ราคาที่ดินขึ้นสูงสุดรอบ 25 ปี สยามฯ-รามคำแหง ขึ้นแท่นทำเลดาวรุ่ง
ราคาที่ดินในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการปรับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปัจจัยหลักมาจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ หนุนศักยภาพที่ดินให้เติบโต ประกอบกับอุปทานที่ดินมีจำกัด จึงมีการเก็บที่ดินไว้เก็งกำไร ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2560-2561 ที่ผ่านมา ราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 25 ปี
ราคาที่ดินขึ้น 7.9% สูงสุดในรอบ 25 ปี
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย เผยผลการสำรวจการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินระหว่างปี 2537-2561 พบว่าในช่วงปี 2560-2561 ที่ผ่านมา ราคาที่ดินในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปรับเพิ่มขึ้นถึง 7.9% เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา สำรวจจากแปลงสำคัญ 324 แปลงกระจายทั่วไป โดยปรับตัวสูงสุดในช่วงปี 2546-2548 จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มในอัตราที่ลดลง และปรับตัวในอัตราเพิ่มในปี 2553-2561 จนถึงปัจจุบัน
หากพิจารณาในรอบ 19 ปี (ปี 2541-2561) ทำเลที่ปรับตัวเพิ่มสูง คือ ในเขตชั้นใน 266.2% เขตชั้นนอก 106.7%-132.9% (เทียบกับค่าเฉลี่ย 158.2% หรือปีละ 13.3%) โดยในทำเลศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (CBD) ปรับตัวสูงสุด 266.2% (ปีละ 13.3%) ส่วนทำเลที่ปรับตัวน้อย คือบริเวณเขตชั้นนอก โดยเฉพาะด้านทิศตะวันออกของเมืองเฉลี่ย 90.8% เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นบริเวณเขตพื้นที่สีเขียว
หากพิจารณาในรอบ 5 ปี (ปี 2556-2561) ทำเลที่ปรับตัวเพิ่มสูง คือ เขตชั้นใน 39.7% เขตชั้นกลาง 35.5-35.6% เขตชั้นนอก 17.7-30.3% (เทียบกับค่าเฉลี่ย 28.5%) โดยในเขต CBD ปรับตัวสูงสุด 39.7% (เฉลี่ยปีละ 7.9%)
กรุงเทพฯ ชั้นกลาง ฝั่งธนฯ ที่ดินราคาพุ่ง
ล่าสุดปี 2561 ราคาที่ดินปรับเพิ่มเฉลี่ยทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล 7.9% โดยแบ่งออกเป็น
- กรุงเทพฯ ชั้นนอก ได้แก่ ด้านเหนือ 8.4% ด้านตะวันออก 9.9% ด้านตะวันตก 10.3% ด้านใต้ 8.9%
- กรุงเทพฯ ชั้นกลาง ได้แก่ ฝั่งกรุงเทพฯ 13.5% ฝั่งธนบุรี 12.5%
- กรุงเทพฯ ชั้นใน ศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District-CBD) 11.5%
- แนวรถไฟฟ้า BTS โดยรวม 9.9% ส่วนต่อขยาย อ่อนนุช-แบริ่ง 11.6% ส่วนต่อขยาย ตากสิน-บางหว้า 11.7% ส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่ 9.6%
- แนวรถไฟฟ้า MRT 9.1%
- แนวรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 6.5%
- แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ 10.1%
- แนวรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน 3.3%
- แนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ 16.2% และหัวลำโพง-บางแค 11.3%
สยามสแควร์ ใกล้รถไฟฟ้า ทะลุ 2.5 ล้าน
ราคาที่ดินแปลงที่แพงที่สุด คือ บริเวณสยามสแควร์ ราคาตารางวาละ 2.5 ล้านบาท แต่ถ้าหากนับจากบริเวณรอบสถานีรถไฟฟ้า จะพบว่า ที่ดินรอบรถไฟฟ้า BTS สถานีสยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิต และนานา มีราคาสูงอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านบาทต่อตารางวาเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นทำเลใจกลางเมือง รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และศูนย์การค้าขนาดใหญ่
ส่วนอัตราค่าเช่าก็สูงอยู่ในระดับ 2,500-5,000 บาทต่อตารางเมตร อีกทั้งยังมีรถไฟฟ้า BTS สองสายเชื่อมต่อกัน ทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองเป็นไปอย่างสะดวก เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่เหมาะแก่การจับจ่ายและลงทุน จึงส่งผลให้ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น
