คอนโดรายวันเกลื่อน ภูเก็ตทะลักหมื่นหน่วยการันตีผลตอบแทน
เมืองท่องเที่ยว คอนโดฯเช่ารายวัน-รายเดือนเกลื่อน ภูเก็ต ทะลักหมื่นหน่วย 60 โครงการ ตามด้วยพัทยา ใช้รูปแบบการันตีผลตอบแทน5-7% ระยะเวลา 2-7 ปี ดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ หลังขายไม่ออก
ตลาดคอนโดมิเนียมช่วงหลายปีที่ผ่านมาอาจชะลอตัวไปบ้างจากกรณีผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลางหลายรายเลือกเร่งระบายสต๊อกมากกว่าเปิดโครงการใหม่ซึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดส่วนใหญ่คือลดแลกแจกแถมฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์
อีกรูปแบบของการระบายสินค้าคือผู้ประกอบการเสนอผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อโดยอาจการันตีผลตอบแทน 5-7% ในระยะเวลา 2-7 ปี แล้วแต่ผู้ประกอบการจะกำหนดแต่หน่วยของผู้ซื้อนั้นผู้ประกอบการอาจจะนำไปปล่อยเช่าลูกค้ารายวันหรือรายเดือนแทน
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัทฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด ระบุว่า การการันตีผลตอบแทนในลักษณะดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ที่ผู้ประกอบการต้องการระบายคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จแล้วแต่ยังเหลือขายอยู่ออกไป เพราะผู้ประกอบการอาจออกโปรโมชันกระตุ้นยอดขายทุกรูปแบบแต่ไม่สามารถปิดการขายได้จึงจำเป็นต้องยอมลดกำไรตัวเองลงเพื่อให้ผู้ซื้อกลุ่มใหม่เกิดความสนใจ
สำหรับเมืองท่องเที่ยวที่มีโครงการรูปแบบนี้มากที่สุดคือ ภูเก็ต เพราะมีโครงการที่ การันตีผลตอบแทนเปิดขายอยู่ในปัจจุบันมากถึงกว่า 60 โครงการ รวมๆ แล้วมีจำนวนยูนิตรวมกันมากถึง 11,500 หน่วยบางโครงการอาจจะไม่ใช่ทุกหน่วยที่มีการขายแบบการันตีผลตอบแทนแต่เป็นการยากที่จะนับเฉพาะและมีทั้งโรงแรมแบรนด์ไทย ต่างชาติ ไม่มีแบรนด์โรงแรมเพราะผู้ประกอบการเจ้าของโครงการบริหารจัดการเอง ผู้ประกอบการบางรายเปิดขายโครงการรูปแบบนี้ต่อเนื่องมาโดยตลอดและมีจำนวนรวมกันมากกว่า 6-7 โครงการไปแล้วก็มี ผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างแสนสิริ และออลอินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ก็มีการขายแบบการันตีผลตอบแทนเช่นกัน โดยโครงการที่ขายแบบการันตีผลตอบแทนของทั้ง 2บริษัทเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในภูเก็ตทั้งหมด
อีกเมืองท่องเที่ยวที่มีโครงการคอนโดมิเนียมที่ขายแบบการันตีผลตอบแทนมากเป็นลำดับที่ 2 คือ พัทยาที่แม้จะมีโครงการรูปแบบนี้เพียงแค่4-5 โครงการเท่านั้นในปัจจุบันและน้อยกว่าจำนวนโครงการในภูเก็ตมากกว่า 10 เท่า แต่พัทยาก่อนหน้านี้ก็เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวที่มีโครงการที่ขายแบบการันตีผลตอบแทนมาหลายปีแล้วและโครงการเหล่านั้นปิดการขายทั้งโครงการหรือว่าปิดการขายในส่วนที่มีการการันตีผลตอบแทนไปแล้ว อีกทั้งกระแสการลงทุนในคอนโดมิเนียมในพัทยาที่เริ่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่การลดลงของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เป็นผู้ซื้อและนักลงทุนคอนโดมิเนียมหลักในกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติในพัทยา อีกทั้งจำนวนคอนโดมิเนียมในพัทยาที่ยังเหลือขายอยู่มากมายก็เป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนโครงการรูปแบบนี้ในพัทยาเช่นกันแต่ก็มีผู้ประกอบการหลายรายเลือกเปิดขายโครงการรูปแบบนี้ในช่วงปี 2560 เป็นต้นมา
ขอบคุณข้อมมูลจาก thansettakij.com
ปั้นขนส่ง ‘เอกมัย’ ศูนย์ธุรกิจฝังเพชร
บิ๊กทุนสนพีพีพี บขส.พลิกโฉมสถานีขนส่งเอกมัย 7 ไร่ เป็นศูนย์ธุรกิจ โรงแรม ศูนย์ การค้า ส่วนใต้ดิน พัฒนาเป็นโซนจอดรถโดยสาร มอบจุฬาฯศึกษาเปิดเฮียริ่ง หลังพื้นที่โดยรอบเป็นดงมิกซ์ยูสราคาที่ดินพุ่ง 2 ล้านบาทต่อตร.ว.
