คอนโดฯพัทยาคึก! ผุดใหม่ทะลุ 3 เท่า
ผู้ประกอบการไทย-เทศแห่เปิดคอนโดฯ ในพัทยา รับสัญญาณบวกลงทุนพื้นที่อีอีซี-ท่องเที่ยว ‘คอลลิเออร์ส’ เผย ปี 61 ซัพพลายใหม่เพิ่ม 360% สูงสุดรอบ 4 ปี … นายกสมาคมอสังหาฯชลบุรีชี้! ที่ดินพุ่ง 2.5 แสนต่อ ตร.ว. ห่วงสินค้าล้นตลาด
ไม่เพียงตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เติบโตทำลายสถิติ ใน จ.ชลบุรี แม้จะเป็นตลาดภูมิภาค แต่ขนาดของตลาดรองจากกรุงเทพฯ เนื่องจากในพื้นที่มีครบทั้งอุตสาหกรรมการผลิตและการท่องเที่ยว ล้วนปัจจัยหนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งมีแรงผลักดันแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของทางรัฐบาลเพิ่ม ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความคึกคัก โดยเฉพาะที่พัทยา เมืองท่องเที่ยวหลักของภาคตะวันออก ในปี 2561 ผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่กว่า 10,000 ยูนิต มูลค่ารวม 5.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 8,047 ยูนิต หรือมากกว่า 367.1%
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสแผนกวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า จำนวนห้องชุดที่เปิดขายใหม่ในปีที่ผ่านมา ที่มากกว่า 1 หมื่นยูนิต เทียบได้กับสถิติในช่วงปี 2554-2557 มีอุปทานขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในพัทยาปีละกว่า 1 หมื่นยูนิต อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมตลาดจะดูคึกคัก แต่ยังมีอุปทานเหลือขายอีกกว่า 1.2 หมื่นยูนิต ที่รอการระบาย
“ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในการพัฒนาโครงการใหม่ เนื่องจากผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในพัทยาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักลงทุน หวังผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งน้อยมากที่จะเน้นซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริง ดังนั้น ไม่ควรโหมเปิดตัวโครงการใหม่มากเกินไป จนตลาดไม่สามารถดูดซับได้ทัน เหมือนอดีตเมื่อ 4-5 ปีก่อน ที่พัทยามีคอนโดมิเนียมคงค้างในตลาดจำนวนมาก”
นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดชลบุรี มองภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่ ว่า ในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเห็นถึงสัญญาณบวกที่เกิดขึ้น เดินหน้าลงทุนโครงการ โดยเฉพาะโซนทำเลพัทยา ผู้ประกอบการลงทุนเปิดโครงการใหม่และลงมือก่อสร้างค่อนข้างมาก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการในธุรกิจคอนโดมิเนียมของเมืองพัทยา หลัก ๆ เป็นนักลงทุนจากต่างชาติเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนนักลงทุนไทยมาลงทุนที่พัทยา ส่วนใหญ่เป็นบริษัทชั้นนำมาจากส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็น ‘แสนสิริ’ หรือ ‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ และมีผู้ประกอบการท้องถิ่นบางรายที่ยังลงทุนต่อเนื่อง นอกจากนั้น ระยะหลังมีนักธุรกิจชาวจีนเข้ามาลงทุนทำธุรกิจคอนโดมิเนียมจำนวนหนึ่ง แต่พอนักท่องเที่ยวจีนหาย นักลงทุนกลุ่มนี้ก็ดูจะเงียบ ๆ ไป
v”ถามว่า ปี 2562 สถานการณ์จะเป็นอย่างไรในธุรกิจคอนโดมิเนียม ต้องตอบว่า คงไม่ดี ยอดขายคงลด ยอดโอนกรรมสิทธิ์คงหดตัว เพราะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ภาพอย่างนี้ ทำให้นักลงทุนไม่กล้าลงทุน ผู้บริโภคก็ชะลอการลงทุนเช่นกัน ประกอบกับมาตรการ LTV ที่จะมีผลบังคับในวันที่ 1 เม.ย. 2562 ก็จะเป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่ชะลอกำลังซื้อของลูกค้า”
สำหรับราคาที่ดินในพัทยาขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นจนจับไม่ได้ ยิ่งมีกระแสการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC และพัทยาเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการพัฒนาตามกรอบนี้ โดยราคาขายไม่น้อยกว่า 150,000 บาทต่อตารางวา บนทำเลปกติ หากเป็นทำเลที่สวย มีศักยภาพ ขายกัน 200,000-250,000 บาทต่อตารางวา ที่สำคัญที่สุด คือ หาซื้อไม่ได้
