สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562

อสังหาแหวกความเสี่ยง เล่น‘โลว์ไรส์’ ยึดท้ายซอยหนีมรสุม

 ท่ามกลางเศรษฐกิจภายในประเทศยังฟื้นตัวไม่ดีเท่าที่ควร แต่กลับมีหลายปัจจัยรุมเร้า ทั้งสงครามการค้า มาตรการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คุมการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างปรับตัว พลิกแผน ลดทอนความเสี่ยง เช่น ลดการเปิดตัวโครงการ รอดูสถานการณ์ เมื่อ แอลทีวี (การกำหนดเงินดาวน์ขั้นตํ่าหรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน) มีผลบังคับใช้

          ทั้งการปรับลดโครงการจากแนวสูงสู่แนวราบ การชะลอการเปิดตัวไปยังครึ่งปีหลัง หรือ หากจำเป็นต้องพัฒนาต่อเนื่อง ก็มีการย่อไซซ์ให้เล็กลง เฟ้นทำเลที่มีกำลังซื้อจริง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ หรืออาคารเตี้ยสูงไม่เกิน 8 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยจะหมุนกลับมาในตลาด เพื่อลดความเสี่ยงทั้งกำลังซื้อ ต้นทุนที่ดินและไม่ต้องสร้างที่จอดรถในอาคาร ตรงกันข้ามกับที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเน้นโครงการไฮไรส์ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ ติดสถานีรถไฟฟ้า ปัจจุบันเริ่มขายอืด ส่วนใหญ่จึงเร่งระบายสต๊อกเร่งโอน ให้เหลือในมือน้อยที่สุด เพราะ ความสามารถในการซื้อปีนี้ น่าจะแผ่วลง

          สอดคล้องกับความเห็น นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ที่ก่อนหน้านี้เคยระบุว่า สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 คือ ความสามารถในการซื้อของลูกค้าจะลดลงจากเรื่องดอกเบี้ย ขณะที่ความเข้มของมาตรการแอลทีวี ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีผลพวงไปสู่คนกู้ร่วม ถูกนับเป็นการซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 ด้วยหรือไม่ ฉะนั้นขอให้ผู้พัฒนาระมัดระวังในการเปิดโครงการใหม่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในกลุ่มราคาปานกลาง ยังเป็นตลาดหลักที่น่าสนใจ และมีความเสี่ยงน้อยกว่าตลาดไฮเอนด์

          ขณะที่ นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY ในฐานะ นายกสมาคมอาคารชุดไทยที่ยังยํ้าว่า ทำเลรถไฟฟ้ายังมีความต้องการ และหากพัฒนาโครงการไม่ใหญ่มาก ปิดการขายเร็ว จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน คือ บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด ในเครือ ชินวะ กรุ๊ป มีแผนนำร่อง พัฒนาโครงการโลว์ไรส์ไซซ์เล็ก เป็นครั้งแรก โดยให้เหตุผลว่า ต้องการปิดการขายเร็วลดความเสี่ยงในเส้นทางรถไฟฟ้า สายใหม่ๆ แต่โดยส่วนใหญ่จะยังเน้นทำเลรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีนํ้าเงินเป็นหลัก

          จากการให้สัมภาษณ์ ของนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) สะท้อนว่า บริษัทยังพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง แต่ปรับเป็นรูปแบบโลว์ไรส์ หรือตึกเตี้ย สูงไม่เกิน 8 ชั้น ลดต้นทุนไม่ต้องสร้างพื้นที่จอดรถในอาคาร ตาม กฎหมายควบคุมอาคาร อีกทั้งเลือกทำเลท้ายซอย แนวรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว และ สายสีนํ้าเงิน เป็นหลัก เนื่องจากราคาที่ดินไม่สูง หากเทียบกับทำเลติดสถานีรถไฟฟ้า ส่วนทำเลสายสีเหลือง แฮปปี้แลนด์ 12 ไร่ ยังคงเดินตามแผนพัฒนาปลายปีนี้ โดยเน้นโลว์ไรส์ ก่อสร้างทีละเฟสเล็กๆ และจะเปิดจองล้วงหน้าหากยอดไม่ถึง 40% ก็พับโครงการไม่เดินหน้าต่อ ราคาขายต่อหน่วยเน้นไม่เกิน 2 ล้านบาท และ ระดับ 3-5 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไปได้ในตลาด