มีดีเวลอปเปอร์จำนวนไม่น้อยรอเจ้าของที่ดินคายทำเลทองฝังเพชร ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสำคัญๆ ล่าสุด สถานีขนส่งภาคตะวันออก (เอกมัย) ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) สังกัดกระทรวงคมนาคมว่าจ้าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาพื้นที่ 7 ไร่เศษ เพิ่มศักยภาพ พัฒนามิกซ์ยูสรูปแบบรัฐร่วมทุนเอกชน (PPP) ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ศูนย์ การค้า ฯลฯ รองรับผู้โดยสารนักท่องเที่ยว คนสัญจรไปมา คนอยู่อาศัยในย่านนั้น
หลังจากทำเลนี้ถูกมองเป็นย่านอยู่อาศัยแหล่งงาน แหล่งช็อปปิ้ง แต่ปัจจุบันยังใช้ที่ดินไม่ตรงกับศักยภาพที่มี ทำให้ขนส่งแห่งนี้ ถูกโอบล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ คอนโดมิเนียมอาคารสำนักงานตึกสูงระฟ้า ขณะราคาที่ดินทะยานไปกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวา อีกทั้งยังเป็นทำเลเชื่อมต่อกับซอยทองหล่อมินิโตเกียวเมืองไทย มีนักธุรกิจญี่ปุ่นพักอาศัยมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวลานี้
จากการให้สัมภาษณ์ของ นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่าเอกชนให้ความสนใจ ร่วมพัฒนาที่ดินทำเลทองย่านเอกมัย ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เนื้อที่กว่า 7 ไร่ ซึ่งปัจจุบันยังเป็นสถานีขนส่งเดินรถภาคตะวันออก โดย อนาคต กำหนดให้เป็นศูนย์ธุรกิจแห่งใหม่ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ให้เอกชนเช่าระยะยาว 30-50 ปี เนื่องจากพื้นที่โดยรอบเปลี่ยน แปลงไปมาก ราคาที่ดินขยับสูง 2 ล้านบาทต่อตารางวา ดูได้จาก ที่ดินหัวมุมซอยเอกมัยตรงข้ามสถานีขนส่งฯ เดิมเป็นร้านบ้านใร่กาแฟ ซึ่งเจ้าของไม่ต่อสัญญา ปัจจุบันมีเอกชนเจรจาขอซื้อหลายรายแต่เจ้าของยังไม่ขายในเวลานี้
“ต่อไปทำเลนี้จะกลายเป็นย่านธุรกิจโซนตะวันออก สำคัญอีกแห่งต่อจากใจกลางเมือง เพราะเป็นทั้งฮับการเดินทาง การอยู่อาศัยและแหล่งช็อปปิ้งชั้นนำในเวลาเดียวกัน”
สอดคล้องนายไตรรัตน์ จารุทัศน์ หัวหน้าโครงการศึกษาศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าบขส.จ้างให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการนำที่ดินของบขส. บริเวณพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (เอกมัย) ไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ โดยพื้นที่ดังกล่าวมีขนาดพื้นที่จำนวน7 ไร่ 3 งาน 15 ตร.ว. โดยมีพื้นที่ก่อสร้างได้สูงสุด 119,616 ตร.ม. (รวม FAR Bonus) และพื้นที่ก่อสร้างที่เสนอ 119,270 ตร.ม. เพื่อพัฒนาเป็นสถานีขนส่งผู้โดยสาร พื้นที่ร้านค้า สำนักงานโรงแรมและที่จอดรถ คิดเป็นมูลค่าโครงการ 5,362.2 ล้านบาท (NPV @ 10.11% ค่าเช่าที่ดิน+ส่วนแบ่งกำไร 10% เท่ากับ 1,686 ล้านบาท+ค่าก่อสร้าง 3,676.2 ล้านบาท)
โดยที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท บริเวณทางแยกเอกมัยใต้ (ปากซอยสุขุมวิท 63 )ซึ่งบขส. มีแผนนำไปพัฒนาโครงการรูปแบบเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน โดยบขส.เก็บค่าเช่าที่ดินสัญญา 30-50 ปี ส่วนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินจะเป็นผังสีนํ้าเงิน โดยอยู่ระหว่างการขอเปลี่ยนเป็นสีนํ้าตาล FAR 8:1 สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วยบริษัทเอกชน ผู้โดยสารรถบขส. นักท่องเที่ยว และประชาชนผู้อยู่อาศัยโดยรอบ
ด้านนายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) กล่าวว่า สถานีเอกมัยปัจจุบันให้บริการและรองรับรถโดยสารในเส้นทางสายภาคตะวันออกเท่านั้น ซึ่งมีจำนวนไม่มาก อีกทั้งยังมีปรับขนาดรถให้บริการที่ขนาดเล็กลงมาในหลายเส้นทาง รถขนาดใหญ่และรถตู้ลดน้อยลงไป อีกทั้งหากเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกจึงอยู่ในศักยภาพที่จะบริหารจัดการปริมาณรถโดยสารของสถานีเอกมัยนี้ได้
