สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 22 เมษายน 2562

คอนโดรายวันเกลื่อน ภูเก็ตทะลักหมื่นหน่วยการันตีผลตอบแทน

เมืองท่องเที่ยว คอนโดฯเช่ารายวัน-รายเดือนเกลื่อน ภูเก็ต ทะลักหมื่นหน่วย 60 โครงการ ตามด้วยพัทยา ใช้รูปแบบการันตีผลตอบแทน5-7% ระยะเวลา 2-7 ปี ดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ หลังขายไม่ออก

ตลาดคอนโดมิเนียมช่วงหลายปีที่ผ่านมาอาจชะลอตัวไปบ้างจากกรณีผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลางหลายรายเลือกเร่งระบายสต๊อกมากกว่าเปิดโครงการใหม่ซึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดส่วนใหญ่คือลดแลกแจกแถมฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์

อีกรูปแบบของการระบายสินค้าคือผู้ประกอบการเสนอผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อโดยอาจการันตีผลตอบแทน 5-7% ในระยะเวลา 2-7 ปี แล้วแต่ผู้ประกอบการจะกำหนดแต่หน่วยของผู้ซื้อนั้นผู้ประกอบการอาจจะนำไปปล่อยเช่าลูกค้ารายวันหรือรายเดือนแทน

นายสุรเชษฐ กองชีพ  กรรมการผู้จัดการบริษัทฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด ระบุว่า การการันตีผลตอบแทนในลักษณะดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ที่ผู้ประกอบการต้องการระบายคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จแล้วแต่ยังเหลือขายอยู่ออกไป เพราะผู้ประกอบการอาจออกโปรโมชันกระตุ้นยอดขายทุกรูปแบบแต่ไม่สามารถปิดการขายได้จึงจำเป็นต้องยอมลดกำไรตัวเองลงเพื่อให้ผู้ซื้อกลุ่มใหม่เกิดความสนใจ

สำหรับเมืองท่องเที่ยวที่มีโครงการรูปแบบนี้มากที่สุดคือ ภูเก็ต เพราะมีโครงการที่ การันตีผลตอบแทนเปิดขายอยู่ในปัจจุบันมากถึงกว่า 60 โครงการ รวมๆ แล้วมีจำนวนยูนิตรวมกันมากถึง 11,500 หน่วยบางโครงการอาจจะไม่ใช่ทุกหน่วยที่มีการขายแบบการันตีผลตอบแทนแต่เป็นการยากที่จะนับเฉพาะและมีทั้งโรงแรมแบรนด์ไทย ต่างชาติ ไม่มีแบรนด์โรงแรมเพราะผู้ประกอบการเจ้าของโครงการบริหารจัดการเอง ผู้ประกอบการบางรายเปิดขายโครงการรูปแบบนี้ต่อเนื่องมาโดยตลอดและมีจำนวนรวมกันมากกว่า 6-7 โครงการไปแล้วก็มี ผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างแสนสิริ และออลอินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ก็มีการขายแบบการันตีผลตอบแทนเช่นกัน โดยโครงการที่ขายแบบการันตีผลตอบแทนของทั้ง 2บริษัทเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในภูเก็ตทั้งหมด

อีกเมืองท่องเที่ยวที่มีโครงการคอนโดมิเนียมที่ขายแบบการันตีผลตอบแทนมากเป็นลำดับที่ 2 คือ พัทยาที่แม้จะมีโครงการรูปแบบนี้เพียงแค่4-5 โครงการเท่านั้นในปัจจุบันและน้อยกว่าจำนวนโครงการในภูเก็ตมากกว่า 10 เท่า แต่พัทยาก่อนหน้านี้ก็เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวที่มีโครงการที่ขายแบบการันตีผลตอบแทนมาหลายปีแล้วและโครงการเหล่านั้นปิดการขายทั้งโครงการหรือว่าปิดการขายในส่วนที่มีการการันตีผลตอบแทนไปแล้ว อีกทั้งกระแสการลงทุนในคอนโดมิเนียมในพัทยาที่เริ่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่การลดลงของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เป็นผู้ซื้อและนักลงทุนคอนโดมิเนียมหลักในกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติในพัทยา อีกทั้งจำนวนคอนโดมิเนียมในพัทยาที่ยังเหลือขายอยู่มากมายก็เป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนโครงการรูปแบบนี้ในพัทยาเช่นกันแต่ก็มีผู้ประกอบการหลายรายเลือกเปิดขายโครงการรูปแบบนี้ในช่วงปี 2560 เป็นต้นมา 

ขอบคุณข้อมมูลจาก thansettakij.com


ปั้นขนส่ง ‘เอกมัย’ ศูนย์ธุรกิจฝังเพชร

บิ๊กทุนสนพีพีพี บขส.พลิกโฉมสถานีขนส่งเอกมัย 7 ไร่ เป็นศูนย์ธุรกิจ โรงแรม ศูนย์ การค้า ส่วนใต้ดิน พัฒนาเป็นโซนจอดรถโดยสาร มอบจุฬาฯศึกษาเปิดเฮียริ่ง หลังพื้นที่โดยรอบเป็นดงมิกซ์ยูสราคาที่ดินพุ่ง 2 ล้านบาทต่อตร.ว.    

