายใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีที่ดิน โดยเฉพาะที่รกร้าง เนื่องจากเพดานถูกปรับลด จากเดิมที่เคยพูดถึง 5-7% เหลือเพียง 3% และยังอุ้มด้วยการเรียกเก็บขั้นตํ่าในอัตรา 0.3% ทุก 3 ปี หากไม่ทำประโยชน์

 

จากการคำนวณ พบว่า ท้องถิ่นจะต้องใช้เวลาเรียกเก็บภาษีเต็มเพดาน 3% จากที่ดินรกร้าง หากไม่ทำประโยชน์ นานถึง 28 ปีต่อราย ดังนั้น จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของนักสะสมที่ดิน หากจะซื้อเก็บแลกกับภาษีที่จ่ายต่อปีไม่มาก ในมุมกลับกัน หากต้องการเสียภาษีตํ่าลงไปอีก ก็พลิกแพลงให้ชาวบ้านปลูกผลผลิตฟรี เพื่อเป็นที่เกษตร อีกทางก็ลงทุนเอง ปลูกพืชล้มลุก หรือให้ชาวบ้านเช่า

“มีบริษัทยักษ์ใหญ่สะสมที่ดินในประเทศไม่กี่ราย เชื่อว่าวันนี้ถูกแปลงสภาพไปหมดแล้ว และหากต้องการใช้ภาษีตัวนี้หยุดการถือครอง มองว่า ไม่มีประโยชน์ แต่กลับเป็นอุ้มคนรวยแทน คนมีที่ดินมรดกอยากมีบ้านหลังที่ 2 ใกล้เมือง กลับถูกเสียภาษี”

อย่างไรก็ดี หากต้องการให้ทุนใหญ่คายที่ดินจริง กฎหมายควรเด็ดขาด เรียกเก็บกันที่ 7% ขึ้นไป แบบต่างประเทศ โดยไม่มีลดหย่อน อีกทั้งต้องปรับราคาประเมินให้สูงใกล้เคียงตลาด จึงจะสมนํ้าสมเนื้อ ส่วนผู้ที่กระทบน่าจะเป็นกลุ่มรายได้ไม่สูง คนชั้นกลาง มีที่อยู่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด ที่อาจได้รับมรดกและที่ดินกลางเมืองราคาแพง

 

 

สำหรับที่ดินใจกลางเมืองที่ยังไม่ทำประโยชน์ ยังมีหลายแปลง แต่มีมูลค่าสูง เช่น ที่ดินสวนชูวิทย์ ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เนื้อที่ 10 ไร่ กลางสุขุมวิท เชื่อว่า หากไม่พัฒนาเองก็ให้เช่า เช่นเดียวกับสนามกอล์ฟใจกลางถนนรัชดาฯ ซอย 18 ซึ่งเป็นของเจ้าของหมู่บ้านอยู่เจริญ เข้าใจว่าจะนำที่ดินแปลงที่ว่าทำคอนโดมิเนียม เนื่องจากที่ดินตารางวาละเกือบ 1 ล้านบาท ส่วนที่ดินจีแลนด์เดิม ทำเลแยกพระราม 9 ที่ล่าสุด ค่ายเซ็นทรัลพัฒนาซื้อไป มีที่ดินรอการพัฒนากว่า 100 ไร่ เชื่อว่าจะเร่งพัฒนา เนื่องจากเป็นทำเลไข่แดงศูนย์กลางธุรกิจใหม่ รวมทั้งที่ดินทำเลพระราม 9 อีกแปลง เนื้อที่กว่า 40 ไร่ ตั้งอยู่ระหว่างอาบอบนวดจูเลียน่าและโครงการคอนโดมิเนียมค่ายศุภาลัยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง อนาคตน่าจะอยู่ในมือนายทุนใหญ่

ขณะที่ นายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า นักลงทุนรายใหญ่เตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ภาษีที่ดินจึงไม่กระทบหากประกาศใช้ ยกตัวอย่าง ค่ายไทยเบฟและบริษัทในเครือ มีบริษัทย่อย 400-500 แห่ง สะสมที่ดินกว่า 6 แสนไร่ และไม่แน่ใจว่า ปัจุบันมีการซื้อเพิ่มหรือไม่ อย่างไรก็ดี พบว่า ที่ดินทั้งหมดถูกใช้เป็นพื้นที่เกษตรแล้ว กลุ่มได้รับมรดกมีที่ดินย่านสุขุมวิทจะได้รับผลกระทบ และเกิดปรากฎการณ์นำที่ดินออกขาย เพราะไม่มีความชำนาญในการนำที่ดินออกพัฒนา