          นอกจากนี้ยังมีแผนช่วยลูกค้ากรณีกู้ร่วม อยู่ในข่ายสัญญาที่ 2 เมื่อแอลทีวีมีผลใช้ โดยบริษัท ร่วมกับสถาบันการเงิน เปิดให้ลูกค้าจ่ายเงินดาวน์ 20% ผ่านบัตรเครดิตโดยในอัตราดอกเบี้ยตํ่า หรือแบ่งจ่ายในกรณียืดดาวน์

          ขณะโครงการสร้างเสร็จใหม่มี 3 โครงการเร่งขายเร่งโอน ก่อนมาตรการแอลทีวี ได้แก่ เดอะทรีลาดพร้าว 15 หน่วย เดอะทรีสุขุมวิท 71 และพลัมคอนโด รามคำแหง ยอดขาย เกือบ 90%

          ขณะที่ศูนย์วิจัยฯ ศุภาลัย วิเคราะห์ภาวะสถาน การณ์การขายโครงการที่อยู่อาศัยที่ยังเปิดขายอยู่ทั้งหมด ปี 2561 พบว่า ปี 2559-2561 ชะลอลงบ้าง แต่ยังถือว่าขายดีเท่าๆ กันทั้ง 3 ปี สำหรับทำเลที่ขายดีของปี 2561 คือ รัชดาฯ-ลาดพร้าว และ ตะวันออก ทั้ง 2 ทำเลยังคงขายดีใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ส่วนทำเลใจกลางเมืองชะลอลงบ้าง แต่ในทำเลย่อยอย่างทำเลพหลโยธิน ขายดีกว่าเดิม

ส่วนบ้านแฝด ที่ขายดีมากขึ้นอยู่ในทำเลพหลโยธิน, รัชดาฯ-ลาดพร้าว, บางนา-สมุทรปราการ โดยเฉพาะทำเลศรีนครินทร์ และพระราม 2-เพชรเกษม คือ ทำเลที่มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่อง จากราคาที่ดินในทำเลเหล่านี้แพงจนไม่สามารถทำบ้านเดี่ยวได้ ส่วนทาวน์โฮม การขายของปี 2561 ถือได้ว่าเท่าๆกับปี 2558-2560 ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า สภาวะการขายที่อยู่อาศัยยังคงมีแรงขับเคลื่อนเท่าเดิมต่อไปในปี 2562

ทำเลแกร่ง

ยกให้ บีทีเอส เอ็มอาร์ที
          แม้จะมีรถไฟฟ้าเกิดใหม่หลายเส้นทาง …ทว่า หากเทียบความแกร่งแล้ว ยังไม่มีสายใดเทียบชั้น บีทีเอสสายสีเขียวและ ใต้ดินเอ็มอาร์ที สีนํ้าเงินได้ เนื่องจากเปิดให้บริการมานาน เห็นยอดผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น สะท้อนว่าความต้องการในทุกกิจกรรมยังมี ขณะความเสี่ยงน้อย หากเทียบกับทำเลอื่นโดยเฉพาะสุขุมวิท และส่วนต่อขยาย