นายปริญญา เธียรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเพื่อขายและให้เช่าจากกรุงเทพฯ ที่ลงทุนโรงแรมโอ๊ควูด โฮเทล แอนด์ เรสซิเด้นท์ ศรีราชา มองโครงการอีอีซี ช่วยกระตุ้นให้มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว รวมถึงการผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอากาศยาน หรือ การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ก็จะทำให้ต่างชาติเข้ามาทำงานในพื้นที่นี้เพิ่มมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับประโยชน์ เพราะในส่วนของ โอ๊ควูด โฮเทล ศรีราชา ลูกค้ากว่า 50% ก็เป็นคนญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานตามนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในศรีราชาเองก็มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่กว่า 1 หมื่นครอบครัว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“คลัง” ฮึดดันจีดีพีปีนี้โตเต็มสูบที่ 4%
28 ม.ค. 2562 แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (28 ม.ค.2562) กระทรวงการคลังจะมีการแถลงประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2561 และ 2562 โดยเศรษฐกิจปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวได้ 4.1% จากที่ประมาณไว้เดิมก่อนหน้านี้ 4.5% โดยก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังพยายามทำให้เศรษฐกิจ 2561 จะขยายตัวได้ 4.2% แต่มูลค่าการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศออกมาขยายตัวได้ 6.7% จากเดิมที่คาดว่า 8% ทำให้กระทรวงการคลังต้องปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2561 ลงไปอีก
สำหรับการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวได้ 4% โดยมีช่วงคาดการณ์ระหว่าง 3.5-4.5% ใกล้เคียงกับที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประมาณการไว้ โดยแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังมาจากการใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนในประเทศ และมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกผันผวน ทำให้คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 4-5% เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งนอกและในประเทศอีกด้วย
“แม้ว่าธนาคารโลกมองว่าเศรษฐกิจ 2562 จะขยายตัวได้ 3.8% แต่กระทรวงการคลังคิดว่ายังสามารถขยายตัวได้ 4% ซึ่งเป็นระดับที่เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพ 4-5% ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น หากเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวไม่ถึง 4% จะทำให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเกิดการชะลอมากขึ้น” แหล่งข่าว กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ความชัดเจนการเลือกตั้งจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจ ขณะที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง ระบุว่า การเลือกตั้งทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจและชะลอการลงทุนโครงการใหม่ ออกไปก่อน ซึ่งรัฐบาลได้พยายามเร่งการลงทุนภาครัฐมาชดเชย เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัว
นอกจากนี้ นายอภิศักดิ์ ได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 4% แต่จะขยายตัวได้น้อยกว่าปี 2561 เนื่องจากผลกระทบสงครามการค้า การชะลอตัวของเศรษฐกิจ กระทบกับการส่งออกของไทยมากขึ้น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost.net
ไอเดียการจัดสวนเล็กๆ ในคอนโดฯ
ขอบคุณภาพจาก google
ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost.net
อัปเดต ภาษี ปี 2562 อะไรจริง อะไรจ้อจี้
อย่างที่หลายๆ คนทราบกันดีว่า ในปี 2562 นี้ จะมีการอัปเดต และเปลี่ยนแปลงในเรื่องภาษีกัน ยังไงเราลองมาทบทวนกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อีกสักนิด เพื่อรับมือกับการเสียภาษีปีนี้ดีกว่า!