ด้าน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน ) ที่ผ่านมาได้สะสมแลนด์แบงก์และขายให้กับพันธมิตร อาทิ ฮ่องกงแลนด์ นักลงทุนจากฮ่องกง และนักลงทุนญี่ปุ่น เซกิซุยเคมิคอล และไตรมาส 4 ปีนี้ จะโอนที่ดินอีกแปลงทำเลรัชดาฯให้กับซูมิโตโมฟอร์เรสทรี

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“Proptech-Fintech-Big Data” 3 ปัจจัยผลักดันอนาคตอสังหาฯ ไทย

ปัจจุบันถือเป็นยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วน ซึ่งรวมถึงด้านอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุค 4.0 โดยมีการใช้เทคโนโลยีอย่าง Proptech, Fintech และ Big Data เพื่อให้สามารถเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้มากขึ้น และใช้ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป (PropertyGuru Group) เว็บไซต์สื่อกลางด้านการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย และเป็นบริษัทแม่ของเว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย DDproperty.com ได้จัดงาน PropertyGuru Asia Real Estate Summit 2018 ซึ่งได้รวบรวมผู้นำธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติมาร่วมพูดคุยถึงอนาคตอสังหาริมทรัพย์ไทยและเอเชีย และตอกย้ำถึงความสำคัญของเทคโนโลยีดังกล่าว >>>เจาะลึกแนวโน้มที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ รอบล่าสุด

อสังหาฯ ไทย เติบโตอย่างมั่นคงด้วยเทคโนโลยี

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยแม้ว่าจะไม่เติบโตหวือหวาเหมือนในอดีต แต่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดย นายแฮรี่ วี คริชนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป (PropertyGuru Group) ได้ให้ภาพการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยว่า อสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีนวัตกรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยถูกยกระดับให้เป็นเมืองเกตเวย์ระดับภูมิภาคที่สำคัญในอาเซียน

แม้ว่าไทยจะมีการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่มากนัก เพียงไตรมาสละ 1% แต่เป็นการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยมีชาวต่างชาติ อาทิ จีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพฯ และภูเก็ต เพื่อลงทุนเป็นจำนวนมาก และเริ่มมีรูปแบบโครงการที่นำออกมาขายให้กับชาวต่างชาติมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับลักซ์ชัวรี รูปแบบคอนโดมิเนียม เจาะกลุ่มตลาดบน

ในปีหน้าคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยจะยังคงเติบโตเช่นเดียวกับปีนี้ โดยเฉพาะโครงการระดับบนที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ แต่สำหรับโครงการระดับกลาง-ล่าง ผู้ประกอบการและสถาบันการเงินจะต้องใช้แคมเปญเข้ามาช่วยกระตุ้น สำหรับการเลือกตั้งในปีหน้าจะส่งผลกระทบต่อตลาดเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แต่ในระยะยาวเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ โดยตัวที่จะเข้ามาช่วยผลักดันตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าคือ Proptech, Fintech และ Big Data เช่นเดียวกับที่ทาง DDproperty ได้นำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการค้นหาที่อยู่อาศัยให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคนั่นเอง >>DDproperty อัพลุคเว็บไซต์ ตอบโจทย์คนหาบ้านยุคไทยแลนด์ 4.0

Asia Real Estate Summit

นายแฮรี่ วี คริชนัน, นายวิคราม โคห์ลี และนายคริสโตเฟอร์ เจ แมริออท (เรียงจากขวาไปซ้าย)

Fintech เพิ่มช่องทางในการซื้อ-ขายออนไลน์

ด้านนายคริสโตเฟอร์ เจ แมริออท ประธานเจ้าหน้าที่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซาวิลล์ (Savills) กล่าวถึงบทบาทของ Fintech ว่า ปัจจุบัน Financial Technology หรือ Fintech ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางภาคการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นของ Proptech ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม และการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เช่น การขยายช่องทางจำหน่ายออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด และทุกคนยังสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเชื่อมโยงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างง่ายดายขึ้น