โดยมีแผนพัฒนาโครงการรูปแบบมิกซ์ยูส ชั้น 1-2 เพื่อบริการผู้โดยสาร ส่วนชั้น 3 ขึ้นไปอาจจะพัฒนาเป็นโรงแรม ร้านค้า ออฟฟิศสำนักงานให้เช่า ร้านค้า โดยเอกชนที่ร่วมลงทุนจะต้องนำเสนอรูปแบบและข้อเสนอให้บขส.พิจารณาว่าจะเสนอผลประโยชน์อย่างไรบ้าง ซึ่งหลังจากนี้จะเปิดรับฟังความเห็นนักลงทุนต่อไป
อัพเดต รถไฟฟ้าทั่วกรุง
เส้นไหน…ใช้เมื่อไหร่
โครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีรถไฟหลายเส้นทาง มีความคืบหน้าไปมาก
เริ่มตั้งแต่ รถไฟสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตและสถานีกลางบางซื่อ กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดบริการปี 2564
สัญญา 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท
สัญญา 2 งานก่อสร้างช่วงจตุจักร-รังสิต วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท
สัญญา 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกลรวมทั้งการจัดหาตู้รถไฟฟ้า งานระบบอาณัติสัญญาณวงเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท
ตามด้วยโครงการของรฟม. รถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระ/ ช่วงหัวลำโพง-บางแค กำหนดทดลองเดินรถตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2562 และเริ่มเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 เป็นต้นไปบริการด้วยรถขบวนพิเศษ 1 ขบวนมี 3ตู้ รองรับผู้โดยสารได้ 1,134 คนต่อขบวน
สัญญา 1 งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ช่วงหัวลำโพง-สนามไชย วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท
สัญญา 2 งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ช่วงสนามไชย-ท่าพระ วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท
สัญญา 3 งานก่อสร้างทางยกระดับช่วงเตาปูน-ท่าพระ วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท
สัญญา 4 งานก่อสร้างช่วงท่าพระ-หลักสอง วงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท
สัญญา 5 งานวางราง วงเงิน 5,153 ล้านบาท
สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี สัมปทาน 33 ปี 3 เดือนวงเงินลงทุน 4.6 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างก่อสร้าง กำหนดเปิดบริการปี 2565 คืบหน้า 31.46%
สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง สัมปทาน 33 ปี 3 เดือน วงเงินลงทุน 4.5 หมื่นล้านบาทกำหนดเปิดบริการ ปี 2565 คืบหน้า 30.40%
สายสีส้ม ตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คืบหน้า 32.12%
สัญญา 1 ออกแบบก่อสร้าง โครงสร้างใต้ดินช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-รามคำแหง 12วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท
สัญญา 2 งานออกแบบก่อสร้างส่วนใต้ดิน ช่วงรามคำแหง 12-หัวหมาก วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท
สัญญา 3 งานออกแบบก่อสร้างโครงสร้างใต้ดินช่วงหัวหมาก-คลองบ้านม้า วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท
สัญญา 4 งานก่อสร้างโครงสร้างยกระดับช่วงคลองบ้านม้า-สุวินทวงศ์ วงเงิน 9,999 ล้านบาท
สัญญา 5 งานก่อสร้างอาคารศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดแล้วจร วงเงินลงทุน 4,831 ล้านบาท
สัญญา 6 งานวางราง วงเงิน 3,690 ล้านบาท
สายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-คูคต คืบหน้า 99.42% จะเปิดให้บริการช่วงหมอชิต-สถานีเซ็นทรัลลาดพร้าวในเดือนสิงหาคม 2562 ส่วนเปิดครบทั้งเส้นทางในปี 2563
สัญญา 1 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท
สัญญา 2 งานโยธาช่วงสะพานใหม่-คูคต วงเงิน 6,657 ล้านบาท
สัญญา 3 งานอาคารศูนย์ซ่อมบำรุงและจอดรถ วงเงิน 4,019 ล้านบาท
สัญญา 4 งานระบบราง วงเงิน 2,841 ล้านบาท
สายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ อยู่ระหว่างทดลองเปิดให้บริการ ส่วนกำหนดเปิดบริการเชิงพาณิชย์อยู่ระหว่างการกำหนดราคาค่าโดยสารที่ชัดเจนของกรุงเทพมหานคร
สัญญา 1 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท
สัญญา 2 งานระบบราง วงเงิน 2,400 ล้านบาท
เงินบาทนิ่งเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.82 บ.ต่อดอลลาร์ จับตาตัวเลขส่งออกมี.ค.วันนี้
ธนาคารกรุงไทยระบุค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.82 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อน
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกวันที่ 22 – 26 เมษายน มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาดังนี้
ฝั่งสหรัฐฯ คาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ที่จะรายงานในวันพฤหัส จะปรับตัวลดลง 1.0% จากเดือนก่อนเพราะสินค้ากลุ่มเครื่องบินจากปัญหาโบอิ้ง 737 Max 8 อย่างไรก็ดี ในวันศุกร์ ก็จะมีการรายงานจีดีพีไตรมาสที่ 1 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 2.4% จากไตรมาสก่อนหน้า (ปรับเป็นรายปี) โดยรวมภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังถือว่ามีความแข็งแกร่ง
ฝั่งเอเชีย ตลาดจะจับตาไปที่การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันพฤหัส แม้ทั้งตลาดกำลังมองว่า BOJ จะ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Balance Rate) ที่ระดับ -0.1% แต่มองว่า BOJ อาจจะแสดงความกังวลแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อมากขึ้น และย้ำว่านโยบายการเงินยังสามารถ “ผ่อนคลายได้อีก” ทั้งในรูปแบบของการ ลดอัตราดอกเบี้ยหรือเพิ่มปริมาณการทำ QE ถ้าเศรษฐกิจญี่ปุ่นหรือเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
ฝั่งไทย เราคาดว่ายอดการส่งออกในเดือนมีนาคมที่จะรายงานวันนี้ จะหดตัวราว 3.0% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยจากการส่งออกไปยังจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง นอกจากนี้มองว่า ยอดนำเข้าในเดือนมีนาคมจะหดตัว 4.0% เช่นเดียวกันเนื่องจากความต้องการสินค้าในภาคส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องเร่งรีบนำเข้าวัตถุดิบ
นอกเหนือจากนี้ ตลาดจะจับตาการพบปะกันระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำญี่ปุ่น ที่มีกำหนดพบปะกันในวันศุกร์ คาดว่าจะมีการหารือในประเด็น ข้อตกลงทางการค้า และการรับมือปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลี
ในส่วนของค่าเงินบาท ช่วงนี้สังเกตว่าเงิยบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบเท่านั้น เรามองว่าตลาดยังมีความสงสัยในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอยู่ ขณะที่ค่าเงินอาเซียนอื่นๆ ก็ไม่ได้ฟื้นตัวชัดเจนเช่น อินโดนีเซียรูปี (IDR) ที่เป็นสกุลเงินดอกเบี้ยสูงแม้การเมืองจะมีเสถียรภาพหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ก็กลับไม่แข็งค่านัก ขณะที่มาเลเซียริงกิต (MYR) กลับอ่อนค่าลงจากความกังวลว่าสินทรัพย์อาจถูกลดสัดส่วนการลงทุนลงจากนักลงทุนทั่วโลก ภาพดังกล่าว ถือว่าค่อนข้างผสมผสาน และส่งผลให้ผู้ค้าส่วนใหญ่ไม่กลับเข้าลงทุนในสกุลเงินเอเชียแม้ตลาดจะเปิดรับความเสี่ยง (Risk On)
กรอบเงินบาทในวันนี้ 31.77 ถึง 31.87 บาทต่อดอลลาร์
กรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 31.70 ถึง 32.20 บาทต่อดอลลาร์
ขอบคุณข้อมมูลจาก thansettakij.com
ทำไมต้องห้ามกินเค็ม?
อาหารที่อร่อยคือต้องมีรสกลมกล่อม ทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว และเผ็ด แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าจะได้รสชาตินั้นต้องเติมเครื่องปรุงลงไปกี่ชนิด กี่ช้อน? และนอกจากรสชาติที่เราได้รับจากการกินแล้วร่างกายจะได้รับอะไรตามมาอีกบ้าง?