มีดีเวลอปเปอร์จำนวนไม่น้อยรอเจ้าของที่ดินคายทำเลทองฝังเพชร ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสำคัญๆ ล่าสุด สถานีขนส่งภาคตะวันออก (เอกมัย) ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) สังกัดกระทรวงคมนาคมว่าจ้าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาพื้นที่ 7 ไร่เศษ เพิ่มศักยภาพ พัฒนามิกซ์ยูสรูปแบบรัฐร่วมทุนเอกชน (PPP) ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ศูนย์ การค้า ฯลฯ รองรับผู้โดยสารนักท่องเที่ยว คนสัญจรไปมา คนอยู่อาศัยในย่านนั้น

หลังจากทำเลนี้ถูกมองเป็นย่านอยู่อาศัยแหล่งงาน แหล่งช็อปปิ้ง แต่ปัจจุบันยังใช้ที่ดินไม่ตรงกับศักยภาพที่มี ทำให้ขนส่งแห่งนี้ ถูกโอบล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ คอนโดมิเนียมอาคารสำนักงานตึกสูงระฟ้า ขณะราคาที่ดินทะยานไปกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวา อีกทั้งยังเป็นทำเลเชื่อมต่อกับซอยทองหล่อมินิโตเกียวเมืองไทย มีนักธุรกิจญี่ปุ่นพักอาศัยมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวลานี้

จากการให้สัมภาษณ์ของ นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่าเอกชนให้ความสนใจ ร่วมพัฒนาที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เนื้อที่กว่า 7 ไร่ ซึ่งปัจจุบันยังเป็นสถานีขนส่งเดินรถภาคตะวันออก โดย อนาคต กำหนดให้เป็นศูนย์ธุรกิจแห่งใหม่ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ให้เอกชนเช่าระยะยาว 30-50 ปี เนื่องจากพื้นที่โดยรอบเปลี่ยน แปลงไปมาก ราคาที่ดินขยับสูง 2 ล้านบาทต่อตารางวา ดูได้จาก ที่ดินหัวมุมซอยเอกมัยตรงข้ามสถานีขนส่งฯ เดิมเป็นร้านบ้านใร่กาแฟ ซึ่งเจ้าของไม่ต่อสัญญา ปัจจุบันมีเอกชนเจรจาขอซื้อหลายรายแต่เจ้าของยังไม่ขายในเวลานี้

“ต่อไปทำเลนี้จะกลายเป็นย่านธุรกิจโซนตะวันออก สำคัญอีกแห่งต่อจากใจกลางเมือง เพราะเป็นทั้งฮับการเดินทาง การอยู่อาศัยและแหล่งช็อปปิ้งชั้นนำในเวลาเดียวกัน”

สอดคล้องนายไตรรัตน์ จารุทัศน์ หัวหน้าโครงการศึกษาศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าบขส.จ้างให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการนำที่ดินของบขส. บริเวณพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (เอกมัย) ไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ โดยพื้นที่ดังกล่าวมีขนาดพื้นที่จำนวน7 ไร่ 3 งาน 15 ตร.ว. โดยมีพื้นที่ก่อสร้างได้สูงสุด 119,616 ตร.ม. (รวม FAR Bonus) และพื้นที่ก่อสร้างที่เสนอ 119,270 ตร.ม. เพื่อพัฒนาเป็นสถานีขนส่งผู้โดยสาร พื้นที่ร้านค้า สำนักงานโรงแรมและที่จอดรถ คิดเป็นมูลค่าโครงการ 5,362.2 ล้านบาท (NPV @ 10.11% ค่าเช่าที่ดิน+ส่วนแบ่งกำไร 10% เท่ากับ 1,686 ล้านบาท+ค่าก่อสร้าง 3,676.2 ล้านบาท)

โดยที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท บริเวณทางแยกเอกมัยใต้ (ปากซอยสุขุมวิท 63 )ซึ่งบขส. มีแผนนำไปพัฒนาโครงการรูปแบบเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน โดยบขส.เก็บค่าเช่าที่ดินสัญญา 30-50 ปี ส่วนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินจะเป็นผังสีนํ้าเงิน โดยอยู่ระหว่างการขอเปลี่ยนเป็นสีนํ้าตาล FAR 8:1 สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วยบริษัทเอกชน ผู้โดยสารรถบขส. นักท่องเที่ยว และประชาชนผู้อยู่อาศัยโดยรอบ

