รถไฟปฎิบัติการยึดคืนที่”สถานีแม่น้ำ”เดดไลน์ไล่ฟ้องผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ 2 เดือน คิวต่อไปกาญจนบุรี 1,610 ไร่
นายสมยุทธิ์ เรือนงาม รองผู้อำนวยการฝ่ายด้าน ปฏิบัติการ ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า พื้นที่บริเวณสถานีแม่น้ำเป็นที่ดินของ ร.ฟ.ท. โดยมีพื้นที่ทั้งสิ้น 260 ไ่ร่ เดิมบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เช่าพื้นที่บางส่วนสำหรับทำคลังเก็บน้ำมัน โดยลงนามในสัญญเช่าเมื่อ 2 พ.ค. 2536 และเมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าก็ได้คืนพื้นที่เช่าครบถ้วนแล้ว
แต่ปัจจุบันพบว่า พื้นที่สถานีแม่น้ำถูกบุกรุกเข้าใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต คิดเป็นเนื้อที่ 86 ไร่ หรือร้อยละ 33 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยจากการสำรวจพบว่ามีการนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์ในหลายลักษณะ ได้แก่ ทำลานจอดรถบรรทุก, กองเก็บวัสดุก่อสร้างและบ่อคอนกรีต, ที่พักคนงาน, กองขยะขนาด 1 ล้านคิว, ที่พักคนงาน, กองเก็บทรายและหิน, อู่ซ่อมรถ และที่เก็บเครื่องจักรขนาดใหญ่
วันนี้จึงเป็นการมาสำรวจทั้งผู้ที่จะหมดสัญญาเช่า, ผู้บุกรุกที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี และผู้บุกรุกที่ศาลมีคำสั่งตัดสินแล้ว แต่ยังไม่ขนย้ายของออกไป โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทเอกชนและนิติบุคคลที่เข้ามาบุกรุก ส่วนสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่เป็นตู้สินค้าคอนเทนเนอร์, บ้านชั้นเดียวแบบน็อกดาวน์ (บ้านสำเร็จรูป) และเพิงสังกะสีที่พักคนงาน
เรื่องคดีความ ขณะนี้แจ้งความดำเนินคดีอาญาไปแล้ว 16 ราย แบ่งเป็นคดีบุกรุก 15 คดี และปลอมแปลงเอกสารสัญญาเช่า 1 คดี และเป็นการฟ้องแพ่ง 5 ราย รวมมูลค่าความเสียหายที่ฟ้องร้อง 23 ล้านบาท ในส่วนของคดีแพ่งศาลจะนัดพิจารณาคดีนัดแรกวันที่ 12 ก.พ. 2562 นี้ ส่วนคดีอาญา ในวันที่ 30 พ.ย.ทางผู้บุกรุกบางส่วนขอเจรจากับ ร.ฟ.ท.ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ
นายสมยุทธิ์กล่าวต่อว่า การดำเนินการดังกล่าว ได้ลงพื้นที่สำรวจกันตั้งแต่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยบอร์ดการรถไฟสั่งการให้ดำเนินการสำรวจ แจ้งความ และผลักดันผู้บุกรุกให้ออกไปพื้นที่ภายใน 2 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องรอผลคดีแพ่งซึ่งใช้เวลา 7-8 เดือนกว่าจะมีผลตัดสิน เมื่อดำเนินการผลักดันผู้บุกรุกออกไปจากพื้นที่ได้แล้ว ก็จะต้องดำเนินเคลียร์พื้นที่บุกรุกภายใน 1 ปี เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่ ร.ฟ.ท.จะนำพื้นที่นำไปเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาลงทุนต่อไป
