สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 27 พฤษภาคม 2562

โยธาฯหนุนตึกสูง ลดปัญหาเดินทาง

กรมโยธาฯ เร่งผังภาคมหานครแบบไร้รอยต่อ หนุนจัดรูปที่ดินรอบสถานีขนส่งมวลชน เพื่อพัฒนาเชิงพาณิชย์หารายได้สร้างส่วนขยายในอนาคต

นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ครั้งที่ 3 พร้อมปาฐกถาพิเศษ “ผังภาคมหานครไร้รอยต่อ มิติใหม่การพัฒนาพื้นที่สู่ความยั่งยืน” ว่ามีเป้าหมาย เพื่อระดมความคิดจากผู้เข้าร่วมประชุมจากทุกภาคส่วนเพื่อให้ตรงกับความต้องการของพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่ภาคกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อย่างยั่งยืน และสามารถขับเคลื่อนแผนพัฒนาไปสู่ทิศทางเดียวกัน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

มณฑล สุดประเสริฐ

โดยภาคกรุงเทพฯ และปริมณฑลหรือภาคมหานคร ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม เป็นพื้นที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ปัจจุบันการพัฒนาพื้นที่ชุมชนเมืองในกรุงเทพมหานคร มีการขยายตัวจนเกือบเต็มพื้นที่ที่ผังเมืองรวมกำหนดให้เป็นพื้นที่เมืองและแผ่ขยายต่อเนื่องไปยังรอยต่อจังหวัดปริมณฑลโดยรอบ

นอกจากนี้ในอนาคตภาคมหานครยังมีประเด็นท้าทายที่ต้องเผชิญ ดังเช่น มหานครต่างๆทั่วโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานและบริการที่เหมาะสม แต่ด้วยความได้เปรียบของทำเลที่ตั้ง ภาคมหานครเป็นศูนย์กลางแกนการพัฒนาเศรษฐกิจ เชื่อมโยงเหนือ-ใต้ ตะวันออก-ตะวันตก กับประเทศอาเซียน อินเดียและจีน และเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ ของประเทศ คือ EEC ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักและการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ

ปัจจุบันภาคมหานครทำมูลค่าการค้าทางเศรษฐกิจให้ประเทศสูงสุดถึง 50% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งประเทศมีฐานเศรษฐกิจที่หลากหลายทั้งด้านเกษตรกรรม (นครปฐมและสมุทรสาคร) อุตสาหกรรม(สมุทรปราการและปทุมธานี) การค้าการบริการการศึกษา (กรุงเทพมหานครและนนทบุรี) และการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก

กรม เห็นความสำคัญของการพัฒนาการแก้ไขปัญหาของภาคมหานคร จึงดำเนินโครงการวางผังภาคกรุงเทพมหา นครและปริมณฑล 2580 เพื่อให้การพัฒนาพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องไร้รอยต่อ

“ผังนี้ไม่ใช่ผังบังคับตามกฎหมาย เป็นผังนโยบายที่จะต้องส่งต่อให้กับกทม.เพื่อประกอบการพิจารณาใช้ข้อมูลต่อไป ทั้งนี้เมื่อดำเนินการวางผังภาคกรุงเทพ มหานครและปริมณฑลแล้วเสร็จ กรมจะนำผังภาคเข้าประชุมคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หน่วยงานรัฐไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่จัดทำผังเมืองรวม จะนำผังภาคนี้ไปเป็นกรอบในการวางและจัดทำผังเมืองรวมต่อไป”

อธิบดีกรมโยธาธิการฯกล่าวอีกว่า ภาพรวมของการวางผังภาคมหานครนั้น เมื่อนำแต่ละผังมาเชื่อมต่อกันจะพบว่ามีความขัดแย้งของการใช้ประโยชน์พื้นที่ เช่น เขตรอยต่อพื้นที่พงษ์เพชรกับเขตพื้นที่รอยต่อจังหวัดนนทบุรี หรือเขตดอนเมือง-รังสิต ก็จะเชื่อมเป็นผืนเดียวกันมากขึ้นจึงมอบหมายให้ไปดำเนินการจัดทำผังนโยบายในการที่จะนำไปสู่การปฏิบัติในการวางผังเมืองตลอดจนเขตปริมณฑลให้สอดคล้องกัน

ทั้งนี้ตามผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) พบว่าในปี 2580 ไทยมีประชากรเพิ่มประมาณ 66 ล้านคนจากปัจจุบันราว 64.6 ล้านคน ประชากรเมืองจะเพิ่มขึ้นกว่า 22 ล้านคนหรือราว 36% ของประชากรทั้งหมด โดยพื้นที่กทม.ราว 1,550 ตร.กม. ถนนในกทม. รวมประมาณ 1,200 กม.จึงค่อนข้างหนาแน่น

โดยเมื่อจุดไหนพื้นที่เต็มก็ควรจะส่งเสริมให้มีการก่อสร้างอาคารที่มีความสูงเพื่อให้คนอยู่อาศัยเพื่อลดภาระการเดินทางของประชาชน ให้หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะกันมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาในรัศมี 500-800 เมตรใกล้สถานีรถไฟฟ้าหรือทางเรือกันมากขึ้น ตลอดจนเขตปริมณฑลรอบกทม.ไปพัฒนาเมืองให้เกิดขึ้น จัดให้มีระบบคมนาคมที่สะดวกเข้าถึงบริการได้

ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมากรมมีความพยายามผลักดันพื้นที่การพัฒนาเมืองใหม่จำนวน 2 ครั้ง คือที่นครนายกและท่าตะเกียบ แต่ก็ติดปัญหาข้อกฎหมาย โดยมีการเสนอออกพ.ร.บ.เมืองใหม่เกิดขึ้น และติดปมปัญหากรณีการเวนคืนเพื่อนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นหากเทียบกับพื้นที่กทม. หากไปเริ่มในพื้นที่ใหม่น่าจะทำได้มากกว่า

“ปัจจุบันเรื่องการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้ายังไม่แพร่หลายในประเทศไทย แต่ในอนาคตคงจะมีมากขึ้น”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


‘เพอร์เฟค’แข่ง‘แสนสิริ’ ปั้นเมืองกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่จับเศรษฐี

ทำเลกรุงเทพกรีฑาสมรภูมิเดือด ขาใหญ่ แข่งสร้างเมือง ดูดกำลังซื้อเศรษฐี ค่ายเพอร์เฟค-แสนสิริ-เนอวานาเครือสิงห์เอสเตทปั่นที่พุ่งแรงจาก ราคาหลักหมื่นบาทต่อ ตร.ว. พุ่งเฉียด 2 แสนบาทต่อตร.ว.

เทรนด์การพัฒนาเมืองใหม่ เพื่อรองรับการอยู่อาศัยของคนในอนาคต กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของบริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่หลายรายในปัจจุบัน โดยเฉพาะโซนดาวรุ่งพุ่งแรง ด้านทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ อย่าง ถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า หรือ กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ที่พัฒนาใกล้แล้วเสร็จ ทำเลเกิดใหม่ มีความคึกคักต่อเนื่องสำหรับโครงการแนวราบระดับไฮเอนด์ขึ้นไป และด้วยศักยภาพของทำเล โดดเด่นด้วยการคมนาคมเชื่อมต่อหลายเส้นทาง รถไฟฟ้า 2 สาย ผังเมืองฉบับใหม่ ระบุ “สีเหลือง” ซึ่งหมายถึงความหนาแน่นของที่อยู่อาศัยน้อย ยิ่งเอื้อต่อการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เชิงที่อยู่อาศัย ธุรกิจด้านสุขภาพรองรับโอกาสในอนาคต ทั้งนี้ พบเจ้าของแลนด์แบงก์ขนาดใหญ่ 3 ราย เริ่มนำที่ดินที่กว้านซื้อสะสมไว้อย่างตํ่าๆ 200 ไร่ ออกมาพัฒนาต่อเนื่อง ตามเป้าหมายระยะยาว ผุดโปรเจ็กต์ยักษ์ทั้งเมืองที่อยู่อาศัยสมัยใหม่ อาณาจักรโครงการแนวราบ มูลค่าต่อโปรเจ็กต์แตะระดับหมื่นล้านบาท ดึงพันธมิตรด้านธุรกิจ ต่างแนวคิด ต่างจุดเด่น คาดอนาคตแข่งขันดุเดือด

เริ่มที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นายสมเกียรติ หงษ์ทรัพย์ภิญโญ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ ประกาศวิสัยทัศน์ ปั้นที่ดินทำเล กรุงเทพกรีฑา จำนวน 300 ไร่ สู่การเป็น “เมืองคุณภาพชีวิตเพื่ออนาคต” ชูจุดเด่นสำคัญ คือ การสร้างถนนภาระจำยอมระยะทาง 1.7 กม. ทะลุถนนสายหลัก 2 เส้นทาง และการดึงพันธมิตรสำคัญ เช่น โรงพยาบาลสมิติเวช เตรียมพัฒนา “Recreation Space” ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาEQ และ IQ ในเด็กในพื้นที่โครงการ คาดเปิดตัวปี 2564, โรงเรียนนานาชาติ ไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ และการร่วมกับสยามฟิวเจอร์ เตรียมเปิดคอมมิวนิตีมอลล์ในอนาคต ทั้งยังระบุว่า กำลังมองหาพันธมิตรรายอื่นๆ มาร่วมพัฒนาเมืองดังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วย

“ปัจจุบันทำเลนี้ เปรียบเป็นประตูบานใหญ่สำคัญของประเทศ ความเจริญเริ่มหลั่งไหลเข้ามา อนาคตผู้คนจะย้ายเข้ามาอยู่อาศัยอีกมาก เพราะผังเมืองใหม่คือโอกาส”  

ด้านเจ้าของแลนด์แบงก์ขนาดใหญ่บนทำเลดังกล่าวอีกราย อย่างค่าย พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการระบุว่า มีที่ดินในบริเวณนี้ รวม 400 ไร่ ซึ่งพื้นที่ 2 ใน 3 ได้ถูกพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์หลากหลายระดับราคาไปแล้ว รวม 7 โครงการ ขณะนี้ปิดการขายไปแล้ว 4 โครงการ และยังอยู่ระหว่างการขายอีก 3 โครงการ นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนา ที่ดินเปล่าที่เหลืออยู่กว่า 100 ไร่ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยอีก 3 โครงการ และอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการพัฒนาพื้นที่ด้านหน้าสุดในเชิงพาณิชย์กึ่งคอมมิวนิตีมอลล์อีก 1 แห่ง ซึ่งอาจพัฒนาเองหรือดึงพันธมิตรที่เกี่ยวข้องร่วมพัฒนา คาดใช้เวลาพัฒนาที่ดินทั้งหมดครบทั้ง 400 ไร่ ในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้า (ปี 2565) รวมมูลค่าทั้งสิ้นแตะ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของทำเล ย่านที่อยู่อาศัยใหม่ของกลุ่มคนระดับบน โซนตะวันออก ที่มีดีมานด์ที่อยู่อาศัยจากกลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มที่ทำงานเกี่ยวกับสนามบิน และเขตอุตสาหกรรม ในโครงการระเบียงเศรษฐกิจ(อีอีซี) ทำให้ภาพรวมอัตราดูดซับในย่านดังกล่าวอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ราคาที่ดินปรับตัวขึ้นสูงมาก พบช่วงต้นศรีนครินทร์ -วงแหวน ตกตารางวาละ 1.2-.1.4 แสนบาท ขั้นตํ่าริมถนน 8 หมื่นบาทต่อตารางวา พร้อมคาดหลังการก่อสร้างสะพานข้ามถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก

แล้วเสร็จในช่วงปีนี้ จะทำให้ภาพการแข่งขันในย่านดังกล่าวสูงขึ้นอีก เพราะการเดินทางจะสะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงราคาที่ดินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทอ่อน พิษการค้าจีนหดสงครามการค้ายังร้อน

ค่าเงินบาทอ่อน พิษการค้าจีนหดสงครามการค้ายังร้อน

ผลกระทบจากตัวเลขผลกำไรภาคธุรกิจของจีนและพัฒนาการสงครามการค้าต่อเงินบาท
************************คอลัมน์ มันนี่วีก (Money week)โดย…พีรพรรณ สุวรรณร์ตน์, มนัสวิน ฐิติสมบูรณ์ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยมองว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นในกรอบ 31.70 – 32.10 ในช่วงวันที่ 27-31 พฤษภาคม เงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่า เนื่องจากทางการจีนจะมีประกาศตัวเลขกำไรของภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายนและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของเดือนพฤษภาคม ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง และสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนที่อ่อนแอปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้เงินหยวนและค่าเงินประเทศที่เชื่อมโยงกับจีนสูงรวมทั้งเงินบาทอ่อนค่าลงได้ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากพัฒนาสงครามการค้าที่ตึงเครียดเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยด้านไทย จะมีการประกาศตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดซึ่งคาดว่าจะเกนดุลลดลงจะเป็นปัจจัยให้เงินบาทอ่อนค่าลงด้วย ขณะเดียวกันสหรัฐฯ จะประกาศตัวเลขจีดีพีและดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคซึ่งหากตัวเลขออกมาลดลงอาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์ได้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทผันผวน โดยอ่อนค่าลงต่อเนื่องเกือบตลอดสัปดาห์ก่อนจะกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงหลังของสัปดาห์ เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐเปิดตลาดอ่อนค่าลงจากราคาปิดในสัปดาห์ก่อนหน้าตามการอ่อนค่าของเงินหยวน โดยเปิดตลาดตลาดที่ระดับ 31.83 จากประเด็นความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนหลังจากที่ บริษัทกูเกิลประกาศระงับให้บริษัทหัวเหว่ยเข้าถึงระบบปฏิบัติการและแอพพลิเคชันของตนหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มชื่อบริษัทหัวเว่ยในกลุ่มที่ถูกห้ามไม่ให้บริษัทสหรัฐฯ ประกอบธุรกิจด้วย

ทั้งนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เตือนว่าสงครามการค้าจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกชะงักงันและกระทบต่อการลงทุนนอกจากนี้ เงินบาทยังถูกกดดันจากปัจจัยในประเทศหลังการประกาศตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยไตรมาสที่ 1 ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ชะลอลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี เงินบาทยังโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางสัปดาห์หลังจากกระทรวงพาณิชย์รายงานว่าการส่งออกไทยมาตรฐานศุลกากรเดือนเมษายนหดตัวลง 2.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์จากความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์ที่ปรับลดลงเนื่องจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Markit) ของสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคมปรับลดลงมาสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2016 ส่งผลให้เงินบาทปิดตลาดที่ 31.853 (ณ เวลา 17.15 น.)
ตลาดพันธบัตร ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัจจัยที่ยังสนับสนุนให้นักลงทุนยังคงอยู่ในโหมดปิดรับความเสี่ยง (Risk off mode) และเลือกถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยประเด็นหลักๆ ยังคงเป็นเรื่องของสงครามการค้าที่ดูทีท่ารุนแรงขึ้น โดยล่าสุดสหรัฐอาจเปลี่ยนกลยุทธ์การกีดกันการค้าจากวิธีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้ามาเป็นมาตรการป้องกันการส่งออก ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าในท้ายสุดแล้วอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐฯ เองในที่สุดนอกจากนี้ยังมีประเด็นการประกาศตัวเลขจีดีพีไทยไตรมาสที่ 1 ปี2019 ที่ออกมาขยายตัวต่ำสุดตั้งแต่ปี 2015 โดยจีดีพีไทยไตรมาสที่ 1 ขยายตัวเท่ากับที่ตลาดคาดที่ 2.8%YoY โดยปัจจัยที่ฉุดการขยายตัวมาจากส่งออกสินค้าเป็นหลักขณะเดียวกัน สศช. ยังปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้ลงจากประมาณการเดิมที่กรอบ 3.5%-4.5% มาเป็น 3.3%-3.8% ในขณะที่องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงมาอยู่ที่ 3.2% จากที่เคยคาดไว้ที่ 3.9% ในปีก่อนหน้า โดยประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนจะขยายตัวที่ 2.3% และ 6.2% ตามลำดับด้วยเหตุนี้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวโดยมีความชันลดลง ซึ่ง ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2562 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 1.80% 1.83% 1.89% 2.09% 2.26% และ 2.49% ตามลำดับขณะที่หุ้นกู้เอกชนในตลาดรองกลับมามีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักมาจากมุมมองที่นักลงทุนคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตลอดทั้งปี 2019 ทำให้นักลงทุนบางส่วนกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นกู้เพื่อเป็นการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (Enhanced Yield)ในส่วนของกระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิประมาณ 2,337 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 3,074 ล้านบาท ซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 6,257 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 846 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูล posttoday.com

แนะรักษาสุขภาพช่วงฤดูฝน

แนะรักษาสุขภาพช่วงฤดูฝน thaihealth

กระทรวงสาธารณสุข กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั่วประเทศ

             เตรียมพร้อมเฝ้าระวังโรคติดต่อและภัยสุขภาพในช่วงฤดูฝน ส่งทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ทันทีหากเกิดการระบาด แนะประชาชนรักษาสุขภาพให้แข็งแรงป้องกันตนเองจาก 11 โรคติดต่อ 4 ภัยสุขภาพที่พบในบ่อยฤดูฝน          นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศการป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่เกิดในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ. 2562 ขอให้ระมัดระวังการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้จาก 11 โรคติดต่อ ใน 5 กลุ่มโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่ โรคติดต่อทางระบบหายใจ คือ ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม โรคติดต่อที่มียุงเป็นพาหะ คือ ไข้เลือดออกไข้สมองอักเสบ มาลาเรีย ไข้ปวดข้อยุงลาย โรคติดเชื้อไวรัสซิกา โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ คือ อหิวาตกโรค ไวรัสตับอักเสบเอ  โรคติดต่ออื่นๆ คือโรคมือ เท้า ปาก โรคเลปโตสไปโรซิส  และ 4 ภัยอันตราย คือ เห็ดพิษสัตว์มีพิษ ภัยจากฟ้าผ่า และอุบัติเหตุทางถนน          “ขอให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ของโรคในพื้นที่ หากพบโรคระบาดให้ส่งทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) เข้าไปดำเนินการสอบสวน ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ทันที รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชน เพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด” นายแพทย์สุขุม กล่าว          ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กลุ่มโรคที่ 1 เป็นโรคติดต่อทางระบบหายใจ ได้แก่โรคไข้หวัดใหญ่ พบได้ในทุกอายุ พบป่วยมากในเด็กเล็ก ส่วนผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง  ส่วนโรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อทางการสัมผัสน้ำมูก น้ำลายหรือไอจามรดกัน ป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำร่างกายให้อบอุ่น หมั่นล้างมือ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น กลุ่มที่ 2 มี 5 โรคที่มียุงเป็นพาหะ ได้แก่ ไข้เลือดออก  ไข้สมองอักเสบ มาลาเรีย ไข้ปวดข้อยุงลาย โรคติดเชื้อไวรัสซิกา ทั้งหมดป้องกันได้ด้วยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด  กลุ่มที่ 3 โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ได้แก่ อหิวาตกโรค เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำดื่ม หรือจากแมลงวันที่เป็นพาหะนำโรค ส่วนโรคไวรัสตับอักเสบเอ ติดต่อจากการสัมผัสสิ่งคัดหลั่ง น้ำลาย เลือดจากผู้ป่วย ทั้ง 2 โรคป้องกันด้วยการรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ไม่มีแมลงวันตอม อาหารค้างมื้อควรอุ่นให้ร้อนจัดก่อนรับประทาน หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ ดื่มน้ำสะอาด และฉีดวัคซีนป้องกันโรค          กลุ่มที่ 4 โรคติดต่ออื่น ๆ ได้แก่ โรคมือ เท้า ปาก พบบ่อยในเด็ก ระบาดทุกปีช่วงฤดูฝนหรือเปิดเทอม ติดต่อจากการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรืออุจจาระของผู้ป่วย ส่วนโรคเลปโตสไปโรซิส เชื้อแบคทีเรียจะเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผล รอยถลอก เยื่อบุตา จมูก ปาก หรือไชเข้าผิวหนังที่แช่น้ำนานจนอ่อนนุ่ม กลุ่มที่ 5 ภัยสุขภาพในฤดูฝน ได้แก่ อันตรายจากการรับประทานเห็ดพิษ ไม่รับประทานเห็ดที่ไม่รู้จัก อันตรายจากสัตว์มีพิษ ควรจัดบ้านให้สะอาด ไม่ให้เป็นที่หลบซ่อนของสัตว์มีพิษ ระวังเมื่อต้องเข้าไปในที่รก กอหญ้า หรือกองไม้  ส่วนภัยจากฟ้าผ่า เมื่อมีฝนตกฟ้าคะนอง ให้หลบในที่ปลอดภัย เช่น อาคารขนาดใหญ่ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือกลางแจ้งในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เนื่องจากจะเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าเข้ามาในโทรศัพท์มือถือได้  ขับรถด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากฝนตกถนนจะลื่นทำให้ระยะการหยุดรถยาวกว่าปกติ และยังลดทัศนวิสัยการมองเห็นในการขับขี่ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th

รัฐบาลจีนแก้เกมออกมาตรการยกเว้นภาษีให้กลุ่มบริษัทซอฟต์แวร์จีน 2 ปี มีผลบังคับใช้ทันที

รัฐบาลจีนแก้เกมออกมาตรการยกเว้นภาษีให้กลุ่มบริษัทซอฟต์แวร์จีน 2 ปี มีผลบังคับใช้ทันที

หลังจากที่หัวเว่ยถูกรัฐบาลสหรัฐฯ รวมทั้งบริษัทคู่ค้าสัญชาติอเมริกันทำการแบนตัดขาดการทำธุรกิจด้วย โดยเฉพาะ Google และ ARM ที่มีความสำคัญในแง่ของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่างมากล่าสุดทางกระทรวงการคลังของจีน (Ministry of Finance) เองก็ออกมาประกาศมาตรการยกเว้นภาษีเป็นกรณีพิเศษให้กับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาในอุตสาหกรรมดังกล่าวในประเทศอย่างเต็มที่อย่างเร่งด่วน โดยมาตรการดังกล่าวจะทำให้บริษัทที่อยู่ในข่ายจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าไปเลยใน 2 ปีต่อจากนี้ และจะเสียภาษีนิติบุคคลในอัตราพิเศษเพียงครึ่งเดียว 12.5% จากเดิม 25% ในปีที่ 3-5“ถือว่ารัฐบาลขยับตัวเร็วมากเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีในประเทศหลังจากหัวเว่ยเป็นเป้าถูกโจมตีจากสงครามการค้า เมกะเทรนด์ตอนนี้ก็คือจีนจะต้องทำการพัฒนาชิปเซ็ตและซอฟต์แวร์ของตัวเองขึ้นมาในแบบสเกลใหญ่ เพื่อลดการพึ่งพาพาร์ทเนอร์จากสหรัฐฯ และเราจะรอดูผลลัพธ์ที่ดีของบริษัทเทคโนโลยีจีนในระยะยาว” Wu Kan ผู้จัดการการลงทุนจากสถาบันการเงิน Soochow Securities กล่าว

สำหรับเซมิคอนดักเตอร์เป็น 1 ใน 10 แผนนโยบายอุตสาหกรรมที่เรียกว่า Made in China 2025 ซึ่งทางการจีนตั้งเป้าพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคให้ไล่ทันผู้นำในตลาดระดับโลก และพึ่งตนเองแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ภายใน 6 ปีข้างหน้า โดยในเวลานี้อุตสาหกรรมไมโครชิปของจีนมีตัวเลขนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2017 ไปถึง 30%

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,300.00 19,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,250.00 18,950.00 19,900.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,125.00 17,055.00 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,000.00 15,160.00 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 563.00 8,535.08 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 438.00 6,640.08 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,295.00 19,632.20 n/a
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/05/2562
ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05
แก๊สโซฮอล์ 91 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78
แก๊สโซฮอล์ E20 26.04 26.04 26.44 26.44 26.44 26.04 26.04 26.44 26.04
แก๊สโซฮอล์ E85 20.69 20.69 20.69
เบนซิน 95 36.46 36.91 36.96 36.76 36.76
ดีเซล 27.69 27.69 27.69 27.69 27.69 27.69 27.69 27.69 27.69 27.69
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.29 31.56 31.75 31.75 31.75
แก๊ส NGV 15.94 15.94
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า