สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 18 มกราคม 2562

ลากต่อ! “ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน” ยัน 18 ม.ค. คุย “ซี.พี.” จบ

ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ยังไม่สรุป! ซี.พี. ยังลุ้นข้อเสนอเพิ่มเติม หลังยื่นเอกสาร 200 หน้าแล้ว ด้าน คณะกรรมการคัดเลือกนัดคุยเพิ่ม 18 ม.ค. ‘วรวุฒิ’ ยัน! หากตอบสอบความถูกต้องได้ครบ เดินหน้าเจรจาต่อรองทันที

นายวรวรุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. เงินลงทุน 224,544 ล้านบาท ยังไม่สามารถให้กลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หรือ กลุ่ม ซี.พี. ผ่านการพิจารณาในซองที่ 4 ข้อเสนอเพิ่มเติมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการได้ในวันนี้

 

เนื่องจากพบว่า รายละเอียดในซองดังกล่าวยังมีเนื้อหาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จำเป็นที่จะต้องให้กลุ่ม ซี.พี. เข้ามาชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ที่เสนอมาเพิ่มเติม โดยคณะกรรมการคัดเลือกนัดหมายในวันที่ 18 ม.ค. นี้ เวลา 09.00 น. โดย ซี.พี. สามารถเพิ่มข้อเสนอเพิ่มเติมในวันนั้นได้ หากสามารถตรวจสอบข้อมูลและความถูกต้อง รวมถึงการตอบรับข้อเสนอเพิ่มเติมของซองที่ 4 ได้แล้ว ภายในวันเดียวกันก็จะเริ่มกระบวนการเจรจาต่อรองทันที

“ในเบื้องต้น คณะกรรมการคัดเลือกวางกรอบการเจรจาไว้ 4 หมวดสำคัญ เช่น ข้อเสนอด้านการเงิน, ส่วนต่อขยาย เป็นต้น คาดว่าจะสรุปผลการเจรจาได้ภายในวันที่ 25 ม.ค. นี้”

นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า หลังจากสรุปผลการเจรจาแล้ว ก็จะนำสัญญาไปเพิ่มเติมเงื่อนไขตามข้อเสนอซองที่ 4 แล้วนำเสนอให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ตรวจสอบสัญญาอีกครั้ง หลังจากที่ได้ตรวจสอบครั้งแรกไปแล้ว และนำรายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ เพื่อลงนามในสัญญาต่อไป

สำหรับการส่งข้อเสนอเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา กลุ่ม ซี.พี. มีข้อเสนอเพิ่มเติม เป็นเอกสารประมาณ 200 หน้า มี 108 ประเด็นสำคัญ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดได้ เพราะติดเงื่อนไขตามภาคผนวกข้อ 44 ของเอกสารทีโออาร์

ในส่วนการลงนามในสัญญาเพื่อเริ่มต้นก่อสร้างโครงการ ยังคงกำหนดเดิมไว้วันที่ 31 ม.ค. 2562 แต่ก็ต้องดูความพร้อมของรัฐด้วย ว่า จะพร้อมส่งมอบพื้นที่ส่วนใดก่อน แล้วเอกชนพร้อมจะก่อสร้างทันทีหรือไม่ แต่จะลากยาวไปถึงหลังการเลือกตั้งเลยหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ เพราะ ร.ฟ.ท. ต้องปฏิบัติตามขั้นตอน

“ข้อเสนอที่ ซี.พี. เสนอมามีหลายประเด็น ทั้งเรื่องส่วนต่อขยายไปถึง จ.ระยอง, ข้อเสนอด้านการเงิน, การทำเส้นทางเชื่อมการขนส่งประชาชนมาใช้บริการ เป็นต้น แต่ ร.ฟ.ท. ยังไม่ตัดสินใจอะไร เพราะเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ขอประกอบเพิ่มเติมเข้ามาจะทำให้รัฐจ่ายมากขึ้นไม่ได้ ประเด็นบางเรื่องจึงเปิดเผยไม่ได้ เพราะจะกระทบกับรายละเอียดอื่น ๆ อีกด้วย”

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thansettakij.com


ตลาดดุปี 62 ท้าทายมืออาชีพ ‘ใหญ่ ก็เซได้’

