ก่อสร้างไทยขาขึ้น รัฐหนุนยกระดับการแข่งขัน
ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในปี 2561 ถือว่าตลาดคึกคักเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีปริมาณงานก่อสร้างออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตต่อเนื่องตลอดช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา เห็นได้จากตัวเลข 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ มูลค่าก่อสร้างมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 9.48 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 จำนวน 4.18% ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นงานจากภาครัฐ 5.27 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 3.17% ส่วนงานภาคเอกชน 4.18 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.49%
จักรพร อุ่นจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในช่วงไตรมาสแรกปี 2561 งานก่อสร้างของภาครัฐจะติดลบ 0.15% เนื่องจากมีงานก่อสร้างหรือเมกะโปรเจกต์ออกมาค่อนข้างมากในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขในปี 2558 งานก่อสร้างภาครัฐเติบโตขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปี 2557 งานก่อสร้างภาครัฐในปี 2559 เติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 2558 มาในปี 2560 งานก่อสร้างภาครัฐนั้นติดลบ 2.26% ถือเป็นปีที่มีการปรับฐาน
ทั้งนี้ ตัวเลขในปี 2561 ในไตรมาส 2 ตัวเลขงานภาครัฐมีการขยายตัว 4.84% ในช่วงไตรมาส 3 งานภาครัฐขยายตัว 5.03% รวมทั้ง 3 ไตรมาส งานภาครัฐขยายตัว 3.17% ขณะที่งานก่อสร้างภาคเอกชนนั้นมีการขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 6 ไตรมาส ติดต่อกันแต่หากพิจารณาในไตรมาสแรกปี 2561 มีการเติบโตเป็นบวก 4.57% ไตรมาส 2 อยู่ที่ 4.66% ไตรมาส 3 อยู่ที่ 7.24% ตัวเลขงานก่อสร้างภาคเอกชน 3 ไตรมาสเติบโต 5.49% ประเมินว่าทั้งปี 2561 อุตสาหกรรมก่อสร้างจะมีมูลค่า 1.3 ล้านล้านบาท จากปี 2560 มูลค่างานก่อสร้างอยู่ที่ 1.21 ล้านล้านบาท
สำหรับงานก่อสร้างภาคเอกชนที่เติบโตขึ้นนั้นอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม โรงแรม และอาคารสำนักงาน หรือโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส ที่รวมธุรกิจค้าปลีก ส่วนปัญหาแรงงานแม้ว่าจะเริ่มมีการนำเทคโนโลยีการก่อสร้างมาใช้มากขึ้นเพื่อลดการใช้แรงงาน ทำให้ตัวเลขการใช้แรงงานในแต่ละไตรมาสในปีนี้ลดลงไม่มากนัก ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังปี 2561 จะมีการใช้แรงงานมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เห็นได้จากในช่วงไตรมาส 3 งานก่อสร้างของภาคเอกชนออกมาค่อนข้างเยอะ คาดว่าจะใช้แรงงานก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 2.1 ล้านคน
ปัจจัยเสี่ยงในอุตสาหกรรมก่อสร้างนั้นต้องจับตากลุ่มลูกค้าชาวจีนที่มาซื้อที่อยู่อาศัยในเมืองจะมีปริมาณที่ลดลง เนื่องจากปัญหาค่าเงินหยวนและสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่จะกระทบกับการตัดสินใจนำเงินออกมาลงทุนในต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในการก่อสร้าง และนวัตกรรมใหม่ที่นำมาใช้ ซึ่งผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่และรายกลางจะปรับตัวได้ค่อนข้างไวส่วนผู้ประกอบการรายขนาดเล็กจะต้องปรับตัวไปเป็นซับคอนแทรกเตอร์เพื่อรับงานให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่และรายกลาง
