สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 14 มีนาคม 2562

ศุภาลัย โชว์ผลประกอบการปี 61 พร้อมนำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมดินแดนวัฒนธรรมล้านนา

ภาพข่าว: ศุภาลัย โชว์ผลประกอบการปี 61 พร้อมนำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมดินแดนวัฒนธรรมล้านนา

ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย นางอัจฉรา ตั้งมติธรรม รองประธานกรรมการบริหาร และ นายราชัย ปิยวาจานุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการภูมิภาค 1 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติร่วมแถลงข่าว “ผลประกอบการปี 61 ภาพรวมเศรษฐกิจและเทรนด์ตลาดอสังหาฯ ภาคเหนือ” ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังคงสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถกวาดยอดขาย 33,343 ล้านบาท รายได้รวม 25,810 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,770 ล้านบาท เดินหน้าวางแผนเตรียมขยายโครงการใหม่ครอบคลุมทุกทำเลศักยภาพ ทั้งกรุงเทพฯ – ปริมณฑล และต่างจังหวัด พร้อมนำคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมดินแดนวัฒนธรรมล้านนา ในโอกาสจัดงาน Supalai Thanks Press Tour 2019 เพื่อขอบคุณสื่อมวลชน ณ จังหวัดเชียงราย

ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com


สยามพิวรรธน์ เผยกลยุทธ์ก้าวไปสู่ 5 ปีข้างหน้า พร้อมประกาศจุดยืน “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์”

รูปบทความ สยามพิวรรธน์ เผยกลยุทธ์ก้าวไปสู่ 5 ปีข้างหน้า พร้อมประกาศจุดยืน "ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์"

สยามพิวรรธน์ ฉลองความสำเร็จครบรอบ 60 ปี พร้อมประกาศจุดยืน “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ในวงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ เตรียมมุ่งเป้าสู่การเป็นผู้นำไทยยิ่งใหญ่บนเวทีโลก และสานต่อรูปแบบ Co-creation ร่วมกับพันธมิตรให้ทุกฝ่ายโตอย่างยั่งยืน

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และยังเป็นหนึ่งในพันธมิตรของ ไอคอนสยาม ล่าสุดได้ประกาศจุดยืน“ผู้นำแห่งเศรษฐกินสร้างสรรค์” ด้วยการนำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย เพื่อมุ่งสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยยิ่งใหญ่บนเวทีโลก 
ตลอดเวลา 60 ปีที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์เองก็มีความมุ่งมั่นในการที่จะเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการสร้างต้นแบบและนำมาตรฐานใหม่ๆมาพัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทบยมาโดยตลอด ล่าสุดสยามพิวรรธน์เองก็ได้ประกาศกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินแผนธุรกิจในอีก 5 ปี ดังนี้

เดินหน้าสร้างมหาปรากฏการณ์ โครงการระดับโลกทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดจากความสำเร็จของ วันสยาม และไอคอนสยาม

ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมือง โครงการที่สยามพิวรรธน์สร้างขึ้นจะต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องปฏิวัติวงการค้าปลีก (Retail revolution) และต้องเป็นโครงการที่สร้างสรรค์โดยเฉพาะ(Tailor made) ซึ่งความสำเร็จในทุกโครงการที่ผ่านมาทำให้สยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการในต่างประเทศให้ไปร่วมลงทุน หรือเป็นที่ปรึกษาในการทำโครงการ และล่าสุดจากความสำเร็จของโครงการไอคอนสยามเป็นต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจทำให้ผู้ประกอบการจากทั่วโลก ต้องมาเรียนรู้ในการพัฒนาโครงการที่สามารถถ่ายทอดตัวตน (DNA) ของประเทศให้ออกมาได้ทุกมิติ ควบคู่กับการทำธุรกิจ ความรู้และประสบการณ์จากการพัฒนาโครงการไอคอนสยามจะถูกนำไปใช้ต่อยอดในการพัฒนาโครงการใหญ่ระดับชาติ และระดับโลก โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีการสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบและคอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่เหนือความคาดหมาย ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบเร็วๆ นี้

นอกจากนี้สยามพิวรรธน์ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อน “วันสยาม” (One Siam) คือการผนึกกำลังของ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าและครองความเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า เป็นสถานที่หนึ่งเดียวในเอเชียและวงการค้าปลีกของโลก ที่ก้าวขึ้นแท่นติดอันดับ 1 ใน 10 ของสถานที่ยอดนิยมระดับโลก อันดับ 1 ใน Instagram และอันดับ 6 ใน Facebook