คอลัมน์ผ่ามุมคิด

แม้คาดการณ์ตลาดอสังหาฯ โดยรวมปี 2562 ยังคงเติบโตได้จากปัจจัยหนุนตัวเลขเศรษฐกิจไทย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า จะเป็นปีที่ผู้ประกอบการเหนื่อยและต้องปรับตัวสูงจากหลายปัจจัยเสี่ยง ที่เข้ามากระทบ ทั้งความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก-สงครามทางการค้า-อัตราดอกเบี้ย ตลอดจนมาตรการควบคุมแอลทีวี เหล่านี้บีบให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับกลยุทธ์ ป้องกันตนเอง หลังหลายกูรูฟันธง ตลาดปีนี้ดุ เช่นเดียวกับมุมมองนายไชยยันต์ ชาครกุล หัวเรือใหญ่ของลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ออกปาก “ปี 2562 จะเป็นปีสำหรับผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง เล็ก-ใหญ่ ไม่เกี่ยว ต่างต้องปรับตัว”

ไชยยันต์ ชาครกุล

จับตา ศก.โลก

คาดการณ์ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2562 น่าจะมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เติบโตประมาณ 3.7% แต่ด้วยความไม่แน่นอน ซึ่งมาจากผลพวงของสงครามการค้าโลก ทำให้เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยง เพราะ 65-68% พึ่งพิงตัวเลขจากการส่งออกเป็นหลัก โดยพบว่าไอเอ็มเอฟ ประเมินว่าเศรษฐกิจคู่ค้าของไทยหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และยุโรป ต่างอยู่ในช่วงชะลอตัวทั้งสิ้น มีเพียงคู่ค้าในเอเชียที่ตัวเลขยังสดใส จึงคาดหวังให้เครื่องยนต์อื่นๆ เป็นตัวพยุง เช่น การท่องเที่ยว การลงทุนรัฐและเอกชน โดยเฉพาะ การเลือกตั้ง ที่จะเป็นปัจจัยบวก ช่วยทำให้บรรยากาศการบริโภคภาคประชาชน ในชนบทฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหา ริมทรัพย์ มีความเสี่ยงกว่าภาค อื่นๆ เนื่องจากยังมีอีกหลายความเสี่ยงรุมเร้า ทั้งการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย มาตรการควบคุมแอลทีวี เป็นต้น ฉะนั้นแนะผู้ประกอบการต้องติดตามสถาน การณ์และปรับตัวรับมืออย่างใกล้ชิด
 
แนะลดสต๊อกรับมือ

จากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ประการแรกที่ผู้ประกอบการต้องทำจากประสบการณ์กว่า 30 ปีในตลาดนี้ มองว่า คือ การลดสต๊อกให้มากที่สุด แล้วเปลี่ยนเป็นเงินสด เพราะคาดการณ์หลังไตรมาสแรก มาตรการแอลทีวีของรัฐบังคับใช้ หรือ การที่ธนาคารพาณิชย์อาจเข้มงวดปล่อยสินเชื่อมากขึ้น คงทำให้ดีมานด์ชะลอตัวและลดลงได้ นอกจากนี้ การเปิดโครงการใหม่ โดยเฉพาะบริษัทนอกตลาด ก็จำเป็นต้องวิจัย วิเคราะห์ตลาดให้ดี ว่ามีช่องว่างตลาดสามารถแข่งขันได้หรือไม่ เนื่องจากการขยายธุรกิจมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะรายเล็กที่ขาดข้อมูล

อย่าสร้างหนี้-ทิ้งทำเล

นายไชยยันต์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ตลาดไม่แน่นอน ต้องควบคุมอัตราการกู้หนี้ อย่าให้สูงเกินไป เพราะคาดว่า นอกจากแบงก์จะเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อรายย่อยแล้ว คงเข้มงวดปล่อยกู้ให้กลุ่มผู้ประกอบการด้วยเช่นกัน ฉะนั้น ต้องระมัดระวังในการขยายธุรกิจ ขณะเดียวกัน เป็นช่วงจังหวะที่ผู้ประกอบการจะได้หันกลับมาทบทวนความชำนาญและความถนัดของบริษัท ยิ่งหากเป็นรายเล็ก อย่าเสี่ยงออกจากทำเลที่ตนเองชำนาญ “ปีนี้ไม่เหมาะกับการขยายธุรกิจไปยังทำเลที่ตนเองไม่ชำนาญ โดยเฉพาะรายเล็ก เพราะจะเจอกับความลำบาก รายใหญ่มีต้นทุน สายป่านที่ยาวกว่าจึงเสี่ยงน้อยกว่า”

ใหญ่ ก็เซได้

จากโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนเสมอ ทางออกคือ ทุกบริษัทต้องปรับปรุงระบบบริหารภายในอยู่สมํ่าเสมอ เพราะประสิทธิภาพของบริษัท คือ ตัวชี้เป็น-ชี้ตายในการแข่งขัน คำว่า “รายใหญ่ ชนะรายเล็ก-รายกลาง เป็นเรื่องเก่าแล้ว” อนาคตจะพูดถึงประสิทธิภาพของบริษัทเป็นหลัก ที่จะสามารถทำให้บริษัทอยู่ได้และแข็งแกร่งระยะยาว ไม่ใช่เรื่องของขนาด ดั่งคำที่ว่า ใหญ่ก็เซได้…