จักรพร กล่าวว่า แผนงานของสถาบันการก่อสร้างนั้น จะให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์มาตรฐานผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุและเพื่อคนพิการ โดยร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เหมือนกับเป็นการยกร่างมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จากที่ผ่านมาไม่มีการจัดทำมาตรฐานสินค้าเพื่อผู้สูงอายุและผู้พิการ ปัจจุบันมีสินค้าเพื่อผู้สูงอายุและคนพิการออกมาแล้วจำนวน 14 รายการ มีการขึ้นทะเบียนสินค้าแล้ว 60 ผลิตภัณฑ์ เริ่มจากสินค้าในกลุ่มห้องน้ำ อาทิ อ่างล้างหน้า โถส้วม ก๊อกน้ำ ราวจับ กลอนประตูโถปัสสาวะ เป็นต้น ก่อนที่จะขยายไปยังสินค้าในหมวดอื่นต่อไป โดยสินค้ากลุ่มดังกล่าวนั้นจะมีโลโก้มาตรฐานสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการด้วย
ขณะเดียวกันสถาบันการก่อสร้างยังเน้นการให้ความรู้กับผู้รับเหมาก่อสร้าง แรงงานภาคการก่อสร้าง โดยเฉพาะการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อผู้สูงอายุและคนพิการ รวมไปถึงการวางมาตรฐานการออกแบบที่อยู่อาศัยที่มีผู้สูงอายุ และต้องอยู่อาศัยกับคนในครอบครัวที่จะต้องคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ที่เหมาะสม
นอกจากนี้ยังร่วมมือกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการผลักดันให้เกิดสภาการก่อสร้าง ซึ่งมีการผลักดันกันมานานแต่ยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างมีการเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมใหม่ ปัจจุบันเริ่มมีการยกร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวแล้ว รวมไปถึงการร่วมกับกรมบัญชีกลางในการปรับปรุงราคากลางงานก่อสร้างงานภาครัฐและการรวบรวมข้อมูลงานก่อสร้าง
เหล่านี้คือการยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างและเพิ่มขีดความสามารถคนไทยให้สามารถแข่งขันได้ระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ฮาบิแททเปิดโมเดล ลุยอสังหากว่าหมื่นล.
“พัทยา” ถือว่าเป็นเมืองสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย ด้วยเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนซึ่งนอกจากการเข้ามาท่องเที่ยวในพัทยาจะมีสัดส่วนถึง 25% แล้ว ยังมีความสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ พบว่าในช่วงปี 2559-2560 นักลงทุนจีนมีเป้าหมายการลงทุนอสังหาฯ ในพัทยามาเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่เป้าหมายการลงทุนอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ นั้นจะอยู่ที่อันดับ 6 ในปี 2560 เพิ่มจากปี 2559 ซึ่งอยู่อันดับที่ 8 ทั้งนี้การเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เข้ามาทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่หายไป บวกกับความก้าวหน้าการลงทุนตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พัทยากลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในปี 2562 ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อให้สามารถมีโปรดักต์ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนเปิดตัว 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา หลังจากบริษัทไม่มีสินค้าในพัทยาขายมาหลายเดือน โดยบริษัทมีที่ดินรองรับการพัฒนาทั้ง 7 โครงการแล้ว นอกจากนี้มีแผนร่วมมือกับดีเวลอปเปอร์ญี่ปุ่น รวมทั้งกองทุนในอาเซียน ในการพัฒนาโครงการรวมกันในรูปแบบจอยเวนเจอร์ ซึ่งจะเห็นในโครงการในปีหน้า
