สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561

ทย. ลุยพัฒนาสนามบินเมืองรอง ตั้งเป้าผู้โดยสารขยายโต 4-7%

ทย. ตั้งเป้าปี 62ผู้โดยสารโต 4-7%เดินหน้าขยายอาคารผู้โดยสาร และลานจอดในจังหวัดรอง รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยว เดินหน้าติดตั้งระบบตรวจค้นสัมภาระอัตโนมัติคาดแล้วเสร็จปี62

          นางอัมพวัน วรรณโก อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่าสำหรับปริมาณจราจรทางอากาศยานที่อยู่ในความดูแลทั้ง 28 แห่ง ที่ผ่านมามีปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการ 19 ล้าาคนโดยมีอัตราการเติบโต 4%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดว่าในปี 2562 จะมีอัตราการขยายตัวประมาณ 4-7% โดยกรมท่าอากาศยานก็ได้มีแผนที่จะพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

          สำหรับแผนการปรับปรุงในส่วนของอาคารโดยสารโดยปีที่ผ่านมาได้มีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ 2 แห่ง คือท่าอากาศยานขอนแก่น โดยมีระยะดำเนินการปี ‭61-64‬ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2,000 คนต่อชั่วโมง หรือ 5ล้านคนต่อปี สามารถจอดรถยนต์ได้ 550 คัน  และแผนขยายลานจอดเครื่องระยะเวลาดำเนินการปี ‭63-65‬ สามารถรองรับเครื่องบินขนาด B737 ได้ 11 ลำในเวลาเดียวกัน  และท่าอากาศยานกระบี่วงเงินลงทุน 2,923,400,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ปี ‭61-63‬ สามารถรองรับเครื่องบินขนาด B737ได้ 40 ลำในเวลาเดียวกัน 

          อย่างไรก็ตามกรมท่าอากาศยานก็ได้มีแผนที่จะพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนการปรับปรุงในส่วนของอาคารโดยสารโดยปีที่ผ่านมาได้มีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ 2 แห่ง คือท่าอากาศยานขอนแก่น โดยมีระยะดำเนินการปี ‭61-64‬ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2,000 คนต่อชั่วโมง หรือ 5ล้านคนต่อปี สามารถจอดรถยนต์ได้ 550 คัน  และแผนขยายลานจอดเครื่องระยะเวลาดำเนินการปี ‭63-65‬ สามารถรองรับเครื่องบินขนาด B737 ได้ 11 ลำในเวลาเดียวกัน  และท่าอากาศยานกระบี่วงเงินลงทุน 2.92 พันล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ปี ‭61-63‬ สามารถรองรับเครื่องบินขนาด B737ได้ 40 ลำในเวลาเดียวกัน 

          สำหรับการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่3 พร้อมอาคารจอดรถยนต์ ระยะเวลาดำเนินการปี ‭61-64‬  สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 3,000 คนต่อชั่วโมง  หรือ 8 ล้านคนต่อปี และสามารถจอดรถยนต์ได้ 2,000 คัน  ซึ่งแผนในปี 62ก็มีแผนที่จะก่อสร้างเพิ่มในส่วนของ ท่าอากาศยานตรัง วงเงินลงทุน 1.2 พันล้านบาท  และท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช วงเงินลงทุน 1.8 พันล้านบาท 

          “ขณะนี้มีโครงการก่อสร้างทางขับและลานจอดอากาศยานเพื่อให้รองรับประสิทธิภาพได้มากขึ้น ประกอบด้วย สนามบินอุดรธานีวงเงินลงทุน 159 ล้านบาท สนามบินลำปาง วงเงินลงทุน 84 ล้านบาท  สนามบินตรังวงเงินลงทุน 600 ล้านบาท สนามบินบุรีรัมย์ วงเงินลงทุน 102.87 ล้านบาท โดยเป็นแผนที่ได้ดำเนินการในปีที่ผ่านมา สำหรับในปี 2563 มีแผนต่อเนื่องที่จะขยายอาคารผู้โดยสารสนามบินสุราษฎร์ธานี วงเงินลงทุน 180 ล้านบาท สนามบินบุรีรัมย์ สนามบินเลย วงเงินลงทุน 600 ล้านบาท และสนามบินร้อยเอ็ด  วงเงินลงทุน 100 ล้านบาท”นางอัมพวัน กล่าว      

        สำหรับความคืบหน้าการโอนสนามบิน 4 แห่ง ประกอบด้วย สนามบินอุดรธานี ตาก สกลนคร และชุมพร ที่อยู่ในความดูแลกรมท่าอากาศยาน ให้กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ดูแลบริหารนั้น ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมท่าอากาศยาน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งที่ประชุมได้มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลในเรื่องกฎหมายรองรับ  โดยจะต้องถูกต้องตามระเบียงข้อกฎหมาย