หวั่นไม่นิ่งยาว 2-3 ปี

เชื่อว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของไทย บรรยากาศตึงมือเช่นนี้ อาจไม่นิ่งเป็นอย่างน้อย 2-3 ปี กลายเป็นงานยากสำหรับผู้ประกอบการ

ฉะนั้น บริษัทรายเล็กจะอยู่ยาก จึงอยากแนะให้กลับไปทบทวนจุดแข็งของตนเอง และเสริมปรุงแต่งจุดแข็งนั้นต่อไป ส่วนตรงไหนอ่อนแอ เรื่องคน หรือ ระบบ ก็ให้เร่งพัฒนา นำเรื่องของไอทีเข้าไปช่วยสนับสนุนจะเป็นผลเร็วขึ้น และจะใช้แข่งขันกับรายใหญ่ได้จากสิ่งที่เราชำนาญ โดยตนเองเชื่อมาเสมอว่า “รายเล็ก-รายใหญ่ อยู่ร่วมกันได้”

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thansettakij.com


“วิษณุ” เอ่ยปากแล้ว 24 มี.ค. เหมาะเลือกตั้งที่สุด คาด พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ประกาศสัปดาห์หน้า

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่บางฝ่ายเกิดความกังวลว่าหากเลื่อนวันเลือกตั้งไปเป็นวันที่ 24 มีนาคม แล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่สามารถรับรอง ส.ส.ได้ทันวันเปิดประชุมสภา ว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจหน้าที่ แต่ถ้า กกต.เชื่อว่าสามารถทำได้ก็เป็นหน้าที่ของ กกต. รัฐบาล หรือใครๆไม่สามารถไปเกี่ยวข้องได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ที่ถามกันไปถามกันมา คือ เรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง แต่สำหรับเรื่องการประกาศผลวันเลือกตั้งนั้น เป็นเรื่องของกกต.ทั้งหมด จะทำเสร็จหรือไม่เสร็จ หรือจะประกาศวันใดก็เป็นหน้าที่ของ กกต. เพียงแต่ได้พูดคุยกันให้ทราบว่า การจะประกาศวันเลือกตั้งวันใดนั้นมีความหมายมาก เพราะถือเป็นการนับหนึ่งที่จะกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินทูลเสร็จเปิดสภาภายใน 15 วันหลังจากนั้น ดังนั้นที่เกรงกันก็คือเรื่องการประกาศผลการเลือกตั้งไปก่อนแล้วนับ 15 วันจะไปอยู่ในช่วงพระราชพิธี จึงได้พูดคุยกันว่าให้ยึดวันที่ 9 พฤษภาคมเป็นหลัก และหากวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 24 มีนาคม ก็จะห่างอยู่ประมาณ 45-47 วัน ซึ่งถ้า กกต.คิดว่าทำได้ทัน และดูแล้วก็ไม่ติดพระราชพิธีใดๆ ดังนั้นจะให้อยู่ในกรอบวันที่ 9 พฤษภาคม ก็อยู่ที่ กกต.บริหารจัดการ ทั้งนี้รัฐบาลเป็นห่วงอยู่เพียงเรื่องที่จะไปทับซ้อนกับพระราชพิธีเท่านั้น แต่ถ้าเป็นไปอย่างที่ได้พูดคุยกันข้างต้นก็ไม่มีปัญหา