เคยแปลกใจบ้างไหมว่าทำไมบางคนกินอะไรก็ขาดเครื่องปรุงไม่ได้ ขอเติมน้ำตาลลงไปสัก 1 ช้อน ราดน้ำปลาลงไปอีกสัก 1 ช้อนครึ่ง โดยที่ยังไม่ได้ชิมก่อนเลยแม้แต่นิดเดียวว่าอาหารที่พร้อมเสิร์ฟมานั้นมีรสชาติอย่างไร ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าลิ้นของมนุษย์เรามีปุ่มรับรสเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ปาปิลา (Papilla) จำนวนมาก ซึ่งปุ่มรับรสจะมีด้วยกัน 4 ชนิด คือ รสหวาน รสขม รสเปรี้ยว และรสเค็ม ซึ่งการรับรู้รสชาติเหล่านี้จะเป็นการกระตุ้นให้สมองประมวลผลรับรู้รสและจะสั่งให้ชอบอาหารนั้น ๆ หรือเรียกว่าสมองเสพติดรสชาตินั่นเอง
ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นการทำงานของประสาทรับรสก็ยิ่งเสื่อมลงไม่ต่างกับอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย ซึ่งภาวะการสูญเสียการรับรู้รสจะพบได้มากในกลุ่มผู้สูงอายุ จึงอย่าได้แปลกใจหากอาหารสุดอร่อยที่คุณตาคุณยายในบ้านเคยทำให้เมื่อตอนเราเด็ก พอกลับมาทานตอนโตจะรู้สึกว่าปรุงหนักและมีรสชาติจัดไปทางรสเค็ม นั่นก็เพราะพวกท่านรับรู้ว่านั่นคือรสชาติที่กำลังพอดี อันเนื่องมาจากภาวะสูญเสียการรับรสนั่นเอง
“เมื่อก้าวสู่การเป็นผู้สูงวัย นอกจากการรับรู้รสจะเสื่อมจากเดิมแล้ว ระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายก็เริ่มเสื่อม หากยิ่งไม่ใส่ใจเรื่องอาหารการกินก็ยิ่งเพิ่มตัวเร่งความเสื่อมของอวัยวะอื่น ๆ ให้มาถึงเร็วขึ้น เพราะหากเลือกกินอาหารไม่เป็น กินอาหารที่เค็มจัด มีโซเดียมสูง ก็ยิ่งทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น” อาจารย์สง่า ดามาพงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. และที่ปรึกษาด้านโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ก่อนอาจารย์สง่า จะบอกต่อไปว่า โรคไตเป็นสิ่งที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตมนุษย์ เพราะคนที่เป็นโรคนี้ไม่ใช่แค่ต้องเสียเงินมหาศาลเพื่อไปล้างไต ฟอกไต แต่ยังเสียเวลา เสียสุขภาพจิต ซึ่งเขาอาจรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นภาระของครอบครัว ดังนั้นคนที่ไม่อยากเป็นโรคไตทั้งในวัยผู้สูงอายุ วัยทำงาน วัยหนุ่มสาว หรือวัยเด็ก จึงต้องใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองด้วยหลักง่าย ๆ คือ1.เลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง อาหารที่มีโซเดียมสูงไม่ใช่แค่เกลือกับน้ำปลา แต่ยังรวมถึงกะปิ ปลาร้า ผงชูรส ซีอิ๊ว ผงซุปก้อน ซอสปรุงรส ผงฟูที่อยู่ในขนมปังเบเกอรี่ต่าง ๆ และสารถนอมอาหารในอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบค่อน หมูยอ เป็นต้น2.กินผักและผลไม้อย่างเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 400 กรัม จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ระยะหนึ่ง 3.กินอาหารที่มีแคลอรี่น้อย และ 4.ออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โรคไตไม่ใช่โรคที่เกิดจากการกินเกลือเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการกินโซเดียมเกินปริมาณตามความต้องการของร่างกายที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า ในทุก ๆ วันคนเราไม่ควรกินโซเดียมเกิน 1 ช้อนชา หรือ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ในขณะที่คนไทยในวัยผู้ใหญ่ได้รับโซเดียมเกินกว่ามาตรฐานกำหนดถึง 2 เท่า วันนี้ ทีมเว็บไซต์ สสส. จึงรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพไตมากฝากค่ะ
ลดเค็ม…ลดได้หลายโรค
ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ สาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ได้กล่าวไว้ในวิดีโอ ลดเค็มลดหลายโรค ที่เผยแพร่ผ่านแชนแนล RAMA CHANNEL ทางยูทูป ไว้ว่า “การลดกินเค็มมีส่วนป้องกันโรคที่มีปัจจัยเกี่ยวกับการกินโซเดียมเกินความต้องการของร่างกาย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น ซึ่งการลดปริมาณการกินเค็มจะทำให้อาการของโรคนั้น ๆ ดีขึ้น และป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนในระยะยาว ส่วนใหญ่ปรุงรสเค็มอย่างเดียวก็ไม่อร่อย ต้องมีรสนัว กลมกล่อม ก็ต้องเติมน้ำตาลเพิ่ม ทำให้กินเค็มและหวานเกินเป็นต้นเหตุของการพ่วงทั้งโรคเบาหวานและโรคอ้วนตามมา ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่กินเค็มมากจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตมากกว่าผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่กินเค็ม ดังนั้นเลี่ยงเค็มจึงสามารถป้องกันได้หลายโรค”
วิธีลดเค็มอย่างไรให้ได้ผล?