Big Data เปลี่ยนโฉมอสังหาฯ ในยุค 4.0

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนสำคัญกับตลาดอสังหาริมทรัพย์คือ Big Data ซึ่งส่วนนี้นายวิคราม โคห์ลี กรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของซีบีอาร์อี (CBRE) ได้กล่าวถึงความสำคัญของ Big Data ว่า การก้าวสู่อสังหาริมทรัพย์ยุค 4.0 ต้องให้ความสำคัญกับ Big Data เช่น การนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ วิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ Big Data ยังมีส่วนช่วยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในการตัดสินใจที่จะพัฒนาโครงการในทำเลที่เหมาะสมด้วย

อสังหาริมทรัพย์ของไทยอยู่ในโมเมนตั้มที่ดีมาก แม้จะไม่มีสัญญาณฟองสบู่ แต่ต้องจับตาอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่า Proptech Fintech และ Big Data จะเข้ามาช่วยในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นแล้วจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ที่ได้นำเทคโนโลยีอย่าง Big Data เข้ามาช่วยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ช่วยทำให้ข้อมูลมีความชัดเจน มีความโปร่งใส ซึ่งข้อมูลที่แท้จริงจะส่งผลให้เกิดการทำธุรกรรมในตลาดมากขึ้น และทำให้เกิดการเติบโตไปทั้งอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าประเทศไทยจะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ในระยะต่อไปจะได้รับประโยชน์จาก Big Data อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม การประชุมสุดยอดครั้งนี้มีผู้นำระดับแนวหน้าจากอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จากทั่วเอเชียเข้าร่วมกว่า 350 คน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สร้างเครือข่ายใหม่ ๆ และทำความเข้าใจข้อมูลเชิงลึกจากผู้บริหารซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ รวมทั้งร่วมเป็นเกียรติในการมอบรางวัล PropertyGuru Tech Innovation Award เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการประกวดที่มุ่งเน้นให้เห็นถึงนวัตกรรม เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ที่คว้ารางวัลชนะเลิศในปีนี้ ได้แก่ Igloohome (อิกลูโฮม) เทคโนโลยีสมาร์ทล็อคสุดล้ำของสตาร์ทอัพจากประเทศสิงคโปร์

ขอบคุณข้อมูลจาก www.ddproperty.com


“5 ธันวาคม” พาพ่อขึ้น MRT “สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง” ฟรี!!

บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จัดกิจกรรม “5 ธันวาคม พาพ่อขึ้น MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วงฟรี” เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2561 เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว พร้อมร่วมรณรงค์ประหยัดพลังงาน ด้วยการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เพียงคุณลูกพาคุณพ่อมาแสดงตัวที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และรถไฟฟ้า MRT สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) เพื่อรับคูปองเดินทางฟรีตลอดสายและตลอดระยะเวลาให้บริการ สำหรับคุณลูกชำระค่าโดยสารปกติสามารถติดต่อขอรับคูปองโดยสารได้ที่ห้องออกบัตรโดยสารของทั้ง 2 สาย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูล โทร. 0-2624-5200 หรือ ติดตามทางช่องทางต่าง ๆ ได้ที่เฟซบุ๊ก : BEM.MRT / ทวิตเตอร์ : bem_mrt / อินสตาแกรม Mrt_bangkok และโมบายแอพพลิเคชัน : Bangkok MRT Application “เดินทางปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ด้วยรถไฟฟ้า MRT”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ปัญหาข้อไหล่ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว

ข้อไหล่เป็นอวัยวะที่มีการเคลื่อนไหวได้มากที่สุดของร่างกาย ด้วยรูปแบบและโครงสร้างของข้อไหล่ช่วยให้เรายกแขนและเคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่ต้องการได้ เมื่อไรก็ตามที่เริ่มเจ็บหัวไหล่ ไขว้มือไปด้านหลังได้ไม่สุด เกาหลังไม่ถึง ติดตะขอด้านหลังไม่ได้ หรือปวดไหล่อย่างรุนแรง จนไม่สามารถทำกิจวิตรประจำวันหรือเล่นกีฬาได้ บางรายอาจถึงกับไม่อยากนอนหลับเพราะปวดทรมานมาก แสดงว่าเกิดปัญหาข้อไหล่ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