“ส่วนที่กลัวกันว่าจะมีปัญหาหรือไม่ หากประกาศผลเลือกตั้งไปก่อนแล้วมาสอยทีหลัง ถ้าหากมีกรณีที่เป็นปัญหามากๆ อยู่หลายรายก็อาจจะเกิดปัญหาจริงในการจัดตั้งรัฐบาล แล้วใครก็ตามที่เป็นรัฐบาลตั้งขึ้นมาโดยอาศัยพรรคการเมืองเหล่านั้น อาศัยเสียงเหล่านี้สนับสนุนอยู่ แต่พอถึงเวลาโหวตก็โหวตกันได้ แต่พอถึงเวลาอยู่ไปแล้วถูกสอยออกรัฐบาลก็กลายเป็นเสียงข้างน้อย อย่างนั้นอาจเป็นปัญหาจริง” นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า ตนและนักกฎหมายทั้งหลาย หรือแม้แต่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)เอง ซึ่งเคยชี้แจงในสภาว่า ในการประกาศผลการเลือกตั้งช่วง 60 วันเป็นคนละเรื่องกับ 150 วัน แต่ถ้ากกต.คิดว่าเพลย์เซฟ แล้วเอามาเป็นเรื่องเดียวกันก็แล้วไปไม่มีปัญหาเพียงแต่ขอให้บริหารจัดการให้ได้เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าระยะเวลา 45-47 วัน ในการรณรงค์หาเสียงเพียงพอหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาเป็นเวลาที่พอดี แต่บังเอิญว่าคราวนี้พิเศษ เนื่องจากจะเป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียว เลือก 2 ชนิด และการนับคะแนน จะต้องมีวิธีการคิดเพื่อให้เกิดเป็นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ก็อาจมีปัญหาล่าช้า แต่ถ้าหากกกต.เชื่อว่าสามารถบริหารจัดการได้ก็ไม่เกิดปัญหาอะไร และสมมุติว่าถ้าถึงวันที่ 9 พฤษภาคม แล้วยังไม่เสร็จ ยังต้องนับคะแนนต่อ ยังไม่สามารถประกาศผลได้นั้น ตนก็เห็นว่า ไม่มีข้อขัดแย้งอะไร หากตอนนั้นสงสัยคิดว่าไม่ทันแล้วจะเกินเวลา จะไปถามศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ อย่างไรก็ตาม นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.ยกร่างรธน.) ช่วยค้นและได้มาอธิบายกับตน แต่ตนก็บอกว่าอย่ามาอธิบายกับตนเลยให้ไปอธิบายกับสื่อก็แล้วกัน เพราะถ้อยคำที่ใช้ในรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาก็เขียนแบบเดียวกันว่า ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายในเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อจัดการเลือกตั้งแล้วเสร็จ การประกาศผลก็นับจากนั้น แต่รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาไม่ได้ใช้คำว่า ประกาศผล แต่ใช้คำว่า ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 60 หรือ 90 วัน ซึ่งการจะเปิดสภาก็คือจะต้องประกาศผลนั่นเอง นับเป็นระยะเวลาคนละส่วนกันกับการจัดการเลือกตั้ง

“สำหรับผม ผมเห็นว่าถ้ายังไม่เสร็จก็ยังสามารถดำเนินการได้ แต่ถ้าจะมีคนเถียงหรือท้วง ว่าไม่ได้จะต้องให้แล้วเสร็จ อย่างนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ก็ท้วงอยู่คนเดียว ท้วงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็ไม่เป็นไร ถ้าสงสัยในตอนนั้น แล้วกลัวว่าไม่เสร็จไม่ทัน ค่อยไปยื่นหารือศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะไปหารือในวันนี้ อย่าตีตนไปก่อนไข้ ไม่ทันเห็นน้ำแล้วเพิ่งตักกระบอก ไม่เห็นกระรอกก็จะโก่งหน้าไม้ เพราะเลือกก็ยังไม่เลือก แล้วไปคิดก่อนว่ามันจะไม่เสร็จมันจะไม่ทัน แล้วจะเกินเวลา แล้วจะโมฆะ คิดอย่างนั้นจินตนาการมากไปแล้วล่ะ” นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นว่า 24 มีนาคม เหมาะเป็นวันเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบแล้วแต่กกต.เห็นว่าเหมาะอย่างไร แต่สำหรับตนมองเห็นหลายจุดว่า 3 และ 10 มีนาคม อาจจะกระชั้นไปเมื่อเทียบกับวันที่จะประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งยังไม่รู้จริงว่าจะประกาศเมื่อไหร่ จึงอาจทำให้เหลือระยะเวลาหาเสียงสั้น ถ้าเป็น 17 มีนาคม อาจจะมีปัญหากับเด็กที่สอบ TCAS จำนวนเป็นแสนคน และเป็นวัยที่มีสิทธิเลือกตั้งทั้งนั้น ดังนั้นจึงเหลือวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งก็น่าจะเหมาะที่สุด และพระราชกฤษฎีกาก็น่าจะประกาศใช้ได้ในสัปดาห์หน้าอย่างที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมบอกไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีต้องการให้เกิดความสงบในช่วงเลือกตั้ง เพราะมีหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหว นายวิษณุ กล่าวว่า ขณะนี้ก็สงบอยู่แล้ว และแน่นอนว่ารัฐบาลและคนไทยต้องการความสงบเรียบร้อยตลอดเวลา โดยเฉพาะในยามนี้ที่ต้องการความสงบเรียบร้อยมากขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะเหตุสำคัญ 2 อย่าง คือ ช่วงเลือกตั้ง กับ ช่วงพระราชพิธีสำคัญ ไม่ถือเป็นความยุ่งยาก เพราะสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ถือเป็นความสงบแล้ว อย่าทำอะไรให้รุนแรงไปจากที่มีอยู่ในเวลานี้ก็ถือว่าเพียงพอ ทั้งนี้ กำลังเป็นที่จับตาดูของทั่วโลกอยู่เหมือนกันที่ต้องการเห็นประเทศไทยมีความสงบสุขเรียบร้อย