ว่าแต่จะมีเรื่องอะไรบ้างนะที่มีการเปลี่ยนแปลง ตาม rabbit finance มาเลย เพราะเราสรุปไว้ให้แล้ว!
อัปเดต ภาษี ปี 2562 อะไรจริง อะไรจ้อจี้
สรุป จริงไม่จริง กับข่าวลือการเปลี่ยนแปลงภาษี
หลายคนอาจจะได้ยินข่าวลือมากมาย เช่น อายุ 18 ปี ขึ้นไป ต้องยื่นภาษี ไม่ว่าจะมีรายได้หรือไม่,ทำธุรกิจต้องจด VAT ทุกราย แต่ถ้ารายได้น้อยให้เสียในอัตราต่ำ, ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นิติบุคคลและมาตรการกระตุ้นภาษี และอื่นๆ อีกมากมายนั้น เราต้องขอย้ำเลยว่าไม่ใช่เรื่องจริง!
การแก้ไขครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นที่จะทำร่างกฎหมายให้แล้วเสร็จภายในปี 2562 เพื่อแก้ไขประมวลรัษฎากรต่อไปในอนาคต โดยทางคณะกรรมการมีเป้าหมายที่จะแก้ไขให้กฎหมายออกมาบังคับใช้ได้ทันภายในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งก็มีข้อเสนอที่เราได้เห็นผ่านๆ กันมาแล้ว
หากให้สรุปกันง่ายๆ สั้นๆ อีกที คือ กระบวนการดังกล่าวเป็นเพียงแค่ข้อเสนอใหม่ในการเก็บภาษีเท่านั้น ยังไม่ถึงกระบวนการขั้นตอนว่าใช้จริงหรือไม่นั้นเอง
เพราะฉะนั้นใครที่ไม่สบายใจอยู่ก็หายห่วงได้เลย!
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มาจริง ไม่จ้อจี้
เรียกได้ว่าเป็นภาษีรูปแบบใหม่ที่ทำให้หลายคนตื่นตัวเลยก็ว่าได้ แรกเริ่มมีการคาดการณ์กันว่าจะเริ่มใช้ในปี 2562 แต่ตอนนี้มีการเลื่อนออกไปใช้ในปี 2563 โดยบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของรัฐ
มีการแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน และที่ต้องเสียภาษี ดังนี้
1.เกษตรกรรม หมายถึง การใช้ที่ดินในการทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสัตว์น้ำ และกิจการอื่นตามที่รัฐมนตรีจะประกาศกำหนด (อาจต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกร) สำหรับกรณีที่เป็นที่ดินเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 0.2%
2.บ้านพักอาศัย จะแบ่งเป็น 2 ประเภท
- บ้านพักอาศัยหลังหลัก โดยดูจากเจ้าของต้องมีชื่ออยู่ในโฉนด เจ้าของใช้เป็นที่อยู่อาศัย และเจ้าของต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในวันที่ 1 มกราคม ของปีภาษีนั้นๆ
- บ้านพักอาศัยหลังอื่นๆ หมายถึงกรณีที่เจ้าของมีชื่อในโฉนดเฉยๆ ไม่ได้มีชื่อในทะเบียนบ้าน
สำหรับกรณีที่เป็นที่พักอาศัย จัดเก็บภาษีในอัตราไม่เกิน 0.5%
3.พาณิชยกรรม หมายถึง การใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ใช้เพื่อการเกษตรกรรมหรือการอยู่อาศัย เช่น ใช้เพื่อพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรม เป็นต้น
สำหรับกรณีที่เป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ด้าน พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม และอื่นๆ จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 2%
4.ที่รกร้างว่างเปล่า หมายถึง ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ หรือทิ้งไว้ว่างเปล่า สำหรับกรณีที่เป็นที่ดินทิ้งร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์ตามสภาพ จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกิน 5% ของฐานภาษี
ซึ่งเราก็ต้องมาดูกันอีกทีว่า ในปี 2563 ต่อไป จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก่อนที่ภาษีที่ดินเหล่านี้จะถูกกำหนดให้ใช้จริง
มีอะไรลดหย่อนเพิ่มบ้างไหม?
