จับสัญญาณคอนโดฯ เกือบ 6 แสนยูนิต หวั่นโอเวอร์ซัพพลาย
ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ มีซัพพลายใหม่ทยอยสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า หลังจากโครงข่ายรถไฟฟ้ามีความชัดเจน ภาพโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ก็ผุดขึ้นเป็นเงาตามตัว เมื่อรวมกับโครงการที่มีอยู่เดิมที่ยังคงมียูนิตเหลือขาย ทำให้มีจำนวนโครงการสร้างเสร็จรวมเกือบ 600,000 ยูนิต จึงมีหลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะเกิดโอเวอร์ซัพพลายได้ในภาพรวม โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมตลาดกลาง-ล่าง ที่มีจำนวนยูนิตสะสมในตลาดจำนวนมาก
คอนโดฯ ล้นตลาด เกือบ 600,000 ยูนิต
จากข้อมูลการวิจัยของบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือเจแอลแอล ระบุว่า ในปี 2561 กรุงเทพฯ มีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จเพิ่มขึ้น 56,000 ยูนิต ลดลงจากค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนหน้าเล็กน้อย ที่มีการสร้างเสร็จเพิ่มเฉลี่ยปีละ 57,900 ยูนิต โดย ณ สิ้นปี 2561 กรุงเทพฯ มีคอนโดมิเนียมในโครงการที่สร้างเสร็จแล้วรวมทั้งสิ้น 572,000 ยูนิต นอกจากนี้ยังมีคอนโดมิเนียมที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างและมีกำหนดจะแล้วเสร็จในช่วงระหว่างปี 2562-2563 รวมอีกประมาณ 125,000 ยูนิต หรือประมาณ 21% ของจำนวนคอนโดมิเนียมที่มีอยู่ในปัจจุบัน
จากคอนโดมิเนียมที่มีทั้งหมดในกรุงเทพฯ 572,000 ยูนิต ประมาณ 4% หรือ 23,100 ยูนิตเป็นคอนโดมิเนียมในกลุ่มที่มีราคาเฉลี่ยสูงกว่า 150,000 บาทต่อตารางเมตร แม้จะเป็นสัดส่วนที่ต่ำ แต่มีการเพิ่มจำนวนขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2559-2561) มีคอนโดมิเนียมโครงการใหม่เปิดตัวกว่า 240% ของจำนวนยูนิตที่มีอยู่เดิม ณ สิ้นปี 2559 เทียบกับกลุ่มราคาต่ำกว่า 150,000 บาทต่อตารางเมตร ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่คิดเป็นประมาณ 37% ในช่วงเดียวกัน
ตลาดกลาง-ล่างโอเวอร์ซัพพลาย ขยายไปตลาดบน
ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ รายหลัก ๆ หลายราย ได้หลีกเลี่ยงการขยายการลงทุนในตลาดคอนโดมิเนียมราคาระดับปานกลาง-ล่างที่ประสบภาวะโอเวอร์ซัพพลาย หันไปพัฒนาโครงการในตลาดบนมากขึ้น ส่งผลให้คอนโดมิเนียมตลาดบนมีซัพพลายใหม่เกิดขึ้นมาก และมีการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น
จากสภาพการแข่งขันที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการต้องใช้ความพยายามอย่างมากด้านการตลาด การกระตุ้นการขาย ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย เช่น แถมเฟอร์นิเจอร์ ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน ฟรีค่าส่วนกลาง รวมไปถึงการเสนอราคาพิเศษสำหรับบางยูนิตในโครงการ
ไม่หวั่นฟองสบู่แตก ซ้ำรอยวิกฤติต้มยำกุ้ง 2540
สถานการณ์โอเวอร์ซัพพลายในคอนโดมิเนียมตลาดกลาง-ล่าง และการที่มีซัพพลายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มคอนโดมิเนียมตลาดบน ทำให้มีหลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ อาจเกิดภาวะฟองสบู่และฟองสบู่อาจแตกเช่นที่เคยเกิดขึ้นในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงออกมาตรการป้องกัน เตรียมบังคับใช้เกณฑ์ใหม่สำหรับการควบคุมสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีความเข้มงวดมากขึ้นในวันที่ 1 เมษายน 2562
จากสถานการณ์ดังกล่าว เจแอลแอลวิเคราะห์ว่า ตลาดคอนโดมิเนียมของกรุงเทพฯ ในขณะนี้ เป็นการปรับตัวตามรอบวงจรการขึ้น-ลงของตลาด ขับเคลื่อนทั้งโดยการซื้อเพื่ออยู่เอง และซื้อเพื่อลงทุน โดยการเก็งกำไรมีให้เห็นน้อยมาก ต่างจากภาวะฟองสบู่ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง 2540 ที่มีการเพิ่มขึ้นของอุปทานและราคาอย่างรวดเร็ว โดยมีการเก็งกำไรเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
ภาครัฐฯ หนุนตลาดแมส ระบายซัพพลายล้น
จากจำนวนคอนโดมิเนียมที่มีทั้งหมดในกรุงเทพฯ 572,000 ยูนิต ประมาณ 80% เป็นคอนโดมิเนียมที่มีราคาต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งคอนโดมิเนียมที่มีราคาไม่สูงมากนัก ยังคงเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน เห็นตัวอย่างได้จากโครงการบ้านล้านหลังของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือประชาชนให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงาน หรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว ซึ่งมีจำนวนผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการเกินเป้าที่กำหนด