        จากการวิเคราะห์ของ นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโมเดิร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแทนส์ จำกัด ระบุว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีนํ้าเงินมีศักยภาพสูง มีการพัฒนาเต็มพื้นที่ จะเห็นว่าราคาที่ดินย่านหลังสวนเพลินจิต ตารางวาละ3 ล้านบาทเศษ เมื่อทำเลนี้ขยับ สยามสแควร์ก็ขยับตาม ลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียงเช่นเดียวกับ พระราม 4 หัวลำโพง ราคาที่ดินปรับตาม ที่ดินจุฬาฯ ตารางวาละ 1 ล้านบาท และอนาคตคลองเตย          หากพัฒนามิกซ์ยูส อาคารพักอาศัยแนวสูงตามแผนของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่นี่จะทะยานขึ้น1 ล้านบาทต่อตารางวาทันที จากปัจจุบัน 5 แสนบาทต่อตารางวา แม้ว่าการพัฒนารถไฟฟ้าจะกระจายออกนอกเมืองแต่ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ และความนิยมของผู้ซื้อ ยังอยู่ที่รถไฟฟ้า 2 สายหลัก สอดคล้องกับนายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ประเมินว่า ทำเลสายสีเขียว บีทีเอส เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าสายแรกที่วิ่งผ่ากลางใจเมือง เมื่อมีส่วนต่อขยายมาเสริมทั้งเหนือและใต้ ทำให้ทำเลนี้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แม้ซัพพลายคอนโดมิเนียมยังเหลืออยู่ แต่การดูดซับก็ยังดีต่อเนื่อง เช่นเดียวกับสายสีนํ้าเงิน ทำเลยอดนิยม ถัดจากใจกลางเมือง ยังคงเป็นพระราม 9-รัชดาฯ นิวส์ซีบีดี (ศูนย์กลางธุรกิจใหม่) ราคาที่ดิน 1 ล้านบาทต่อตารางวา ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งรวมของอาคารสำนักงานเกรดเอ คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตลาดหลักทรัพย์ สถาทูตจีน ส่งผลให้มีดีมานด์ ฯลฯ ส่วนทำเลอื่นอย่างศรีนครินทร์ สายสีเหลือง ช่วง (ลาดพร้าว-สำโรง) มองว่า ต้องรอผู้ประกอบการเข้าพื้นที่อีกระยะหนึ่ง
ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com

พื้นที่ศูนย์การค้าขายดี ปี 62 ขยับค่าเช่า 5-10%

คอลัมน์พร๊อพเพอร์ตีโฟกัส

          แม้ภาวะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่ชัดเจนนัก แต่ผู้ประกอบการโครงการพื้นที่ค้าปลีกยังคงพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายใหญ่ในธุรกิจค้าปลีก เดินหน้าเปิดศูนย์การค้าต่อเนื่องตามหัวเมืองใหญ่ของไทยช่วงหลายปีที่ผ่านมา

          ศูนย์การค้ายังครองสัดส่วนมากที่สุดในพื้นที่ค้าปลีกที่มีแผนจะเปิดให้บริการในช่วงปี 2562-2563 โดยมีสัดส่วนประมาณ  61% ของทั้งตลาด หรือประมาณ 5.176 ล้านตารางเมตร และประมาณ 29.7% ของศูนย์การค้า ตั้งอยู่ในพื้นที่นอกใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และประมาณ 21.2% อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง


อัตราการเช่าพื้นที่ในทุกทำเล แม้ว่าจะมีโครงการพื้นที่ค้าปลีกใหม่ๆ เปิดให้บริการ ร้านค้า หรือแบรนด์สินค้าต่างประเทศจำนวนมากก็มีการเปิดร้านค้าในศูนย์การค้าต่างๆ เช่นกัน ส่งผลให้อัตราการเช่าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ใจกลางเมือง ดังนั้น อัตราการเช่าเฉลี่ยในธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกอาจจะปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3-5% ในปี 2562          สำหรับค่าเช่า ในไตรมาส 4 ปี 2561 ในพื้นที่ใจกลางเมืองเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย ขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก ค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 5-10% โดยเฉพาะศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในทำเลดีๆ ที่ปรับเพิ่มค่าเช่าสูงกว่าโครงการใหม่ หรือโครงการขนาดเล็กในทำเลใกล้เคียงกัน เนื่องจากความต้องการในพื้นที่มีมากกว่า นอกจากนี้ยังมีหลายโครงการเปิดใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา          พื้นที่ใจกลางเมือง อัตราค่าเช่าสูงที่สุดอยู่ที่มาก กว่า 3,000 หรือ 4,000 บาท ต่อ ตารางเมตรต่อเดือน สำหรับพื้นที่ในศูนย์การค้าที่อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง ค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกในพื้นที่กรุงเทพมหานครรอบนอกอยู่ที่ประมาณ 800-3,000 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนค่าเช่า และอัตราการเช่าในปี 2561 ยังคงใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ แต่ในปี 2562 ค่าเช่าอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของโครงการ
ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com