ไอคอนสยามยังคงเดินหน้าสร้างปรากฎการณ์ความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดองค์ประกอบสำคัญเพิ่มเติม เช่น ทรู ไอคอน ฮอลล์ (TRUE ICON HALL) ศูนย์ประชุมพร้อมนวัตกรรมล้ำยุคแห่งแรกในกรุงเทพบนพื้นที่กว่า12,000 ตารางเมตร ที่สามารถรองรับการจัดงานประชุมระดับชาติ และจัดแสดงโชว์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ สนับสนุนอุตสาหกรรม MICE ของประเทศไทย และ ริเวอร์มิวเซียม แบงค็อก (rivermusuem bangkok) ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์มาตรฐานระดับสากลครั้งแรกในเมืองไทย โดยจะทำงานร่วมกับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก เพื่อนำผลงานศิลปะล้ำค่าจากต่างประเทศมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

ผนึกกำลังพันธมิตรแถวหน้าระดับโลก ร่วมพัฒนาธุรกิจค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์

ที่ผ่านมาสยามพิวรรธน์ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำระดับโลกมากมาย และเลือกที่จะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจและร่วมลงทุนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ไปกับสยามพิวรรธน์ โดยเมื่อปี 2561 สยามพิวรรธน์ประกาศการลงทุนร่วมกับพันธมิตรระดับโลก ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านค้าปลีกอันดับหนึ่งของโลกจากอเมริกา มีกำหนดการที่จะเปิด Luxury Premium Outlets แห่งแรกในประเทศไทยในปลายปีนี้ และขยายเพิ่มไปนอกกรุงเทพฯ อีก 2 แห่ง

ในขณะเดียวกัน สยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากหลายๆ บริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศต่างๆ ซึ่งมีความประสงค์จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นกลางจึงจะทำให้สยามพิวรรธน์สามารถจับมือกับทุกพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงการเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษา โดยได้มองหาทำเลทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด

ในส่วนธุรกิจค้าปลีก สยามพิวรรธน์ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่แปลกใหม่เป็นคนแรกอย่างต่อเนื่อง จากความสำเร็จที่ผ่านมา ตั้งแต่การจับมือกับ ทาคาชิมายะ ห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เพื่อเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่ไอคอนสยาม การร่วมทุนกับบริษัท iStyle Inc. บริษัทค้าปลีกและเจ้าของเว็บไซต์รีวิวและจัดอันดับผลิตภัณฑ์ความงามที่ใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดในญี่ปุ่น เพื่อเปิดร้าน @cosme store แห่งแรกในประเทศไทย การขยายธุรกิจแฟรนไชส์ อาทิ ลอฟท์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ถึง 5 สาขา ร้าน ALAND แฟชั่นชื่อดังที่สุดจากเกาหลี รวมถึงการสร้างร้าน ICONCRAFT พื้นที่สร้างแรงบันดาลใจ ปั้นยอดฝีมือไทยสู่เวทีโลก

โดยในปีนี้ สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะขยายไลน์ธุรกิจค้าปลีกให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งการขยายธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบแฟรนไชส์ การร่วมทุนกับบริษัทค้าปลีกชั้นนำจากต่างประเทศเพื่อเปิดตัวแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์อีก 2 แบรนด์

นอกจากนี้ จะมุ่งเน้นการให้ความสนับสนุนดีไซน์เนอร์ไทยและผู้ประกอบการ SME ไทยให้พัฒนาบน platform การจัดจำหน่ายสินค้าที่สยามพิวรรธน์บริหารอย่างครบวงจร เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยๆ ที่มีต้นทุนต่ำ ได้ใช้ประโยชน์จากศูนย์กลางข้อมูลของสยามพิวรรธน์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง

ลงทุนธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก

สยามพิวรรธน์มีความสนใจที่จะลงทุนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในธุรกิจอื่น และขยายธุรกิจค้าปลีก ที่จะช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักเพื่อเสริมศักยภาพของสยามพิวรรธน์ เช่น การซื้ออาคารสำนักงาน กิจการจัดส่งสินค้า(logistics) รวมไปถึงธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าในการขยายธุรกิจภายใต้บริษัทลูกอีก 4 – 5 บริษัทใหญ่ อาทิ การจัดตั้งบริษัท สยามอัลไลแอนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ต่อยอดความเชี่ยวชาญจากการบริหาร Royal Paragon Hall เพื่อรับบริหารจัดการศูนย์การประชุมและศูนย์แสดงนิทรรศการใหม่ๆ อาทิ TRUE ICON HALL และลงทุนในการสร้างศูนย์ประชุมสำหรับการจัดงานต่างๆ รวมถึงการการจัดแสดงคอนเสิร์ตในทำเลใหม่ การเดินหน้าให้บริการกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดอย่างครบวงจรของบริษัท ซูพรีโม่ จำกัด ที่สร้างประสบการณ์ระดับโลกเหนือความคาดหมายมาแล้วมากมาย อาทิ การจัดงาน Amazing Thailand Countdown ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีธุรกิจให้คำปรึกษาและบริการเกี่ยวกับการจัดการอาคารของบริษัท สยามโปรเฟสชั่นแนล แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งได้ให้บริการแก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาแล้วหลายราย ซึ่งบริษัทในเครือเหล่านี้ จะเดินหน้าให้บริการทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

เปิดตัวระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และการบริหารจัดการข้อมูล ที่ได้ถูกพัฒนามาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี สร้างความแตกต่างแต่โดนใจ เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ

ด้วยการทำงานที่คำนึงถึงความต้องการและความสนใจของลูกค้าเป็นหลัก (Customer Centric) สยามพิวรรธน์ มีความมุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดมาพัฒนาระบบการทำงาน ตั้งแต่ การศึกษาความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการออกแบบการสร้างประสบการณ์ (customer journey) การให้บริการ และการส่งเสริมการขายให้ตรงความต้องการของลูกค้าในแต่ละบุคคลมากที่สุด

โดยในปีนี้ สยามพิวรรธน์จะเปิดตัวระบบสารสนเทศทางการตลาด (Marketing Intelligence System) ที่ได้พัฒนามานานกว่า 5 ปีด้วยงบประมาณ 500 ล้านบาท สำเร็จพร้อมใช้อย่างเต็มรูปแบบแล้วในปีนี้ โดย อาจารย์สรรค์ชัย เตียวประเสริฐกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ และ ผศ.ดร.พีรพล เวทีกูล อาจารย์ประจำ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยในการพัฒนาระบบครั้งนี้ สยามพิวรรธน์ ได้ใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่จาก 4 ศูนย์การค้าที่เป็นเจ้าของ ซึ่งมีจำนวนผู้มาเยือนสูงที่สุด ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศไทย มาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อให้ตอบรับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังได้ปรับระบบโครงสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี (IT Infrastructure) และการบริหารจัดการข้อมูล (Data Management) ทั้งหมด โดยระบบจะแบ่งเป็น 2 ส่วน

  1. ในส่วน Front-end สยามพิวรรธน์ได้มีการทำ Location awareness และ Member awareness ผ่านระบบ Mobile Application รวม ศูนย์ข้อมูลการตลาดโดยทำ Web Centralization และพัฒนา Electronic Digital Marketing (EDM) เพื่อเข้าถึงลูกค้าผ่านทางช่องทางบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
  2. ในส่วน Back-end สยามพิวรรธน์ได้พัฒนาระบบ Data Infrastructure เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าในหลายมิติ และใช้ Advanced data analytics ในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคล เพื่อนำไปต่อยอดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้ตรงใจลูกค้าและได้ผลตอบแทนมากที่สุด

นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์จะขยายช่องทางค้าปลีกไปยังตลาดออนไลน์ ผ่านทางอี-คอมเมิร์ส และ เอส-คอมเมิร์ส เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถมาถึงสถานที่ของเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าต่างจังหวัดและต่างประเทศ เกิดความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน

กลยุทธ์การสร้างคุณค่า สมประโยชน์ร่วมกันสู่ความยั่งยืน จับมือผู้ประกอบการไทยทั่วประเทศพร้อมแข่งขันบนเวทีโลก ปั้น Local Heroes ให้เป็น Global Heroes

สยามพิวรรธน์ ยังคงยึดมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยการสร้างแบบอย่างการดำเนินธุรกิจ คือ การร่วมกันรังสรรค์ (Co-creation) และ การสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Value) ซึ่งเป็นคอนเซปต์หลักในการพัฒนาทุกโครงการของสยามพิวรรธน์ตลอดมา