ในขณะที่คอนโดมิเนียมในตลาดแมส ซึ่งหมายรวมถึงคอนโดมิเนียมราคาระดับกลาง-ล่าง ที่กำลังประสบภาวะโอเวอร์ซัพพลายอยู่นี้ จึงอาจเป็นเรื่องที่เหมาะสม หากภาครัฐฯ จะออกมาตรการที่จะช่วยให้ผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในตลาดแมสเพื่ออยู่อาศัยสามารถซื้อได้ง่ายขึ้น
แม้ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะตลาดกลาง-ล่าง จะส่อเค้าโอเวอร์ซัพพลาย แต่ถ้าหากมองในภาพรวมแล้ว ตลาดคอนโดมิเนียมยังมีสัญญาณที่ดี ไม่ได้ซบเซาแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับคึกคักจากการแข่งขันของผู้ประกอบการที่ต่างงัดกลยุทธ์การขายมากระตุ้นการตัดสินใจ ประกอบกับความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ เพราะฉะนั้นที่หวั่นว่าอาจจะเกิดภาวะฟองสบู่แตก ซ้ำรอยวิกฤติต้มยำกุ้ง 2540 จึงยังห่างไกล
ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com
“รถไฟฟ้า 5 สี” คอนโดฯ พรึบ … “นํ้าเงิน” นำโด่ง
คอนโดมิเนียมตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบีทีเอส สายสีเขียว และใต้ดินเอ็มอาร์ที สีนํ้าเงิน ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน แม้จะมีจำนวนโครงการเกิดขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับทำเลรอบนอก ตามตรอกซอกซอย แต่มองว่า ความนิยมมีสูง ทำให้ราคาที่ดินขยับสูงตาม ทั้งนี้ จากการสำรวจของ นายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นปี 2561 พบว่า จำนวนคอนโดมิเนียมแนวเส้นทางดังกล่าวอยู่ที่ 43%
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนี้จะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2562 เป็นต้นไป เนื่องจากมีเส้นทางเพิ่งเริ่มดำเนินการในปี 2560-2561 แต่บางเส้นทางเริ่มก่อสร้างมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยพบว่า สายสีนํ้าเงินมีผู้ประกอบการให้ความสนใจซื้อที่ดินพัฒนาโครงการเป็นจำนวนมาก จึงเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายมากที่สุด ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน หลังมีการก่อสร้างอย่างเป็นรูปธรรมปี 2554 และจะกำหนดเปิดให้บริการช่วงต่อขยายประมาณปี 2562-2563 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตามแนวถนนประชาราษฎร์สาย 2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ และถนนเพชรเกษม รวมไปถึงพื้นที่ตามแนวถนนสายรองและซอยย่อยต่าง ๆ
ขณะพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าอื่น ๆ อาจมีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่สะสมน้อยกว่าสายสีนํ้าเงินแบบชัดเจน เพราะเพิ่งก่อสร้าง หรือทำเลไม่เอื้อต่อการพัฒนา เช่น สายสีแดง
ส่วนทำเลที่อยู่ในความนิยมมีคอนโดมิเนียมเกิดรอง ๆ ลงมา ได้แก่ สายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) สายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ -มีนบุรี) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) แต่ถึงกระนั้นผู้ประกอบการยังคงเลือกพื้นที่ที่มีความเป็นชุมชนมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ รองรับอยู่แล้ว เช่น ทำเลตั้งแต่ 5 แยกลาดพร้าวขึ้นไปถึงแยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ของสายสีเขียวเหนือ พื้นที่รอบสถานีหัวหมากและลำสาลีของเส้นทางสายสีส้ม เป็นต้น ส่งผลให้ราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 10-20% ต่อปีขึ้นไปถึง 2 เท่า หรือมากกว่านั้น
สำหรับอีกปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้มีแต่โครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า รวมไปถึงข้อบังคับในผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ที่มุ่งเน้นให้พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามีศักยภาพสูงกว่าพื้นที่ที่ไกลออกไป ดังนั้น พื้นที่ที่อยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่อไปในอนาคตและจำนวนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com
5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (18-22 ก.พ.)