ที่คนเราชอบกินเค็ม กินหวาน เป็นเพราะความเคยชิน ดังนั้นจึงต้องค่อย ๆ ลดทีละน้อย ๆ จะทำให้ลิ้นค่อย ๆ ปรับความไวการรับรสได้ ผศ.นพ.สุรศักดิ์ แนะนำการลดเค็มอย่างไรให้ได้ผลว่า ‘ควรลด 10%’ ในครั้งแรก และถัดไปอีกประมาณ 2 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน ให้ลดลงไปอีก 10% และอีก 1 เดือนต่อมาให้ลดลงอีก 10% วิธีนี้จะทำให้ลดสามารถลดเค็มได้ 30% ภายในระยะเวลา 3 เดือน และเป็นการลดเค็มที่เรายังมีความสุขกับการกินเหมือนเดิมแต่ร่างกายเคยชินกับการกินรสเค็มที่น้อยลง
6:1:1 เคล็ดลับกินดี ส่งตรงจาก อาจารย์สง่า ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ
อาจารย์สง่า ได้แนะนำเคล็ดลับการกินอาหารสำหรับผู้สูงวัยให้ห่างไกลโรค คือ ผู้สูงอายุควรกินอาหารตามธรรมชาติผ่านการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เลือกข้าวกล้องแทนข้าวขาวเพราะจะมีสารอาหารมากกว่า กินเนื้อปลาสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง จะได้รับโปรตีนที่มีคุณภาพ สามารถกินไข่ได้วันละ 1 ฟอง โดยเน้นไปที่ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น (ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ควรลดเหลือสัปดาห์ละ 3-4 ฟอง) กินถั่วเมล็ดแห้ง ดื่มนมรสจืดหรือนมพร่องมันเนย 1 กล่อง หรือ 1 แก้วต่อวัน กินผักผลไม้เป็นประจำ ที่สำคัญต้องใช้สูตร ‘6:1:1’ คือ กินน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา น้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชา และเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน ก็จะทำให้เป็นผู้สูงอายุที่ห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้มากมาย แถมสูตรนี้ยังได้ผลดีกับคนทุกวัยอีกด้วย
ดังนั้นไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วยก็ต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ นอกจากเรื่องโภชนาการอาหารที่ครบถ้วนแล้ว การปรุงรสชาติก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คนมักจะหลงลืม เทศกาลสงกรานต์ปี 2562 หรือวันปีใหม่ไทยปีนี้ ทีมเว็บไซต์ สสส.ขอเชิญชวนให้เป็นจุดเริ่มต้นในการลดกินเค็ม ลดปรุงทีละ 10% เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของตัวคุณเองและผู้สูงอายุในบ้านที่เคารพรักจะได้เป็นผู้สูงอายุไทยห่างไกลโรคนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
15 ประโยคภาษาจีนง่ายๆ หัดเอาไว้เวลานักท่องเที่ยวจีนมาขอความช่วยเหลือ
นักท่องเที่ยวจีนกับประเทศไทยเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน สถานที่ไหน เราก็มักจะเจอคนจีนเข้ามาถามนู่นถามนี่ บางครั้งนักท่องเที่ยวก็ใส่ภาษาจีนมารัวๆ แบบที่ไอเราก็ฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็อยากจะช่วยเขานะแต่ฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ ทาง Mango Zero เลยขอนำเสนอประโยคภาษาจีนง่ายๆ ที่เราอาจจะเจอจากนักท่องเที่ยวจีน เอาไว้ถ้าเขาพูดมาอย่างน้อยจะได้ใช้ภาษามือตอบกลับไปได้เนาะ
1. ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน?
- 现在我们在哪里?