ด้านนายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) กล่าวว่า สถานีเอกมัยปัจจุบันให้บริการและรองรับรถโดยสารในเส้นทางสายภาคตะวันออกเท่านั้น ซึ่งมีจำนวนไม่มาก อีกทั้งยังมีปรับขนาดรถให้บริการที่ขนาดเล็กลงมาในหลายเส้นทาง รถขนาดใหญ่และรถตู้ลดน้อยลงไป อีกทั้งหากเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกจึงอยู่ในศักยภาพที่จะบริหารจัดการปริมาณรถโดยสารของสถานีเอกมัยนี้ได้

โดยมีแผนพัฒนาโครงการรูปแบบมิกซ์ยูส ชั้น 1-2 เพื่อบริการผู้โดยสาร ส่วนชั้น 3 ขึ้นไปอาจจะพัฒนาเป็นโรงแรม ร้านค้า ออฟฟิศสำนักงานให้เช่า ร้านค้า โดยเอกชนที่ร่วมลงทุนจะต้องนำเสนอรูปแบบและข้อเสนอให้บขส.พิจารณาว่าจะเสนอผลประโยชน์อย่างไรบ้าง ซึ่งหลังจากนี้จะเปิดรับฟังความเห็นนักลงทุนต่อไป

อัพเดต รถไฟฟ้าทั่วกรุง

เส้นไหน…ใช้เมื่อไหร่

โครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีรถไฟหลายเส้นทาง มีความคืบหน้าไปมาก

เริ่มตั้งแต่ รถไฟสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตและสถานีกลางบางซื่อ กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดบริการปี 2564

สัญญา 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท

 สัญญา 2 งานก่อสร้างช่วงจตุจักร-รังสิต วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท

สัญญา 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกลรวมทั้งการจัดหาตู้รถไฟฟ้า งานระบบอาณัติสัญญาณวงเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท

ตามด้วยโครงการของรฟม. รถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระ/ ช่วงหัวลำโพง-บางแค กำหนดทดลองเดินรถตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2562 และเริ่มเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 เป็นต้นไปบริการด้วยรถขบวนพิเศษ 1 ขบวนมี 3ตู้ รองรับผู้โดยสารได้ 1,134 คนต่อขบวน

สัญญา 1 งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ช่วงหัวลำโพง-สนามไชย วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท

สัญญา 2 งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ช่วงสนามไชย-ท่าพระ วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท

สัญญา 3 งานก่อสร้างทางยกระดับช่วงเตาปูน-ท่าพระ วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท

สัญญา 4 งานก่อสร้างช่วงท่าพระ-หลักสอง วงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท

สัญญา 5 งานวางราง วงเงิน 5,153 ล้านบาท

สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี สัมปทาน 33 ปี 3 เดือนวงเงินลงทุน 4.6 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้าง กำหนดเปิดบริการปี 2565 คืบหน้า 31.46%

สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง สัมปทาน 33 ปี 3 เดือน วงเงินลงทุน 4.5 หมื่นล้านบาทกำหนดเปิดบริการ ปี 2565 คืบหน้า 30.40%

สายสีส้ม ตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คืบหน้า 32.12%

สัญญา 1 ออกแบบก่อสร้าง โครงสร้างใต้ดินช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-รามคำแหง 12วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท

สัญญา 2 งานออกแบบก่อสร้างส่วนใต้ดิน ช่วงรามคำแหง 12-หัวหมาก วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท

สัญญา 3 งานออกแบบก่อสร้างโครงสร้างใต้ดินช่วงหัวหมาก-คลองบ้านม้า วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท

สัญญา 4 งานก่อสร้างโครงสร้างยกระดับช่วงคลองบ้านม้า-สุวินทวงศ์ วงเงิน 9,999 ล้านบาท

สัญญา 5 งานก่อสร้างอาคารศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดแล้วจร วงเงินลงทุน 4,831 ล้านบาท

สัญญา 6 งานวางราง วงเงิน 3,690 ล้านบาท

สายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-คูคต คืบหน้า 99.42% จะเปิดให้บริการช่วงหมอชิต-สถานีเซ็นทรัลลาดพร้าวในเดือนสิงหาคม 2562 ส่วนเปิดครบทั้งเส้นทางในปี 2563