เมื่อถามว่า กลุ่มคนอยากเลือกตั้งนัดชุมนุมเคลื่อนไหว 19 มกราคมนี้ เพื่อกดดันและขีดเส้นให้รัฐบาลประกาศวันเลือกตั้งให้ชัดเจน นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้กดดันอะไร และไม่สามารถกดดันได้ เว้นแต่เขาตั้งใจจะกดดันคนอื่น

เมื่อถามว่า ตามที่รองนายกฯ ระบุว่า 24 มีนาคม 62 มีความเหมาะสมในการจัดการเลือกตั้ง สามารถประกาศในนามรัฐบาลได้เลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ที่ตนตอบเพราะสื่อถามนำว่าเหมาะสมหรือไม่ ตนมี 3 ทางในการเลือกตอบ คือ 1.ไม่เหมาะสม 2.เหมาะสม และ 3.เฉยๆ โดยความเห็นส่วนตัว การจะตอบไม่เหมาะสมมันก็เท็จ จะบอกว่านิ่งเฉยเสียก็อาจจะดีที่สุด แต่เมื่อเผลอตอบไปแล้ว ก็ตอบว่าเป็นไปได้ ตนไม่ได้บอกว่าเหมาะสมเลย

“วันที่ 3 มีนาคม 2562 ไม่เหมาะสมเอา เลย 10 มีนาคม 2562 มีความเป็นไปได้ แต่เมื่อยังไม่รู้ว่า พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง จะมีวันไหน จะเหลือเวลาหาเสียงน้อยไป บางพรรคอาจไม่บ่น บางพรรคบอกเลือกเร็วๆ ดีแล้ว ทุกวันนี้จ่ายเงินทุกวัน ยิ่งเหลือเวลาหาเสียงหลายวันยิ่งจ่ายมากขึ้น มีบางพรรคมาบอกผมอย่างนั้น ก็เรื่องของคุณ แต่ถึงอย่างไร

ต้องคำนึงถึงระยะเวลาหาเสียงที่เพียงพอ เมื่อจะขยับวันเลือกตั้ง วันหาเสียงก็ไม่ควรน้อยกว่ากำหนดเดิมคือ 52 วัน จึงจะเป็นธรรม” นายวิษณุ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก  prachachat.net


สรุปเกณฑ์ สินเชื่อบ้าน ปี 2562

การเปลี่ยนแปลงภาคการเงินที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับ “เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่” ที่ประกาศบังคับใช้ในปีหน้า 1 เมษายน 2562 นั้น เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในแง่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค เข้าที่เข้าทางมากขึ้น รวมทั้ง ช่วยให้ภาคธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยสินเชื่อบ้านได้อย่างมีคุณภาพอีกด้วย 

              หากใครเป็นกังวลว่า “บ้านในฝัน” คงหมดโอกาสแน่แล้ว บอกเลยว่ายังมีหวังกันอยู่ เพราะเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยครั้งนี้ เน้นหนักไปยัง 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

  1. ผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยตั้งแต่หลังที่ 2 เป็นต้นไป ในกรณีที่ยังยังบ้านหลังแรกไม่หมดเท่านั้น
  2. ผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีมูลค่า 10 ลบ. ขึ้นไป

           นั้นหมายความว่า หากบ้านในฝันของคุณ คือ บ้านหลังแรกและมีราคาต่ำกว่า 10 ลบ. จะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยครั้งนี้เลย นอกจากนี้ ธปท. ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กลุ่มที่จะไม่ได้รับผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ครั้งนี้ แบ่งเป็น 6 กลุ่มหลัก ได้แก่

 

  1. ผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยหลังแรก และมีราคาต่ำกว่า 10 ลบ.
  2. ผู้ที่ต้องการ Refinance บ้านหลังแรก เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย (สำหรับผู้ขอสินเชื่อที่มีภาระผ่อน 1 หลัง)
  3. ผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 โดยปิดหนี้บ้านหลังแรกเรียบร้อยแล้ว (ผ่อนหลังแรกเสร็จแล้ว)
  4. ผู้ขอสินเชื่อเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยบนที่ดินของตนเอง ซึ่งเป็นที่ดินปลอดภาระหนี้
  5. ผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขาย หรือผ่อนดาวน์ก่อน 15 ตุลาคม 2561
  6. ผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยก่อนวันที่ 1 เมายน 2562