ปีนี้เป็นอีกปีที่มีค่าลดหย่อนภาษีเพิ่มเข้ามา สำหรับใครที่ไม่อยากพลาด มาเช็กกันดีกว่าว่าค่าต่างๆ ที่เพิ่มมาในปีนี้ เข้าข่ายให้คุณสามารถนำไปลดหย่อนได้หรือเปล่า!
ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร
เป็นค่าลดหย่อนที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในปีนี้ โดยกำหนดให้ผู้ที่มีเงินได้หรือคู่สมรส สามารถนำค่าใช้จ่ายฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ที่น่าสนใจคือ สามีสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีค่าคลอดบุตรได้ หากภรรยาไม่มีเงินได้
อธิบายง่ายๆ คือ หากใช้สิทธิเบิกค่าคลอดบุตรจากสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ / สิทธิประกันสังคม / สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้งสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับจากนายจ้างภาคเอกชนแล้ว จะสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้แค่ส่วนที่ยังไม่เกิน 60,000 บาท เท่านั้น
ค่าลดหย่อนบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป
ผู้มีเงินได้ หากมีบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป ที่คลอดในปี 2561 สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้เพิ่มอีก 30,000 บาทต่อคน รวมเป็น 60,000 บาท ไม่ว่าบุตรคนแรกจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ โดยค่าลดหย่อนนี้ประกาศใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2561
เบี้ยประกันสุขภาพ
ที่ผ่านมา เรามักจะนำเบี้ยประกันต่างๆ มาลดหย่อน แต่ในปีนี้เพิ่มความหลากหลายมากขึ้น โดยเราสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี แต่เมื่อรวมเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจสอบกับบริษัทประกันก่อนว่า ประกันสุขภาพที่เราสนใจจะซื้อ หรือที่มีอยู่แล้วนั้นสามารถลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ เพราะถ้าซื้อมาแล้วลดหย่อนไม่ได้ ก็ดูจะเสียผลประโยชน์ที่ควรได้รับไปแบบฟรีๆ
ท่องเที่ยวเมืองรอง
สายเที่ยวมีเฮแน่นอน หลังจากปีก่อนๆ ได้ปล่อยการช้อปช่วยชาติให้ใช้ลดหย่อนภาษีได้ ปีนี้รัฐฯ ได้ไฟเขียวให้คนที่เดินทางไปท่องเที่ยวเมืองรอง สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองรอง
ช้อปช่วยชาติ 2561
สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้า มาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท โดยสินค้าที่ซื้อและออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูประหว่างวันที่ 15-31 ธันวาคม 2561 จะนำมาลดหย่อนภาษีปี 2561 ได้
หากซื้อสินค้าในวันที่ 1-16 มกราคม 2562 จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษี 2561 ได้ แต่ต้องนำไปลดหย่อนภาษีปี 2562 ที่จะยื่นแบบในปี 2563 ทั้งนี้ ยอดค่าใช้จ่ายรวมตลอดทั้งโครงการต้องไม่เกิน 15,000 บาท
สำหรับสินค้าที่เข้าร่วมโครงการช้อปช่วยชาติ 2561 มีเพียง 3 รายการ คือ
- ยางรถ ไม่ว่าจะเป็นยางรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน สามารถนำมาใช้สิทธิ์ครั้งนี้ได้ โดยต้องเป็นยางที่ผลิตในประเทศไทยเท่านั้น