รามคำแหงติดท็อป 5 ทำเลดาวรุ่ง
สำหรับแปลงที่ดินที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสูงสุด คือบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งปัจจุบันมีราคาตารางวาละ 280,000 บาท เป็นการเพิ่มขึ้นถึง 27.3% ในเวลาเพียง 1 ปี เพราะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ทำให้ทำเลรามคำแหงมีความคึกคัก และเป็นที่น่าจับตามอง มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับข้อมูลของฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด ที่ได้เผยทำเลทองที่มีความโดดเด่นที่สุดปี 2562 ทั้งหมด 5 ทำเล ได้แก่ 1. สุขุมวิท 55 หรือทองหล่อ 2. พญาไท-ราชเทวี 3. รามคำแหง 4. เอกมัย และ 5. พระราม 9-รัชดาภิเษก สะท้อนให้เห็นว่า โครงการรถไฟฟ้า ช่วยกระตุ้นความน่าสนใจให้กับทำเลนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างทำเลรามคำแหงที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่กว่า 4,793 ยูนิต
จะเห็นได้ว่าราคาที่ดินที่สูงขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าทั้งสายปัจจุบัน และสายที่กำลังก่อสร้าง ทำให้คาดว่าราคาที่อยู่อาศัยในอนาคตมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอีก เนื่องจากต้นทุนหลักของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคือที่ดิน ดังนั้น สำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในทำเลใกล้รถไฟฟ้าสายใหม่ที่กำลังก่อสร้างจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการตัดสินใจซื้อก่อนที่ราคาจะปรับขึ้นอีกในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com
ทายาทรุ่น3โอเชี่ยนพรอพเพอร์ตี้ วางเป้า 3ปี ลุยอสังหาฯโตก้าวกระโดด
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ รักษาการณ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทในเครือไทยสมุทรประกันชีวิต เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายบริษัท หลังเข้ารับตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการประมาณกลางปีที่แล้ว ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 มีแผนจะขยายการลงทุนแบบเชิงรุกมากขึ้นโดย วางเป้ารายได้ใน 3 ปี ( 2562-2564) เติบโตก้าวกระโดด โดยเฉพาะรายได้จากอสังหาฯเพื่อขายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 70% ในปี 2564 และรายได้ประจำ 30% จากสัดส่วนรายได้ในปี 2561 สัดส่วนอสังหาฯเพื่อขายอยู่ที่ 30% และเป็นรายได้เพื่อเช่า 70% และในปี 2562 เพิ่มรายได้อสังหาฯเพื่อขายขึ้นมาเป็น 50:50%
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ บริษัทฯวางเป้าขยายการลงทุนต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 2 โครงการซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้รายได้ปี 2562 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท มาจากรายได้จากอสังหาฯเพื่อขาย 700 ล้านบาท และรายได้เพื่อเช่า 500 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 7-10 %
ส่วนในปี2563 คาดการณ์รายได้เพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาท เป็นรายได้อสังหาฯเพื่อขาย 1,000 ล้านบาท และรายได้เพื่อเช่า 500 ล้านบาท และในปี 2564 คาดการณ์รายได้เพิ่มเป็น 1,900 ล้านบาท มาจากรายได้อสังหาฯเพื่อขาย 14,000 ล้านบาท และรายได้จากการเช่า 500 ล้านบาท
“ที่ผ่านรายได้จากอสังหาฯเพื่อขายมีสัดส่วนน้อยกว่าปล่อยเช่าอยู่ที่ 20-30% ปีนี้และปีหน้า พยายามให้สองธุรกิจมีรายได้ที่สมดุลย์กัน 50%ต่อ50% ทั้งนี้มีแนวทางดำเนินธุรกิจ โดยบ.โอเชี่ยนฯ ต้องการสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน”