          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบถาม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อความถูกต้อง โดยในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 จะมีการประชุมอีกครั้งเพื่อสรุปแนวทางการโอนเป็นรูปแบบใดในการบริหาร และจะเสนอต่อรัฐมนตรีว่ากากระทรวงคมนาคม ก่อนจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป

          ทั้งนี้ในส่วนของแผนการลงทุนในปี 62  ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นอกจากมีเป้าหมายให้ท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยานเป็นอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ผ่านอุตสาหกรรมและบริการขนส่งและโลจิสติกส์แล้วมกรมฯจะพัฒนาท่าอากาศยานให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมไทย เชื่อมโลก โดยให้ไทยเป็นจุดเชื่อมโยงคมนาคมของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะเดียวกันจะศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินใหม่ขึ้นที่พื้นที่ที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ยังปรับปรุงมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน ตามองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO )ผ่านโครงการระบบตรวจค้นสัมภาระอัตโนมัติหลังเคาน์เตอร์เช็คอิน EDS in line คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 62 รวมถึงการให้บริการฟรีอินเตอร์เน็ตไรสาย ที่สนามบินทุกแห่งในสังกัดกรมท่าอากาศยาน ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2562

ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost.net


“โกลเด้นแลนด์” ชี้พัฒนาMixed Use ต้องตอบโจทย์คนทุกวัย อีก 5 ปีทำเล”พระราม4″มีพื้นที่รวม 4 ล้านตร.ม.

ในงานสัมมนา “ส่องอสังหาฯ 2019 : Living for the Future” จัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจและกลุ่มแกรนด์โฮม นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือโกลเด้นแลนด์ กล่าวว่า โมเดลการพัฒนารูปแบบหนึ่งที่กำลังเป็นนิยมคือ การพัฒนาแบบมิกซ์ยูส (Mixed-Use development) ในอีก 3-5 ปีข้างหน้าจะมีหลายโปรเจ็กต์เกิดขึ้น รวมพื้นที่ถึง 4 ล้านตารางเมตร โดยเฉพาะบนถนนพระราม 4

โมเดลการพัฒนา Mixed Use คือการรวมเอาความต้องการในหลายๆด้านมารวมไว้ในที่เดียว เช่น ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน, ค้าปลีก, โรงแรม และพิพิธภัณฑ์หรือเอนเตอร์เทนเมนต์ และเมื่อผสมผสานอย่างลงตัวจะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นแผนการพัฒนาของเมืองมหานครระดับโลก

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดการพัฒนา Mixed Use คือราคาที่ดิน (Land Price) ในปัจจุบันที่ดินในเมืองราคาแพงขึ้น จากทำเลที่มีการซื้อขายสูงสุดอย่าง หลังสวนที่ซื้อขายกันที่ 3 ล้านบาท/ตารางเมตร คิดเป็นอัตราเติบโตถึง 100% ในเวลา 7 ปี การพัฒนาโครงการที่จะต้องตอบสนองกับค่าที่ดินที่มีราคาแพงจึงเปลี่ยนไป

2. กรรมสิทธิ์ที่ดิน (Land Right) ในอดีตสามารถซื้อขาดจากเจ้าของที่ได้ทันที (Freehold) เพื่อพัฒนาโครงการเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ เช่น คอนโด หรือ อาคารสำนักงาน แต่ในปัจจุบันการซื้อขายที่ดิน เจ้าของที่มักจะเป็นหน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หรือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งกำหนดให้เช่าระยะยาวเท่านั้น ไม่สามารถขายขาดได้ (Leasehold) ทำให้ที่ดินหายาก รูปแบบการพัฒนาจึงเปลี่ยนไป 

และ 3. ขนาดของที่ดิน (Land Size) ในอดีตพัฒนาบนพื้นที่เล็กๆเพียง 2-5 ไร่ แต่ปัจจุบันจะต้องพัฒนาบนที่ดินที่มีขนาดกว้างใหญ่ ตั้งแต่ 20 ไปจนถึง 260 ไร่ ขึ้นไป 

แม้ทุกคนจะอยากทำ Mixed Use แต่ตนมองว่าต้องคำนึงถึง 5 ปัจจัยสำคัญ (5Gs) ประกอบได้แก่ 1.กระแสการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี (Gigabit Economy) 2. เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (GIG Economy) 3. สังคมผู้สูงอายุ (Grandpa Economy) 4. กระแสรักสุขภาพ (Good Health Economy) และ 5. ความสะดวกสบายในการเข้าใช้บริการ (Great Convenient) 