พาณิชย์ใจแข็งยืนเป้าส่งออก 8% ด้านสรท.ให้เต็มที่โต 5%

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยในงานเสวนา “มองโลก มองไทย : ทิศทางส่งออกปี 2562” จัดโดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) วันที่ 7 ก.พ.2562 ว่า กรมฯ ยังคงยืนยันเป้าหมายการส่งออกในปี 2562 ขยายตัวที่ 8% หรือคิดมูลค่า 272,685 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจขององค์กรต่างๆ จะปรับลดเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ลงมา เพราะมองว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอื่นๆ แต่กรมฯ ต้องการตั้งเป้าไว้เป็นเป้าทำงาน ส่วนจะทำได้หรือไม่ ต้องหารือกับภาคเอกชนอีกครั้ง ตอนนี้ยังคงเป้าไว้ตามเดิมก่อน

          “ช่วงปลายเดือนก.พ.นี้ กรมฯ จะหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (สอท.) หอการค้าไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ในการหามาตรการขับเคลื่อนการส่งออกเป็นรายตลาด เพราะแต่ละตลาดมีสินค้าที่มีโอกาสอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีแผนที่จะผลักดันผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ผู้ประกอบการชุมชนให้มีโอกาสส่งออกด้วย รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์”

          สำหรับเป้าส่งออกเป็นรายตลาด เช่น จีน ตั้งเป้าขยายตัว 12% , ฮ่องกง 12% , รัสเซียและซีไอเอส 10% , ญี่ปุ่น 7% , เกาหลีใต้ 7% , อาเซียน 9 ประเทศ 8.3% , เอเชียใต้ 8% , แอฟริกา 10% , อเมริกาเหนือ 6.1% , ยุโรป 27 ประเทศ 3% และตะวันออกกลาง 3% เป็นต้น

          ด้านนางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) สภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า ภาพรวมการส่งออกในปี 2561 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 252,486 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทที่ 8,093,441 ล้านบาท ขยายตัว 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 249,232 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 8,098,098 ล้านบาท ขยายตัว 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

         ส่วนการส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม ปี 2561 ที่ผ่านมามีมูลค่า 19,381 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -1.7% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การส่งออกในรูปเงินบาทเท่ากับ 633,803 ล้านบาท หดตัว -1.3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 18,316 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน และการนำเข้าในรูปของเงินบาทมีมูลค่า 606,844 ล้านบาท หดตัว -7.7%

          ทั้งนี้การส่งออกในเดือนธันวาคม กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวที่ -6.6% โดย น้ำตาลทราย ผัก ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป และ ไก่สด แช่แข็งและแปรรูป ยังคงมีการเติบโต แต่ยางพารามีการหดตัว ขณะที่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หดตัว -0.8% ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีการขยายตัว ได้แก่ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ และกลุ่มสินค้าที่มีการหดตัวได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์  อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้

          อย่างไรก็ตามสถานการณ์ส่งออกในปี 2561 มีการขยายในช่วงครึ่งปีแรก แต่เริ่มมีการหดตัวในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้า การผันผวนของค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ การการระมัดระวังผลกระทบของสงครามการค้าของประเทศต่างๆที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐอเมริกาและจีน และการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินของหลายประเทศ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ส่งออกในปี 2562 ยังคงต้องเตรียมรับมือการความผันผวนทั้งนี้ สรท. จึงคาดการณ์การส่งออกปี 2562 จะมีอัตราการขยายตัวได้ที่ประมาณโต 5%

ขอบคุณข้อมูลจาก health.kapook.com


ลืมรหัสผ่าน e-mail บน Hotmail, Outlook (จำรหัสผ่านเมลสำรองไม่ได้ด้วย) ทำไงดี?