สำหรับในปี 2562 บริษัทฯมีแผนเปิดตัว 2 โครงการใหม่โครงการแรกภายใต้ชื่อ “โอเชี่ยน ทาวน์ – เมือง รัษฎา ภูเก็ต” มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท บนเนื้อที่ 20 ไร่ อยู่ในเมืองภูเก็ต เป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น จำนวน 171 ยูนิต เป็นอาคารพาณิชย์ 16 ยูนิต สูง 3 ชั้น เริ่มต้นที่ 23 ตร.ว. รวมทั้งหมด 187 ยูนิต
ขณะทาวน์เฮ้าส์สูง 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ขนาดพื้นที่ใช้สอย 18-20 ตร.ว. มี 2 แบบ คือ โดยจะจอดรถได้ 1 คัน และแบบจอดรถได้ 2 คัน ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท จะเปิดขายอย่างเป็นทางการเดือนพ.ค. นี้
อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ได้มีการทดลองตลาด ด้วยการเปิดขายทาวน์เฮ้าส์ไปในช่วงต้นเดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา ได้รับผลได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี มียอดขายไปแล้ว 40 ยูนิต มูลค่า 150 ล้านบาท คาดว่าทั้ง 40 ยูนิต จะเริ่มโอนได้ต้นไตรมาส 4 ปีนี้
ส่วนโครงการที่ 2 ในขอนแก่น ชื่อ “โอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ – มิตรภาพ ขอนแก่น” มูลค่า 360 ล้านบาทพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น ในจังหวัดขอนแก่น ตั้งอยู่ในที่ดินบริเวณเดียวกันกับโครงการแรกคือ “โอเชี่ยน เรสซิเดนซ์ – มิตรภาพ ขอนแก่น” บนถนนมิตรภาพ ใกล้กับโรงพยาบาลราชพฤกษ์ ขอนแก่น พัฒนาบนเนื้อที่ 1.5 ไร่
“โอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ – มิตรภาพ ขอนแก่น” จะมีจำนวน 240 ยูนิต ขนาดพื้นที่ 22 – 30 ตร.ม ราคาเริ่มต้น 1.5-1.6 ล้านบาท หรือราคาตร.ม.ละ 5.8 หมื่น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) คาดว่าว่าเปิดขายไตรมาส 3 ปีนี้
ขณะโครงการแรกที่ได้เจาะตลาดขอนแก่น “โอเชี่ยน เรสซิเดนซ์ – มิตรภาพ ขอนแก่น” มูลค่า 370 ล้านบาท เนื้อที่ 2 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียมไลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น จำนวน 223 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5 หมื่นบาทต่อตร.ม. ปัจจุบันได้ปิดการขายไปแล้วคาดว่าเริ่มทยอยโอนได้เดือนมี.ค.นี้
นายณพงศ์ ให้ความเห็นว่า “พฤติกรรมลูกค้าตลาดต่างจังหวัดจะนิยมซื้อห้องขนาดเล็ก ราคาเฉลี่ย 1.5-1.6 ล้านบาท หรือราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะผลตอบรับค่อนข้างดี เป็นตลาดมีดีมานด์สูง สะท้อนจากโครงการแรก ขายไปได้ถึง 150-160 ยูนิต ช่วงเปิดตัว 3 เดือนแรก โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 50-60%นับเป็นเรียลดีมานด์ มีซื้อลงทุนไม่เกิน 10-20% ส่วนเก็งกำไรมีน้อยมากแค่ 1-2%”
ปัจจุบันโครงสร้างธุรกิจของโอเชี่ยนฯ มี 4 ธุรกิจหลัก คือโอเชี่ยน มารีน่า ท่าจอดเรือยอช์ทขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายได้ปัจจุบันประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี ในปีที่แล้วลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ขยายท่าจอดเรือเพิ่มธุรกิจโรงแรม มี 2 แห่ง คือ โรงแรมโอเชี่ยน มารีน่า ยอร์ท คลับ รายได้ 50-60 ล้านบาทต่อปี และโรงแรมหัวหินอัสสรา ที่ปีที่แล้วได้มีการรีโนเวท เปลี่ยนชื่อ เป็น เมอเว่นพิค อัสสรา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน รายได้เฉลี่ย 160-170 ล้านบาท ธุรกิจสำนักงานให้เช่า 2 แห่ง คือ โอเชี่ยน ทาวน์เวอร์ 1 และโอเชี่ยน ทาวเวอร์ 2 รายได้อยู่ประมาณ 100 ล้านบาท ทั้ง 3 กลุ่มนี้ เป็นธุรกิจสร้างรายประจำรวมประมาณ 500 ล้านต่อปี เฉลี่ยเติบโตปีละ 5-6%