โดยจะต้องออกแบบให้ตอบโจทย์กับสังคมสมัยใหม่ที่เน้นการเปิดพื้นที่ให้สาธารณะเข้าใช้ประโยชน์, คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม-ประหยัดพลังงาน และจะต้องมีสถานที่ที่เป็นพื้นที่ด้านไลฟ์สไตล์ เช่น พิพิธภัณฑ์, สวนสาธารณะ เป็นต้น เช่น กรณีไอคอนสยาม ซึ่งมีโซนของพิพิธภัณฑ์และลานกว้างติดแม่น้ำเจ้าพระยาให้คนที่มาช็อปปิ้ง สามารถใช้สอยร่วมกันได้

“การพัฒนา Mixed Use จะต้องคำนึงถึงคนทุกวัย ตั้งแต่ Baby Boommer จนถึงรุ่น Millennials ใช้ได้ร่วมกัน และต้องมีพื้นที่ที่สามารถตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรม ต้องติดตามกันว่าแต่ละโครงการ Mixed Use ที่จะเกิดขึ้นใน 3-5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร”

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


คืนภาษีนักท่องเที่ยว

สำหรับคนที่เคยเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งเป็นเหมือนตัวกระตุ้นการช็อปปิ้ง ก็คือการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) ณ จุดขายให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งเรื่องนี้เป็นอะไรที่ว้าวมากสำหรับนักช็อป

        เนื่องจากว่าปัจจุบันอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ญี่ปุ่นนั้นอยู่ในอัตรา 10% แต่สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจะได้รับสิทธิ์การเว้นภาษีดังกล่าว นั้นก็หมายความว่านักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไป จะได้รับสิทธิ์ซื้อสินค้าในราคาที่ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม เปรียบเปรยก็เหมือนอยู่ดีๆ ก็ได้กำไรส่วนลดถึง 10% โดยอัตโนมัติ เพียงแค่มีพาสปอร์ต ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าได้ใช้เงินช็อปปิ้งอย่างคุ้มค่า

        และด้วยประสบการณ์ช็อปปิ้งที่ได้รับจากญี่ปุ่นนี่เอง ทำให้กลับมาตั้งคำถามว่า ประเทศไทยซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับต้นของโลก และที่ผ่านมาเราก็พยายามโปรโมตให้เป็นสวรรค์ของนักช็อป แต่ทำไมระบบการคืนภาษีที่จุดขายในประเทศไทยของเรายังไม่มี 

        หากดูข้อมูลที่กรมสรรพากรให้รายละเอียดเอาไว้ในเว็บไซต์ ระบุว่า นักท่องเที่ยวสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ 3 ช่องทางหลัก อันดับแรก คือ ขอรับคืนที่สนามบินนานาชาติ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 10 แห่ง ประกอบไปด้วยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานภูเก็ต, ท่าอากาศยานหาดใหญ่, ท่าอากาศยานอู่ตะเภา, ท่าอากาศยานกระบี่, ท่าอากาศยานสมุย, ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย

        และวิธีขอคืนที่สองก็คือ ใส่ในตู้รับคำร้อง ณ สำนักงานคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวประจำท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่ง และส่งให้กรมสรรพากรทางไปรษณีย์ ซึ่งการจะขอคืนก็ต้องดูว่ามีการกรอกแบบ ภ.พ.10 แต่ละฉบับมียอดซื้อ 2,000 บาทขึ้นไป (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)

        เรียกได้ว่าแม้มีการคืนเงิน แต่ด้วยขั้นตอนและวิธีการที่ยุ่งยาก ก็เชื่อว่าคนที่มาขอคืนภาษีคงมีไม่มากนัก หากเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา 

        แม้ในอดีตฝ่ายรัฐบาลอาจจะมองว่า เรื่องนี้ไม่มีความสำคัญ แต่จากโมเดลที่ทางญี่ปุ่นทำ ก็เห็นชัดว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้มีการเงินสะพัดในการช็อปปิ้งมหาศาล และที่สิ่งที่เสียไปก็ได้กลับมาจากเงินตราต่างประเทศมหาศาล

        ล่าสุดก็มีข่าวดีเล็กๆ เมื่อรัฐบาลไฟเขียวให้กระทรวงการคลังทดลองเปิดรับสมัครตัวแทนการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีแวต) ให้แก่นักท่องเที่ยวในเมือง ซึ่งได้เริ่มเปิดให้เอกชนที่สนใจ สมัครระหว่างวันที่ 7-17 ก.ย.ที่ผ่านมา