นพ.ไผทวุฒิ อุ่นสมบัติ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ เฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องโรคข้อเข่าและไหล่ BASEM สถาบันเวชศาสตร์การกีฬาและออกกำลังกาย รพ.กรุงเทพ หรือ ศูนย์เพื่อความเป็นเลิศทางการแพทย์ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) กล่าวว่า กระดูกข้อไหล่เป็นข้อที่หัวกระดูกและเบ้าไม่ลึกมาก ประกอบขึ้นเป็นข้อไหล่อย่างหลวมๆ โดยมีเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อรอบหัวไหล่ยึดโดยรอบ ทำให้ข้อไหล่มีโอกาสเคลื่อนหลุดได้บ่อยกว่าข้ออื่นๆ ในร่างกาย ปัญหาเกี่ยวกับไหล่ไม่ว่าจะเป็นอาการบวม เจ็บ หรือการอักเสบของกล้ามเนื้อรอบหัวไหล่ เส้นเอ็นหัวไหล่ หรือกระดูกและข้อไหล่เอง อาจเกิดจาก การใช้งานหรือการบาดเจ็บของข้อไหล่จากการเล่นกีฬา ผู้สูงอายุที่มีปัญหาข้อเสื่อมหรือหินปูนกระดูก หรือ อุบัติเหตุ โดยอาการปวดอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือเรื้อรัง มีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละโรค อาทิ กระดูกงอกทับเส้นเอ็นหัวไหล่ (Impingement syndrome) ภาวะเส้นเอ็นหัวไหล่ฉีก (Rotator cuff tear) ข้อไหล่ติด (Frozen shoulder) และข้ออักเสบ (arthritis) เป็นต้น อาการบาดเจ็บของข้อไหล่จากการเล่นกีฬา โดยเฉพาะนักกีฬาฟุตบอลที่ทำหน้าที่ผู้รักษาประตู หรือผู้ที่ต้องเล่นลูกทุ่ม หรือผู้ที่ใช้กำลังแขนเคลื่อนไหวไปด้านบนศีรษะมากๆ เช่น ว่ายน้ำ ยกน้ำหนัก เทนนิส แบตมินตัน เป็นต้น สาเหตุของการบาดเจ็บข้อไหล่ที่พบมักเกิดจากการปะทะ กระชากไหล่ การเหนี่ยวแขน หรือล้มโดยใช้แขนเท้าพื้นหรือล้มแล้วไหล่กระแทกพื้นโดยตรง การเหวี่ยงหรือขว้างบอลอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการกระชากของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นหัวไหล่ที่หลุดเคลื่อนหรือฉีกขาดได้เช่นกัน การรักษาอาการบาดเจ็บของหัวไหล่ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการบาดเจ็บ เช่น ถ้าบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อรอบๆ ควรพักการใช้งาน ประคบเย็น ทานยาต้านอักเสบและยาคลายกล้ามเนื้อร่วมกับการทำกายภาพ หากเป็นการบาดเจ็บของกระดูกหรือข้อเคลื่อนหลุด ควรดามหรือใส่ผ้าห้อยแขน (arm sling) เพื่อไม่ให้มีการขยับ หากข้อไหล่มีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง อาจเนื่องมากจากเส้นเอ็นมีการฉีกขาดหลบซ่อนอยู่ ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและวางแผนในการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการที่ต้นเหตุ เพื่อผ่าตัดซ่อมเอ็นหุ้มข้อไหล่ที่ฉีกขาดจากกีฬาหรืออุบัติเหตุ ด้วยเทคนิคการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก (Minimally Invasive Surgery : MIS) ช่วยให้นักกีฬาสามารถฟื้นตัวขยับเคลื่อนไหวข้อไหล่ได้เร็วในระยะเวลาน้อยกว่าการผ่าตัดเปิดแผลแบบเดิม

ขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุมักมีปัญหาหินปูนเกาะกระดูก เกิดขึ้นได้จากความเสื่อมของร่างกายเอง หรือมีความเสียหายเกิดขึ้นบริเวณข้อ เช่น หัก แตก โดยร่างกายจะดึงแคลเซียมเข้าไปซ่อมแซมกระดูกส่วนที่เสื่อม จนเกิดเป็นหินปูนหรือแคลเซียมเกาะกระดูก เพิ่มพูนขึ้นมาจนกระดูกบริเวณนั้นผิดรูปร่างจากที่ควรเป็น ผลกระทบจากหินปูนที่มาเกาะกระดูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณข้อไหล่ อาจส่งผลให้เกิด อาการกระดูกงอกทับเส้นเอ็นหัวไหล่ ทำให้คนไข้เกิดอาการปวด ข้อควรระวังทั้งในกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ คือการอักเสบร่วมกับความเสื่อมที่เกิดจากการใช้งานข้อไหล่หนักๆ เช่น การเล่นกีฬาที่ต้องมีการใช้ไหล่มากๆ เช่น แบดมินตัน ยกเวท ชกมวย เทนนิส เป็นต้น คนไข้ควรสังเกตตนเองว่ามีการงอกปูดของกระดูกในร่างกายที่ผิดปกติจนคลำได้จากภายนอกหรือไม่ หากพบควรปรึกษาแพทย์ ทั้งนี้ ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดผ่านกล้องข้อไหล่ เมื่อรักษาด้วยวิธีเบื้องต้น เช่น รับประทานยาแก้ปวด แก้อักเสบ และยาคลายกล้ามเนื้อร่วมกับการกายภาพบำบัดแล้วไม่ได้ผล เป็นเวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน การผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็กจึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาเพื่อลดอาการบาดเจ็บ

นอกจากนี้ปัญหาข้อไหล่ยังมีอาการปวดไหล่เนื่องมาจาก อาการข้อไหล่ติด เป็นภาวะที่มีการขยับข้อไหล่ได้น้อย โดยมักจะเริ่มจากไม่สามารถยก กาง หรือหมุนหัวไหล่ได้ ข้อไหล่จะค่อยๆ ลดการเคลื่อนไหวจนกระทั่งเคลื่อนไหวได้น้อยลง และพบว่าผู้ที่เป็นเบาหวาน ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคหัวใจมีโอกาสเกิดภาวะข้อไหล่ติดได้มากกว่าคนทั่วไป ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาการอาจสะสมจนเป็นมากขึ้น สาเหตุของข้อไหล่ยึดติด เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อที่อยู่รอบๆ ข้อไหล่ ซึ่งเรียกว่า เยื่อหุ้มข้อไหล่อักเสบ โดยปกติเยื่อหุ้มข้อไหล่จะค่อนข้างยืดหยุ่นและสามารถขยายตัวหรือหดตัวตามการขยับของข้อไหล่ แต่เมื่อเกิดภาวะข้อไหล่ติด เยื่อหุ้มข้อไหล่จะมีการอักเสบและหดตัวจนไม่สามารถยืดหยุ่นได้เหมือนเดิมทำให้ขยับข้อไหล่ได้น้อยลงและมีอาการปวดบริเวณข้อไหล่ทั้งกลางวันและกลางคืนนานหลายสัปดาห์ การรักษาคือ ต้องทำให้ข้อไหล่ขยับได้มากขึ้นและลดอาการเจ็บปวด โดยเฉพาะอาการปวดเวลานอนด้วยการทำกายภาพบำบัด เพื่อให้การติดยึดของข้อไหล่ลดน้อยลง เพิ่มการขยับให้มากขึ้น โดยอาจใช้ร่วมกับการประคบร้อน เย็น หรือทำอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) การทานยา หากอาการปวดรุนแรงเรื้อรัง อาจจำเป็นต้องใช้ยาฉีดเข้าข้อ หรือการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อขยายถุงหุ้มไหล่ให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ตามแต่สาเหตุของโรค ส่วนข้อไหล่อักเสบที่พบบ่อยมีอยู่ 2 ชนิด คือ โรคข้อเสื่อมหรือข้ออักเสบเรื้อรัง (Osteoarthritis) และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (The Rumatoid arthritis) ทั้ง 2 ชนิดมีสาเหตุของโรคต่างกัน โรคข้อเสื่อมเกิดจากความทรุดโทรมของกระดูกอ่อนที่หุ้มข้อกระดูกค่อยๆ หายไป ทำให้ข้อกระดูกเสียดสีกันเวลาเคลื่อนไหวจนเกิดอาการข้อยึด ส่งผลให้ปวดบริเวณข้อโดยเฉพาะเวลาอากาศเย็น ส่วนโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่สาเหตุที่พบบ่อยคือ เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ เกิดการทำลายข้อต่อกระดูกของตนเอง เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับทุกวัยและเพศหญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้ได้มากกว่าเพศชาย ทั้งยังเป็นโรคเรื้อรังที่มีอาการเป็นๆ หายๆ ข้ออักเสบรักษาด้วยการใช้ยาร่วมกับการลดกิจกรรมที่จะส่งผลกระทบกับข้อ ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น (Flexibility) ให้กับข้อ เช่น การออกกำลังกายที่ระดับความหนักน้อย(low-intensity) อาทิ การวิ่งจ๊อกกิ้ง ไปจนถึงระดับความหนักปานกลาง (moderate-intensity) การขี่จักรยาน เป็นต้น