การเจรจาระหว่างจีน-สหรัฐฯ จะยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจในสัปดาห์นี้ เมื่อเส้นตายเดิมที่ ปธน.ทรัมป์ กำหนดไว้ใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่นั้นไม่ใช่เหตุการณ์สำคัญเดียวในสัปดาห์นี้
1. การเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ
นายโรเบิร์ต ไลท์ธิเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และนายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีของจีน จะเป็นผู้นำการเจรจาระหว่างทั้งสองชาติที่กรุงวอชิงตันสัปดาห์นี้
สื่อมวลชนรายงานถึงความคืบหน้าในการเจรจา ณ กรุงปักกิ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวได้ระบุว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อให้บรรลุข้อตกลงก่อนเส้นตายวันที่ 1 มี.ค. ที่ ปธน. ทรัมป์เคยกล่าวว่าจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 25% จากเดิม 10%
2. รายงานการประชุมคณะนโยบายการเงิน
สัปดาห์นี้นักลงทุนจะได้รับทราบรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ครั้งล่าสุด ซึ่งจะเผยแพร่ในวันพุธ เวลา 2:00PM ET (19:00 GMT)
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 ม.ค. เฟดได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะ “อดทน” ในการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นถึง 4 ครั้งในปี 2018
3. ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ
อีกหนึ่งตัวเลขที่นักลงทุนจับตามองในสัปดาห์นี้ คือ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ของเดือนที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนเห็นตรงกันว่าน่าจะเพิ่มขึ้น 0.8%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพฤหัสนี้ เวลา 8:30AM ET (13:30 GMT)
นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขอื่น ๆ อาทิ การขอใช้สิทธิ์ผู้ว่างงานรายสัปดาห์ และผลสำรวจภาวะธุรกิจภาคการผลิตในฟิลาเดลเฟีย ที่เป็นที่สนใจของนักลงทุนในสัปดาห์นี้
4. ผลประกอบการของ Walmart
Walmart เป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดที่จะรายงานผลดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ในสัปดาห์นี้
เจ้าของธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีรายรับอยู่ที่ 1.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น หรือราว 1.38 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์โดย Investing.com โดยคาดว่ายอดขายในสาขาเดียวกันจะสูงขึ้น 3.0%
บริษัทอื่น ๆ ที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ยังรวมถึง Kraft Heinz (NASDAQ:KHC), Wendy’s (NASDAQ:WEN) และ Dropbox (NASDAQ:DBX)
5. ตัวเลขดัชนี PMI จากประเทศในยูโรโซน
ตัวเลขคาดการณ์ดัชนี PMI รวมจาก Markit ของยูโรโซน จะถูกประกาศในวันพฤหัสนี้ เวลา 4:00AM ET (09:00 GMT) โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลงเล็กน้อย อยู่ที่ 50.8
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่ชี้วัดปริมาณผลิตผลของทั้งภาคผลิตและบริการในยูโรโซน ถูกมองว่าเป็นเครื่องบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในภูมิภาค
นอกจากนี้ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ต่างก็จะรายงานดัชนี PMI ของตัวเองในวันเดียวกัน เวลา 3:15AM ET (08:15 GMT) และ 3:30AM ET (08:30 GMT) ตามลำดับ
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของยูโรโซนนั้นมีแนวโน้มจะอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ ถึงแม้ธนาคารกลางจะยังยึดถือแนวทางเดิมในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก th.investing.com
Instagram Direct Message เวอร์ชั่นเว็บไซต์ กำลังจะมา
Instagram Direct Message หรือฟีเจอร์ DM บน Instagram ให้คุณสามารถส่งรูปภาพ หรือวีดีโอ และส่งข้อความลับไปให้เพื่อน และกลุ่มเพื่อนผ่าน Instagram ซึ่งปกติเวลาจะใช้ส่งข้อความ ต้องพิมพ์ผ่านแอป แต่อีกไม่นานฟีเจอร์ DM บน Instagram จะได้ใช้ผ่านทางเว็บไซต์ Instagram ด้วย
มีผู้ใช้ Instagram ผ่านทางเว็บไซต์ท่านนึ่ง ได้โพสต์ภาพ Screenshot ฟีเจอร์ Direct Message บน Instagram บนเว็บไซต์ Instagram.com ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบ และคนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ DM บน instagram.com ได้ คาดว่าจะเตรียมเปิดให้บริการเร็วๆนี้
หากเปิดบริการเมื่อไหร่ คุณสามารถที่จะส่งภาพ ส่งวีดีโอ ส่งข้อความผ่านทาง Instagram Direct Message บนเว็บไซต์ Instagram.com ได้ โดยไม่ต้องลงแอป Instagram เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก it24hrs.com