        โดยทางกรมสรรพากรระบุว่า นี่เป็นเพียงช่วงทดลอง โดยผู้ที่ได้รับการอนุมัติครั้งนี้สามารถให้บริการเป็นตัวแทนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแก่นักท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 ถึง 31 มี.ค.2562 เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการทดลอง กรมสรรพากรจะได้ประเมินผลนำเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป

        ซึ่งคุณสมบัติของผู้สมัคร ก็คือ เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วตั้งแต่25 ล้านบาทขึ้นไป เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีแวต และไม่เคยมีประวัติเป็นผู้ออกหรือใช้ใบกำกับภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีพื้นที่ในการให้บริการเป็นตัวแทนคืนภาษีแวตให้กับนักท่องเที่ยว และมีเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ รวมถึงระบบงานพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ในการให้บริการเป็นตัวแทนคืนภาษีแวตให้แก่นักท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้ต้องมีระบบเชื่อมต่อการคืนภาษีแวตให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรกับเครื่องอ่านหนังสือเดินทาง และสามารถส่งข้อมูลการคืนภาษีแวตให้แก่ผู้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรให้กับกรมสรรพากรได้ในทันที

        และตอนนี้ก็มีกระแสข่าวโผล่ออกมาตามสื่อระบุว่า ผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ 4 ราย คือ กลุ่มเซ็นทรัล, กลุ่มเดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์ และโรบินสัน ได้จับมือและร่วมทุนตั้งบริษัท ภายใต้ชื่อ “แวตรีฟันด์ ไทยแลนด์” เพื่อเข้าไปสมัครเป็นตัวแทนในการเปิดจุดคืนภาษีนักท่องเที่ยวในพื้นที่กลางเมืองในครั้งนี้ โดยผู้ประกอบการจะเป็นผู้ลงทุนในการตั้งเคาน์เตอร์จุดให้บริการและวางระบบข้อมูลเชื่อมกับทางสรรพากรในรูปแบบเรียลไทม์ และจะมีการนำร่อง 5 ทำเลใจกลางเมืองที่จะเลือกตั้งศูนย์ให้บริการคืนเงินภาษีนักท่องเที่ยว คือ สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลชิดลม, เอ็มโพเรียม และโรบินสัน อโศก

        คงต้องติดตามว่า การทดลองวิธีการคืนภาษีในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความคึกคักให้กับวงการช็อปปิ้งอย่างไรบ้าง

ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost.net


สดๆร้อนๆ “ยูเนสโก”รับรอง”โขนไทย”เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม

29พ.ย.61-ยูเนสโกประกาศรับรอง“โขนไทย” มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พร้อมกับรับรอง”ละครโขน”ของกัมพูชาโอกาสเดียวกันด้วย “วีระ”เทิดพระเกียรติเป็นพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระราชินี ร. 9  สั่งสวธ.เตรียมฉลองใหญ่ตลอดปี 61-62 ทำแอนิเมชั่นรามเกียรติ์ ฉายทั่วประเทศ และทำเป็นสารคดี คลังข้อมูลโขนไทยระบบดิจิทอล

 

ที่เมืองพอร์ตหลุยส์ สาธารณรัฐมอริเชียส มีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐบาลเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก ครั้งที่ 13  ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เข้าร่วม 181 ประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ในส่วนของประเทศไทย  ได้มีการเสนอ “การแสดงโขนในประเทศไทย”  (Khon masked  dance drama in Thailand) ในรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ต่อที่ประชุมยูเนสโกเพื่อพิจารณาเป็นครั้งแรก ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 37 จาก 40 รายการ โดยมี นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) นำทีมคณะผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมประชุม

สำหรับขั้นตอนการพิจารณาเป็นไปอย่างตื่นเต้น ลุ้นระทึก โดยคณะกรรมการได้พิจารณารายการที่แต่ละประเทศเสนอรายชื่อเข้ามา จากข้อมูล และฉายวีดีโอประกอบ ที่ละรายการเรียงตามลำดับรายชื่อประเทศ  จนกระทั่งถึงการพิจารณาและประกาศรายชื่อ รับรอง“การแสดงโขนในประเทศไทย” ให้เป็นตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติอย่างเป็นทางการ  สร้างความดีใจให้กับตัวแทนประเทศไทยที่เข้าประชุมทั้งคณะ  ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าวได้มีการประกาศรับรอง “ละครโขน”  (Lkhon Khol Wat Svay Andet) โขนรูปแบบหนึ่งจากประเทศกัมพูชา เป็นมรดกวัฒนธรรมอันจับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างเร่งด่วนด้วย