มีคำถามจากทางบ้านถามมาว่า“ใช้อีเมล windowslive ซึ่งเป็นเมลเก่าเล่นเฟสบุ๊คอยู่ในปัจจุบัน  แต่จำรหัสผ่านอีเมลเก่าไม่ได้เลย เพราะไม่ได้เข้าใช้มาเป็นปี เข้าออนแต่เฟสบุ๊คอย่างเดียว อีเมลสำรองที่เคยใส่ไปก็จำไม่ได้ เบอร์โทรเก่าที่เคยใส่ไปก็เลิกใช้ไปแล้ว ต้องทำอย่างไรถึงจะเข้าใช้เมลนั้นได้” เชื่อว่าคำถามนี้ มีหลายท่านเจอปัญหาลักษณะแบบนี้เหมือนกัน โดย เฉพาะผู้ใช้เมลจาก Microsoft เช่น Hotmail , outlook , msn , windowslive วันนี้เลยมาดูวิธีการกู้ปัญชีอีเมล ในกรณีลืมรหัสผ่านชนิดไม่มีเมลสำรองกัน

recover-forgot-password-hotmail-outlook-00

เริ่มจากเข้าเว็บไซต์ Hotmail.com หรือ outlook.com แล้วคลิกที่ can’t access account บนหน้า  login ของ outlook

recover-forgot-password-hotmail-outlook-01

จากนั้นเลือก I forgot my password ( เพราะเราลืมรหัสผ่านจำรหัสผ่านไม่ได้เลย  )

recover-forgot-password-hotmail-outlook-02

พิมพ์อีเมลที่ต้องการกู้คืนเพราะจำรหัสอีเมลไม่ได้  พร้อมใส่ตัวอักษรด้านล่างเพื่อยืนยันตัวตน

recover-forgot-password-hotmail-outlook-03

เนื่องจากอีเมลด้านบนก็ลืมรหัส และ เบอร์มือถือเป็นเบอร์ที่ไม่ใช้แล้วด้วย ก็เปลี่ยนมาเลือก I’don’t have any of these แล้วคลิก next

recover-forgot-password-hotmail-outlook-04

แล้วใส่อีเมล ที่คุณสามารถใช้งานได้อยู่ ในช่อง contact email address เพื่อ Microsoft จะติดต่อคุณผ่านทางเมลนี้ หากกรณีบัญชี Hotmail.com ของเก่าที่คุณจำรหัสผ่านไม่ได้นี้ ไม่ active ใช้งานเลยเป็นเวลา 30 วัน นับจากการส่งคำขอ   Microsoft จะส่ง code ใหม่เพื่อการรีเซตอีเมลเก่าให้

เมื่อทำการรีเซ็ตรหัสได้สำเร็จแล้ว ควรตั้งรหัสใหม่ และ ควรเปลี่ยนแปลงช่องทางอีเมลสำรอง และเบอร์โทรศัพท์ในข้อมูลอีเมลเก่า ที่คุณกู้เมื่อสักครู่ด้วย

ดังนั้นเรื่องรหัสส่วนตัวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรจำให้แม่นและอย่าลืมนะ มิฉะนั้นจะต้องรอและเสียเวลาไป 30 วัน กว่าจะรีเซ็ตรหัสใหม่แบบนี้ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sc2.kku.ac.th


ดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนดีไหม ไขความลับสุขภาพสุดจี๊ดที่มะนาวมีให้แล้วจะร้องว้าว !