สัญญา 1 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท

สัญญา 2 งานโยธาช่วงสะพานใหม่-คูคต วงเงิน 6,657 ล้านบาท

สัญญา 3 งานอาคารศูนย์ซ่อมบำรุงและจอดรถ วงเงิน 4,019 ล้านบาท

สัญญา 4 งานระบบราง วงเงิน 2,841 ล้านบาท

สายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ อยู่ระหว่างทดลองเปิดให้บริการ ส่วนกำหนดเปิดบริการเชิงพาณิชย์อยู่ระหว่างการกำหนดราคาค่าโดยสารที่ชัดเจนของกรุงเทพมหานคร

สัญญา 1 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท

สัญญา 2 งานระบบราง วงเงิน 2,400 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

เงินบาทนิ่งเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.82 บ.ต่อดอลลาร์ จับตาตัวเลขส่งออกมี.ค.วันนี้

ธนาคารกรุงไทยระบุค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.82 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อน

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกวันที่ 22 – 26 เมษายน มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาดังนี้

ฝั่งสหรัฐฯ คาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ที่จะรายงานในวันพฤหัส จะปรับตัวลดลง 1.0% จากเดือนก่อนเพราะสินค้ากลุ่มเครื่องบินจากปัญหาโบอิ้ง 737 Max 8 อย่างไรก็ดี ในวันศุกร์ ก็จะมีการรายงานจีดีพีไตรมาสที่ 1 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 2.4% จากไตรมาสก่อนหน้า (ปรับเป็นรายปี) โดยรวมภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังถือว่ามีความแข็งแกร่ง

ฝั่งเอเชีย ตลาดจะจับตาไปที่การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพฤหัส แม้ทั้งตลาดกำลังมองว่า BOJ จะ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Balance Rate) ที่ระดับ -0.1% แต่มองว่า BOJ อาจจะแสดงความกังวลแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อมากขึ้น และย้ำว่านโยบายการเงินยังสามารถ “ผ่อนคลายได้อีก” ทั้งในรูปแบบของการ ลดอัตราดอกเบี้ยหรือเพิ่มปริมาณการทำ QE ถ้าเศรษฐกิจญี่ปุ่นหรือเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด

ฝั่งไทย เราคาดว่ายอดการส่งออกในเดือนมีนาคมที่จะรายงานวันนี้ จะหดตัวราว 3.0% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยจากการส่งออกไปยังจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง นอกจากนี้มองว่า ยอดนำเข้าในเดือนมีนาคมจะหดตัว 4.0% เช่นเดียวกันเนื่องจากความต้องการสินค้าในภาคส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องเร่งรีบนำเข้าวัตถุดิบ

นอกเหนือจากนี้ ตลาดจะจับตาการพบปะกันระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำญี่ปุ่น ที่มีกำหนดพบปะกันในวันศุกร์ คาดว่าจะมีการหารือในประเด็น ข้อตกลงทางการค้า และการรับมือปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลี

ในส่วนของค่าเงินบาท ช่วงนี้สังเกตว่าเงิยบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบเท่านั้น เรามองว่าตลาดยังมีความสงสัยในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอยู่ ขณะที่ค่าเงินอาเซียนอื่นๆ ก็ไม่ได้ฟื้นตัวชัดเจนเช่น อินโดนีเซียรูปี (IDR) ที่เป็นสกุลเงินดอกเบี้ยสูงแม้การเมืองจะมีเสถียรภาพหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ก็กลับไม่แข็งค่านัก ขณะที่มาเลเซียริงกิต (MYR) กลับอ่อนค่าลงจากความกังวลว่าสินทรัพย์อาจถูกลดสัดส่วนการลงทุนลงจากนักลงทุนทั่วโลก ภาพดังกล่าว ถือว่าค่อนข้างผสมผสาน และส่งผลให้ผู้ค้าส่วนใหญ่ไม่กลับเข้าลงทุนในสกุลเงินเอเชียแม้ตลาดจะเปิดรับความเสี่ยง (Risk On)

กรอบเงินบาทในวันนี้ 31.77 ถึง 31.87 บาทต่อดอลลาร์

กรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 31.70 ถึง 32.20 บาทต่อดอลลาร์

ขอบคุณข้อมมูลจาก thansettakij.com


ทำไมต้องห้ามกินเค็ม?

ทำไมต้องห้ามกินเค็ม? thaihealth

อาหารที่อร่อยคือต้องมีรสกลมกล่อม ทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว และเผ็ด แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าจะได้รสชาตินั้นต้องเติมเครื่องปรุงลงไปกี่ชนิด กี่ช้อน? และนอกจากรสชาติที่เราได้รับจากการกินแล้วร่างกายจะได้รับอะไรตามมาอีกบ้าง?