เมื่อดำเนินการในส่วนสถานีแม่น้ำเสร็จแล้ว หลังจากนี้จะไปดำเนินการต่อที่บริเวณ จ.กาญจนบุรี รวม 1,610 ไร่ แบ่งเป็นโซนสะพานข้ามแม่น้ำแคว 540ไร่ และบริเวณใกล้กับน้ำตกไทรโยค 1,070 ซึ่งประสบปัญหาการบุกรุกของชนกลุ่มน้อย (มอญ-กะเหรี่ยง) และการเข้าพื้นที่ทำประโยชน์ของผู้ประกอบการรายใหญ่ ส่วนหลังจากดำเนินการแล้ว จะนำพื้นที่ทั้ง 2 ไปดำเนินการอะไรต่อนั้น เป็นเรื่องที่บอร์ด ร.ฟ.ท.จะพิจารณาอีกที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันพื้นที่สถานีแม่น้ำทั้ง 260 ไร่ สามารถตีมูลค่าที่ดินตามการประเมินของกรมธนารักษ์ได้ทั้งสิ้น 13,000 ล้านบาท (คิดเป็นไร่ละ 25 ล้านบาท และตารางวาละ 62,500 บาท) ส่วนอัตราค่าเช่าของ ร.ฟ.ท.ในปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 825 บาท/ตารางเมตร/ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
สกว. ผนึกพลัง 3 สมาคมวิชาชีพ ยกระดับประสิทธิภาพระบบขนส่งทางราง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ผนึก 3 สมาคมวิชาชีพหลักด้านการผังเมือง อสังหาริมทรัพย์ และด้านวิศวกรรม บรรลุข้อตกลงร่วมมือยกระดับศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรางและการพัฒนาเมือง สนับสนุนไทยเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจและการขนส่งทางรางของเอเซีย จับตาเคทีหารือ ปตท. ปรับโฉมฟีดเดอร์เชื่อมสถานีกลางบางซื่อ
นายฐาปนา บุณยประวิตร นายกสมาคมการผังเมืองไทย เปิดเผยว่า สมาคมการผังเมืองไทย ร่วมกับสมาคมวิศวกรรมการขนส่งทางรางไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้การสนับสนุนโดยโครงการการศึกษากลไกเชิงพื้นที่โดยการวางแผนและการออกแบบเมืองอย่างชาญฉลาด เพื่อยกระดับทางเศรษฐกิจและสังคม (SG-ABC) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้จัดประชุมเรื่อง “รางสร้างเมือง เมืองสร้างราง ฉลาดยั่งยืน” เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561
โดยจุดมุ่งหมายการจัดงานเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านการผังเมือง ด้านวิศวกรรมขนส่งทางราง และด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ บูรณาการศาสตร์การพัฒนาที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรางกับการผังเมือง การพัฒนาเมือง และการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพื่อหารูปแบบความร่วมมือยกระดับศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สนับสนุนนโยบายแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายรัฐบาลในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
ทั้งนี้ การบูรณาการศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานและการผังเมือง ประกอบด้วย การวิเคราะห์หาความเชื่อมโยงของระบบขนส่งทางรางกับการวางผังเมืองของโครงข่ายหลัก การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายหลักด้วยระบบขนส่งมวลชนรอง (Feeder System) การเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อโครงข่ายหลักและโครงข่ายรอง (Connectivity) การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการเข้าถึง (Accessibility) สถานีขนส่งทางรางและโหมดการเดินทางประเภทต่าง ๆ การพัฒนาพื้นที่รอบสถานี (TOD) จำแนกตามประเภทกิจการเชิงพาณิชย์ การสนับสนุนกิจการขนส่งทางรางและกิจการเชิงพาณิชย์ด้วยระบบสิทธิประโยชน์ (Incentive Financing) และการบริหารจัดการเมือง ย่าน และโครงการ TOD ด้วยข้อกำหนด (Codes) และระบบสนับสนุนด้วยนโยบายสาธารณะ