การผนึกกำลังร่วมกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ บุคคลผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญจากทั่วโลก ถูกสะท้อนออกมาอย่างเป็นรูปธรรมและเต็มรูปแบบในโครงการล่าสุดคือ ไอคอนสยาม ซึ่งเป็นสเกลของการ co-creation ระดับชาติ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะมีการรวมพลังความคิดสร้างสรรค์ในทุกแขนงกับผู้มีความรู้ความสามารถจากชุมชนทั่วประเทศ ภาคธุรกิจ ภาคราชการ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ จากหลายประเทศ ทั้งรายใหญ่รายย่อย ซึ่งสยามพิวรรธน์ทำงานด้วยอย่างใกล้ชิด ท้าทายให้คิดนอกกรอบ และทำในสิ่งที่ไม่เคยทำกันมาก่อน ต่อยอดให้เกิดความสำเร็จที่เพิ่มทวีคูณกับทุกคนที่ร่วมในโครงการ

นอกจากนี้สยามพิวรรธน์ทำงานร่วมกับภาครัฐเพื่อร่วมฝึกสอนคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในทุกสาขาอาชีพ ให้กลายเป็นกำลังขับเคลื่อนความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศไทย อาทิ สนับสนุนโครงการดีมาร์ค โชว์ โครงการทาเลนต์ไทย แอนด์ ดีไซน์เนอร์รูม และการเปิดร้าน Objects of Desire Store (ODS) ที่ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อผลักดันผลงานของนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก โครงการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ชุมชนสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ร่วมกับ กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อยกระดับโอทอปแบบครบวงจร ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรรม และการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม ร่วมกับ SACICT ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การ มหาชน) นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ ยังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการท้องถิ่นรายย่อยจากทั่วประเทศไทย ในโครงการสุขสยาม ส่งผลให้ผลิตผลจากหมู่บ้านและท้องถิ่นต่างๆ มียอดขายที่ดีและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง สยามพิวรรธน์ จะยังคงสนับสนุนโครงการเหล่านี้ต่อไป รวมทั้งมองหาโอกาสที่จะทำโครงการดีๆ ร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เชิดชูความสามารถและผลักดันฝีมือคนไทย ปั้น “Local Heroes” ให้กลายเป็น “Global Heroes” ที่จะทำชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และสามารถแข่งขันได้อย่างสง่างามบนเวทีโลก

ทุกโครงการจะต้องแผ่กระจายความรุ่งเรือง ทำประโยชน์ให้กับชุมชนธุรกิจที่อยู่รายล้อม ดูแลสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของชุมชน สร้างประโยชน์ให้สังคมในวงกว้าง สร้างความเจริญทางเศรษฐกิจและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ สยามพิวรรธน์เป็นเวทีในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ส่งเสริมผลักดันความสามารถของคนไทยจากทุกสาขาอาชีพ ให้คนไทยภูมิใจในศักยภาพ จุดประกายพลังของความเป็นไทย

การพัฒนาสยามพิวรรธน์ อคาเดมี (Siam Piwat Academy) และการสร้างสยามพิวรรธน์ Next-Gen Leader

เพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่โตอย่างก้าวกระโดดจาก 15 บริษัทเป็น 46 บริษัทภายใน 5 ปีที่ผ่านมา และตอบรับกับแผนการขยายธุรกิจ สยามพิวรรธน์มีแผนปรับโครงสร้างบริหารและพัฒนาองค์กรดังนี้ การสร้างสยามพิวรรธน์ Next-Gen Leader ปั้นคนรุ่นใหม่เสริมทัพผู้บริหารเพื่อขับเคลื่อนองค์กรโดย 5 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างหน่วยงาน Think Tank ที่ได้ทำงานร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้บริหารระดับสูงที่มากด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอย่างใกล้ชิด เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้ถูกฝึกฝีมืออย่างเข้มข้น และมีเวทีในการแสดงศักยภาพ มีโอกาสเติบโตและภาคภูมิใจไปกับทุกความสำเร็จขององค์กร

นอกจากนี้ โครงการสยามพิวรรธน์ อคาเดมี (Siam Piwat Academy) ซึ่งคือหลักสูตรการบริหารจัดการ ที่นำองค์ความรู้ในการบริหารศูนย์การค้าและการค้าปลีกของสยามพิวรรธน์ที่สั่งสมมากว่า 60 ปีมาถ่ายทอดให้กับสังคม โดยใน 3 ปีที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ได้ทำงานร่วมกับสถาบันชั้นนำของประเทศไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการสอนเกี่ยวกับ Sustainable Shopping Mall Management ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี และมีการขยายความร่วมมือไปยังสถาบันชั้นนำอื่นๆ อาทิ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ ในปีต่อไปนี้สยามพิวรรธน์จะเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ มีความชำนาญที่หลากหลาย (Multi Skills) ที่สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้า และเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิตอล

สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะปรับโครงการสร้างองค์กรด้วยการสร้าง Center of Excellence หรือ การสร้างหน่วยงานกลางที่รวมเอาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในสาขาต่างๆ ขึ้นเป็นหน่วยงานส่วนกลางเพื่อกำกับดูแล และให้การสนับสนุนบริษัทลูกในเครือทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีแผนการปรับกระบวนการทำงานโดยนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีผลิตภาพมากขึ้น อาทิ การใช้ Chatbot, Robotic, AI ทำให้องค์กรมีความคล่องตัว (Agile organization) สามารถปรับตัวได้เร็วตอบสนองความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

เราเชื่อมั่นว่าด้วยวิสัยทัศน์และจุดยืนที่แตกต่างของการใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย (The Icon of creative & innovative lifestyle) ในการดำเนินธุรกิจของสยามพิวรรธน์ตลอด 60 ปี พร้อมกับกลยุทธ์ที่ได้วางไว้จะสามารถทำให้เรายืนหยัดและประสบความสำเร็จในวงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ต่อไปอีกในทุกยุคทุกสมัย และ ช่วยนำพาธุรกิจ พันธมิตรทุกคนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งสู่การเป็น “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) และนำประเทศไทยสู่ความยิ่งใหญ่บนเวทีโลก นางชฎาทิพ กล่าวปิดท้าย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก estopolis.com


ธปท.แจง 7 ปีหนี้กองทุนฟื้นฟูฯลดวูบ จ่ายดอกเบี้ยทะลัก 2.57 แสนล้านบาท

ธปท.แจง 7 ปีหนี้กองทุนฟื้นฟูฯลดวูบ จ่ายดอกเบี้ยทะลัก 2.57 แสนล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานการบริหารหนี้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปรับปรุงบริหารหนี้เงินกู้ พ.ศ.2555 ซึ่งเป็นหนี้ที่รัฐบาลชดเชยความเสียหายให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จากการนำเงินเข้าไปช่วยเพิ่มทุน ในสถาบันการเงินที่เกิดวิกฤติฐานะการเงิน ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 โดยตั้งแต่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้รับการโอนการบริหาร และชำระคืนหนี้ก้อนดังกล่าวจากรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2555 ในวงเงินต้นรวมที่โอนมา 1,138,305.89 ล้านบาท จากการบริหารหนี้จนถึงวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา รวมเป็นเวลา 7 ปีเต็ม พบว่ายอดเงินต้นล่าสุดอยู่ที่ 844,037.21 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของยอดเงินที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้ชำระคืนให้กับสถาบันการเงิน และประชาชนที่ถือพันธบัตรออมทรัพย์ฯในระยะ 7 ปีที่ผ่านมา คิดเป็น 536,994.78 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการชำระเพื่อตัดยอดเงินต้น 279,968.68 ล้านบาท ขณะที่เป็นการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่ใกล้เคียงกันคือ 257,014.95 ล้านบาท และจ่ายเป็นค่าบริหารจัดการหนี้ 11.15 ล้านบาท จากภาระดอกเบี้ยจ่ายดังกล่าว ทำให้ยอดหนี้เงินต้นของหนี้ก้อนดังกล่าวยังคงลดลงไปได้ไม่มากนัก และในการบริหารจัดการหนี้ ต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรเพื่อชำระหนี้ก้อนนี้ได้ทั้งหมด

สำหรับแหล่งเงินที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯนำมาใช้ในการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาได้มาจาก 3 ทาง คือ 1.เงินส่วนที่เป็นกำไร จากสินทรัพย์ในบัญชีผลประโยชน์ประจำปีของทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ โดยได้นำเงินส่วนนี้มาชำระหนี้แล้ว 22,255.68 ล้านบาท 2.เงินที่สถาบันการเงินต้องนำส่งตามกฎหมาย ส่วนนี้นำมาชำระหนี้แล้ว 336,026.10 ล้านบาท 3.เงินที่มาจากการบริหารสินทรัพย์ และขายสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯที่ได้รับจากการเข้าไปช่วยสถาบันการเงินในช่วงวิกฤติ ส่วนนี้ได้นำมาชำระหนี้แล้ว 178,713 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน แผนการปรับโครงสร้างหนี้และบริหารจัดการหนี้ในปีงบประมาณ 2562 ที่ครบกำหนดชำระคืน 167,532 ล้านบาท กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้หารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะแล้ว โดยมีแผนเพิ่มปริมาณตราสารหนี้ระยะยาวของกองทุนทดแทนตราสารเดิมที่ครบกำหนด และเน้นการออกพันธบัตรอายุ 10 ปี เพื่อลดการกระจุกตัวของภาระหนี้ ฯลฯ ให้สอดคล้องกับประมาณการเงินรายรับที่สามารถนำไปชำระหนี้ ในปัจจุบัน