เคยแปลกใจบ้างไหมว่าทำไมบางคนกินอะไรก็ขาดเครื่องปรุงไม่ได้ ขอเติมน้ำตาลลงไปสัก 1 ช้อน ราดน้ำปลาลงไปอีกสัก 1 ช้อนครึ่ง โดยที่ยังไม่ได้ชิมก่อนเลยแม้แต่นิดเดียวว่าอาหารที่พร้อมเสิร์ฟมานั้นมีรสชาติอย่างไร ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าลิ้นของมนุษย์เรามีปุ่มรับรสเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ปาปิลา (Papilla) จำนวนมาก ซึ่งปุ่มรับรสจะมีด้วยกัน 4 ชนิด คือ รสหวาน รสขม รสเปรี้ยว และรสเค็ม ซึ่งการรับรู้รสชาติเหล่านี้จะเป็นการกระตุ้นให้สมองประมวลผลรับรู้รสและจะสั่งให้ชอบอาหารนั้น ๆ หรือเรียกว่าสมองเสพติดรสชาตินั่นเอง

ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นการทำงานของประสาทรับรสก็ยิ่งเสื่อมลงไม่ต่างกับอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย ซึ่งภาวะการสูญเสียการรับรู้รสจะพบได้มากในกลุ่มผู้สูงอายุ จึงอย่าได้แปลกใจหากอาหารสุดอร่อยที่คุณตาคุณยายในบ้านเคยทำให้เมื่อตอนเราเด็ก พอกลับมาทานตอนโตจะรู้สึกว่าปรุงหนักและมีรสชาติจัดไปทางรสเค็ม นั่นก็เพราะพวกท่านรับรู้ว่านั่นคือรสชาติที่กำลังพอดี อันเนื่องมาจากภาวะสูญเสียการรับรสนั่นเอง

ทำไมต้องห้ามกินเค็ม? thaihealth

“เมื่อก้าวสู่การเป็นผู้สูงวัย นอกจากการรับรู้รสจะเสื่อมจากเดิมแล้ว ระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายก็เริ่มเสื่อม หากยิ่งไม่ใส่ใจเรื่องอาหารการกินก็ยิ่งเพิ่มตัวเร่งความเสื่อมของอวัยวะอื่น ๆ ให้มาถึงเร็วขึ้น เพราะหากเลือกกินอาหารไม่เป็น กินอาหารที่เค็มจัด มีโซเดียมสูง ก็ยิ่งทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น”  อาจารย์สง่า ดามาพงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. และที่ปรึกษาด้านโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ก่อนอาจารย์สง่า จะบอกต่อไปว่า โรคไตเป็นสิ่งที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตมนุษย์ เพราะคนที่เป็นโรคนี้ไม่ใช่แค่ต้องเสียเงินมหาศาลเพื่อไปล้างไต ฟอกไต แต่ยังเสียเวลา เสียสุขภาพจิต ซึ่งเขาอาจรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นภาระของครอบครัว ดังนั้นคนที่ไม่อยากเป็นโรคไตทั้งในวัยผู้สูงอายุ วัยทำงาน วัยหนุ่มสาว หรือวัยเด็ก จึงต้องใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองด้วยหลักง่าย ๆ คือ1.เลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง อาหารที่มีโซเดียมสูงไม่ใช่แค่เกลือกับน้ำปลา แต่ยังรวมถึงกะปิ ปลาร้า ผงชูรส ซีอิ๊ว ผงซุปก้อน ซอสปรุงรส ผงฟูที่อยู่ในขนมปังเบเกอรี่ต่าง ๆ และสารถนอมอาหารในอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบค่อน หมูยอ เป็นต้น2.กินผักและผลไม้อย่างเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 400 กรัม จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ระยะหนึ่ง 3.กินอาหารที่มีแคลอรี่น้อย และ 4.ออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที

ทำไมต้องห้ามกินเค็ม? thaihealth

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โรคไตไม่ใช่โรคที่เกิดจากการกินเกลือเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการกินโซเดียมเกินปริมาณตามความต้องการของร่างกายที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า ในทุก ๆ วันคนเราไม่ควรกินโซเดียมเกิน 1 ช้อนชา หรือ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ในขณะที่คนไทยในวัยผู้ใหญ่ได้รับโซเดียมเกินกว่ามาตรฐานกำหนดถึง 2 เท่า วันนี้ ทีมเว็บไซต์ สสส. จึงรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพไตมากฝากค่ะ