ในส่วนของพัทยา มีแผนพัฒนา 2 โครงการในรูปแบบคอนโดรวมทั้งโรงแรมโดยมีเชนระดับโลกเข้ามาบริหาร ทั้งนี้โครงการจะอยู่ในโซนพัทยาเหนือ มูลค่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งเปิดขายให้กับลูกค้าเก่าก่อนและจะมีการเปิดตัวพร้อมขายอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรกปี 2562 ส่วนอีกโครงการจะอยู่ในโซนนาจอมเทียน มูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะเปิดตัวได้กลางปีหน้า ซึ่งโครงการใหม่ที่พัทยาจะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าที่บริษัทเคยพัฒนามาและยังเน้นอสังหาฯ เพื่อการลงทุน ราคาขาย 3-5 ล้านบาท
ชนินทร์ กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ พัทยายังมีความร้อนแรงในหลายพื้นที่ ซึ่งโครงการที่เปิดใหม่มีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 70-80% เช่น วงศ์อมาตย์ เฉลี่ยที่ 90% จอมเทียน 89% พระตำหนัก 80% นาจอมเทียน 70% เป็นต้น ราคาขายไม่เกิน 5 ล้านบาทขายดี
ขณะที่นักลงทุนจีนสนใจซื้ออสังหาฯ ในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ด้านที่ดินหายากและมีราคาแพงขึ้นเฉลี่ย 5-10% ต่อปี โดยเฉพาะติดชายหาด ส่วนธุรกิจโรงแรมในพัทยาพบว่ามีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ประมาณ 78.3%
“บริษัทจะพัฒนาคอนโดและโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่โดยยังยึดโมเดลการลงทุนแบบการันตีการเช่า โดยมีเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับระดับโลกเป็นผู้บริหารและจัดการการเช่า โดยที่ผ่านมามีการการันตีผลตอบแทนจากค่าเช่าในอัตรา 7% ต่อปี ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี โดยผู้ซื้อจะได้รับสิทธิในการเข้าพักในโครงการจำนวน 14 วัน/ปี” ชนินทร์ กล่าว
สำหรับโครงการใหม่ขนาดไซส์โครงการประมาณกว่า 1 ไร่ และสามารถสร้างมูลค่าและผลตอบแทนทั้งเรื่องกำไรส่วนต่างและผลตอบแทนค่าเช่าที่รวมกันแล้วต้องมากกว่า 8-10% ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่สนใจซื้ออสังหาฯ ในพัทยาเป็นกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไปที่ซื้อเพื่อลงทุนมองถึงผลตอบแทนระยะยาว โดยส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นแล้วสนใจที่จะลงทุนอสังหาฯ เพิ่ม
ชนินทร์ กล่าวว่า ส่วนอีก 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท จะอยู่ในกรุงเทพฯ เน้นบนถนนสุขุมวิทแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส 3 สถานีหลักคือ อโศก พร้อมพงษ์ และทองหล่อ โดยจะเห็นแบรนด์ วาลเด้น ในหลายทำเล ราคาขายต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ที่ 2 แสนบาทหรือประมาณ 6-8 ล้านบาท รองรับนักลงทุนทั้งรูปแบบซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและซื้อเพื่อพักอาศัย ทั้งนี้จะมีบริษัท ฮาบิแทท ฮอสพิทอลลิตี้ เป็นผู้ดูแลการบริหารจัดการการเช่าให้แก่นักลงทุน
อย่างไรก็ดี แนวโน้มตลาดคอนโดระดับบนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจอย่างมากทั้งจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และกลุ่มนักลงทุนคนไทยและต่างชาติ ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพในการพัฒนามีค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะที่ดินในย่านสุขุมวิทและที่ดินติดรถไฟฟ้าซึ่งมีความต้องการสูงและราคาที่ดินยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น สุขุมวิท 39 โดยที่ดินในซอยอยู่ที่กว่า 1 ล้านบาท/ตารางวา (ตร.ว.) และในซอยย่อยอยู่ที่ราว 8-9 แสนบาท/ตร.ว. ขณะที่ราคาที่ดินติดถนนสุขุมวิทจะอยู่ที่ 2 ล้านบาท/ตร.ว. ส่งผลต่อราคาคอนโดย่านสุขมวิท 39 สูงขึ้นตาม ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2557-2561) ปรับตัวสูงขึ้นราคาขายเฉลี่ย 1.6 แสนบาท/ตร.ม. เป็น 2.75 แสนบาท/ตร.ม.ในปัจจุบัน