นอกจากนั้น การออกพันธบัตรอายุยาว 10 ปี ถือเป็นการใช้ประโยชน์จากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ยังปรับตัวไม่สูงมากนักในปัจจุบัน เพื่อล็อกต้นทุนการกู้ยืมให้ต่ำลง ทำให้อายุคงเหลือเฉลี่ยภาระหนี้ก้อนดังกล่าวของปีงบประมาณปี 2562 ใช้เวลาชำระคืนอยู่ที่ 4.56 ปี เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือน ก.ย.2561 อยู่ที่ 3.74 ปี ตามแผนดังกล่าวคาดว่า ทำให้มีต้นทุน 3.65% ต่อปี รองรับการไถ่ถอนตราสารได้ตามกำหนดทั้งจำนวน.

 

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th 


หมอฟันแนะ 3 วิธีดูแลสุขภาพช่องปาก

หมอฟันแนะ 3 วิธีดูแลสุขภาพช่องปาก

จากข้อมูลสุขภาพช่องปากและฟันของคนไทย พบว่า ช่วงปฐมวัยเริ่มมีฟันน้ำนมผุตั้งแต่อายุ 9 เดือน ร้อยละ 3 และผุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 51.7 เมื่ออายุ 3 ปี และจะเพิ่มสูงมากถึง ร้อยละ 97.5 เมื่ออายุ 5 ปี โดยเด็กวัยเรียนที่เริ่มมีฟันแท้ขึ้นในปาก ช่วงอายุ 12 ปี ร้อยละ 52.2 เป็นโรคฟันผุ และร้อยละ 50 พบเหงือกอักเสบ ขณะที่ประชากรอายุมากกว่า 65 ปี ในเอเชียกว่าร้อยละ 23 ที่สูญเสียฟันทั้งปากและคาดว่าจะสูงถึงร้อยละ 38  ในปี ค.ศ. 2050 สะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในการดูแลสุขภาพในช่องปาก  

ทพญ. วลัยลักษณ์ เกียรติธนากร ผู้อำนวยการคลินิกทันตกรรมบีดับเบิลยูซี แห่งบีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก กล่าวถึงภาพรวมของปัญหาสุขภาพช่องปาก และความสำคัญของสุขภาวะช่องปากที่ดีว่า “หากเปรียบว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ รอยยิ้มก็คงเปรียบได้กับประตูสู่มิตรภาพและความสัมพันธ์ เพราะเราเชื่อว่าการมีรอยยิ้มที่สดใสนั้น จะมีพลังของความสุขและความมั่นใจแฝงอยู่ในนั้นเสมอ ดังนั้นการมีสุขภาพปากและฟันที่ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญของการมีชีวิตที่ยาวนานและการใช้ชีวิตที่มีความสุข  ส่วนสาเหตุที่ทำให้สุขภาพในช่องปากมีปัญหานั้น นอกจากจะเกิดจากการบริโภคอาหาร เช่น เบเกอรี่ ขนม ลูกอม และเครื่องดื่มน้ำตาลสูง แล้วการขาดความรู้ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพในช่องปากที่ถูกต้องนั้น ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยมีปัญหาสุขภาพในช่องปาก” โดย ทพญ. วลัยลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการดูแลสุขภาพในช่องปากและฟันไว้ 3 ขั้นตอนดังนี้  

  1. ทำความสะอาดอย่างถูกวิธีชัยไปกว่าครึ่ง

    การทำความสะอาดที่ถูกวิธีนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาพปากและฟันที่ดี โดยเริ่มต้นแต่วิธีเลือกยาสีฟันที่ควรมีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ  เลือกแปรงสีฟันที่มีปลายมน ขนแปรงนุ่มพอเหมาะ ด้ามจับถนัดมือ  โดยเวลาแปรงให้ วางขนแปรงแนบกับของเหงือก โดยเอียงขนแปรงเป็นมุม 45 องศา กับตัวฟันเพราะบริเวณรอยต่อนี้เองที่เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียในช่องปาก หลังจากนั้นให้ขยับแปรงไปมาเล็กน้อย แล้วหมุนข้อมือปัดแปรงไปบนตัวฟัน โดยแปรงทั้งด้านในและด้านนอกของฟัน  ส่วนด้านบดเคี้ยวนั้นให้ถูไปมาตามแนวฟันทั้งซ้ายขวาจนสะอาด โดยควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้งพร้อมกับทำความสะอาดลิ้น เพราะเชื้อแบคทีเรียหรือเศษอาหารฝังอยู่ที่ลิ้น ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีกลิ่นปากได้โดยไม่รู้ตัว ที่สำคัญหลังแปรงฟันให้บ้วนน้ำออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อให้ฟลูออไรด์คงประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่ 