ลดเค็ม…ลดได้หลายโรค

ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ สาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ได้กล่าวไว้ในวิดีโอ ลดเค็มลดหลายโรค ที่เผยแพร่ผ่านแชนแนล RAMA CHANNEL ทางยูทูป ไว้ว่า “การลดกินเค็มมีส่วนป้องกันโรคที่มีปัจจัยเกี่ยวกับการกินโซเดียมเกินความต้องการของร่างกาย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น ซึ่งการลดปริมาณการกินเค็มจะทำให้อาการของโรคนั้น ๆ ดีขึ้น และป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนในระยะยาว ส่วนใหญ่ปรุงรสเค็มอย่างเดียวก็ไม่อร่อย ต้องมีรสนัว กลมกล่อม ก็ต้องเติมน้ำตาลเพิ่ม ทำให้กินเค็มและหวานเกินเป็นต้นเหตุของการพ่วงทั้งโรคเบาหวานและโรคอ้วนตามมา ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่กินเค็มมากจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตมากกว่าผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่กินเค็ม ดังนั้นเลี่ยงเค็มจึงสามารถป้องกันได้หลายโรค”

ทำไมต้องห้ามกินเค็ม? thaihealth

วิธีลดเค็มอย่างไรให้ได้ผล?

ที่คนเราชอบกินเค็ม กินหวาน เป็นเพราะความเคยชิน ดังนั้นจึงต้องค่อย ๆ ลดทีละน้อย ๆ จะทำให้ลิ้นค่อย ๆ ปรับความไวการรับรสได้ ผศ.นพ.สุรศักดิ์ แนะนำการลดเค็มอย่างไรให้ได้ผลว่า ‘ควรลด 10%’ ในครั้งแรก และถัดไปอีกประมาณ 2 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน ให้ลดลงไปอีก 10% และอีก 1 เดือนต่อมาให้ลดลงอีก 10% วิธีนี้จะทำให้ลดสามารถลดเค็มได้ 30% ภายในระยะเวลา 3 เดือน และเป็นการลดเค็มที่เรายังมีความสุขกับการกินเหมือนเดิมแต่ร่างกายเคยชินกับการกินรสเค็มที่น้อยลง

ทำไมต้องห้ามกินเค็ม? thaihealth

6:1:1 เคล็ดลับกินดี ส่งตรงจาก อาจารย์สง่า ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ

อาจารย์สง่า ได้แนะนำเคล็ดลับการกินอาหารสำหรับผู้สูงวัยให้ห่างไกลโรค คือ ผู้สูงอายุควรกินอาหารตามธรรมชาติผ่านการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เลือกข้าวกล้องแทนข้าวขาวเพราะจะมีสารอาหารมากกว่า กินเนื้อปลาสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง จะได้รับโปรตีนที่มีคุณภาพ สามารถกินไข่ได้วันละ 1 ฟอง โดยเน้นไปที่ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น (ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ควรลดเหลือสัปดาห์ละ 3-4 ฟอง) กินถั่วเมล็ดแห้ง ดื่มนมรสจืดหรือนมพร่องมันเนย 1 กล่อง หรือ 1 แก้วต่อวัน กินผักผลไม้เป็นประจำ ที่สำคัญต้องใช้สูตร ‘6:1:1’ คือ กินน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา น้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชา และเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน ก็จะทำให้เป็นผู้สูงอายุที่ห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้มากมาย แถมสูตรนี้ยังได้ผลดีกับคนทุกวัยอีกด้วย

ทำไมต้องห้ามกินเค็ม? thaihealth

ดังนั้นไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วยก็ต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ นอกจากเรื่องโภชนาการอาหารที่ครบถ้วนแล้ว การปรุงรสชาติก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คนมักจะหลงลืม เทศกาลสงกรานต์ปี 2562 หรือวันปีใหม่ไทยปีนี้ ทีมเว็บไซต์ สสส.ขอเชิญชวนให้เป็นจุดเริ่มต้นในการลดกินเค็ม ลดปรุงทีละ 10% เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของตัวคุณเองและผู้สูงอายุในบ้านที่เคารพรักจะได้เป็นผู้สูงอายุไทยห่างไกลโรคนะคะ  

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th  


 15 ประโยคภาษาจีนง่ายๆ หัดเอาไว้เวลานักท่องเที่ยวจีนมาขอความช่วยเหลือ

basic-chinese-conversations-2

นักท่องเที่ยวจีนกับประเทศไทยเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน สถานที่ไหน เราก็มักจะเจอคนจีนเข้ามาถามนู่นถามนี่ บางครั้งนักท่องเที่ยวก็ใส่ภาษาจีนมารัวๆ แบบที่ไอเราก็ฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็อยากจะช่วยเขานะแต่ฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ  ทาง Mango Zero เลยขอนำเสนอประโยคภาษาจีนง่ายๆ ที่เราอาจจะเจอจากนักท่องเที่ยวจีน เอาไว้ถ้าเขาพูดมาอย่างน้อยจะได้ใช้ภาษามือตอบกลับไปได้เนาะ

1. ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน?