ด้านกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจจากนี้นั้น บริษัทยังให้ความสำคัญกับพัฒนาโครงการบนทำเลศักยภาพอย่างเช่นในพื้นที่กรุงเทพฯ จะเน้นทำเลสุขุมวิทใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอาจเข้าไปในซอยแต่ไม่ลึกมากเพื่อให้สามารถทำราคาขายที่กลุ่มเป้าหมายจับต้องได้
ขณะที่สินค้าต้องมีดีไซน์ที่โดดเด่น รวมทั้งการรวมมือกับพาร์ตเนอร์ระดับโลกในการเข้ามาบริหาร เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขันในตลาด ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเริ่มมีดีเวลอปเปอร์ใช้โมเดลในการพัฒนาสินค้า ดังนั้นต้องวางคอนเซ็ปต์และหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่แตกต่างมาขายในราคาที่เหมาะสม ที่สำคัญอย่าหยุดนิ่งต้องพัฒนาและต่อยอดไปเรื่อยๆ
ชนินทร์ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจในศักยภาพและทำเลของโครงการ รวมถึงทิศทางอสังหา ของไทยในปี 2562 จะยังคงเติบโตในทิศทางบวกจากปัจจัยเสริมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่บริษัท เลือกลงทุนทั้งในพัทยา และโซนซีบีดีกรุงเทพฯ มีการเติบโตและมีดีมานด์สูงต่อเนื่อง รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ขณะที่การลงทุนในอสังหาฯ ของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ จีน ฮ่องกง ซึ่งเติบโตอย่างมีนัยสำคัญมีสัดส่วนถึง 90% ของยอดขายจากลูกค้าต่างชาติ ขณะที่สัดส่วนลูกค้าต่างชาติในพอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 30%
สำหรับปีนี้คาดว่าจะมียอดขายที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท ปัจจุบันมีแบ็กล็อกอยู่ราว 4,000 ล้านบาท โดยปี 2562 ตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 70-100% เนื่องจากมีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปีนี้
รวมสุดยอดนวัตกรรม เพื่อผู้สูงอายุ
เรื่อง : ไรเฟิลเบิร์ด ภาพ : pixabay.com
มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนจากทั่วโลก รวมตัวครั้งใหญ่ จัดงาน “มหกรรมอารยสถาปัตย์และนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 3 (Thailand Friendly Design Expo 2018) เพื่อจัดแสดงสินค้า เทคโนโลยี นวัตกรรม การออกแบบที่เป็นมิตรกับคนทั้งมวล (Friendly Design) เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย ตามแนวคิด “Smart Living for All : คุณภาพชีวิตที่นำสมัยเพื่อคนทั้งมวล” ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 3 .ค. ณ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี หวังยกระดับความพร้อมด้านการลงทุนอารยสถาปัตย์ไทย เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ในอีก 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2564) ด้วยจำนวนผู้สูงวัยมากกว่า 13 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 หรือประมาณ 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศ
ภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดงานครั้งนี้ว่า “สถิติแห่งชาติ มีการสำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย ปี 2560 พบว่ามีจำนวนผู้สูงอายุทั้งสิ้น 11.3 ล้านคน คิดเป็น 16.7% จากจำนวนประชากรทั้งสิ้น 67.6 ล้านคน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่าในปี 2564 ไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุถึง 20 % ทำให้เข้าสู่สังคมคนสูงวัยอย่างสมบูรณ์ และในปี 2574 จะมีจำนวนประชากรถึง 28% ทำให้เข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด
ไม่เพียงแค่สถิติของผู้สูงวัย แต่สถิติของผู้พิการก็ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจเช่นกัน ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้พิการเกือบ 2 ล้านคนซึ่งถือเป็นประชากรเกือบ 3 % ของประเทศไทย เพราะฉะนั้น เราจึงต้องเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ซึ่งเอ็กซ์โปลิงค์ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนางาน Thailand Friendly Design Expo 2018ให้สอดคล้องกับความเป็นสากลมากขึ้น เพราะมีหลายประเทศที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเช่นเดียวกับประเทศไทย และในบางประเทศอย่างญี่ปุ่น ได้ถูกจัดเป็นระดับสังคมสูงวัยระดับสุดยอด การยกระดับงานสู่สากลจึงจะเป็นการได้เปิดรับนวัตกรรมจากต่างประเทศ รวมถึงแสดงอารยสถาปัตย์ไทย สู่อีกหนึ่งทางเลือกของต่างชาติ”
กฤษนะ ละไล ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล กล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานในครั้งนี้ว่า งานนี้ จัดขึ้นเพื่อการรวมพลังทุกภาคส่วนในสังคมให้มาร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็น เมืองอารยสถาปัตย์ ที่คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงได้ ใช้ประโยชน์ได้ สะดวก ทันสมัย ปลอดภัย และเป็น เมืองท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ที่โดดเด่นชัดเจนในเวทีโลก
ถ้าเราทำ 2 อย่างนี้ได้สำเร็จ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อทั้ง คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น มนุษย์ล้อ และครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้รับความสะดวก ปลอดภัย มากยิ่งขึ้น ทั้งในการดำเนินชีวิต และการเดินทางท่องเที่ยว ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม การบริการ และการออกแบบที่เป็นอารยสถาปัตย์ ตามหลักการออกแบบที่เป็นมาตรฐานสากล และเป็นมิตรกับคนทั้งมวล หรือ Friendly Design ซึ่งเราได้รวบรวมมาจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อนำมาจัดแสดงให้ได้ชมกันภายในงานมหกรรมอารยสถาปัตย์ฯ ปีที่ 3 ในครั้งนี้”
ธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก กล่าวว่า “อารยสถาปัตย์เป็นแนวคิดเชิงก้าวหน้า การเสริมความเป็นอารยสถาปัตย์เข้าไปในนวัตกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ในตึกอาคาร บ้านเรือน ตลอดจนสถานที่สาธารณะ หรือระบบขนส่งมวลชนต่างๆ จะทำให้คนทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงการใช้งานได้ ก่อให้เกิดความเท่าเทียม และอิสระในการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพิงผู้อื่น
แนวคิดนี้จะเป็นก้าวสำคัญคอยขับเคลื่อนประเทศไทยให้เข้าใกล้สู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 มากขึ้น สำหรับงาน Thailand Friendly Design Expo ครั้งนี้ ทางกระทรวงฯ ได้จัดพื้นที่รวมรวบแนวความคิดจากทุกโซนในงานมาไว้ในพาวิลเลี่ยนของกระทรวง พ.ม. เพื่อเป็นการจำลองสภาพแวดล้อมสังคมไทยในปัจจุบัน ที่มีนวัตกรรมอันหลากหลายซึ่งช่วยให้การดำเนินชีวิตของผู้พิการ และผู้สูงอายุมีความสะดวกมากขึ้น”