หากเกิดอาการผิดปกติหรือข้อไหล่มีปัญหาการเคลื่อนไหว ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องข้อได้ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย เพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก www.prachachat.net

6 การลงทุนระยะสั้น ได้ผลตอบแทนรวดเร็วทันใจ

6 การลงทุนระยะสั้น ได้ผลตอบแทนรวดเร็วทันใจ

เมื่อพูดถึง ‘เงิน’ สิ่งที่หลายๆ คนอยากรู้ คือ เราจะมีวิธีเก็บเงินก้อนให้ได้เยอะๆ ภายในเวลาที่สั้นที่สุดได้อย่างไรบ้าง การลงทุนระยะสั้น อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ค่ะ

การลงทุนระยะสั้น คือ การลงทุนที่ใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี ก็สามารถเห็นผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็วทันใจ เหมาะสำหรับ คนที่ต้องการเงินเก็บเพื่อบรรลุเป้าหมายในระยะสั้น เช่น เก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศ เก็บเงินไว้ช้อปปิ้ง เก็บเงินซื้อรถ เป็นต้น

วันนี้ rabbit finance จึงขอเสนอ 6 การลงทุนระยะสั้น ที่ช่วยให้คุณมีเงินก้อนไว้ใช้ได้ง่ายๆ ภายในระยะเวลาไม่นานค่ะ


การลงทุนระยะสั้น 1

6 การลงทุนระยะสั้น ได้ผลตอบแทนรวดเร็วทันใจ

1.บัญชีเงินฝากประจำ

ความเสี่ยง : 1 ดาว
ผลตอบแทน : 1 ดาว

การออมเงินผ่าน บัญชีเงินฝากประจำ คือ การฝากเงินกับธนาคารเป็นประจำ ทุกเดือน เดือนละเท่าๆ กัน มีกำหนดระยะเวลาฝาก ตั้งแต่ 3-24 เดือน ยิ่งฝากนานเท่าไหร่ ดอกเบี้ยยิ่งสูง แต่ในระหว่างนี้ จะไม่สามารถถอนเงินออกมาก่อนกำหนดได้ (ถ้าถอนก่อนจะได้ดอกเบี้ยเท่ากับฝากออมทรัพย์)

ข้อดีของการลงทุนแบบนี้ คือ มันมีความเสี่ยงต่ำมาก เพียงแค่คุณฝากเงินครบกำหนด ก็จะได้รับเงินต้นทั้งหมดคืน แถมได้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษบวกมาด้วย ซึ่ง ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ จะอยู่ที่ ประมาณ 0.05-1.75 % ต่อปี ขึ้นอยู่กับธนาคารและระยะเวลาฝากเงิน

แต่เพราะความเสี่ยงมันต่ำ ผลตอบแทนที่ได้เลยต่ำไปด้วยเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่นๆ จะถอนมาใช้ก่อนก็ไม่ได้ มีวงเงินฝากขั้นต่ำค่อนข้างสูง แถมยังต้องเสียภาษี 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับด้วย จึงเหมาะกับการเป็นเครื่องมือช่วย ออมเงินก้อน มากกว่าที่จะหากำไรจากการลงทุนค่ะ