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า  นับเป็นข่าวดีของคนไทยที่การแสดงโขน ได้รับการประกาศขึ้นบัญชีจากยูเนสโก  หลังจากนี้ ทาง สวธ.มีแผนงานจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองโขนตลอดปี  ‪2561- 2562‬  อาทิ 1.จัดแสดงโขนรอบพิเศษ ตอน “พิเภกสวามิภักดิ์” วันที่ 3–4 ธันวาคม 2561 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 2.จัดสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นรามเกียรติ์ ตอน รามาวตาร เพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ และเผยแพร่องค์ความรู้ในรูปแบบต่างๆ เช่น การสาธิตงานช่างฝีมือโขน สาธิตการแสดงโขน การเสวนาความรู้คุณค่าของโขน จัดพิมพ์หนังสือองค์ความรู้เกี่ยวกับโขนฉบับเยาวชน  สารคดีโขน คลังข้อมูลโขนในรูปแบบดิจิทัล 3.จัดกิจกรรมสร้างความภาคภูมิใจด้วยการยกย่องเชิดชูเกียรติให้แก่บุคคล องค์กรผู้ทำคุณประโยชน์ต่อวงการโขน และ 4.จัดงานมหกรรมการแสดงโขน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เป็นต้น

“ส่วนสำคัญในการผลักดันการแสดงโขนของไทยให้เข้าร่วมพิจารณาจากยูเนสโก คือ  ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่หาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงอนุรักษ์ ฟื้นฟู ส่งเสริมการแสดงโขนในทุกมิติ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดสร้างเครื่องแต่งกายเครื่องประดับโขนชุดใหม่ พัฒนาการแต่งหน้าให้งดงามดึงดูดความสนใจ พัฒนาเทคนิคการแสดง ฉากเวที แสง สี เสียง อันเป็นที่มาของโขนพระราชทานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจึงทำให้โขนไทยยิ่งใหญ่อลังการ สร้างความตื่นตาประทับใจแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทำให้การแสดงโขนได้รับการอนุรักษ์ สืบสาน สร้างสรรค์และพัฒนาเป็นมรดกของชาติไทยมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งสร้างอัตลักษณ์ไทยในเวทีโลกได้อย่างสง่างาม” นายวีระ กล่าว

รมว.วธ. กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่ายินดีที่“ละคอนโขน” Lkhon Khoal Wat Svay Andet ของประเทศกัมพูชา ก็ที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่ต้องการสงวนรักษาโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นการขึ้นทะเบียนซ้ำซ้อนกับการขึ้นทะเบียนการแสดงโขนในประเทศไทย เนื่องจากการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เป็นความภาคภูมิใจของประเทศที่นำเสนอให้ขึ้นทะเบียนไม่ใช่การจดลิขสิทธ์หรือการแสดงความเป็นเจ้าของ ที่สำคัญการแสดงโขนของกัมพูชาและการแสดงโขนในประเทศไทยต่างมีแบบแผนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองและเป็นเครื่องแสดงความภาคภูมิของประเทศ

ด้านนายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะคณะทำงานตัวแทนจากประเทศไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่โขนได้รับการประกาศขึ้นบัญชีจากยูเนสโกให้เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งมีสาระสำคัญคือเป็นการแสดงที่มีการปฏิบัติสืบทอดอยู่ทั่วประเทศ

“การขึ้นทะเบียนเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของประเทศไทยจะสงวนรักษามรดกทางวัฒธรรมที่เรามีอยู่อย่างมากมาย ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาคมโลกและในขณะเดียวกันก็จะทำให้คนไทยหันมาเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาไทย ร่วมกันสงวนรักษา ส่งเสริมและต่อยอดต่อไป โดยในลำดับต่อไป เบื้องต้นจะมุ่งเน้นส่งเสริม ให้มีการสืบสาน โขนในระดับเยาวชนให้กว้างขวางยิ่งขึ้น “นายชาย กล่าว

อธิบดี สวธ. กล่าวด้วยว่า โอกาสนี้ขอร่วมแสดงความยินดี สำหรับการขึ้นทะเบียน “ลครโขลของวัดสวายอันเด็ต” ของประเทศกัมพูชา ที่ได้ขึ้นทะเบียนในครั้งนี้เช่นกันนั้น เป็นการขึ้นทะเบียนในประเภท ต้องการการสงวนรักษาอย่างเร่งด่วน (urgent list) ซึ่งมีสาระสำคัญคือความเป็นโขนที่ชุมชนร่วมกันฟื้นฟูและอนุรักษ์ การ ขึ้นทะเบียนวัตถุประสงค์หลักคือการชื่นชมการมีอยู่ของมรดก ทางวัฒนธรรม ของประเทศภาคีสมาชิกไม่ใช่การแสดงความเป็นเจ้าของ ใดๆทั้งสิ้น