ด้าน นายนคร จันทศร อดีตรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นจะต้องหลีกหนีกับดักการสนับสนุนการลงทุนโครงข่ายถนนที่ส่งเสริมการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศผู้นำเศรษฐกิจโลก เช่น ญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ ต่างหันมาลงทุนระบบการขนส่งทางรางและสร้างอุปสรรคในการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล นอกจากนั้น ในประเภทการขนส่งสินค้า ประเทศเหล่านั้นได้สนับสนุนการขนส่งสินค้าทางรางเพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่ง สำหรับประเทศไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทบทวนรูปแบบนโยบายและแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับการขนส่งที่ไม่สร้างปัญหาด้านมลภาวะและสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางถนน
“หลายพื้นที่เห็นการเปลี่ยนแปลง จะน่าอยู่หรือไม่ แต่ไม่ควรปล่อยให้ภาคเอกชนพัฒนาเมืองอย่างไร้ขอบเขต รัฐควรเป็นเจ้าภาพในทุกมิติ กำหนดกระบวนการดำเนินการ 3 ระยะ พร้อมเร่งอินทิเกรตแผนการใช้ที่ดินกับการขนส่งไทยที่ยังไม่ชัดเจน วางแผนโดยเอาวิถีชีวิตของคนเป็นเกณฑ์ เร่งพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อเป็นทางเลือกการเดินทางว่าทำอย่างไรบ้าง สังคมต้องการเดินทางที่หลากหลาย สนองตอบคนต้องการคนเหล่านี้ได้อย่างไร”
นอกจากนั้น ยังได้จัดให้มีการเสวนาร่วมเรื่อง ” รางเปลี่ยนเมืองสู่ศูนย์เศรษฐกิจระดับโลก” โดยนายกิติศักดิ์ อร่ามเรือง ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นวิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครกำลังวางแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งมวลชนและการขนส่งทางรางอย่างขนานใหญ่ ทั้งด้วยการลงทุนเอง เช่น การขนส่งทางน้ำด้วยเรือไฟฟ้าในคลองแสนแสบ หรือ การสนับสนุนให้เอกชนลงทุนหรือขยายการลงทุน เช่น รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งจะเป็นการลงทุนทั้งโครงข่ายหลักและโครงข่ายรอง พร้อมสนับสนุนการพัฒนาระบบการเข้าถึงสถานีด้วยการมีส่วนร่วมกับภาคเอกชนหรือกับเจ้าของที่ดิน ซึ่งในอนาคต กรุงเทพมหานครกำลังเดินหน้าสู่การพัฒนาสู่ความเป็นมหานครสีเขียวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเติบโตด้วยเศรษฐกิจสีเขียว
“เคทีรับมอบหมายรับจ้างจาก กทม. ไปดำเนินการรับบริหารจัดการเดินรถสายสีเขียว โดยมหาดไทย มีคณะกรรมการกำกับการเดินรถสายสีเขียว โครงการนี้ ‘บีทีเอส’ เอกชนลงทุนเอง เดินรถ 30 ปี โดยในปี 2572 จะครบสัญญา และ กทม. มีนโยบายให้ต่ออายุสัมปทานต่อไป
ล่าสุด ได้รับมอบหมายโครงการรถไฟสายสีทองมาดำเนินการโครงการนี้ไอคอนสยาม ใช้สื่อประชาสัมพันธ์บนสถานีแลกเปลี่ยน 30 ปี โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของ กทม. และคาดว่าจะมีแทรมนำร่องในอนาคต ช่วงแรกใช้รถอีวีบัสให้บริการก่อน แล้วใช้ระบบรางในภายหลัง พร้อมกับจะคุยกับ ปตท. เดินรถบางซื่อ เส้นทางรอบในสวนสาธารณะโซนบางซื่อ จตุจักรที่ กทม. บริหารจัดการ จะปรับให้ฟุตบาทกว้างขึ้น แล้วใส่แทรมลงไป เชื่อมสถานีกลางบางซื่อ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม”