น้ำมะนาว

ดื่มก่อนนอนดีจริงไหม ถ้ามาไขความลับของน้ำมะนาวจริง ๆ จะรู้เลยว่านอกจากช่วยลดความอ้วนแล้ว น้ำมะนาวยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกเพียบ !
          ประโยชน์ของน้ำมะนาวกับการดื่มก่อนนอน ถ้ายังสงสัยอยู่ว่าการดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนจะดีต่อสุขภาพหรือทำให้เสี่ยงต่อผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า วันนี้เราจะพามาไขคำตอบให้รู้ชัด ๆ ไปเลยว่าดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนดีหรือไม่ เชื่อสิว่าถ้ารู้ครบตามที่เรากำลังจะบอกต่อ คงอยากรีบดื่มน้ำมะนาวกันแทบไม่ทัน เพราะว่าประโยชน์ของการดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนน่ะดี๊ดี…

          ประโยชน์ของน้ำมะนาวที่เคยบอกไว้ว่าถ้าดื่มน้ำมะนาวตอนเช้าจะช่วยลดน้ำหนัก และยังพ่วงด้วยสรรพคุณอื่น ๆ อีกเพียบ ทำให้เกิดกระแสดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนเพื่อลดความอ้วนขึ้นมาด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วการดื่มน้ำมะนาวไม่ว่าจะตอนเช้าหรือก่อนนอนก็ได้ประโยชน์ที่น่าลิ้มลองด้วยกันทั้งคู่ค่ะ

          โดยอธิบายประโยชน์ของการดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนให้เข้าใจกันได้ว่า มะนาวมีวิตามินซีสูงมาก และยังแอบมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในตัว พร้อมทั้งวิตามินบี แร่ธาตุ ไฟเบอร์ แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และโปรตีนอยู่ด้วย 
          ที่สำคัญในน้ำมะนาวยังมีส่วนประกอบของกรดซิตริก กรดมาลิก ซึ่งเมื่อผ่านกระบวนการย่อยของร่างกายแล้ว ก็จะแปรสภาพเป็นด่างที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยคงสมดุลค่า pH ในร่างกายของเราให้เป็นปกติได้ และถ้าดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนเป็นประจำ ร่างกายจะแข็งแรงขึ้น สุขภาพโดยรวมจะดีขึ้น ไม่เป็นหวัดง่าย และทำให้กระดูกแข็งแรงอีกด้วย 
ดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนดีไหม
ดื่มน้ำมะนาวก่อนนอน ลดความอ้วนได้จริงไหม ?
          มะนาวถือเป็นตัวช่วยอย่างดีที่จะช่วยให้สาว ๆ ลดพุงได้ง่ายขึ้น โดยในทุก ๆ วันหลังตื่นนอนและก่อนเข้านอนให้ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของสาว ๆ ให้ทำงานได้ดีขึ้น สิ่งที่ตกค้างในร่างกายก็จะลดน้อยลง ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นด้วย
          ทั้งนี้ ไม่เพียงแค่ช่วยลดความอ้วนเท่านั้น แต่การดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพที่หลายคนอาจคิดไม่ถึงกันด้วย ไม่เชื่อลองตามมาอ่านข้อมูลด้านล่างนี้

ช่วยในการขับถ่าย
          สำหรับคนที่ถ่ายยากถ่ายเย็นเป็นนิสัย แนะนำให้ลองดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นแก้วใหญ่ (มะนาวน้ำเยอะ 1 1/2 ลูก ผสมน้ำอุ่น 2 แก้วกาแฟ) เป็นประจำทุกคืน ปริมาณน้ำอุ่นที่ดื่มจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้ลำไส้ ส่วนกรดและไฟเบอร์ในน้ำมะนาวจะทำหน้าที่เคลียร์สิ่งตกค้างในลำไส้เมื่อคุณตื่นขึ้นมาในยามเช้า

ดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนดีไหม
แก้เจ็บคอ 
          วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมะนาวจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบในลำคอได้ และสำหรับคนที่รู้สึกเจ็บคอเหมือนจะเป็นหวัด ลองดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นและน้ำผึ้งก่อนนอนสักแก้ว ให้วิตามินซีในมะนาวและสารต้านการอักเสบในน้ำผึ้งช่วยรักษาอาการเจ็บคอระหว่างที่เรานอนหลับกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
          วิตามินซีเป็นเครื่องปรุงสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นการดื่มน้ำมะนาวที่มีวิตามินซีสูง ๆ ก็จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี โดยวิตามินซีในรูปสารละลายในน้ำมะนาวจะจับเข้ากับเชื้อโรคในกระแสเลือด และนำออกไปเมื่อถูกขับถ่ายเป็นปัสสาวะ           อีกทั้งการดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนยังเป็นการเติมวิตามินซีในเวลาที่เหมาะสมด้วย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันจะมีเวลาทำงานได้อย่างเต็มที่เมื่อเรานอนหลับพักผ่อน ดังนั้นภูมิคุ้มกันที่กำลังบูตตัวเองตอนเรานอนหลับ พอได้รับวิตามินซีจากน้ำมะนาวเข้าไปเสริม ก็น่าจะเหมือนได้เติมพลังในการต่อสู้กับเชื้อโรคและไวรัสต่าง ๆ แบบทวีคูณเลยเนอะ
ดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนดีไหม
ทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง

          วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ สามารถช่วยลดริ้วรอย สิว แก้ปัญหาผิวมัน ทำให้ผิวเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และช่วยฆ่าแบคทีเรียบางชนิดที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว แถมยังช่วยทำให้สุขภาพผิวดีจากภายในสู่ภายนอก เราสามารถนำมะนาวมาใช้กับแผลเป็นโดยตรงเพื่อทำให้แผลเป็นจางลงได้อีกด้วย ได้ยินแบบนี้แล้วสาว ๆ จะไม่ดื่มน้ำมะนาวได้ไงล่ะ          ส่วนเรื่องผลกระทบในการดื่มน้ำมะนาวก่อนนอน ต้องบอกว่าสำหรับคนที่มียาต้องกินเป็นประจำ อาจต้องปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ประจำตัวก่อนว่าน้ำมะนาวจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อยาที่กินอยู่ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้กินยาอะไรอยู่แล้ว ระวังแค่อย่าโหมดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนเข้าไปเกินขนาดก็พอ สักวันละแก้วกำลังดีนะคะ          อ้อ ! แต่กับคนที่ไม่ชินกับการดื่มน้ำก่อนนอน อาจรำคาญใจที่ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ ในช่วงแรก ๆ บ้าง และขอเตือนอีกอย่างว่าไม่ควรทำน้ำมะนาวทิ้งไว้นาน ๆ ด้วย ทำสด ๆ ดื่มทันทีแบบนี้จะคงคุณค่าของน้ำมะนาวไว้ครบถ้วนที่สุดค่ะ ทั้งยังช่วยป้องกันความเสี่ยงอาการท้องเสียด้วยจ้า
ขอบคุณข้อมูลจาก health.kapook.com

ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/02/2562

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,450.00 19,350.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,950.00 18,995.48 1,253.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,677.68 1,298.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 17,095.93 1,127.70
ทองรูปพรรณ 80% n/a 15,196.38 1,002.40
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,550.24 564.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,655.24 439.00

 

 

 

 

 

 

 

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 13/02/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 26.75 26.75 26.75 26.75 26.75 26.75 26.75 26.75 26.75 26.75
แก๊สโซฮอล์ 91 26.48 26.48 26.48 26.48 26.48 26.48 26.48 26.48 26.48 26.48
แก๊สโซฮอล์ E20 23.74 23.74 24.14 23.74 23.74 23.74 23.74 23.74 23.74
แก๊สโซฮอล์ E85 19.54 19.54 19.54
เบนซิน 95 34.16 34.61 34.66 34.46 34.46
ดีเซล 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09
ดีเซลพรีเมี่ยม 28.69 28.96 30.15 30.15 29.15
แก๊ส NGV 16.07 16.07
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า