สำหรับในปีหน้า 2563 คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ได้เสนอ นวดไทย เพื่อขึ้นบัญชีของยูเนสโก ซึ่งขณะนี้อยู่ในรายการพิจารณาของยูเนสโก เรียบร้อยแล้ว ตลอดจนยังมีการศึกษาแนวทางการเสนอมรดกวัฒนธรรมภูมิปัญญาที่มีความคล้ายคลึงกันกับประเทศต่างๆ เพื่อเสนอเพิ่มเติมด้วย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost.net


ไอเดียแต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ยเพื่อความมั่นคง

หัวใจสำคัญของฮวงจุ้ยอิงจากหลักจิตวิทยา และยิ่งถ้าบวกกับความรู้ด้านอินทีเรียร์ ดีไซน์แล้วล่ะก็ ฮวงจุ้ยจะกลายเป็นศิลปะที่น่าสนใจที่บรรดาเหล่าคนรักบ้านไม่ควรมองข้าม

ส่วนใหญ่แล้วฮวงจุ้ยจะถูกมองว่าเป็นความเชื่อรูปแบบหนึ่ง แต่ใช่ว่าเคล็ดลับทุกอย่างในตำราจะเป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น  หัวใจสำคัญของฮวงจุ้ยอิงจากหลักจิตวิทยา และยิ่งถ้าบวกกับความรู้ด้านอินทีเรียร์ ดีไซน์ แล้วล่ะก็ ฮวงจุ้ยจะกลายเป็นศิลปะที่น่าสนใจที่บรรดาเหล่าคนรักบ้านไม่ควรมองข้ามกันเลยทีเดียว ที่สำคัญเมื่อไม่นานมานี้ หมอวั้ง หมอดูชื่อดังควบตำแหน่งอดีตนิสิตเอกอินทีเรียร์ ทอล์กไอเดียแต่งบ้านผ่านแฟนเพจ Horolive.com ซึ่งเป็นเคล็ดลับแต่งบ้านแบบกูรู อย่างนี้ก็ต้องเอามาเล่าให้คนรักบ้านฟังเพื่อเสริมไอเดียใหม่ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงทั้งทางด้านจิตใจและเงินทอง ทำมาค้าขึ้น

สิ่งแรกที่นักแต่งบ้านทุกคนต้องรู้ก็คือ คำแนะนำสั้นๆ 3 ข้อ ที่ต้องจำให้ขึ้นใจ คือ

บ้านไม่ควรรก, รีบทิ้งของเน่าเสียในบ้าน และไม่ควรเก็บข้าวของที่ชำรุดแล้วไว้ในบ้าน เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลในเรื่องความเหน็ดเหนื่อยวุ่นวายในการใช้ชีวิตและการเงิน ซ้ำยังส่งผลให้คนในบ้านเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอีกด้วย และที่สำคัญบ้านที่ไม่รก ไม่มีของเน่าของเสียก็จะดูสะอาดสะอ้าน สบายตา เสริมพลังด้านบวก พร้อมต้อนรับเรื่องดีๆ ใหม่ๆ เข้ามาในบ้าน นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดของตกแต่งอื่นๆ ที่เราอาจมองข้าม ซึ่งหมอวั้งก็ได้เล่าเคล็ดลับเสริมฮวงจุ้ยตั้งแต่หน้าบ้านยันหลังบ้าน ให้เราไปอัพเดทไม่ให้พลาดสักจุดกันเลยทีเดียว

รองเท้า เริ่มจากสิ่งที่ถูกถอดไว้ก่อนเข้าบ้านกันเลย รองเท้าไม่ควรถูกวางขวางทางเข้าบ้าน เพราะเป็นของที่เหยียบย่ำอยู่ติดเท้า และกลิ่นของรองเท้าจะทำให้บรรยากาศของบ้านไม่ดี ที่สำคัญคือเหล่าสัตว์ร้าย อย่างงู มด และแมลงต่างๆ อาจไปซ่อนตัวอยู่ในรองเท้า ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับเราได้ วิธีแก้ง่ายๆ คือหาชั้นวางรองเท้าที่เป็นระเบียบวางไว้ข้างประตู ก็ช่วยเปิดทางให้ลมพัดเอาบรรยากาศดีๆ เข้าภายในตัวบ้านได้แล้ว

ปลั๊กไฟ เมื่อเดินผ่านประตูบ้านหรือห้องมา ด้านขวามือไม่ควรเป็นแหล่งรวมของปลั๊กไฟที่ไร้ระเบียบ เพราะด้านขวามือของบ้านคือแหล่งพลังงาน การมีปลั๊กไฟจะทำให้เกิดการขัดแย้งกัน ส่วนสายไฟจะสื่อถึงคลื่น หากไร้ความเป็นระเบียบจะแสดงถึงอาการควบคุมอารมณ์ยาก เกิดการโต้เถียงในครอบครัวบ่อยๆ และจะทำให้เกิดอันตรายอีกด้วย