การลงทุนระยะสั้น 2

2.เงินฝากปลอดภาษี

ความเสี่ยง : 1 ดาว
ผลตอบแทน : 1.5 ดาว

เงินฝากแบบปลอดภาษี จะมีลักษณะคล้ายๆ กับการฝากประจำ คือ จำเป็นต้องฝากเงินจำนวนเท่าๆ กันในทุกเดือน เริ่มต้นที่ 1,000 บาท สูงสุด 25,000 บาท (บางธนาคารเริ่มที่ 500 บาทก็มี) โดยมีกำหนดระยะเวลาฝาก ตั้งแต่ 24-36 เดือน ถอนออกมาก่อนไม่ได้ แต่ข้อดีของมัน คือ ถ้าเราฝากเงินตรงเวลาและครบตามกำหนด เราจะได้รับดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากประจำ ที่ประมาณ 2-3% ต่อปี แถมยัง ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่ม อีกด้วย

การฝากเงินแบบปลอดภาษี ถึงแม้จะได้รับ ดอกเบี้ย สูงกว่าฝากประจำ และมียอดฝากขั้นต่ำน้อยกว่า แต่ก็มีระยะเวลาฝากที่มากกว่าเช่นกัน และผลตอบแทนก็ถือว่ายังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่นๆ จึงเหมาะกับการออมเงินก้อนมากกว่าหากำไร และเรายังสามารถเปิดบัญชีแบบนี้ได้เพียงคนละ 1 บัญชีเท่านั้นด้วย


การลงทุนระยะสั้น 3

3.พันธบัตรรัฐบาล

ความเสี่ยง : 2 ดาว
ผลตอบแทน : 3 ดาว

พันธบัตรรัฐบาล เป็นการลงทุนในกลุ่มของตราสารหนี้ ว่าง่ายๆ เหมือนการที่รัฐบาลขอกู้เงินจากประชาชนมาก่อน โดยหน่วยงานราชการหรือเอกชนที่ได้รับอนุญาต จะนำพันธบัตรออกมาขายให้กับประชาชนหรือนักลงทุน เพื่อระดมทุนไปทำประโยชน์ต่างๆ แล้วสัญญาว่าจะใช้คืนพร้อมดอกเบี้ยในภายหลัง

การลงทุนกับพันธบัตรรัฐบาลนั้น มีความเสี่ยงต่ำมาก เกือบๆ เท่าการฝากเงินแต่ได้ดอกเบี้ยสูงกว่า ประมาณ 2-3% ต่อปี บวกอัตราเงินเฟ้อ หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับผู้ออกพันธบัตร และระยะเวลาการถือพันธบัตร (ยิ่งถือนานดอกเบี้ยยิ่งสูง) โดยถ้าอยากได้ผลตอบแทนสูงจริงๆ ควรจะต้องถือไว้เกิน 5 ปี ขึ้นไป แต่มันก็มีพันธบัตรที่มีระยะเวลาถือสั้นกว่า ประมาณ 1-3 ปี ให้เลือกอยู่ค่ะ ซึ่งแบบถือสั้นก็จะทำให้เรามีเงินก้อนเร็วขึ้น แต่ดอกเบี้ยอาจจะไม่ได้มากมายเท่าไหร่นั่นเอง

พันธบัตรรัฐบาล ไม่ได้มีขายทั้งปี ต้อง ติดตามข่าวสาร เอาเองว่าจะเปิดขายตอนไหน ส่วนดอกเบี้ยก็ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ด้วย และบางครั้งก็หาซื้อยากหน่อย เพราะต้องเข้าไปประมูลกับรัฐบาลโดยตรง แต่บางธนาคารก็มีพันธบัตรออมทรัพย์ ออกมาให้นักลงทุนรายย่อยแบบเราๆ เหมือนกันนะคะ

การลงทุนระยะสั้น 4

4.กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

ความเสี่ยง : 3.5 ดาว
ผลตอบแทน : 3 ดาว

กองทุนตราสารหนี้ คือ กองทุนที่นำเงินของเราไปลงทุนกับตราสารหนี้ต่างๆ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร หุ้นกู้ หรือตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งมีให้เลือกทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น สามารถเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่หลักพัน โดยจะให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 3-5% ต่อปี ซึ่งถ้าเราเลือกกองทุนที่สามารถซื้อขายได้ทุกวัน เราก็สามารถซื้อวันนี้ ขายพรุ่งนี้แล้วเอาเงินก้อนมากอดได้สบายเลยค่ะ