             โดย เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ที่จะบังคับใช้ 1 เมษายน 2562 จะเกี่ยวข้องกับ 2 ส่วนหลัก คือ อัตราการวางดาวน์ขั้นต่ำ และสินเชื่อ Top-up รายละเอียดดังนี้

 

 1. สัดส่วนการวางดาวน์ขั้นต่ำ สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ต่ำกว่า 10 ลบ. และ 10 ลบ.ขึ้นไป รายละเอียดต่างกัน แต่จะเหมือนกันในกรณีขอสินเชื่อบ้านหลังที่ 3 โดยยังผ่อนสัญญาอื่นไม่หมด ที่ตัวเลข 30% รายละเอียดดังนี้

 

 

2. วงเงินสินเชื่อ จะนับรวมสินเชื่อ Top-Up (สินเชื่อเพื่อวัตถุประสงค์อื่นภายใต้หลักประกันที่อยู่อาศัยเดียวกัน เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อตกแต่งบ้าน เป็นต้น) ต้องไม่เกินมูลค่า 100% ของหลักทรัพย์ค้ำประกัน ยกเว้น สินเชื่อเพื่อจ่ายเบี้ยประกันชีวิตผู้กู้ (MRTA), ประกันวินาศภัย และสินเชื่อที่ให้กับธุรกิจ SMEs

 

3. กำหนดบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2562 เป็นต้นไป โดยยกเว้น กรณีทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือผ่อนดาวน์ก่อน 15 ต.ค. 2561

 

               การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เชื่อว่าภาคประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้รับประโยชน์โดยทั่วกัน อาทิ ภาคประชาชนที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง จะสามารถซื้อบ้านในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น ลดพฤติกรรมการกู้ยืมเกินความจำเป็น ขณะเดียวกัน จะช่วยให้กลุ่มประชาชนที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนหรือเกร็งกำไรองรับความเสี่ยงได้ดีขึ้น แม้แต่กลุ่มผู้ประกอบการเอง จะได้รับประโยชน์จากการวิเคราะห์ความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริงได้มากขึ้น ลดความเสี่ยงจากอุปทานคงค้างได้ 

ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com


 ออก ‘เที่ยว’ สัมผัสธรรมชาติใกล้ตัว ณ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี

ออก \\'เที่ยว\\' สัมผัสธรรมชาติใกล้ตัว ณ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี thaihealth

ใกล้เข้ามาแล้วกับงานวิ่งสุดยิ่งใหญ่ กับงาน “สสส. จอมบึงมาราธอน 2019” ที่จะจัดขึ้นที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เป็นประจำทุกปี นอกจากเหล่านักวิ่งจะต้องเตรียมความพร้อมฟิตซ้อมก่อนลงสู่สนามในวันจริงแล้ว ในบางท่านอาจกำลังมองหาที่เที่ยวใกล้ ๆ ที่พอให้แวะไปเก็บบรรยากาศได้อีกด้วย

เพราะ ‘ราชบุรี’ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดสำคัญที่ซ่อนสถานที่และเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย และยังเป็น 1 ใน 55 จังหวัดที่ถูกจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเมืองรอง เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่หากได้มาแล้วจะได้เก็บเกี่ยวทั้งบรรยากาศในการท่องเที่ยว ประสบการณ์และการเรียนรู้วิถีชุมชนจากทั้ง 9 อำเภอไว้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ถ้ำเขางู เมืองโบราณคูบัว ตลาดน้ำดำเนินสะดวก วัดขนอนหนังใหญ่ อุโบสถทองคำร้อยล้านวัดพระศรีอาร์ย อุทยานบ้านปลาและสวนผีเสื้อมนชิดา น้ำตกเก้าโจน อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม เป็นต้น

แต่ในเมื่อแลนด์มาร์คงานวิ่งของเราตอกเสาลงหมุดอยู่ที่ อ.จอมบึง วันนี้ทีมเว็บไซต์ สสส. จึงนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เคยไปเยือน อย่าง อำเภอจอมบึง มาฝากเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ไม่อยากนั่งรถนาน ๆ เดินทางง่าย ๆ หรือผู้ที่สนใจไปท่องเที่ยวแบบใกล้ชิดธรรมชาติในช่วงสุดสัปดาห์ค่ะ