ภายในงาน Thailand Friendly Design Expo 2018 จะมุ่งเน้นการดูแล รักษา ฟื้นฟู และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้พิการ และคนที่ใช้รถเข็น ให้ได้รับความสะดวก สบาย ทันสมัย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในการดำเนินชีวิต รวมถึงการเดินทางพักผ่อนท่องเที่ยว ภายในงานจะแบ่งออกเป็น 5 โซนหลัก ได้แก่ โซนคุณภาพชีวิตที่นำสมัย (Smart Living for All), โซนการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Design for All), โซนการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism for All), โซนอาหารเพื่อคนทั้งมวล (Food for All) และโซนสินค้า (Friendly Design)
ขอบคุณข้อมูลจาก 40plus.posttoday.com
ออมอย่างเดียว ‘ไม่มีวันรวย’
“การออมเป็นฐานแข็งแกร่งของการลงทุน” ท่องประโยคนี้ไว้ให้ขึ้นใจ ในระหว่างที่ออมเงินก็ควรหาความรู้การลงทุนไปด้วย โดยตั้งเป้าให้เป็นการเรียนรู้ไม่มีวันจบ ใครเริ่มต้นเร็ว และทำได้ดี ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งชีวิตความมั่งคั่งรออยู่
การมีเงินออมไม่ว่าจะออม 5% หรือ 10% ของเงินเดือน ก็ต้องเก็บออม ซึ่งดีกว่าไม่มีเงินออมเลย ในยามฉุกเฉินเงินออมช่วยได้เสมอ หรือหากมีฝันอยากซื้อบ้าน อยากซื้อรถ อยากเรียนต่อปริญญาอีกใบ เงินออมก็ช่วยเติมให้ฝันเป็นจริงได้ แต่ถ้าเป้าหมายต่อไปจากนี้คืออยากร่ำรวย เงินออมก็จะช่วยต่อยอดการลงทุน แม้จะเป็นเงินออมก้อนน้อย ก็ออกดอกออกผลกลายเป็นเงินก้อนโตได้ เมื่อถึงเวลาแก่ตัวไปก็ไม่ลำบาก ได้ใช้ชีวิตกินเที่ยวตามใจปรารถนา ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี สุขภาพกายก็ดีไปด้วย และยังมีเงินเหลือแบ่งปันให้ลูกหลานเป็นมรดกได้อีก ซึ่งก็ต้องมีคุณสมบัตินักลงทุน ดังนี้
อย่ายึดติดกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน
อย่ารอที่จะรับแค่เงินเดือนอย่างเดียว แล้วสถานการณ์บางบริษัทก็จัดว่าผีซ้ำด้ำพลอย รับเงินเดือนเท่าเดิม ไม่มีการขึ้นเงินเดือนมาแล้วหลายๆ ปี ใครอยู่ในสถานการณ์นี้ต้องหาเงินจากการทำธุรกิจอื่นๆ ไปด้วย แต่ไม่ใช่คิดการใหญ่ถึงกับการทิ้งงานประจำไปทำ แค่หาช่องทางการทำเงินเพิ่มเท่านั้นเอง การทำธุรกิจที่เราถนัดถือเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด วันนี้ดอกเบี้ยเงินฝาก ถูกเงินเฟ้อแซงหน้าไปแล้ว ถ้าใครขืนยังนิ่งดูดาย ฝากเงินในธนาคารเพียงอย่างเดียว แล้วดอกเบี้ยจะผลิดอกออกผลได้อย่างไร
การให้เงินนอนนิ่งๆ เป็นเงินก้อนโตในบัญชีเงินฝาก นับเป็นสิ่งที่ดี แต่กับดอกเบี้ยที่น้อยนิดวันนี้มันไม่ใช่แล้ว ควรศึกษาหาหนทางโยกเงินไปลงทุน ไปทำให้เงินงอกเงย สิ่งที่ทำให้ผลตอบแทนของเรามากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ได้แก่ ตราสารหนี้ หุ้นกู้ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ตลาดหุ้น กองทุนหุ้นปันผล กองทุนลดภาษี อย่าไปกังวลใจมากเงินอาจจะเพิ่มช้าๆ ก็ยังดีกว่าฝากเงินเย็นไว้เฉยๆ แน่นอน
หลายครั้งหลายหน มักจะได้ยินคนอยากร่ำรวยอ้างเหตุผลที่ว่า ไม่มีเวลา ไม่กล้า ไม่มีความรู้ กลัวการขาดทุน