นาฬิกา ห้ามวางอยู่ปลายเท้าเวลานอน เพราะจะทำให้เกิดความกังวล พักผ่อนได้ไม่เต็มที่ สำหรับนาฬิกาดิจิทัล จะเหมาะกับห้องทำงาน ห้องรับแขก ไม่เหมาะกับห้องนอน เพราะจะทำให้เกิดแสงรบกวนในห้อง และหากเป็นนาฬิกาแบบเข็ม ก็ไม่ควรได้ยินเสียงการเดินของนาฬิกา เพราะเสียงของเข็มนาฬิกาสื่อถึงเวลาชีวิตที่เดินไปหาวันสุดท้าย ที่สำคัญที่สุดคือในบ้านห้ามมีนาฬิกาเสีย เพราะจะทำให้การงานติดขัด และสื่อถึงเรื่องราวในชีวิตเราจะหยุด จะติดขัด สะดุด ไม่ราบรื่น

โคมไฟ ไม่ควรซื้อดีไซน์ที่มีความแหลม เป็นปลายหอก ปลายธนู ปลายดาบ ที่ทิ่มลงมา โดยเฉพาะในห้องนอน โต๊ะทานข้าว จะส่งผลเรื่องสุขภาพ โคมไฟแบบห่วง หรือแบบกลมจะช่วยให้การทำธุรกิจรุ่งเรือง เพราะสื่อถึงสัญลักษณ์ Infinity โคมไฟสุ่ม หรือแบบตะแกรงเป็นโคมไฟที่ดี สามารถวางไว้ได้ทุกที่ในบ้าน และโคมไฟหลากสี ตามสีเบญจธาตุ แดง ขาว เขียว น้ำเงิน เหลือง จะสื่อถึงลักษณะฮวงจุ้ยที่ดี

กระจก ข้อห้ามสำคัญ คือห้ามติดกระจกตรงกับช่องบานประตู และไม่ควรติดกระจกตรงกับบันไดแนวที่เราเดินขึ้น เพราะมุมนี้แสดงถึงมุมที่เป็นอันตราย รวมทั้งไม่ควรใช้กระจกที่มีดีไซน์ของรอยต่อหลายแผ่น เพราะรอยต่อนั้นจะสื่อถึงความไม่เชื่อมโยง ไม่สมบูรณ์ ซึ่งกระจกที่ปลอดภัยและสามารถติดได้ทุกจุดของบ้านคือ กระจกทรงกลม กระจกทรงรี ไม่มีเหลี่ยม ไม่มีมุม แต่หากต้องติดกระจกที่มีเหลี่ยม ก็ไม่ควรติดหันเหลี่ยมไปทางมุมที่เราใช้ชีวิต เช่น ที่นอน ที่นั่ง ที่ทำงาน ที่เก็บเงิน

วอลล์เปเปอร์ ในยุคที่มีนวัตกรรมอันหลากหลายจึงเกิดวอลล์เปเปอร์ที่สามารถเขียนได้ ลบได้ และมีคุณสมบัติแม่เหล็กติดของโชว์ได้ ซึ่งวอลล์เปเปอร์นี้ไม่ควรติดไว้ในห้องสำคัญ เช่น ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องนั่งเล่น เพราะด้านนั้นจะเป็นด้านผนังที่มีพลังไม่ดี เรื่องของลวดลาย วอลล์เปเปอร์ที่มีลายของสัตว์ดุร้ายหรือสัตว์มีพิษ ห้ามติดภายในบ้าน ในห้องนอนควรหลีกเลี่ยงลายที่ดูมีความแหลมคม พันไปมา ยุ่งยาก ซับซ้อน จะส่งผลในมีปัญหาคู่ครอง

ผ้าม่าน นับเป็นสิ่งเสริมฮวงจุ้ยที่ดี เพราะหากหน้าต่างหรือประตูหันหน้าเก็บแสงแดดไว้จะทำให้บ้านร้อน ทำให้เราหลับพักผ่อนไม่สบาย ยิ่งถ้าเปิดเครื่องปรับอากาศ ก็จะทำให้พลังร้อนและเย็นมาปะทะกัน จนทำให้เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยได้ ซึ่งผ้าม่านแบล็กเอาท์ที่กันแสง UV ได้ 100% ก็เป็นของตกแต่งที่ตอบโจทย์ฮวงจุ้ยได้ดี