ส่วนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย มีทั้งคอนโดฯและแนวราบ ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมที่พัทยาอยู่ระหว่างขาย คือ โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน พัทยา มีสต็อกเหลืออยู่ 15-20% โครงการมีขนาดตั้งแต่ 1-4 ห้องนอน ปัจจุบันเหลือขายแต่ 1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาทพร้อมเฟอร์นิเจอร์ และแบบ 2 ห้องนอนราคา 13-14 ล้านบาท ปีนี้จะมีการทำแคมเปญกระตุ้นตลาดรอบใหม่ เพื่อให้ปิดการขายได้ภายในปีนี้
อย่างไรก็ดีที่พัทยา มีที่ดินทั้งหมด 120 ไร่ ใช้ที่ดินพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการ โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ ไปไม่ถึง 5 ไร่ และเป็นส่วนของ ท่าจอดเรือยอช์ท จึงมีที่ดินรอการพัฒนาในอนาคต ซึ่งมีแผนพัฒนา เป็นคอนโดไฮไรซ์ ราคาขายเฉลี่ยย่านนั้นตร.ม.ละ 1 แสนบาท คาดมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท แต่การพัฒนาโครงการนี้คงไม่ใช่ปีนี้ ต้องรอการลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สนามบินอู่ตะเภาที่จะเปิดเป็นสนามบินพาณิชย์ ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสะดวกมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินไหลออกดันบาท อ่อนสูงสุดในภูมิภาค
บทความสอนใจ เรื่อง ความซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์กำลังกลายเป็นปัญหาสังคม เนื่องจากเราพบว่าองค์กร หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนกำลังถูกเชื้อไวรัสแห่งการคดโกง ความไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และการเงินทำให้องค์กรนั้นมีความเสื่อมและจะล่มสลายในที่สุด
ผู้สนใจในการเมืองคงชินกับวาทกรรมของนักการเมืองในการหาเสียงและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะกำจัดความไม่ซื่อสัตย์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “คอรัปชั่น” ไม่ทราบว่าเราจะเชื่อถือได้มากน้อยขนาดไหน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้คือบุคคลกลุ่มเดียวกันที่ทำการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และทำรายงานการใช้เงินหาเสียงอย่างไม่ซื่อสัตย์ ถึงอย่างไรก็ดีผมคงต้องให้เกียรติกับบางท่านที่เป็นคนซื่อสัตย์ ทั้งวาจาและการกระทำ แต่คนประเภทนี้มีน้อย
องค์กรภาคเอกชนไม่ว่าองค์กรทางศาศนา องค์กรการกุศล บริษัท ห้างร้าน ล้วนหนีไม่พ้นปัญหาเรื่อง ความไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์กร สื่อต่างๆ ได้เปิดเผยเรื่องทุจริต การเงิน การงาน การลงเวลา ฯลฯ นอกจากเรื่องความไม่สัตย์ซื่อดังกล่าว เรายังพบว่ามีความไม่สัตย์ซื่อในความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาและนำไปสู่การหย่าร้างมากมาย
ความสัตย์ซื่อถือว่าเป็นคุณสมบัติของผู้เจริญแล้ว ฉะนั้นผู้มีความสัตย์ซื่อจะเป็นบุคคลที่มีความสุข มีความมั่นคง แม้อาจจะไม่มั่งคั่ง เขาไม่เพียงทำให้ตนเองมีความสุข เขาทำให้คนรอบตัวเขามีความสุขด้วย เขาไม่ขาดเพื่อนแท้ตลอดชีวิตแน่นอน คนซื่อกินไม่หมด คนคดกินไม่เหลือ
ถึงแม้ว่า คนซื่อสัตย์กำลังลดน้อยถอยลงไป แต่ผมเชื่อว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่เพิ่มขึ้น
‘ไขมันทรานส์’ในอาหารลดลงหลังประกาศใช้กฎหมาย
อย. ร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยผลตรวจสอบการสุ่มตัวอย่างในผลิตภัณฑ์อาหารกลุ่มเสี่ยง พบว่า มีปริมาณไขมันทรานส์ลดลง หลังบังคับใช้กฎหมายห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน และอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ เมื่อ 9 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา แถลงว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ. 2561 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย โดยกำหนดให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนและอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย เพื่อคุ้มครองสุขภาพของคนไทย และเป็นหนึ่งในมาตรการการลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2562 เป็นต้นมานั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร ได้ติดตาม ตรวจสอบ และเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อาหารกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสใช้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ได้แก่ โดนัททอด พาย พัฟ เพสทรี ครัวซองค์ และบัตเตอร์เค้ก