- Xiànzài wǒmen zài nǎlǐ? (เซี่ยน-จ้าย-หว่อ-เมิน-จ้าย-หน่า-หลี่)
现在 Xiànzài (เซี่ยน-จ้าย) = ตอนนี้, 在哪里? zài nǎlǐ? (จ้าย-หน่า-หลี่) = อยู่ที่ไหน
2. ร้านอาหารอยู่ที่ไหน?
- 餐厅在哪儿?
- อ่านว่า Cāntīng zài nǎ’er? (ชาน-ทิง-ไจ้-หนา)
哪儿 nǎ’er (หนา) กับ 哪里 nǎlǐ (หนา-หลี่) มีความหมายเหมือนกัน = อยู่ที่ไหน แต่คำว่า 哪儿 nǎ’er(หนา) จะพูดออกเสียงพยางค์เดียวแต่ในการออกเสียงต้องม้วนลิ้นไปด้านหลังด้วย
3. อร่อยไหม?
- 好吃吗?
- อ่านว่า Hǎo chī ma (ห่าว-ชือ-มา)
‘吗 ma (มา) =ไหม’ เป็นคำที่ไว้ใช่ต่อท้ายประโยคคำถาม ถ้านำคำว่า 吗 ไปต่อท้ายประโยคบอกเล่าอะไรก็ตามประโยคนั้นจะกลายเป็นประโยคคำถามทันที อย่างในกรณีนี้ 好吃 Hǎo chī (ห่าว-ชือ) = อร่อย เมื่อตามท้ายด้วย 吗 ma (มา) จึงกลายเป็น อร่อยไหม
4. ราคาเท่าไหร่?
- 多少钱?
- อ่านว่า duō shăo qián? (ตัว-ส่าว-เฉียน)
多少 duō shăo (ตัว-ส่าว) = เท่าไหร่, 钱 qián (เฉียน) = เงิน เมื่อนำมารวมกันจะแปลว่าราคาเท่าไหร่?
5. ลดราคาได้ไหม?
- 能减价吗?
- อ่านว่า Néng jiǎn jià ma? (เหนิง-เจี่ยน-เจี้ย-มา)
6. แพงเกินไปแล้ว
- 太贵了。
- อ่านว่า Tài guì le. (ไท้-กุ้ย-เลอ)
太 Tài (ไท้) เกินไป, 贵 guì (กุ้ย) แพง, 了 le (เลอ) แล้ว
7. แถวนี้มีห้องน้ำไหม?
- 这附近有卫生间吗?
- Zhè fùjìn yǒu wèishēngjiān ma? (เจ้อ-ฟู่-จิ้น-โหย่ว-เว่ย-เซิง-เจียน-มา)
这附近 Zhè fùjìn ((เจ้อ-ฟู่-จิ้น) = แถวนี้,有 yǒu (โหย่ว) = มี, 洗手间 Xǐshǒujiān (สี-โส่-เจียน) = ห้องน้ำ
8. ห้องน้ำอยู่ไหน?
- 洗手间在哪里?
- อ่านว่า Xǐshǒujiān zài nǎlǐ (สี-โส่-เจียน-ไจ้-หนา-หลี่)
9. คุณน่ารักจัง
- 你很可爱。
- อ่านว่า Nǐ hěn kě’ài. (หนี่-เหิน-เข่อ-อ้าย)
คุณสวยจัง
- 你很漂亮。
- อ่านว่า Nǐ hěn Piàoliang. (หนี-เหิ่น-เพี้ยว-เลี่ยง)
可爱 kě’ài (เข่อ-อ้าย) = น่ารัก, 漂亮 Piàoliang (เพี้ยว-เลี่ยง) สวย สองคำนี้คนไทยที่หน้าหมวยๆ หน่อย เวลาไปเดินตลาดนัดเจเจบางครั้งก็โดนคนขาย(ที่เป็นคนไทยเอง)เข้าใจผิดว่าเป็นต่างชาติ แล้วตะโกนชมก็มีนะ ฮ่าๆ
10. คุณมีเงินไหม?
- 你有钱吗?
- Nǐ yǒu qián ma? (หนี-โหย่ว-เฉียน-มา)
有 yǒu (โหย่ว) = มี, 钱 qián (เฉียน) = เงิน ใครเจอนักท่องเที่ยวจีนถามประโยคนี้มา อย่าเพิ่งตกใจแล้ววิ่งหนีนะ เขาอาจต้องการแลกเหรียญหรือว่ากำลังตกที่นั่งลำบากจริงๆ ก็ได้
11. สถานีรถไฟฟ้าอยู่ไกลไหม?
- 电车站远吗?