วิธีนี้ ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า การลงทุนกับตราสารหนี้โดยตรง แต่ก็มีความเสี่ยงมากกว่าด้วย เพราะ มูลค่าตราสารหนี้ในกองทุน จะมีการปรับราคา และมูลค่าของตราสารหนี้ในกองทุนเป็นประจำ ซึ่งจะทำให้มูลค่าของกองทุนมีการขึ้นลงได้ตลอดเวลา คนจึงไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่


การลงทุนระยะสั้น 5

5.กองทุนตลาดเงิน (MMF)

ความเสี่ยง : 3 ดาว
ผลตอบแทน : 2 ดาว

กองทุนตลาดเงิน เป็นอีกหนึ่งการลงทุนระยะสั้นที่น่าสนใจมาก เพราะมันคือ กองทุนที่ลงทุนในเงินฝากของธนาคารทั้งในและต่างประเทศ ตั๋วเงิน รวมถึงตราสารหนี้ต่างๆ ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี ซึ่งถือเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเกือบเท่าการฝากเงินเลย แต่ผลตอบแทนของมันก็ยังถือว่าคุ้มค่ามาก เฉลี่ยอยู่ที่ 1-1.4% ต่อปี ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่ม แถมขายได้ตลอดเวลา แล้วรอรับเงินในวันทำการถัดไปทำให้เรามี สภาพคล่องสูง มากเลยทีเดียวค่ะ

การลงทุนแบบนี้ ให้ผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินไว้เฉยๆ แต่ก็ยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่นๆ เพราะผลตอบแทนมันก็ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยในตลาดด้วยนั่นเอง จึงเหมาะกับการเป็นกองทุนพักเงินมากกว่าสร้างกำไรค่ะ


การลงทุนระยะสั้น 6

6.เล่นหุ้น

ความเสี่ยง : 5 ดาว
ผลตอบแทน : 4 ดาว

การเล่นหุ้น เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก รุ่งก็รุ่ง ร่วงก็ร่วงและยังต้องใช้ความชำนาญค่อนข้างสูงด้วย แต่ผลตอบแทนที่ได้รับมันก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เช่นกันค่ะ

โดยกำไรจาก การเล่นหุ้น จะมากจะน้อย มันก็ขึ้นอยู่กับตัวหุ้นและจำนวนเงินที่เราทุ่มลงไป ซึ่งการลงทุนหุ้นระยะสั้น มักจะเป็นเป็นการลงทุนกับหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเราพอจะมีเวลาสักหน่อย จะเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำลงมาก็ได้ แต่ผลตอบแทนก็อาจจะต้องน้อยลงมาเช่นกัน การลงทุนแบบนี้ จึงเหมาะกับคนที่กล้าได้กล้าเสียเท่านั้นนะคะ

การลงทุนระยะสั้นๆ แบบนี้ ถ้าหากต้องการเงินก้อนโตไวๆ คุณอาจจะต้องใช้เงินลงทุนเยอะ และเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงหน่อย เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า แต่ถ้าคุณเลือกจะลงทุนควบคู่ไปกับ วิธีการออมเงินอื่นๆ ด้วย ก็สามารถลือกการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำลงมาได้ เพื่อการันตีผลตอบแทนที่จะได้รับค่ะ

จะเลือกวิธีไหน ก็ตามแต่ใจของคุณต้องการเลย ที่สำคัญอย่าลืมศึกษาความเสี่ยง และผลตอบแทนของการลงทุนแต่ละแบบให้ดีก่อนนะคะ อย่าหาว่า rabbit finance ไม่เตือนนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก  rabbitfinance.com


 ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,150.00 19,050.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,650.00 18,707.44 1,234.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,389.64 1,279.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,836.70 1,110.60
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,965.95 987.20
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,413.80 555.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,549.12 432.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05 28.05
แก๊สโซฮอล์ 91 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78 27.78
แก๊สโซฮอล์ E20 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04
แก๊สโซฮอล์ E85 20.19 20.19 20.19 20.19
เบนซิน 95 35.46 35.91 36.46 35.66 35.26 35.66
ดีเซล 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.39 31.66 32.16 31.66 31.66
แก๊ส NGV 16.13 16.13

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า