ด้าน นายมารุต ศิริโก ประธานกรรมการบริษัท เอเอ็มอาร์เอเซีย จำกัด ผู้บริหารร่วมรถไฟฟ้าสายสีทองและผู้เชี่ยวชาญระบบควบคุมระบบรถไฟฟ้า กล่าวว่า บริษัทวิศวกรรมของไทยมีศักยภาพในการพัฒนาทางเทคนิครองรับการขยายตัวของการขนส่งทางราง ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่ขนส่งสินค้า เพียงแต่รัฐควรออกแบบสภาพแวดล้อมการลงทุนให้มีความเหมาะสม เปิดโอกาสให้วิศวกรไทยได้แสดงความเชี่ยวชาญในการออกแบบและติดตั้งที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง
นายนพดล ธรรมวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สระบุรีพัฒนาเมือง จำกัด กล่าวว่า เมืองจำเป็นจะต้องขับเคลื่อนด้วยการขนส่งทางราง ทั้งการขนส่งสินค้าและการเดินทางของประชาชน แต่ต้องปรับปรุงระบบผังเมืองให้สอดคล้องกับการพัฒนา กรณีของจังหวัดสระบุรี แม้จะชัดเจนว่า จะมีสถานีรถไฟความเร็วสูงแต่พื้นที่โดยรอบสถานีปัจจุบันยังผังเมืองรวมยังกำหนดเป็นสีเขียวซึ่งไม่สามารถชี้ทิศทางให้มีการพัฒนาเชิงพาณิชย์รองรับการพัฒนา TOD ได้
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย รองคณบดี วิทยาลัยปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า กทม. ฟีดเดอร์ยังไม่มี รถเมล์ยังไม่เพียงพอ ส่วนขอนแก่นจำเป็นต้องมีเพื่อให้อยู่รอดได้ โดยระบบรางเป็นเครื่องมือดังกล่าว หลายจังหวัดเมืองมีพื้นที่เพียงพอสำหรับคน แต่ไม่เพียงพอสำหรับรถยนต์ ในเร็ว ๆ นี้จะเริ่มใช้เทศบัญญัติขนส่งมวลชนที่ขอนแก่ พัฒนารถราง ระยะทาง 4 กม. รอบบึงแก่นนคร
สำหรับ นายดิสพล ผดุงกุล นายกสมาคมวิศวกรรมระบบการขนส่งทางรางไทย กล่าวว่า ระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ของไทยพัฒนาไปมาก โดยแผนงานของสมาคมในระยะต่อไปจะให้ความสำคัญต่อการเตรียมกำลังคนให้สอดคล้องกับการขยายตัวของกิจการขนส่ง และจะนำเสนอเพื่อแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบบขนส่งทางรางต่อรัฐบาล
ผศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่าย ABC สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) กล่าวว่า ระบบรางสร้างเมืองได้มากน้อยแค่ไหน เกิดเป็นชุมทางให้บริเวณนั้น ๆ เกิดการพัฒนาและการลงทุนโดยรอบ ระบบรางเป็นส่วนหนึ่งของระบบประจำทาง
โดยการจัดงานครั้งนี้มีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักปลัดกระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมธนารักษ์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ การเคหะแห่งชาติ ภาคเอกชน เช่น บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด บริษัท เอเซี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด บริษัท เอเอ็มอาร์เอเซีย จำกัด บริษัท รีเจียนนอล ทรานซิท โคเปอร์เรชั่น จำกัด (RTC) พร้อมด้วยผู้แทนองค์กรภาคประชาชน และสื่อมวลชน รวมจำนวน 102 คน ร่วมในงานสัมมนา
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ชาวปากน้ำเฮ! นั่งฟรีรถไฟฟ้าบีทีเอส”แบริ่ง-สมุทรปราการ”ถึง16เม.ย.ปีหน้า”อัศวิน”ลั่นเก็บค่าตั๋วทั้งโครงข่ายไม่เกิน65บาท