ถ้ำเขาบิน

ออก \'เที่ยว\' สัมผัสธรรมชาติใกล้ตัว ณ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี thaihealth

ถ้ำเขาบิน หมู่ที่  11 ต.หินกอง อ.เมือง จ.ราชบุรี บนถนนสายราชบุรี–จอมบึง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีความสวยงามจากหินงอกหินย้อยที่ส่องแสงตกกระทบกับแสงสีของไฟได้อย่างชัดเจน มียอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 272 เมตร เนื้อที่ภายในถ้ำประมาณกว่า 5 ไร่ เมื่อเข้าไปในถ้ำได้ประมาณ 50 เมตร จะมีทางแยกเป็น 2 ทาง ทางด้านซ้ายจะเป็นทางเข้าก้นถ้ำ มีความลึก 300 เมตร ส่วนทางด้านขวาจะเป็นทางอ้อมไปตามสันเขา ก้นถ้ำลึกประมาณ 200 เมตร

ภายในถ้ำเขาบินจะแบ่งออกเป็น 8 ห้องใหญ่ คือ 1) โถงอาคันตุกะ 2) ศิวะสถาน 3) ธารอโนดาต 4) สกุณชาติคูหา 5) เทวสภาสโมสรสถาน 6) กินนรทัศนาหรือกินนรีทัศนา 7) พฤกษาหิมพานต์ และ 8) อุทยานทวยเทพ ที่น่าสนใจคือชื่อที่ใช้เรียกแต่ละห้องนั้นมาจากเรื่องเล่าและความเชื่อ ดังนั้นหากอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ต้องหาวันไปสัมผัสด้วยตัวเองแล้วล่ะ

ถ้ำเขาบิน เปิดให้บริการ ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.00 น. มีค่าเข้าชมท่านละ 20 บาท สอบถามข้อมูล โทร. 032-391-397

สวนพฤกษศาสตร์วรรณคดีภาคกลาง

สวนพฤกษศาสตร์วรรณคดีภาคกลาง เขาประทับช้าง ตั้งอยู่เชิงเขาประทับช้าง ตรงข้ามปากทางเข้าถ้ำเขาบิน อยู่ห่างจากตังจังหวัดประมาณ 25 กิโลเมตร มีพื้นที่อยู่ในเขต ต.ดินกอง อ.เมือง และ ต.ปากช่อง อ.จอมบึง เป็นสวนป่าที่รวบรวมพรรณไม้ในวรรณคดีหายากให้หลายชินไว้อย่างร่มรื่น ยิ่งในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน จะเป็นช่วงไฮไลท์ที่ควรมาเป็นอย่างมาก เพราะจะมีดอกอรพิมสีขาวบริสุทธิ์บานสะพรั่ง เหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อนและศึกษาธรรมชาติพันธุ์ไม้อย่างที่สุด

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ “พฤกษานานาพรรณ” ทั้งหมด 13 สถานี ตลอดเส้นทาง 900 เมตร จะได้ผ่านแปลงพรรณไม้ที่เกี่ยวข้องกับวรรณคดีไทย เช่น พืชสมุนไพร พรรณไม้ประจำจังหวัด นอกจากนี้ยังได้ใกล้ชิดกับสัตว์ป่า อย่าง เสือ กวาง เก้ง เป็นต้น โดยใช้เวลาในการเดินศึกษารวมประมาณ 45 นาที

และในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายนของทุกปี สวนพฤกษศาสตร์ฯ จะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จัดกิจกรรมวิ่งและขี่จักรยานเสือภูเขาชมสวนมวลไม้อีกด้วย

ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์ป่าเขาประทับช้าง

ออก \'เที่ยว\' สัมผัสธรรมชาติใกล้ตัว ณ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี thaihealth

ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์ป่าเขาประทับช้าง ตั้งอยู่ที่ ต.ปากช่อง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี อยู่ห่างจากตังจังหวัดประมาณ 25 กิโลเมตร เรียกได้ว่าบรรยากาศที่นี่แตกต่างจากที่อื่น เพราะตั้งอยู่ในช่องว่างระหว่างเขา ในพื้นที่ราว 26 ไร่ถูกจัดแสดงพันธุ์สัตว์ป่านานาชนิดเป็นสวนสัตว์ขนาดย่อม ๆ ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่ที่นี่มาจากการบริจาคหรือถูกจับยึดมาได้แล้วนำมาอภิบาลและขยายพันธุ์ โดยผู้เข้าชมสามารถซื้ออาหารไปให้สัตว์ต่าง ๆ ได้

ทางเข้าศูนย์ฯ อยู่ตรงข้ามกับถ้ำเขาบิน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-16.00 น. ไม่มีค่าเข้าชม ข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 032-211025 ต่อ 807