ผลการสุ่มตัวอย่างจำนวน 45 ตัวอย่าง พบว่า ปริมาณไขมันทรานส์เฉลี่ยของทุกผลิตภัณฑ์อยู่ในช่วง 0.09-0.31 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ซึ่งอยู่ในปริมาณที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคต่อวัน คือ 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค และมีปริมาณลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจผลิตภัณฑ์ก่อนประกาศฯ มีผลใช้บังคับ ซึ่งอยู่ในช่วง 0.42-1.21 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค นอกจากนี้ ปริมาณไขมันทรานส์สูงสุดที่พบในทุกผลิตภัณฑ์มีปริมาณลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจผลิตภัณฑ์ก่อนประกาศฯ มีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ มีเพียงบางผลิตภัณฑ์มีปริมาณไขมันทรานส์ต่อหนึ่งหน่วยบริโภคเกินจากปริมาณที่ FAO/WHO แนะนำ เนื่องจากมีการใช้วัตถุดิบที่มีไขมันทรานส์ตามธรรมชาติเป็นส่วนประกอบในปริมาณสูง เช่น เนย นม ชีส เป็นต้น
เลขาธิการฯ อย. แถลงเพิ่มเติมว่า ปริมาณไขมันทรานส์ในเนยเทียม (มาการีน) และเนยขาว (ซอทเทนนิ่ง) ส่วนใหญ่ที่ทำการสำรวจก่อนหน้าที่ประกาศฯ มีผลใช้บังคับ พบว่า มีปริมาณน้อยมาก โดยอยู่ในช่วง 0.01-0.37 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันและไขมันมีการปรับกระบวนการผลิตไปใช้วิธีการผลิตอื่นแทนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนแล้ว อย่างไรก็ดี อย. ได้ดำเนินการตรวจสอบ ณ สถานที่ผลิตน้ำมันและไขมัน 3 แห่ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่กระจายสินค้าให้แก่ผู้ผลิตอาหารรายย่อยในประเทศ ไม่พบการผลิตน้ำมันและไขมันโดยใช้กระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน
คุณสารี อ๋องสมหวัง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ในส่วนของการสุ่มตรวจของนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคผ่านโครงการเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ภายใต้การสนับสนุนงบประมารณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เก็บตัวอย่างเค้กเนย จำนวน 12 ตัวอย่างจากผู้ผลิตเจ้าดัง และได้เพื่อนเครือข่ายผู้บริโภคเก็บตัวอย่างเค้กชิฟฟ่อนที่นิยมซื้อเป็นของฝากจำนวน 4 ตัวอย่าง รวม 16 ตัวอย่าง ส่งทดสอบปริมาณไขมันทรานส์ จากผลการทดสอบพบว่า ปริมาณไขมันทรานส์ในเค้กเนย 12 ตัวอย่าง และเค้กชิฟฟ่อน 4 ตัวอย่าง มีปริมาณน้อยเฉลี่ยต่อ 1 หน่วยบริโภค (55 กรัม) คือ 0.2 กรัม/หน่วยบริโภค ถือว่าไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดไว้ คือ ไม่เกิน 0.5 กรัม/หน่วยบริโภค ยกเว้นเค้กเนยของยี่ห้อ PonMaree Bakery (พรมารีย์ เบเกอรี่) ที่พบปริมาณไขมันทรานส์ที่ 0.61 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค (55 กรัม) ทำให้ทางฉลาดซื้อเกิดคำถามว่า ทำไมผลทดสอบของ พรมารีย์ เบเกอรี่ จึงสูงกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ซึ่งเป็นไปได้สองสาเหตุคือ ยังคงใช้ไขมันทรานส์สังเคราะห์ หรือใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติคือ เนยแท้ จำนวนมาก ดังนั้น จึงได้ตรวจสอบผลการตรวจวิเคราะห์ชนิดของกรดไขมันทรานส์ซึ่งมีเพียงชนิดเดียวที่สูงเด่นมาก ได้แก่ Vaccenic acid (C18:1)-11 ที่พบมากตามธรรมชาติในไขมันจากสัตว์เคี้ยวเอื้อง จึงอนุมานได้ว่า ยี่ห้อนี้ใช้เนยแท้ในสูตรเค้กเพราะ หรือก็คือ ปริมาณกรดไขมันทรานส์ที่ตรวจพบนี้เป็นกรดไขมันทรานส์ธรรมชาติ จึงไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจผิดต่อผู้ที่รักสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก หากรับประทานเกินหนึ่งหน่วยบริโภค