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า วันที่ 27 พ.ย.2561 ที่ผ่านมาได้ตรวจเยี่ยมและตรวจสอบความพร้อมก่อนเปิดทดลองให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จะเปิดให้บริการในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ โดยไม่เก็บค่าโดยสารถึงวันที่ 16 เม.ย.2562 จากนั้นเก็บค่าโดยสารตามระยะทางในอัตรา 16-65 บาท
โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นโครงการรถไฟฟ้าแบบยกระดับตลอดเส้นทาง ระยะทาง 13 กม. จำนวน 9 สถานี เป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ แนวเส้นทางเริ่มต้นต่อเนื่องจากแนวเส้นทางของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร บีทีเอสส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทตอนที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง บริเวณซอยสุขุมวิท 107 ไปตามแนวเกาะกลางถนนสุขุมวิท ผ่านคลองสำโรง
ผ่านแยกเทพารักษ์ แยกปู่เจ้าสมิงพราย เมื่อถึงบริเวณจุดตัดกับโครงการถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้ แนวจะเปลี่ยนจากเกาะกลางไปทางทิศตะวันตกของถนนสุขุมวิท เพื่อข้ามทางต่างระดับสุขุมวิท จากนั้นจึงเปลี่ยนกลับมาอยู่ในแนวเกาะกลางถนนสุขุมวิท ผ่านแยกศาลากลาง แยกการไฟฟ้า แยกแพรกษา แยกสายลวดจนถึงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าย่อยบางปิ้ง โดยแนวเส้นทางจะเบี่ยงออกทางด้านทิศตะวันตกและลดระดับเพื่อเข้าศูนย์ซ่อมบำรุง
ในส่วนการก่อสร้างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เริ่มการก่อสร้างงานโยธาและงานรางตั้งแต่ต้นปี 2555 จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยประมาณต้นปี 2560 จากนั้นกรุงเทพมหานครได้เริ่มเข้าดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลเมื่อเดือน ต.ค. 2559 และสามารถเปิดเดินรถได้ 1 สถานี ที่สถานีสำโรง ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2560 ที่ผ่านมา
หลังจากนั้น กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลในส่วนที่เหลือทั้งหมด รวมทั้งได้ทำการทดสอบอุปกรณ์ต่างๆ และทดสอบการเดินรถเสมือนจริงในเดือน ต.ค.-พ.ย.2561 เพื่อให้มั่นใจว่าระบบมีความพร้อมและมีความปลอดภัยสำหรับการเปิดใช้งานให้บริการแก่ประชาชน
สำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงของโครงการมีพื้นที่ประมาณ 123 ไร่ ในพื้นที่ประกอบด้วย อาคารบริหารและศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการเดินรถ อาคารซ่อมบำรุงหลัก อาคารจอดรถไฟฟ้า รางทดสอบ และอาคารประกอบอื่นๆ นอกจากนี้ รฟม.ได้จัดให้มีอาคารจอดรถแล้วจร 1 แห่ง ตั้งอยู่บริเวณสถานีเคหะสมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานีปลายทางเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ สามารถจอดรถรวมกันได้ประมาณ 1,200 คัน
ทั้งนี้กรุงเทพมหานครได้เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสายใต้ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ โดย บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอสซีผู้รับจ้างติดตั้งระบบและเดินรถได้ทดสอบการเดินรถอย่างต่อเนื่อง ทั้งใช้รถขบวนเก่าและรถขบวนใหม่ 3 ขบวน เพื่อให้ประชาชนทดลองใช้ฟรี 4 เดือน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00 น.