- diànchē zhàn yuǎn ma? (เตี้ยน-เชอ-จ้าน-หย่วน-มา)
电车 diànchē (เตี้ยน-เชอ) = รถไฟฟ้า, 站 Zhàn (จ้าน) = สถานี, 远 yuǎn (หย่วน) =ไกล
12. ตลาดผลไม้อยู่ที่ไหน?
- 水果市場在哪里?
- Shuǐguǒ shìchǎng zài nǎlǐ? (สุย-กั่ว-ซื่อ-ฉ่าง-ไจ้-หนา-หลี่)
水果 Shuǐguǒ (สุย-กั่ว) ผลไม้, 市場 shìchǎng (ซื่อ-ฉ่าง) ตลาด
ถ้าได้ยินคำว่า “在哪里?zài nǎlǐ? (ไจ้หนาหลี่)” ให้รู้ไว้เลยว่าเขากำลังถามทางอยู่ เพราะคำว่า “在哪里?zài nǎlǐ? (ไจ้หนาหลี่)” ต่อท้ายชื่อสถานที่ จะแปลว่า (ชื่อสถานที่) อยู่ที่ไหน?
ฉันอยากซื้อมะม่วง
- 我要買芒果。
- Wǒ yào mǎi mángguǒ (หว่อ-เย่า-หม่าย-หมาง-กั่ว)
芒果 Mángguǒ (หมาง-กั่ว) = มะม่วง ซึ่งถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีการออกเสียงคล้ายๆ กับ Mango (มะม่วงในภาษาอังกฤษ)
13. ลาก่อน/ แล้วพบกันใหม่
- 再见。
- อ่านว่า Zài jiàn (จ้าย-เจี้ยน)
再 zài (จ้าย) = อีกครั้ง, 见 jiàn (เจี้ยน) = พบ
14. ขอบคุณครับ/ ค่ะ
- 謝謝
- Xièxiè (เซี่ย-เซี่ย)
ถ้าได้ยินคำนี้ให้ใจเย็นไว้ก่อน เขาไม่ได้ด่าเราว่า ‘เชี่ยเชี่ย’ นะ เพราะคำว่า ‘謝謝 Xièxiè เซี่ยเซี่ย’ ที่สะกดด้วย ซ.โซ่ แปลว่า ขอบคุณ
15. ขอให้คุณเที่ยวให้สนุก
- 祝你玩得开心!
- zhù nĭ wán de kāi xīn! (จู้-หนี่-หวาน-เตอ-คาย-ซิน)
祝你 zhù nĭ (จู้-หนี่) = ขอให้คุณ คำนี้เอาไว้ใช้เวลาต้องการอวยพรใคร อย่างในกรณีนี้ เราคนไทยอาจหัดเอาไว้ใช้อวยพรนักท่องเที่ยวให้เที่ยวเมืองไทยให้สนุกก็ได้ หรืออย่างประโยค 祝你生日快樂 Zhù nǐ shēngrì kuàilè (จู้-หนี่-เชิง-รยื่อ-ไคว่-เล่อ) แปลว่าสุขสันต์วันเกิด, 生日 Shēngrì (เชิง-รยื่อ) = วันเกิด
เห็นไหมว่าภาษาจีนไม่ยากเลย จริงๆ แล้วภาษาจีนก็เหมือนกับภาษาไทย ที่แค่นำคำต่างๆ มารวมกันก็จะได้เป็นประโยค หากจำคำศัพท์ได้ก็จะแปลออกว่าคนจีนกำลังพูดอะไรอยู่ ลองฝึกจากคำง่ายๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันก่อนก็ได้นะ เพราะนอกจากจะเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือชาวต่างชาติแล้ว เวลาเราไปเที่ยวประเทศจีนหรือฮ่องกง มาเก๊า ก็สามารถนำไปใช้ขอความช่วยเหลือคนจีนได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมมูลจาก mangozero.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,250.00 | 19,350.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,247.00 | 18,904.52 | 19,850.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,122.30 | 17,014.07 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 997.60 | 15,123.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 561.00 | 8,504.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 436.00 | 6,609.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,292.00 | 19,586.72 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 22/04/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 | 29.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 | 29.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 26.74 | 26.74 | 27.14 | 26.74 | 26.74 | – | 26.74 | 26.74 | 26.74 | 26.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.14 | 21.14 | – | – | – | – | – | 21.14 | – | – |
เบนซิน 95 | 37.16 | – | – | – | 37.61 | – | 37.66 | 37.46 | – | 37.46 |
ดีเซล | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 31.39 | 31.66 | 31.85 | 31.85 | 31.85 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.01 | 27.79 | – | – | – | – | – | – | – | – |