  • 现在我们在哪里?
  • Xiànzài wǒmen zài nǎlǐ? (เซี่ยน-จ้าย-หว่อ-เมิน-จ้าย-หน่า-หลี่)

现在 Xiànzài (เซี่ยน-จ้าย) = ตอนนี้, 在哪里? zài nǎlǐ? (จ้าย-หน่า-หลี่) = อยู่ที่ไหน

2. ร้านอาหารอยู่ที่ไหน?

  • 餐厅在哪儿?
  • อ่านว่า Cāntīng zài nǎ’er? (ชาน-ทิง-ไจ้-หนา)

哪儿 nǎ’er (หนา) กับ 哪里 nǎlǐ (หนา-หลี่) มีความหมายเหมือนกัน = อยู่ที่ไหน แต่คำว่า 哪儿 nǎ’er(หนา) จะพูดออกเสียงพยางค์เดียวแต่ในการออกเสียงต้องม้วนลิ้นไปด้านหลังด้วย

3. อร่อยไหม?

  • 好吃吗?
  • อ่านว่า Hǎo chī ma (ห่าว-ชือ-มา)

‘吗 ma (มา) =ไหม’ เป็นคำที่ไว้ใช่ต่อท้ายประโยคคำถาม ถ้านำคำว่า 吗 ไปต่อท้ายประโยคบอกเล่าอะไรก็ตามประโยคนั้นจะกลายเป็นประโยคคำถามทันที อย่างในกรณีนี้ 好吃 Hǎo chī (ห่าว-ชือ) = อร่อย เมื่อตามท้ายด้วย 吗 ma (มา) จึงกลายเป็น อร่อยไหม

4. ราคาเท่าไหร่?

  • 多少钱?
  • อ่านว่า duō shăo qián? (ตัว-ส่าว-เฉียน)

多少 duō shăo (ตัว-ส่าว) = เท่าไหร่, 钱 qián (เฉียน) = เงิน เมื่อนำมารวมกันจะแปลว่าราคาเท่าไหร่?

5. ลดราคาได้ไหม?

  • 能减价吗?
  • อ่านว่า Néng jiǎn jià ma? (เหนิง-เจี่ยน-เจี้ย-มา)

    6. แพงเกินไปแล้ว

  • 太贵了。
  • อ่านว่า Tài guì le. (ไท้-กุ้ย-เลอ)

太 Tài (ไท้) เกินไป, 贵 guì (กุ้ย) แพง, 了 le (เลอ) แล้ว

7. แถวนี้มีห้องน้ำไหม?

  • 这附近有卫生间吗?
  • Zhè fùjìn yǒu wèishēngjiān ma? (เจ้อ-ฟู่-จิ้น-โหย่ว-เว่ย-เซิง-เจียน-มา)

这附近 Zhè fùjìn ((เจ้อ-ฟู่-จิ้น) = แถวนี้,有 yǒu (โหย่ว) = มี, 洗手间 Xǐshǒujiān (สี-โส่-เจียน) = ห้องน้ำ

8. ห้องน้ำอยู่ไหน?

  • 洗手间在哪里?
  • อ่านว่า Xǐshǒujiān zài nǎlǐ (สี-โส่-เจียน-ไจ้-หนา-หลี่)

9. คุณน่ารักจัง

  • 你很可爱。
  • อ่านว่า Nǐ hěn kě’ài. (หนี่-เหิน-เข่อ-อ้าย)

คุณสวยจัง

  • 你很漂亮
  • อ่านว่า Nǐ hěn Piàoliang. (หนี-เหิ่น-เพี้ยว-เลี่ยง)

可爱 kě’ài (เข่อ-อ้าย) = น่ารัก, 漂亮 Piàoliang (เพี้ยว-เลี่ยง) สวย สองคำนี้คนไทยที่หน้าหมวยๆ หน่อย เวลาไปเดินตลาดนัดเจเจบางครั้งก็โดนคนขาย(ที่เป็นคนไทยเอง)เข้าใจผิดว่าเป็นต่างชาติ แล้วตะโกนชมก็มีนะ ฮ่าๆ

10. คุณมีเงินไหม?

  • 你有钱吗?
  • Nǐ yǒu qián ma?  (หนี-โหย่ว-เฉียน-มา)

有 yǒu (โหย่ว) = มี, 钱 qián (เฉียน) = เงิน ใครเจอนักท่องเที่ยวจีนถามประโยคนี้มา อย่าเพิ่งตกใจแล้ววิ่งหนีนะ เขาอาจต้องการแลกเหรียญหรือว่ากำลังตกที่นั่งลำบากจริงๆ ก็ได้

11. สถานีรถไฟฟ้าอยู่ไกลไหม?