ส่วนการเก็บค่าโดยสารจะเร่งหารือบีทีเอสเพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสาร ในเบื้องต้นกรุงเทพมหานครมีนโยบายให้เพดานค่าโดยสารทั้งโครงการส่วนแรกในสายสุขุมวิทและสีลมและส่วนต่อขยายสูงสุดไม่เกิน 65 บาท ซึ่งต้องได้ข้อสรุปก่อนเปิดเดินรถจริงในเดือน เม.ย.2562 หลังการทดลองเสร็จสิ้น
ส่วนการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เรื่องการจำหน่ายและโอนทรัพย์สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทางรวม 32 กม. งบประมาณ 51,785 ล้านบาท กับ รฟม. ขณะนี้ร่างลงนามเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะให้เสร็จเรียบร้อยก่อน เปิดเดินรถในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ โดยต้องโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้แล้วเสร็จในเดือน มี.ค.2562 ก่อนเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
2563 เปิดทุกบัญชีเลี่ยงภาษีนอนคุกแน่ “A fine is a tax for doing wrong. A tax is a fine for doing well.” Mark Twain
“นี่มันเอาภาษีชั้นไปทำบ้าอะไรเนี่ย” “ผมจ่ายภาษีนะคุณทำไมจะไม่มีสิทธิ!” เปล่าครับไม่ใช่คำแปลภาษาอังกฤษจากข้อความข้างต้นแต่ความหมายไม่ได้ต่างอะไรกันเท่าไหร่นัก
เข้าเรื่องเลย นะครับ
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าต้นปีหน้า กฎหมายที่กำหนดให้ทุกสถาบันการเงินจะต้องมีหน้าที่นำส่งรายการเงินเข้าออกของลูกค้าทุกบัญชีที่เข้าเงื่อนไขตามที่กำหนดให้กรมสรรพากรจะเริ่มมีผลบังคับใช้ “แน่นอน”
แปลว่า ใครก็ตามที่ มีบัญชีกับสถาบันการเงินที่
มียอดฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 3000 ครั้งขึ้นไปต่อปี(นับจำนวนครั้ง)
ยอดฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 200 ครั้งขึ้นไปและมียอดรวมตั้งแต่ปีละ 2 ล้านบาทขึ้นไป (จำนวนครั้ง + ยอดเงิน) เฉลี่ยเดือนละ 17 ครั้ง หรือ 1.7 แสน
สถาบันการเงินต้องส่งข้อมูลไปกรมสรรพากร กรมสรรพากรจะเรียกบุคคลคนดังกล่าวเข้าไปให้การชี้แจงที่มาของเงิน หากไม่สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจนจะถูกประเมินรายได้ใหม่และคำนวณการเสียภาษีเงินได้ที่ต้องจ่ายย้อนหลังพร้อมค่าปรับมโหฬารและอาจจะโดนคดีอาญาอีกด้วย
ไม่ต้องสนใจประเภทธุรกิจ จะออนไลน์ ออฟไลน์ เลี่ยงไลน์ ไซด์ไลน์ไหนก็ตาม ธุรกิจใต้ดินปล่อยกู้นอกระบบ ธุรกิจพนัน ธุรกิจหวย ขายอวัยวะ ฯลฯ
พอเห็นภาพและเข้าใจกันได้อยู่แล้วเนอะครับ
จากเหตุการ์ณที่กำลังจะมาถึงข้างต้น ธุรกิจที่กำลังจะมาแรงอย่างแน่นอนเปิดร้านออนไลน์ลงทะเบียนทันทีและน่าจะขายดีก็คงเป็นธุรกิจขายโอ่งฝังดินแบบตุ่มออกแบบให้มีที่ขุดหยิบจับง่ายไว้พร้อมเก็บรักษาป้องกันความชื้นในการเอาเงินไปฝังดินไว้นะครับ เพราะโอนเงินไปต่างประเทศรึหอบเงินสดไปไม่คุ้มแน่นอน
สถาบันการเงินรึแบงก์ต้องยื่นภายใน มีนาคม 2563
โทษปรับเงินในการเลี่ยงไม่ชี้แจง 1 แสนบาทเท่านั้นครับ แค่ว่าหลังจากนั้นจะโดนปรับเงินวันละ 1 หมื่นบาท