ส่วนการทดสอบโดนัท นิตยสารฉลาดซื้อเลือกทดสอบโดนัทช็อกโกแลตซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โดยได้สุ่มซื้อโดนัทรสช็อกโกแลตจากร้านขายโดนัทและห้างสรรพสินค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 13 ยี่ห้อ (ยี่ห้อเดิมที่เคยเก็บตัวอย่าง เมื่อเดือน ก.พ. 2561) นำส่งห้องปฏิบัติการมาตรฐานเพื่อตรวจวิเคราะห์หาปริมาณไขมันทรานส์ รวมถึงสารกันบูดประเภทกรดซอร์บิก (Sorbic acid) และกรดเบนโซอิก (Benzoic acid) โดยผลการตรวจวิเคราะห์ เมื่อเปรียบเทียบปริมาณไขมันทรานส์ต่อหนึ่งหน่วยบริโภคอ้างอิงของผลิตภัณฑ์ขนมอบประเภทเค้ก กาแฟ โดนัท และมัฟฟิน ซึ่งเท่ากับ 55 กรัม (ตามบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 182 พ.ศ. 2541) พบว่า โดนัทช็อกโกแลตทุกตัวอย่างมีปริมาณไขมันทรานส์ไม่เกิน 0.5 กรัมต่อหน่วยบริโภค ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยตัวอย่างที่พบปริมาณไขมันทรานส์ต่อหนึ่งหน่วยบริโภคน้อยที่สุด ได้แก่ โดนัทช็อกโกแลต / บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ พบปริมาณไขมันทรานส์ 0.03 กรัมต่อน้ำหนักโดนัท 55 กรัม และตัวอย่างที่พบมากที่สุด ได้แก่ โดนัทรสช็อกโกแลต ไอซ์ เกลซ / คริสปี้ครีม พบปริมาณไขมันทรานส์ 0.14 กรัม ต่อ น้ำหนักโดนัท 55 กรัม
ศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นตัวอย่างที่ดีในความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ กระบวนการดำเนินงานที่มีการเร่งรัดภาคอุตสาหกรรมให้มีการพัฒนาส่วนประกอบทดแทน การให้ข้อมูลและความร่วมมือของภาคอุตสาหกรรม การพัฒนากระบวนการวิเคราะห์ให้ถูกต้องแม่นยำ การใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลในการประเมินและแก้ไขสถานการณ์ ตลอดจนบทบาทของภาคประชาสังคมในการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด การร่วมกันระหว่างภาครัฐ วิชาการและประชาสังคมในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน นับเป็นเบื้องหลังความสำเร็จที่เป็นต้นแบบให้กับประเทศต่าง ๆ ได้
เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค อย. มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จะติดตาม ตรวจสอบ และเฝ้าระวัง ณ สถานที่ผลิต สถานที่นำเข้า และสถานที่
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,300.00 | 19,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,250.00 | 18,950.00 | 19,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,125.00 | 17,055.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,000.00 | 15,160.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 563.00 | 8,535.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 438.00 | 6,640.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,295.00 | 19,632.20 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 08/03/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.94 | 24.94 | 25.34 | 24.94 | 24.94 | – | 24.94 | 24.94 | 24.94 | 24.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.14 | 20.14 | – | – | – | – | – | 20.14 | – | – |
เบนซิน 95 | 35.36 | – | – | – | 35.81 | – | 35.86 | 35.66 | – | 35.66 |
ดีเซล | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 30.89 | 31.16 | 31.35 | 31.35 | 31.35 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.44 | 27.29 | – | – | – | – | – | – | – | – |