  • 电车站远吗?
  • diànchē zhàn yuǎn ma? (เตี้ยน-เชอ-จ้าน-หย่วน-มา)

电车 diànchē (เตี้ยน-เชอ) = รถไฟฟ้า, 站 Zhàn (จ้าน) = สถานี, 远 yuǎn (หย่วน) =ไกล

12. ตลาดผลไม้อยู่ที่ไหน?

  • 水果市場在哪里?
  • Shuǐguǒ shìchǎng zài nǎlǐ? (สุย-กั่ว-ซื่อ-ฉ่าง-ไจ้-หนา-หลี่)

水果 Shuǐguǒ (สุย-กั่ว) ผลไม้, 市場 shìchǎng (ซื่อ-ฉ่าง) ตลาด

ถ้าได้ยินคำว่า “在哪里?zài nǎlǐ? (ไจ้หนาหลี่)” ให้รู้ไว้เลยว่าเขากำลังถามทางอยู่ เพราะคำว่า “在哪里?zài nǎlǐ? (ไจ้หนาหลี่)” ต่อท้ายชื่อสถานที่ จะแปลว่า (ชื่อสถานที่อยู่ที่ไหน?

ฉันอยากซื้อมะม่วง

  • 我要買芒果。
  • Wǒ yào mǎi mángguǒ (หว่อ-เย่า-หม่าย-หมาง-กั่ว)

芒果 Mángguǒ (หมาง-กั่ว) = มะม่วง ซึ่งถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีการออกเสียงคล้ายๆ กับ Mango (มะม่วงในภาษาอังกฤษ)

13. ลาก่อน/ แล้วพบกันใหม่

  • 再见。
  • อ่านว่า Zài jiàn (จ้าย-เจี้ยน)

再 zài (จ้าย) = อีกครั้ง, 见 jiàn (เจี้ยน) = พบ

14. ขอบคุณครับ/ ค่ะ

  • 謝謝
  • Xièxiè (เซี่ย-เซี่ย)

ถ้าได้ยินคำนี้ให้ใจเย็นไว้ก่อน เขาไม่ได้ด่าเราว่า ‘เชี่ยเชี่ย’ นะ เพราะคำว่า ‘謝謝 Xièxiè เซี่ยเซี่ย’ ที่สะกดด้วย ซ.โซ่ แปลว่า ขอบคุณ

15. ขอให้คุณเที่ยวให้สนุก

  • 祝你玩得开心!
  • zhù nĭ wán de kāi xīn! (จู้-หนี่-หวาน-เตอ-คาย-ซิน)

祝你 zhù nĭ (จู้-หนี่) = ขอให้คุณ คำนี้เอาไว้ใช้เวลาต้องการอวยพรใคร อย่างในกรณีนี้ เราคนไทยอาจหัดเอาไว้ใช้อวยพรนักท่องเที่ยวให้เที่ยวเมืองไทยให้สนุกก็ได้  หรืออย่างประโยค 祝你生日快樂 Zhù nǐ shēngrì kuàilè (จู้-หนี่-เชิง-รยื่อ-ไคว่-เล่อ) แปลว่าสุขสันต์วันเกิด, 生日 Shēngrì (เชิง-รยื่อ) = วันเกิด

เห็นไหมว่าภาษาจีนไม่ยากเลย จริงๆ แล้วภาษาจีนก็เหมือนกับภาษาไทย ที่แค่นำคำต่างๆ มารวมกันก็จะได้เป็นประโยค หากจำคำศัพท์ได้ก็จะแปลออกว่าคนจีนกำลังพูดอะไรอยู่ ลองฝึกจากคำง่ายๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันก่อนก็ได้นะ เพราะนอกจากจะเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือชาวต่างชาติแล้ว เวลาเราไปเที่ยวประเทศจีนหรือฮ่องกง มาเก๊า ก็สามารถนำไปใช้ขอความช่วยเหลือคนจีนได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมมูลจาก mangozero.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,250.00 19,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,247.00 18,904.52 19,850.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,122.30 17,014.07 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 997.60 15,123.62 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 561.00 8,504.76 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 436.00 6,609.76 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,292.00 19,586.72 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 22/04/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.75 29.75 29.75 29.75 29.75 29.75 29.75 29.75 29.75 29.75
แก๊สโซฮอล์ 91 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48
แก๊สโซฮอล์ E20 26.74 26.74 27.14 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74
แก๊สโซฮอล์ E85 21.14 21.14 21.14
เบนซิน 95 37.16 37.61 37.66 37.46 37.46
ดีเซล 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.39 31.66 31.85 31.85 31.85
แก๊ส NGV 16.01 27.79
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า