- หนังสือ สามารถซื้อได้ทั้งหนังสือที่เป็นสิ่งพิมพ์ (ทุกประเภท ยกเว้นนิตยสารและหนังสือพิมพ์) รวมทั้ง e-Book โดยต้องซื้อจากร้านที่เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และออกใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปได้
- สินค้าโอทอป (OTOP) ต้องซื้อจากร้านค้าโอทอปที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน และมีหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป
ทางรัฐยังกำหนดอัตราการเสียภาษีแบบขั้นบันได ตั้งแต่ 5-35% สำหรับผู้ที่มีเงินได้สุทธิที่ไม่เกิน 150,000 บาท ยังได้รับการยกเว้นภาษีเช่นเดิม ดังนั้นแล้วจึงเท่ากับว่า คนที่มีเงินเดือนประมาณ 25,833 บาทขึ้นไป
หรือมีรายได้ตลอดทั้งปีไม่เกิน 310,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนส่วนตัวรวม 160,000 บาทแล้ว จะเหลือเงินได้สุทธิ 150,000 บาท ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษี
นอกจากนี้ ยังเพิ่มวงเงินหักค่าใช้จ่าย จากเดิมที่เหมาจ่าย 40% ของรายได้ เพิ่มเป็น 50% ของเงินได้ แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท และได้เพิ่มค่าลดหย่อนของเก่าเพิ่มขึ้นด้วย เช่น
- ผู้มีรายได้ จากเดิมลดหย่อน 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
- คู่สมรส จากเดิมลดหย่อน 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
- บุตรลดหย่อนได้ จากเดิม ลดหย่อนได้ที่ 15,000 บาท / คน และใช้สิทธิ์ได้ไม่เกิน 3 คน เพิ่มเป็น 30,000 บาท / คน และไม่จำกัดคน
2562 นี้ คืนภาษีผ่านพร้อมเพย์
กรมสรรพากรได้แจ้งว่า ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ได้ยกเลิกการส่งเช็คคืนเงินภาษีทางไปรษณีย์แล้ว
โดยกรมสรรพากรมีช่องทางการคืนภาษีระบบอื่นทดแทน เนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนหันมาใช้บริการพร้อมเพย์เพื่อรับคืนเงินภาษีกว่า 70% ส่วนประชาชนที่ยังรับคืนเงินภาษีจากเช็คเหลือเพียงแค่ 30% และมีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ
ซึ่งการเลือกใช้พร้อมเพย์นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี ทั้งลดภาระในการเดินทางไปธนาคารเพื่อนำเช็คไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ไม่ต้องรอรับเช็คคืนภาษีทางไปรษณีย์ แก้ปัญหาเรื่องเช็คคืนภาษีส่งไม่ถึงมือผู้รับหรือเช็คคืนภาษีสูญหาย
นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการพิมพ์เช็คและจัดส่งทางไปรษณีย์ซึ่งเป็นต้นทุนของประเทศ
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรไม่ได้บังคับให้ประชาชนลงทะเบียนพร้อมเพย์เพื่อรับคืนเงินภาษีแต่อย่างใด ยังคงเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของประชาชนอยู่
จะเห็นได้ว่าการรณรงค์คืนภาษีผ่านพร้อมเพย์นั้น มีมาตั้งแต่ปีที่แล้วๆ และภายหลังจะค่อยๆ ปรับมาคืนภาษีด้วยพร้อมเพย์มากยิ่งขึ้นนั้นเอง
เรียกได้ว่าปีที่ผ่านมามีข่าวลือมากมายจริงๆ เกี่ยวกับ ภาษี เอาเป็นว่าก็อย่าเพิ่งหูเบาปักใจเชื่อไปก่อน ค่อยๆ ลองพิจารณา หรืออ่านข้อมูลต่างๆ ให้ถี่ถ้วน จะทำให้คุณรู้ทัน ไม่ตื่นตูมจนเกินเหตุ และสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์
ส่วนภาษีในปี 2562 นี้ เราก็ต้องติดตามกันต่อไป เพราะยิ่งเข้าใกล้การเลือกตั้งมากเท่าไหร่ ย่อมมีผลต่อกฎหมาย ข้อเสนอต่างๆ เกี่ยวกับภาษีในอนาคตอย่างแน่นอน!