ถ้ำจอมพล

ออก \'เที่ยว\' สัมผัสธรรมชาติใกล้ตัว ณ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี thaihealth

ถ้ำจอมพล อ.จอมบึง จ.ราชบุรี อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ในบริเวณสวนรุกขชาติจอมพล อยู่ติดกับมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง มีค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ในอดีตที่แห่งนี้มีพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ทรงประพาสและทอดพระเนตรถ้ำจอมพล ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 โดยตรงปากถ้ำจะมีพระอักษร จ.ป.ร. เป็นอักษรพระปรมาภิไธย ของรัชกาลที่ 5 โดยย่อ และเลข 114 หมายถึงปีที่เสด็จประพาสและทรงพระอักษร พระราชทานนามถ้ำว่า “ถ้ำจอมพล” โปรดเกล้าให้ช่างสลักศิลาตามอักษร  แล้วทรงฉายพระรูปที่ปากถ้ำนั้น

ภายในถ้ำจอมพล จะมี 9 บริเวณสำคัญ นั่นคือ 1) ธารศิลา 2) จุลคูหา 3) พิชิตชล 4) สร้อยระย้า 5) ผาวิจิตร 6) แส้จามรี 7) ถ้ำมัสยาสถิต 8) ธารเนรมิต 9) บรมอาส์น จุดที่ 9 นี้เองที่ใกล้เคียงกับพระพุทธไสยาสน์ ที่จะมีหินย้อยเหมือนรูปกระถาง แนะนำว่าหากมาถึงจุดในช่วงประมาณ 13.15 (บางข้อมูลแนะนำช่วง 14.00-14.30 น.) จะมีแสงส่องลงมาจากถ้ำตกกระทบกับพื้นหินและกระทบโดนกับพระพุทธรูปในแนวเฉียงพอดี ซึ่งช่วงที่แสงนี้งดงามน่ามามากที่สุดคือช่วงเมษายนและสิงหาคม

สวนรุกขชาติ

สวนรุกขชาติ ตั้งอยู่บริเวณหน้าถ้ำจอมพล ถือเป็นแหล่งธรรมชาติที่สวยงาม ประชาชนในพื้นที่มักใช้บริเวณนี้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ให้ความความร่มรื่น สามารถศึกษาพันธุ์ต้นไม้ต่าง ๆ เช่น มะกอก ต้นเสี้ยน มะเดื่อ ชงโค ก้ามปู หน่อไม้ มะขามป้อน สะเดา หางนกยูง ตะขบ เล็บเหนี่ยว กล้วยเต่า สมอ มะหาก เป็นต้น

ถ้ำจอมพลและสวนรุกขชาติ จึงถือเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติให้แก่สถานศึกษาทั้งในท้องถิ่นและต่างชาติ จะได้เรียนรู้การเกิดของหินจนกลายเป็นหินงอกหินย้อยที่มีรูปร่างสวยงาม รวมถึงเป็นแหล่งศึกษาสัตว์ต่าง ๆ ทั้งภายในถ้ำและภายนอกถ้ำ อย่าง ลิง กระรอก กระแต ค้างค้าง และนกอีกกว่า 50 ชนิด

นอกจากนี้ ในวันที่ 20 มกราคม 2562 ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่าง “สสส.จอมบึงมาราธอน 2019” งานวิ่งแห่งปีที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากว่า 30 ปี จนได้รับขนานนามว่า “ใครไม่เคยวิ่งสนามจอมบึง ไม่ใช่นักวิ่งที่แท้จริง” โดยจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง โดยเปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมด้วยกัน 3 ระยะ คือ ระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร และระยะมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร 

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/01/2562

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,400.00 19,300.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,900.00 18,950.00 1,250.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,632.20 1,295.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 17,055.00 1,125.00
ทองรูปพรรณ 80% n/a 15,160.00 1,000.00
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,535.08 563.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,640.08 438.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 18/01/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 26.35 26.35 26.35 26.35 26.35 26.35 26.35 26.35 26.35 26.35
แก๊สโซฮอล์ 91 26.08 26.08 26.08 26.08 26.08 26.08 26.08 26.08 26.08 26.08
แก๊สโซฮอล์ E20 23.34 23.34 23.34 23.34 23.34 23.34 23.34 23.34 23.34
แก๊สโซฮอล์ E85 19.34 19.34 19.34
เบนซิน 95 33.76 34.21 34.26 34.06 34.06
ดีเซล 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69
ดีเซลพรีเมี่ยม 29.29 29.56 29.75 29.75 29.75
แก๊ส NGV 16.07 16.07
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า