ปกติ การหลีกเลี่ยงภาษีอากร พยายามหลีกเลี่ยงภาษีอากร หรือฉ้อโกงภาษีอากๅร หรือขอคืนภาษีโดยความเท็จโดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน เช่น กรณีตามมาตรา 37 มาตรา 37 ทวิ และมาตรา90/4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นความผิดอาญาตามประมวลรัษฎากรอยู่แล้ว แต่การกระทำดังกล่าวยังถือเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและการปราบปรามการฟอกเงินอีกประการหนึ่งด้วย ซึ่งการกำหนดให้อาชญากรรมเกี่ยวกับภาษีอากรเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและการปราบปรามการฟอกเงิน โทษเยอะแยะมากมายยิ่งกว่าจำนวนดวงดาวเลยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com
10 อย่างที่ “ควรโยนทิ้ง” แล้วชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น
“ความสุข” ไม่ใช่เป้าหมาย แต่มันคือความรู้สึกของเรา ที่เราสามารถเลือกได้ ควบคุมได้ แต่หลายๆ คนมักจะลืม หลายๆ คนไขว่คว้าหาความสุขมาทั้งชีวิต แต่หารู้ไม่ว่ามันอยู่ที่การปรับมุมมองของเราในชีวิตเท่านั้นเอง…
และนี่คือ 10 อย่างที่ “ควรโยนทิ้ง” แล้วชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น
1. ทิ้ง “ความอิจฉา” เมื่อคุณเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นๆ มันจะดีก็ต่อเมื่อ มันเป็นแรงบันดาลใจให้คุณในการแข่งขัน และพัฒนาตัวเอง แต่มันจะเริ่มไม่ดี ถ้าความสำเร็จของคนอื่นทำให้คุณรู้สึกริษยา และไม่สามารถยินดีกับคนนั้นได้ นี่จะทำให้คุณทุกข์เอง
2. ทิ้ง “ความกลัวที่จะเปลี่ยน” หลายๆ ครั้ง แม้สถานการณ์ปัจจุบันมันจะแย่แค่ไหน คนเราก็ไม่อยากที่จะเปลี่ยน กลัวที่จะเปลี่ยน เพราะกลัวสิ่งใหม่ มากกว่า แต่คุณหารู้ไม่ว่า บางที่สิ่งใหม่มันอาจจะดีกว่าสิ่งที่คุณเจออยู่มากมายก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น กล้าที่จะเปลี่ยนเถอะ
3. ทิ้ง “ความคิดที่ว่า ทุกอย่างต้องอยู่ในความควบคุม” คนจำนวนไม่น้อย ชอบความเป๊ะ ชอบให้ทุกอย่างอยู่ในความควบคุม เป็นไปตามแผน แต่พอมันไม่เป็นไปตามนั้น ก็จะทุกข์ เพราะฉะนั้น ปล่อยวาง ทำให้เต็มที่ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็รับมันซะ ไม่มีอะไรที่เราควบคุมได้หมดจริงๆ หรอก
4. ทิ้ง “การทำงานที่มากเกินไป โดยเฉพาะ OT” เพื่อความสำเร็จ เพื่อหน้าที่การงาน หรือเพื่อเงิน ทำให้หลายๆ คนทำงานหนัก หนักเกินกว่าที่ควรจะเป็น เพิกเฉยความสำคัญของสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิต นี่ไม่ควรเลย เพราะสุดท้าย เมื่อคุณสำเร็จจริงๆ คุณจะเสียดายในหลายๆ อย่างที่คุณเสียไป และเอากลับคืนมาไม่ได้ อย่างเช่น เวลา หรือครอบครัว
5. ทิ้ง “การโทษคนอื่น หรือสิ่งอื่น” หลายๆ คน เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น จะต้องหาสิ่งของ หรือ คนมารับผิดชอบให้ได้ ต้องโทษนู่น โทษนี่ตลอดเวลา เปลี่ยนจากแบบนั้น มาเป็นการนั่งมองที่ปัญหา และช่วยกันแก้ไขดีกว่านั้น
6. ทิ้ง “การบ่น หรือตำหนิตลอดเวลา” แทนที่จะบ่น ตำหนิ เรื่องไม่ดี ที่ไม่ได้ดั่งใจเราตลอดเวลา เปลี่ยนมุมมองใหม่ เป็นการตั้งสติ มองว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร และแก้ไขอย่างไร แบบนี้คุณจะมีความสุขขึ้นเยอะเลย