สี แม้บางสีจะมีความเป็นมงคลสุดๆ แต่ควรคำนึงถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการใช้สีนั้นๆด้วย เช่น สีแดง ไม่ควรทาทั้งบ้าน แต่ควรใช้ในบางมุมของบ้าน เช่น มุมผนังที่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แนวของเสาที่บังหลบเหลี่ยม ส่วนของประตู เพราะประตูบ้านส่วนใหญ่จะเป็นมุมของความมีชื่อเสียง ที่สำคัญคือตามหลักฮวงจุ้ยไม่ควรรื้อหรือทุบบ้าน การใช้สีทับเพื่อเปลี่ยนฮวงจุ้ยก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี

การตกแต่งบ้านที่ดีนอกเหนือจากความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยที่หลากหลายแล้ว ดีไซน์เองก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน และสำหรับคนรักบ้านไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือวัยเก๋าเอง ก็ควรระมัดระวังความลงตัวเข้ากันได้ของบรรยากาศบ้าน เพราะหากเราเลือกของตกแต่งที่เป็นมงคล แต่ไม่เข้ากับแนวทางตกแต่งของบ้านเราเลย ก็จะทำให้บรรยากาศนั้นติดลบเอาเสียเปล่าๆ เพราะความเชื่อที่ดีควรตั้งอยู่ในความเหมาะสม และไม่ก่อความเดือดร้อน ที่สำคัญที่สุดคือ เชื่อแล้วต้องมีความสุข เชื่อแล้วต้องสบายใจนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก 40plus.posttoday.com


จิตอาสานำพาชีวิตมีสุข

ชีวิตคนเราแม้จะไม่ได้มีการศึกษาสูง แต่หากมีธรรรมะ และจิตอาสา อันเอื้อเฟื้อต่อทุกคนก็ทำให้เราได้รับการเคารพและให้เกียรติจากคนรอบข้างได้เช่นกัน

สังคมไทยในยุคปัจจุบันอยู่แม้เราจะรู้สึกว่าผู้คนเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น แต่ก็มีไม่น้อยในเวลาที่บ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ ผู้คนมากมายกลับลุกขึ้นมาอยากมีส่วนช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ซึ่งเวลาปกติก็อาจจะไม่ค่อยมีกิจกรรมมากนัก ต่อเมื่อเกิดความไม่ราบรื่นหรือเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้น เราก็จะรวมตัวเพื่อทำกิจกรรมดี ๆ ขึ้นมา แต่ก็จะมีการสื่อสารกันผ่านเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ที่เป็นไปในทางสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่าจิตอาสา

ทำให้เราเห็นและเข้าใจชีวิตดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้เราเป็นทุกข์น้อยลง เพราะการที่เราเสียสละความสุขส่วนตัวช่วยเหลือผู้ที่กำลังลำบาก ธรรมะทำให้เข้าใจว่าไม่มีสิ่งใดถาวร สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ ความไม่แน่นอน และเข้าใจในความสำคัญของความเป็นปัจจุบันมากขึ้น ทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีในวันนี้ และพยายามให้วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ทำให้เราไม่ยึดติด หรือทำใจได้ง่ายขึ้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทำให้เราก้าวข้ามอารมณ์ต่าง ๆ ง่ายขึ้น เพราะเรารู้ ว่าแม้แต่อารมณ์เหล่านั้นก็อยู่กับเราไม่นาน ธรรมะทำให้เข้าใจคนมากขึ้น

สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีสติ ไม่ไหลไปตามกระแส หรือสิ่งที่เข้ามากระทบ ที่จริงแล้วศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งความรัก เป็นรักแบบเมตตา คือ รักแบบปราศจากเงื่อนไข คือ ความรักในเพื่อนมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ทำให้ได้รู้ว่าที่จริงแล้วชีวิตคนเราไม่ได้ต้องการอะไรมากนักเลย แค่ปัจจัยสี่ และอากาศดีๆ ชีวิตก็อยู่เพื่อทำประโยชน์เพื่อตนเองและผู้อื่น

ขอบคุณข้อมูลจาก 40plus.posttoday.com


 ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,100.00 19,000.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,600.00 18,661.96 1,231.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,344.16 1,276.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,795.76 1,107.90
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,929.57 984.80
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,398.64 554.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,533.96 431.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65 27.65
แก๊สโซฮอล์ 91 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38 27.38
แก๊สโซฮอล์ E20 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64 24.64
แก๊สโซฮอล์ E85 20.19 20.19 20.19 20.19
เบนซิน 95 35.06 35.51 36.06 35.36 34.86 35.36
ดีเซล 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29
ดีเซลพรีเมี่ยม 30.89 31.16 31.16 31.16 31.16
แก๊ส NGV 16.13 16.13
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า