ปรับสมดุลการเคลื่อนไหวด้วยการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายประเภท BALANCE &STABILITY เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการปรับความสมดุลในการเคลื่อนไหวผสานกับการหายใจอย่างถูกต้อง การยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและร่างกาย ช่วยบรรเทากล้ามเนื้อที่ตึงเครียดให้มีการยึดและผ่อนคลาย ช่วยให้การไหลเวียนโลหิตสะดวกขึ้น ช่วยปรับอารมณ์ให้แจ่มใสปลอดโปร่ง
ประเภทการออกกำลัง : โยคะ พิลาทีส ฯลฯ
โยคะ & พิลาทิส
โยคะเป็นศาสตร์เก่าแก่กว่า 5,000 ปีจากอินเดียตอนเหนือ ว่ากันว่าการฝึกโยคะได้ดีต้องเริ่มมาจากจิตใจที่สงบนิ่ง ผสานกับลมหายใจ สมาธิ และความผ่อนคลาย
พิลาทีสเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับการพัฒนาในต้นศตวรรษที่ 20 โดยนาย Joseph Pilates โดยมุ่งไปที่กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวให้รักษาสมดุลกับกระดูกสันหลัง ตั้งในลักษณะที่ควรตามธรรมชาติ ตามหลักกายวิภาค
เราจะเลือกแบบไหนดีระหว่างโยคะ & พิลาทีส
โยคะ : เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความยืดหยุ่น ไม่เน้นเส้นลายกล้ามเนื้อ หรือคนที่ต้องการลดความเครียดเพราะโยคะ จะให้โอกาสคุณได้อยู่กับตนเอง กับความเงียบ และลมหายใจ
พิลาทีส : ถ้าคุณต้องการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นกล้ามเนื้อและสร้างกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อท้อง
ข้อเหมือน หรือ ต่างระหว่างโยคะ & พิลาทีส
ความเหมือน : ผลลัพธ์จากการเล่นโยคะและพิลาทีสจะคล้ายคลึงกันตรงที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ ปรับสมดุลกล้ามเนื้อ ฝึกร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงในการทำท่าต่าง ๆ ช่วยให้กล้ามเนื้อ เหยียดยึดและแข็งแรง ไม่รวมตัวกันเป็นก้อนหนา สร้างความผ่อนคลาย ช่วยยืดกระดูกสันหลัง ทำให้บุคลิกภาพดีขึ้น ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น
ความแตกต่าง : พิลาทีสจะเน้นความถูกต้องของท่วงท่าที่ซับซ้อนมากกว่าเพื่อสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรงพร้อมคงความยืดหยุ่น รวมถึงใช้การหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก บางครั้งมีการผสมผสานท่ากับการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อช่วยบังคับกล้ามเนื้อ ในขณะที่โยคะเน้นการสร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมักเป็นผลพลอยได้ตามมา และโยคะหายใจเข้าและหายใจออกทางจมูกเท่านั้น
การออกกำลังกายดังกล่าวมีข้อควรระวัง คือ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และปัญหาอาการบาดเจ็บตามจุดต่าง ๆ และคนตั้งครรภ์ ต้องตามคำอนุญาตจากแพทย์เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
| ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
|---|---|---|---|
| ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,700.00 | 19,800.00 |
| ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,276.00 | 19,344.16 | 20,300.00 |
| ทองรูปพรรณ 90% | 1,148.40 | 17,409.74 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 80% | 1,020.80 | 15,475.33 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 50% | 574.00 | 8,701.84 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 40% | 447.00 | 6,776.52 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,322.00 | 20,041.52 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 20/02/
 ปตท. |
 บางจาก |
 เชลล์ |
 เอสโซ่ |
 คาลเท็กซ์ |
 ไออาร์พีซี |
 พีที |
 ซัสโก้ |
 เพียว |
 ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 26.75 | 27.15 | 26.75 |
| แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.48 | 26.88 | 26.48 |
| แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.14 | 24.14 | 24.54 | 24.14 | 24.14 | – | 24.14 | 24.14 | 24.14 | 24.14 |
| แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.74 | 19.74 | – | – | – | – | – | 19.74 | – | – |
| เบนซิน 95 | 34.56 | – | – | – | 35.01 | – | 35.06 | 34.86 | – | 34.86 |
| ดีเซล | 26.89 | 26.89 | 26.89 | 26.89 | 26.89 | 26.89 | 26.89 | 26.49 | 26.89 | 26.89 |
| ดีเซลพรีเมี่ยม | 29.49 | 29.76 | 30.95 | 30.95 | 29.95 | – | – | – | – | – |
| แก๊ส NGV | 16.44 | 16.44 | – | – | – | – | – | – | – | – |