เลิกคิดดีกว่าว่าการลงทุนเป็นเรื่องซับซ้อน ควรหันมาสนใจศึกษารูปแบบการลงทุนทางการเงิน ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ของใหม่ๆ มาให้เรียนรู้ตลอดเวลา วางแผนชีวิตและวางแผนการเงินควรทำให้เป็นของคู่กัน กระเป๋าสตางค์อู้ฟู่ไม่ได้มาจากการใช้ชีวิตเลื่อนลอยไปวันๆ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐี ไม่มีใครหยุดนิ่งเลยสักราย ร่ำรวยแล้ว ก็ยังทำงานเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเอง การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ทำให้นักลงทุนมีความอดทน แม้ว่าบางจังหวะชีวิตจะเพลี่ยงพล้ำ ก็ไม่ท้อถอย ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรค
หมั่นศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่ทำ
ก่อนการตัดสินใจทำธุรกิจหรือลงทุน เรามักจะได้ยินประโยคคุ้นหูเป็นประจำ “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” สำหรับคนอยากมั่นคงเรื่องการเงิน กลายเป็นประโยคต่อยอดความรู้ความชำนาญ ยิ่งมีความเสี่ยง ก็ยิ่งต้องมีข้อมูลมากขึ้นเท่านั้น ทุกความเสี่ยง ก็ยังมีโอกาสและสามารถทำ “กำไร”
ยกตัวอย่างเช่น ทิศทางของอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2018 ราคาหุ้นอสังหาฯ ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีข่าวในสื่อโซเชียลว่าปีนี้ อาจจะเกิดฟองสบู่แตกในภาคอสังหาฯ หลายคนก็เริ่มกลัวกันยกใหญ่จนไม่กล้าลงทุนทำให้เสียโอกาสไป นั่นคือความกลัวโดยไม่ศึกษาข้อเท็จจริง ราคาคอนโดมิเนียมแพงขึ้นทุกปี จนรุ่นลูกของเรา อาจต้องเช่าอยู่เป็นส่วนใหญ่ หากพ่อแม่ไม่(กล้า)ซื้อเก็บไว้ให้เป็นมรดกที่มั่นคง
ลงมือทำให้เร็วที่สุด
หากไม่เริ่มลงมือทำ แล้วเมื่อใดจะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่จำเป็นต้องรอคอยทุกอย่างให้พร้อม จึงลงมือทำ การเริ่มช้าเท่าไร เป้าหมายที่คุณตั้งก็ยิ่งไกลเกินฝันออกไปเท่านั้น เพราะวิธีที่ดีที่สุด คือ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และเผชิญและแก้ไขปัญหา ซึ่งถือว่าเป็นครูชั้นเยี่ยมยอด ไม่ใช่การเรียนรู้จากตำราเพียงอย่างเดียว
บรรดาเศรษฐีเริ่มต้นลงทุนตอนอายุน้อยทั้งนั้น เพราะนั่นหมายความว่าเรายังมีเวลาเรียนรู้จากความผิดพลาดได้อีกมากมายหลายเรื่อง ดีกว่าคิดทำในช่วงวัยที่รับภาระอยู่มาก เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าเทอมลูก ไปจนการเลี้ยงดูพ่อแม่ ฯลฯ โอกาสทุ่มเททางการเงินก็จะยากมากขึ้นเป็นเงาตามตัว การลงทุนนี่แหละจะทำให้คุณมีรายรับเข้ามามาก
อย่ากลัว “ขาดทุน”
ข้อนี้สำคัญมาก เพราะคนส่วนใหญ่มักติดกับดักความคิดนี้ จึงไม่กล้าลงมือทำอะไรเลย ซึ่งการทำธุรกิจหรือการลงทำทุน มีความเสี่ยงเสมอ แต่หากมีความตั้งใจ ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดที่มี อาจเพิ่มรายรับได้มากถึง 3-4 เท่าของเงินลงทุน โดยตอนแรกอาจจะเริ่มลงทุนหลักพัน หรือหลักหมื่นบาทเพื่อป้องกันความเสี่ยง แล้วหากเริ่มไปได้ดี จึงค่อยเพิ่ม หรือขยายการลงทุนให้มากยิ่งขึ้นไป
เมื่อต้องการความมั่นคงเมื่อเกษียณ วันนี้ต้องจำให้ขึ้นใจ อย่ากลัวที่จะเสี่ยงกับการลงทุน หรือแม้การขาดทุนบ้างในระยะสั้น แต่การมีเงินไม่พอใช้ในยามแก่ตัวลง เป็นเรื่องควรกลัวกว่ามาก
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ประโยคเพื่อการ ปฏิเสธ ให้เป็น
ประโยคปฏิเสธไม่ได้มีแต่ no no no เพียงอย่างเดียว เพราะขนาดเราพูดภาษาไทย เรายังมีทั้งคำปฏิเสธหลายๆ แบบเลย วันนี้ engoo เลยจะมาแชร์ 10 สำนวนเพื่อใช้ปฏิเสธให้เพื่อนๆ ใช้กันค่ะ
1. In a word, no. สั้นๆ เลยนะ ไม่ โดยคำว่า in a word เป็นสำนวนที่แปลว่า สั้นๆ, สรุป ค่ะ เช่น
A: So, tell me, do you find him attractive? บอกฉันมาสิ เธอคิดวาเขามีเสน่ห์ไหม?
B: In a word, no. สั้นๆ เลยนะ ไม่
2. Not on your life. เป็นคำปฎิเสธแบบแรงๆ ตรงๆ ใช้เวลาที่เราจะไม่ทำบางอย่างค่ะ
A: Would you kiss him? เธอจะจูบเขาไหม
B: Not on your life! ไม่มีทาง!
3. Not likely. คำนี้เราได้ยินกันบ่อยๆ โดยความหมายก็คือ ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว
A: Is it possible that you’ll be able to fix this watch? เป็นไปได้มั้ยที่พวกคุณจะสามารถซ่อมนาฬิกาเรือนนี้
B: Not likely, but we can always try. ก็ไม่แน่ซะทีเดียว แต่พวกเราสามารถลองดู
4. Over my dead body. สำนวนนี้เหมือนกับภาษาไทยที่เราได้ยินกันบ่อยๆ คือ ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ
A: You boyfriend said he’s going to buy a motorbike. แฟนของเธอบอกว่า เขากำลังจะซื้อมอเตอร์ไซค์นะ
B: Over my dead body! ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ
5. Count me out. สำนวนนี้แปลง่ายๆ เลยค่ะว่า ไม่ต้องนับฉัน
Count me out, I’m not going swimming when it’s this cold! ไม่ต้องนับฉันเลย ฉันไม่ไปว่ายน้ำแน่ๆ หนาวจะตาย!
6. I’d rather not (do something). สำนวนนี้มีความหมายเดียวกับ I don’t want to หรือ ฉันไม่ต้องการจะ บลาๆๆ นั่นเอง (‘d ย่อมาจาก would)
I’d rather not talk about it. ฉันไม่ต้องการจะพูดเรื่องนั้น
7. I’d love to, but… สำนวนนี้เป็นสำนวนที่สุภาพและเป็นที่นิยมใช้ค่ะ ความหมายก็คือ ฉันก็อยากนะ แต่… เป็นการปฏิเสธแบบนุ่มนวลนั่นเอง
I’d love to, but I can’t. I have a yoga class this evening. ฉันก็อยากนะ แต่ฉันไปไม่ได้ เพราะมีคลาสโยคะเย็นนี้น่ะ
8. No chance. สำนวนนี้แปลว่า เป็นไปไม่ได้ , ไม่มีโอกาส
A: Can we leave early? พวกเราสามารถออกเร็วได้ไหม?
B: No chance. เป็นไปไม่ได้หรอก
9. Not on your nelly! ไม่ล่ะ , ฉันจะไม่ทำ เป็นสำนวนปฎิเสธว่าเราจะไม่ทำบางสิ่งค่ะ
A: Perhaps you could take Som with you to the party. บางทีเธอควรจะพาส้มมาปาร์ตี้ด้วยนะ
B: Not on your nelly! ไม่ล่ะ!
10. No way! คำนี้เชื่อว่าหลายๆ คนรู้อยู่แล้ว และเคยใช้กันบ่อยๆ ความหมายก็ตามนั้นเลยว่า ไม่มีทาง!
A: Did you like that movie? เธอชอบหนังเรื่องนี้ใช่ไหม?
B: No way! It was boring. ไม่มีทาง! น่าเบื่อจะตาย
เป็นยังไงบ้าง 10 สำนวนเด็ดที่เอาไว้ใช้ได้หลากหลายสถานการณ์ เพื่อนๆ ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก engoo.co.th
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 19,100.00 | 19,000.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,600.00 | 18,661.96 | 1,231.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 19,344.16 | 1,276.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,795.76 | 1,107.90 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 14,929.57 | 984.80 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,398.64 | 554.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,533.96 | 431.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 | 28.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 | 27.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 25.04 | 25.04 | 25.04 | 25.04 | 25.04 | – | 25.04 | 25.04 | 25.04 | 25.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.19 | 20.19 | – | – | – | – | – | 20.19 | 20.19 | – |
เบนซิน 95 | 35.46 | – | – | – | 35.91 | – | 36.46 | 35.66 | 35.26 | 35.66 |
ดีเซล | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 30.89 | 31.16 | 31.16 | 31.16 | 31.16 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.13 | 16.13 | – | – | – | – | – | – | – | – |