7. ทิ้ง “ความคิดที่ว่าจะต้องถูกเสมอไป” สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง การที่ต้องมานั่งเครียด กลัวว่าเราจะไม่ “สมบูรณ์แบบ” นั้น มันทำให้คุณไม่มีทางมีความสุขได้เลย ปล่อยวาง และยอมรับในธรรมชาติของมนุษย์เสียเถอะ
8. ทิ้ง “ความเชื่อที่จำกัดความสามารถคุณ” บางคนมักมีความเชื่อที่ว่า เราทำนู่นไม่ได้ ทำนี่ไม่ได้ เราทำได้แค่นี้แหละ พอแล้ว ความคิดเหล่านี้ เป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในชีวิต ที่จะทำให้เราไม่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก หรือท้าทายไปสู่ความสำเร็จจริงๆ
9. ทิ้ง “เพื่อนแย่ๆ” มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และได้รับอิทธิพลจากคนรอบข้างค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้น อยากเป็นคนแบบไหน การคบเพื่อนคือเรื่องสำคัญ ถ้าเพื่อนดี คุณก็ดีไปด้วย ถ้าเพื่อนไม่ดี คุณก็พลอยแย่ไปด้วยนั่นเอง
10. ทิ้ง “อดีต” อดีต คือประสบการณ์ที่มีทั้งดี และไม่ดี มันคือสิ่งที่สร้างตัวตนของเราขึ้นมา แต่มันไม่ควรเป็นสิ่งที่รวบรวมความเสียใจในอดีต และทำให้คุณก้าวไปไหนไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้ามันเป็นแบบนั้น ปล่อยวาง และทิ้งมันไปบ้างก็ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก verrysmilejung.com
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคาขาย/บาท |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% |
19,050.00 |
18,950.00 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
19,550.00 |
18,616.48 |
1,228.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
n/a |
19,298.68 |
1,273.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
n/a |
16,754.83 |
1,105.20 |
ทองรูปพรรณ 80% |
n/a |
14,893.18 |
982.40 |
ทองรูปพรรณ 50% |
n/a |
8,383.48 |
553.00 |
ทองรูปพรรณ 40% |
n/a |
6,518.80 |
430.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561
|
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
แก๊สโซฮอล์ 95 |
28.05 |
28.05 |
28.05 |
28.05 |
28.05 |
28.05 |
28.05 |
28.05 |
28.05 |
28.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 |
27.78 |
27.78 |
27.78 |
27.78 |
27.78 |
27.78 |
27.78 |
27.78 |
27.78 |
27.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 |
25.04 |
25.04 |
25.04 |
25.04 |
25.04 |
– |
25.04 |
25.04 |
25.04 |
25.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 |
20.19 |
20.19 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.19 |
20.19 |
– |
เบนซิน 95 |
35.46 |
– |
– |
– |
35.91 |
– |
36.46 |
35.66 |
35.26 |
35.66 |
ดีเซล |
27.79 |
27.79 |
27.79 |
27.79 |
27.79 |
27.79 |
27.79 |
27.79 |
27.79 |
27.79 |
ดีเซลพรีเมี่ยม |
31.39 |
31.66 |
31.66 |
31.66 |
31.66 |
– |
– |
– |
– |
– |
แก๊ส NGV |
16.13 |
16.13 |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |