ครึ่งหลังปี 61 บ้าน-คอนโดเหลือขายทะลัก154,765 หน่วย
จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่า โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายช่วงครึ่งหลังปี 2561 ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ระหว่างเปิดขาย 1,597 โครงการ มีจำนวนหน่วยในผังโครงการรวมทั้งสิ้น 492,436 หน่วย มูลค่า 1,977,836 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันของปี 2560 7.7% แยกเป็น บ้านจัดสรร1,088 โครงการ 207,216 หน่วย โดย มีจำนวนหน่วยลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2560 2.6% มูลค่า 925,579 ล้านบาท ขณะ อาคารชุด เกิดขึ้น 509 โครงการ 285,220 หน่วยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 16.8% มูลค่ารวม 1,052,257 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งหลังปี 2561 พบว่า มีหน่วยเหลือขายมากถึง 154,765 หน่วย ( คิดเป็น31.4% ของหน่วยในผังโครงการทั้งหมด ) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 8.5% โดย บ้านจัดสรรมีหน่วยเหลือขาย 86,113 หน่วย ( 41.6 %ของหน่วยในผังโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี2560 7.1%
ส่วนอาคารชุด มีหน่วยเหลือขาย 68,652 หน่วย (24.1% ของหน่วยในผังโครงการอาคารชุดทั้งหมด) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี2560 10.3%
มุมสะท้อนของ นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ภาพรวมอุปทานโครงการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ช่วงครึ่งหลังปี 2561 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ทั้งโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด มีอัตราการดูดซับของที่อยู่อาศัย 4.8% ต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีอัตราดูดซับ4.6% โดยบ้านจัดสรรมีอัตราดูดซับ3.1% ต่อดือน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีอัตราดูดซั[ 3.5% และอาคารชุดมีอัตราดูดซับ 6.5% ต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีอัตราดูดซับ5.8%
ประกอบด้วย บ้านจัดสรร ที่อยู่ในระหว่างการขายในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 1,088 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 207,216 หน่วย มีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 86,113หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 388,600 ล้านบาท (เทียบกับในช่วงครึ่งหลังปี 2560 มีจำนวน 1,135โครงการ มีหน่วยในผังโครงการ 212,780 หน่วย และมีหน่วยเหลือขาย 80,398 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 339,612 ล้านบาท)
ทั้งนี้ หน่วยในผังโครงการทั้งหมด 207,216 หน่วย ส่วนใหญ่ 53.5% เป็นทาวน์เฮ้าส์ รองลงมา 30.6% เป็นบ้านเดี่ยว 12.2% เป็นบ้านแฝด ส่วนที่เหลือจะเป็นอาคารพาณิชย์และที่ดินเปล่า 33.7% อยู่ในช่วงราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท รองลงมา 29.0% 2.01 – 3.00 ล้านบาท ส่วน 24.2% ราคาเกินกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปขณะ 13.2% ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
แยกตามสถานะของการก่อสร้างพบว่าส่วนใหญ่เป็นหน่วยที่ก่อสร้างเสร็จ128,224 หน่วย
61.9% ของหน่วยในผังทั้งหมด รองลงมาเป็นหน่วยที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง44,522 หน่วย 21.5 % และหน่วยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง34,470 หน่วย 16.6% โดยหน่วยที่ก่อสร้างเหลือขาย หรือบ้านว่างมีจำนวน 16,388 หน่วย หรือ12.8% ของหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สีลม-สาทร-บางรัก…แชมป์ บ้าน-คอนโด ขายดี
จากการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบ-แนวสูงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ช่วงครึ่งหลัง ปี2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,597 โครงการ รวม 492,436 หน่วย มูลค่า 1,977,836 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่า ทำเลขายดี ในเขตกรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งทั้งบ้านจัดสรรและ อาคารชุด ยังคงเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) สีลม-สาทรและบางรัก ส่วนใหญ่เป็นระดับราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากอยู่ในแนวรถไฟฟ้า ที่ดินขยับตัวสูงและหายาก
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ศูนย์ข้อมูลฯมีการจัดอันดับ 5 อันดับ บ้านจัดสรร ทำเลยอดนิยมโดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ ได้แก่ 1) ทำเลสีลม-สาทร-บางรัก 2) ทำเลหลักสี่-ดอนเมือง-สายไหม-บางเขน 3) ทำเลพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ 4) ทำเลคลองสามวา-มีนบุรี-หนองจอก-ลาดกระบัง 5) ทำเลลาดพร้าว-วังทองหลาง-บางกะปิ
ขณะบ้านจัดสรรในเขตปริมณฑลที่ขายดีมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) ทำเลเมืองสมุทรสาคร 2) ทำเลบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง 3) ทำเลพุทธมณฑล-นครชัยศรี-สามพราน 4) ทำเลเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ 5) ทำเลกระทุ่มแบน-บ้านแพ้ว
นายวิชัยกล่าวต่อว่า ส่วน ทำเลอาคารชุดในกรุงเทพมหานครที่ขายดีมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) ทำเลสีลม-สาทร-บางรัก 2) ทำเลคลองสามวา-มีนบุรี-หนองจอก-ลาดกระบัง 3) ทำเลบางซื่อ-ดุสิต 4) ทำเลบึงกุ่ม-คันนายาว-สะพานสูง 5) ทำเลพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ
ทำเลอาคารชุดในเขตปริมณฑลที่ขายดีมากที่สุด 5 อันดับแรก โดยดูจากสัดส่วนที่ขายได้ต่อหน่วยทั้งหมดในโครงการ ได้แก่ 1) ทำเลกระทุ่มแบน-บ้านแพ้ว 2) ทำเลเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก 3) ทำเลเมืองนครปฐม-กำแพงแสน-บางเลน-ดอนตูม 4) ทำเลเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ 5) ทำเลเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ธพว.ขายพันธบัตร 8,000ล้านบาท ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำเอสเอ็มอี
นายพงชาญ ระบุว่า การจำหน่ายพันธบัตรครั้งนี้ จะเพิ่มความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่อง ช่วยให้ธนาคารมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมในระยะยาว มั่นใจว่า พันธบัตรธนาคารจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุน เนื่องจากธนาคารมีสถานะความแข็งแกร่งจากการจัดอันดับเครดิตองค์กร โดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้ง จำกัด ให้อยู่ในระดับ AAA ถือเป็นระดับสูงสุดเท่ากับ Rating ของรัฐบาลไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
เตือนคนไทยรับมือโรคไข้หวัดใหญ่
แพทย์เตือนคนไทยรับมือ “โรคไข้หวัดใหญ่” โรคระบาดที่มากับหน้าฝน พร้อมทราบแนวทางปฏิบัติ แนะรู้ตัวเร็ว รักษาก่อน ลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
“ไข้หวัดใหญ่” ยังคงเป็นโรคร้ายที่คุกคามสุขภาพของคนไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่กระจายไปสู่คนทุกเพศทุกวัยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจากรายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -7 พฤษภาคม 2562 พบว่า ปีนี้มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่แล้วกว่า 152,185 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 10 ราย ภายใน 4 เดือนแรกของปีนี้
ถือเป็นสถิติที่น่าตกใจเมื่อจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ของปี 2562 ตั้งแต่ 1 มกราคม จนถึงปัจจุบัน กลับมีจำนวนกว่า 82 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยทั้งหมดเมื่อปี 2561 ที่จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2561 ได้ระบุว่า มีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่กว่า 185,829 ราย จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ และมีรายงานการเสียชีวิตถึง 32 ราย จึงเป็นสาเหตุให้โรคไข้หวัดใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังประจำปี 2562
ปีนี้กลุ่มที่ถูกตรวจพบว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สูงที่สุดในประเทศไทยคือกลุ่มเด็กที่มีอายุระหว่าง 7-9 ปี (13.71 เปอร์เซ็นต์)กลุ่มคนวัยทำงาน 25-34 ปี (12.99 เปอร์เซ็นต์)เด็กอายุ 10-14 ปี (12.77 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่มักเกิดขึ้นภายในโรงเรียนในประเทศไทยได้พบจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลเพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำในหน้าฝน เนื่องจากเชื้อไวรัสมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายได้ดีในประเทศเขตร้อนที่มีความชื้นสูง อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่นั้นไม่สามารถคาดการณ์ได้ ทำให้การระบาดของโรคนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี ซึ่งปีนี้นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่พบการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในฤดูแล้งช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ด้วยจำนวนผู้ป่วยถึง 46,648 ราย และผู้เสียชีวิต 4 ราย
ในขณะที่โรคไข้หวัดใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ยังมีคนไทยจำนวนมากที่เข้าใจว่าไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงและสามารถหายเองได้ เนื่องจากมีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา โดยมาตรการในการป้องกันและรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบันมีสองรูปแบบด้วยกัน คือการรับวัคซีนและยาต้านไวรัส
รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ถึงแม้โรคไข้หวัดใหญ่จะติดต่อได้ง่าย หากแต่ป้องกันได้ และรักษาได้เช่นเดียวกัน สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 4 สายพันธุ์ คือ A, B, C และ D โดยสายพันธุ์ A และ B เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งประเทศไทยมีแนวโน้มพบการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลของสายพันธุ์ B มากกว่าสายพันธุ์ A โดยสายพันธุ์ B จะไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ A และไม่สามารถติดต่อระหว่างคนกับสัตว์ได้
“การรับวัคซีนเป็นมาตรการเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นเชื้อที่สามารถกลายพันธุ์ได้ตามธรรมชาติของมัน ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในทุกๆ ปี เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสหวัดใหญ่ กระทรวงสาธารณสุขจึงรณรงค์ให้ประชาชนไปรับวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี ในขณะเดียวกัน ยาต้านไวรัส ก็ยังเป็นมาตรการที่ใช้เพื่อการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ หลังจากที่ได้รับเชื้อ เพื่อย่นระยะเวลาของอาการป่วย และลดความเสี่ยงที่อาการอาจมีความรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นเสียชีวิต”
“ในระยะแรกหลังจากได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ผู้ป่วยควรรีบเข้าพบแพทย์เมื่อพบว่ามีไข้สูงติดต่อกันเกิน 48 ชั่วโมง เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยโรคไข้หวัดใหญ่จะมีอัตราการแพร่ระบาดสูงสุดในช่วง 3 – 5 วันแรกที่มีอาการ ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะนอกจากจะป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไปยังบุคคลรอบข้างด้วย และสำหรับประเทศไทยที่กำลังจะย่างเข้าสู่ฤดูฝน ประชาชนทั่วไปก็ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม วัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้นมีประสิทธิภาพอยู่ระหว่าง 40 – 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทุกคนจึงควรระมัดระวังและศึกษามาตรการเพื่อการรักษาไปพร้อมกัน” รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวเสริม
ในขณะที่ปัจจุบันมียาต้านไวรัสหลายแขนงอยู่ในตลาด แต่การพัฒนาของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอเพื่อผลักดันขีดความสามารถทางการแพทย์ให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ได้ดีที่สุดต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
คำศัพท์ภาษาอังกฤษน่ารู้ เกี่ยวกับมลพิษ
จากปัญหาของฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้หลายคนกังวลและเริ่มสวมหน้ากาก ที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองระดับ PM 2.5 ได้นั้นเอง วันนี้ทีนเอ็มไทยเลยขอเกาะกระแสข่าว นำเกร็ดความรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับมลพิษ มาฝากกัน แต่จะมีคำว่าอะไรบ้างนั้น มาติดตามกันเลยค่ะ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษน่ารู้
เกี่ยวกับมลพิษ
acid rain : ฝนกรด
biodegradable : สามารถย่อยสลายได้
carbon footprint : การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
climate change : เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
to conserve energy : เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน
to contaminate : การปนเปื้อน
deforestation : ตัดไม้ทำลายป่า
endangered species : เป็นอันตรายต่อมนุษย์
energy conservation : การอนุรักษ์พลังงาน
energy efficient : การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
global warming : ภาวะโลกร้อน
greenhouse effect : ปฏิกิริยาเรือนกระจก
renewable energy : พลังงานหมุนเวียน
to recycle : การรีไซเคิล
toxic waste : ของเสียมีพิษ
aerosol : ละอองของเหลวในอากาศ
carbon monoxide : คาร์บอนมอนอกไซด์
climate : ภูมิอากาศ
nuclear energy : พลังงานนิวเคลียร์
solar energy : พลังงานแสงอาทิตย์
exhaust fumes : การปล่อยไอเสีย,ควันพิษ
forest fires : ไฟป่า
global warming : ภาวะโลกร้อน
greenhouse effect : ปฏิกิริยาเรือนกระจก
nuclear : นิวเคลียร์
nuclear fallout : ผลกระทบของการแพร่กระจายรังสีนิวเคลียร์
nuclear reactor : เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู
ozone layer : ชั้นโอโซน
pesticide : สารกำจัดศัตรูพืช
chronic effect : ผลเรื้อรัง
contaminant : สารปนเปื้อน
dermal toxicity : ความเป็นพิษผ่านผิวหนัง
emission control : การควบคุมการปล่อย (มลพิษ)
emission factor : ปัจจัยการปล่อย (มลพิษ)
emission standard : มาตรฐานการปล่อย (มลพิษ)
neurotoxicity : พิษต่อระบบประสาท
PM-10 standard : มาตรฐานพีเอ็ม 10 มาตรฐานใหม่สำหรับหาปริมาณอนุภาคแขวนลอยในชั้นบรรยากาศ เช่น จำนวนของอนุภาคที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่า 10 ไมครอน หรือเล็กกว่า 10 ไมครอน ที่สามารถผ่านเข้าไปยังปอด ซึ่งมีผลกระทบต่อกลุ่มคน เช่น เด็ก บุคคลที่หายใจเข้าไป
body burden : ปริมาณสะสมในร่างกาย
breakthrough : การปล่อยผ่านสารมลพิษ
PM2.5 : ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เป็นฝุ่นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน เกิดจากการเผาไหม้ทั้งจากยานพาหนะ การเผาวัสดุการเกษตร ไฟป่า และกระบวนการอุตสาหกรรม สามารถเข้าไปถึงถุงลมในปอดได้ เป็นผลทําให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ และโรคปอดต่างๆ หากได้รับในปริมาณมากหรือเป็นเวลานานจะสะสมในเนื้อเยื่อปอด ทําให้การทํางานของปอดเสื่อมประสิทธิภาพลง ทําให้หลอดลมอักเสบ มีอาการหอบหืด
dust : ฝุ่นละออง
hygienic mask : หน้ากากอนามัย
ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,250.00 | 19,350.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,247.00 | 18,904.52 | 19,850.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,122.30 | 17,014.07 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 997.60 | 15,123.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 561.00 | 8,504.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 436.00 | 6,609.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,292.00 | 19,586.72 | n/a |
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.15 | 29.15 | 29.15 | 29.15 | 29.15 | 29.15 | 29.15 | 29.15 | 29.15 | 29.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 | 28.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 26.14 | 26.14 | 26.54 | 26.54 | 26.54 | – | 26.14 | 26.14 | 26.54 | 26.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.79 | 20.79 | – | – | – | – | – | 20.79 | – | – |
เบนซิน 95 | 36.56 | – | – | – | 37.01 | – | 37.06 | 36.86 | – | 36.86 |
ดีเซล | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 | 27.79 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 31.39 | 31.66 | 31.85 | 31.85 | 31.85 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.01 | 27.79 | – | – | – | – | – | – | – | – |