  1. ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ

    การแปรงฟันเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์และเศษอาหารที่อยู่บริเวณซอกฟันได้ จึงจำเป็นต้องใช้ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อลดการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของฟันผุ และเหงือกอักเสบโดยเฉพาะบริเวณซอกฟันและด้านข้างของฟันที่อยู่ชิดกัน โดยใช้ไหมขัดฟันโอบลงไประหว่างซี่ฟันจนถึงใต้ขอบเหงือก หรือลงไปในร่องเหงือกเล็กน้อย โอบไหมขัดฟันตามส่วนโค้งของซี่ฟัน ค่อยๆ ขยับไหมขัดฟัน ขึ้นลงไปทีละซี่ โดยไม่ใช้วิธีกดไหมขัดฟันให้ผ่านเข้าซอกฟันโดยตรง ไม่ใช้ไหมขัดฟันอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้เหงือกเลือดออกเป็นแผลได้

  1. พบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

    นอกจากการทำความสะอาดและการดูแลสุขภาพปากและฟันด้วยตัวเองแล้ว การเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเช็คสุขภาพปากและฟันอย่างละเอียดทุกๆ 6 เดือน ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะทันตแพทย์จะช่วยมองหาสัญญาณของโรคและปัญหาต่างๆ เพื่อป้องกันและรับมือและรักษาทันทีก่อนลุกลาม

สุดท้าย ทพญ. วลัยลักษณ์ ยังได้ทิ้งท้าย 5 หลักการสำคัญในการดูแลรักษาสุขภาวะช่องปาก ได้แก่ “ป้องกัน สม่ำเสมอ ใส่ใจ สะอาดปลอดภัย และสมวัย” เป็นหลักสำคัญที่ควรตระหนักถึงเพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาทั้งในด้านเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องมาพร้อมกับความสม่ำเสมอในการดูแลสุขภาพช่องปากและพบทันตแพทย์อย่างใส่ใจ โดยควรเลือกสถานที่ในการรักษาที่สะอาด ได้มาตราฐาน และควรเลือกพบหมอที่เหมาะสมกับช่วงวัย ยกตัวอย่างเช่น ทันตแพทย์เด็กที่จะสามารถปรับพฤติกรรมของเด็กในแต่ละช่วงอายุ มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากที่ดีและทัศนคติที่ดีต่อการทำฟัน เมื่อสุขภาพฟันในช่วงเด็กดีและรู้วิธีการป้องกันก็จะส่งผลถึงสุขภาพฟันและช่องปากที่ดีและยืนยาวไปในที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รู้จัก ‘Q’ เสียงปัญญาประดิษฐ์ไม่ระบุเพศเสียงแรกของโลก

FILE - Prompts on how to use Amazon's Alexa are seen in an Amazon "experience center" in Vallejo, California, May 8, 2018. In an effort to counter possible sexist stereotypes, a team created a voice nicknamed Q that is designed to be perceived as neither male or female.

FILE – Prompts on how to use Amazon’s Alexa are seen in an Amazon “experience center” in Vallejo, California, May 8, 2018. In an effort to counter possible sexist stereotypes, a team created a voice nicknamed Q that is designed to be perceived as neither male or female.

ปัจจุบัน ประเด็นเรื่องความเท่าเทียมและการเลือกปฏิบัติทางเพศถูกพูดถึงอย่างมากในแทบทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่อุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ

สถาบันและนักออกแบบผลิตภัณฑ์จำนวนมากตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเสียงพูดในอุปกรณ์ผู้ช่วยอัจฉริยะภายในบ้านจึงมักเป็นเสียงผู้หญิง? มีความจำเป็นหรือไม่ที่เสียงในอุปกรณ์เหล่านั้นต้องเป็นเสียงของสตรี? และทำไมต้องมีชื่อเรียกเหมือนชื่อผู้หญิงด้วย ซึ่งรวมถึง Alexa ของ Amazon, Cortana ของ Microsoft และ Siri ของ Apple ?