ขอบคุณข้อมูลจาก rabbitfinance.com
ตีแผ่ทุกคำ! คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับราคา
ในภาษาอังกฤษนั้น มีคำศัพท์ที่ใช้เกี่ยวกับราคาอยู่หลายคำ ศัพท์พวกนี้เรามักจะใช้พูดสื่อสารเวลาซื้อขายหรือติดต่อธุรกิจ ซึ่งเราควรจะรู้ไว้เป็นพื้นฐาน วันนี้จึงนำคำศัพท์ที่สำคัญเหล่านี้มานำเสนอค่ะ…
Price
ศัพท์คำนี้เป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยา โดยหากเป็น คำนาม แปลว่า ราคา มูลค่า และหากคำนี้ทำหน้าที่เป็น คำกริยา จะแปลว่า กำหนดราคา ตั้งราคา ตีราคา
ตัวอย่างประโยค
Price ทำหน้าที่เป็นคำนาม
The price of this cell phone is 25,000 baht.
(ราคาของโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้คือ 25,000 บาท)
Price ทำหน้าที่เป็นคำกริยา
These products are priced too high.
(สินค้าเหล่านี้ถูกตั้งราคาไว้สูงเกินไป)
Value
คำนี้เป็น คำนาม มีความหมายว่า คุณค่า ราคา หรือคุณประโยชน์ก็ได้
ตัวอย่างประโยค
The value of this picture must more than its cost.
(คุณค่าของภาพภาพนี้ต้องมากกว่าราคาของมันเป็นแน่)
Cost
เป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยา โดยถ้าเป็น คำนาม แปลว่า ค่าใช้จ่าย ต้นทุน หรือมีความหมายเดียวกับ Price ซึ่งแปลว่า ราคา ก็ได้ และหากใช้ในกรณีที่หมายถึงต้นทุน มักจะใช้เป็นรูปพหูพจน์โดยใช้ประกอบคำอื่น เช่น Operational costs (ต้นทุนการบริหาร), Production costs (ต้นทุนการผลิต)
ตัวอย่างประโยค
What is the cost of this furniture?
(เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ราคาเท่าไร)
สำหรับ คำกริยา cost จะแปลว่า มีมูลค่า มีราคาแพง
ตัวอย่างประโยค
How much does the furniture cost?
(เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นมีมูลค่าเท่าไร)
Charge
เป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยาเช่นกัน โดยหากเป็น คำนาม จะแปลว่า ค่าใช้จ่าย ราคา เช่นเดียวกับ Price และ Cost แต่หากใช้เป็น คำกริยา ก็จะมีความหมายว่า ชำระเงิน
ตัวอย่างประโยค
Charge ทำหน้าที่เป็นคำนาม
The charge for the necklace is 10,000 baht.
(ราคาของสร้อยเส้นนี้คือ 10,000 บาทค่ะ)
Charge ทำหน้าที่เป็นคำกริยา
How much do you charge for the necklace?
(สร้อยคอเส้นนั้นราคาเท่าไร)
เห็นไหมคะว่า คำศัพท์เหล่านี้ ใช้ไม่ยากเลย หากเราหมั่นใช้บ่อย ๆ เราก็จะชำนาญและกลายเป็นประโยคที่ใช้ถาม-ตอบในชีวิตประจำวันได้อย่างอัตโนมัติเลยค่ะ ขอให้สนุกกับการชอปปิ้งนะคะ สวัสดีค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก trueplookpanya.com
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/01/
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 19,500.00 | 19,400.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 20,000.00 | 19,056.12 | 1,257.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 19,753.48 | 1,298.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 17,150.51 | 1,303.00 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 15,244.9 | 1,005.60 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,580.56 | 566.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,670.40 | 440.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 29/01/
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 26.35 | 26.35 | 26.35 | 26.35 | 26.35 | 26.35 | 26.35 | 26.35 | 26.35 | 26.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.08 | 26.08 | 26.08 | 26.08 | 26.08 | 26.08 | 26.08 | 26.08 | 26.08 | 26.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 23.34 | 23.34 | 23.74 | 23.34 | 23.34 | – | 23.34 | 23.34 | 23.34 | 23.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.34 | 19.34 | – | – | – | – | – | 19.34 | – | – |
เบนซิน 95 | 33.76 | – | – | – | 34.21 | – | 34.26 | 34.06 | – | 34.06 |
ดีเซล | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 29.69 | 29.96 | 30.15 | 30.15 | 30.15 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.07 | 16.07 | – | – | – | – | – | – | – | – |