จนนำไปสู่คำถามที่ว่ากรณีนี้เข้าข่าย “เลือกปฏิบัติทางเพศ” หรือไม่?

ด้วยเหตุนี้ คณะนักออกแบบของบริษัท Vice Media ในเดนมาร์ก จึงได้คิดพัฒนาเสียงตอบรับแบบใหม่ขึ้น ซึ่งไม่แบ่งแยกว่าเป็นเสียงผู้ชายหรือผู้หญิง โดยตั้งชื่อเรียกสั้นๆ ว่า Q

คุณจูลี คาร์เพนเตอร์ นักวิจัยที่ California State Polytechnic University ผู้ให้คำปรึกษาแก่โครงการ Q นี้ บอกว่า “ผู้คนทั่วไปมักเลือกเสียงของผู้หญิงสำหรับปัญญาประดิษฐ์ที่ต้องทำงานในลักษณะรับคำสั่งเพื่อให้ความช่วยเหลือบางอย่าง แต่จะเลือกเสียงของผู้ชายในลักษณะของความเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือการให้คำปรึกษามากกว่า”

ด้านคุณนิส นอร์การ์ด นักออกแบบเสียงแห่งสตูดิโอ Thirty Sounds Good ผู้สร้างเสียงของ Q อธิบายว่า เขาใช้ข้อมูลจากงานวิจัยที่ระบุว่า เสียงผู้ชายมักมีความถี่ระหว่าง 85 – 180 เฮิร์ตซ์ กับเสียงผู้หญิงที่มักมีระดับความถี่สูงกว่า คือระหว่าง 140 – 255 เฮิร์ตซ์ มาใช้ในการสร้างเสียงในระดับความถี่ตรงกลางระหว่างสองเพศ

นอกจากระดับความถี่แล้ว คุณนอร์การ์ด บอกว่า เสียงของผู้ชายยังมีลักษณะการพูดที่ราบเรียบกว่า รวมทั้งมีการออกเสียงพยัญชนะบางตัว เช่น ‘S หรือ ส’ และ ‘T หรือ ท’ สั้นและห้วนกว่าเสียงผู้หญิง

จากนั้นคณะนักวิจัยใช้วิธีอัดเสียงบุคคลข้ามเพศและผู้ไม่ระบุเพศ รวม 22 เสียง เพื่อใช้เป็นพื้นฐานของการสร้างเสียงของ Q เพื่อให้เสียงนี้สามารถสะท้อนความหลากหลายทางเพศได้มากขึ้น และไม่เอนเอียงไปทางเสียงของผู้ชายหรือผู้หญิงทางใดทางหนึ่งมากเกินไป และนำไปปรับเสียงด้วยระบบดิจิทัลอีกครั้ง จนสุดท้ายได้เสียงของ Q ในที่สุด

Q เพิ่งเปิดตัวในวันจันทร์ที่ผ่านมา ในเทศกาลแห่งความคิดสร้างสรรค์ South by Southwest (SXSW) ที่รัฐเท็กซัส

นักวิจัยบอกว่า ได้ลองทดสอบเสียงของ Q กับผู้สมัครกว่า 4,000 คน ซึ่งราวครึ่งหนึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ ส่วนที่เหลืออีกครึ่งก็ทายว่าเป็นเสียงผู้ชายราว 50% และเสียงผู้หญิงราว 50% เช่นกัน

เวลานี้ เสียงของ Q สามารถฟังได้จากทางเว็บไซต์ของ Vice Media เท่านั้น แต่ผู้บริหารของ Vice Media หวังว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เพิ่มทางเลือกแบบ ‘genderless voice’ หรือเสียงที่ไม่ระบุเพศ ในอุปกรณ์แบบสมาร์ทต่างๆ มากขึ้น รวมทั้งในหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก voathai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,450.00 19,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,260.00 19,101.60 20,050.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,134.00 17,191.44 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,008.00 15,281.28 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 567.00 8,595.72 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 441.00 6,685.56 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,306.00 19,798.96 n/a
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 14/03/2562
ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 28.45 28.45 28.45 28.45 28.45 28.45 28.45 28.45 28.45 28.45
แก๊สโซฮอล์ 91 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18
แก๊สโซฮอล์ E20 25.44 25.44 25.84 25.44 25.44 25.44 25.44 25.44 25.44
แก๊สโซฮอล์ E85 20.44 20.44 20.44
เบนซิน 95 35.86 36.31 36.36 36.16 36.16
ดีเซล 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.19 31.46 31.65 31.65 31.65
แก๊ส NGV 16.44 27.59

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า